ครึ่งชั่วยามต่อมา ไอน้ำและละอองหมอกในห้องก็จางหายไป สีแดงเืในของเหลวที่เป็ตัวยาในถังไม้ขนาดใหญ่ก็จางหายไปด้วย กลายเป็น้ำขุ่นๆ ที่ไม่มีความร้อนใดๆ เซียวหลิงอวิ๋นที่อดทนเอาไว้ได้ผ่อนคลายร่างกายลง ร่างของเขาค่อยๆ เอนลงมาพิงกับขอบถังอย่างนุ่มนวล
หลังจากนั้นไม่นาน เซียวหลิงอวิ๋นซึ่งฟื้นแรงกำลังขึ้นมาได้เล็กน้อยก็มีสภาพเหมือนกับหมาป่าผู้หิวโหยที่ไม่สามารถล่าเหยื่อได้แม้แต่ตัวเดียวตลอด่ฤดูหนาว เขากินข้าวชามใหญ่ๆ ถึงสองชาม ดื่มยาดองเหล้าห้าสมบัติราคาขวดละห้าเหรียญทองที่เตรียมเอาไว้บนโต๊ะจนหมดเกลี้ยง
เนื่องจากต้องเสริมแกร่งร่างกาย จึงควรกินดื่มในปริมาณมาก ทำแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาสามครั้ง!
่สามวันมานี้เขาได้เสริมแกร่งร่างกายมาแล้วสามหน ทำให้ร่างของเซียวหลิงอวิ๋นเปล่งสีทองสำริดจางๆ แวววาว นักยุทธ์หลายคนต้องใช้เวลาหลายเดือนหรืออาจใช้เวลาหนึ่งถึงสองปีเพื่อฝึกฝนให้มาถึงขั้นต้นของ [กายค้อนสำริด] นี้ แต่ตัวเขาใช้เวลาเพียงสามวันเท่านั้น ด้วยการอาศัยยาบำรุงหยกไหมโลหิต ดื่มสามครั้งก็มาถึงขั้นต้นได้แล้ว!
เมื่อฝึก [กายค้อนสำริด] จนสมบูรณ์ ผิวทั้งตัวก็จะแข็งราวกับสำริดเนื้อดี ร่างกายแข็งแกร่งขึ้นอีกห้าส่วน! ทำให้ทนทานต่อการฟาดฟันด้วยดาบของนักยุทธ์ระดับเจ็ดได้!
่สามวันที่ผ่านมา ระหว่างที่กำลังเสริมแกร่งร่างกายอยู่นี้ เซียวหลิงอวิ๋นยังอ่านตำราวิชาหมัดและฝ่ามือที่ขโมยมาจากจ้าวซานเต๋อและไช่ิไปด้วย! ถึงแม้ตัวเขาจะมีวิชาพลังิญญาระดับสูง หรือแม้กระทั่งศาสตร์ลับิญญาต่างๆ กระทั่งวิชาระดับเทพมากมายนับไม่ถ้วนในหัว แต่ก็ยังขาดวรยุทธ์ระดับต่ำที่เหมาะสมกับร่างกายนี้อยู่ดี!
ถึงเซียวหลิงอวิ๋นจะมีวิธีการปรับเปลี่ยนจากบุคคลไร้ประโยชน์ให้กลายเป็เทพอยู่ก็ตาม แต่ก่อนอื่นเขาจะต้องทำการวิเคราะห์ [ฝ่ามือบุปผาโรย] ที่เป็วรยุทธ์ระดับทั่วไปขั้นสูง และหมัดซ้อนคลื่นเสียก่อน ถึงเขาจะรู้เพียงหกขั้นแรก แต่จากประสบการณ์ในการต่อสู้ครั้งแรกกับจ้าวซานเต๋อ ทำให้เขามีโอกาสคัดลอกเคล็ดลับการออกหมัดหกขั้นแรกเป็การส่วนตัวมา! ด้วยวิสัยทัศน์และประสบการณ์อันยาวนานของเซียวหลิงอวิ๋น เขาสามารถวิเคราะห์วิชาหมัดซ้อนคลื่นได้ภายในเวลาไม่ถึงสองชั่วยาม ก่อนจะทำการย่อวิชาหมัดซ้อนคลื่นอันโด่งดังของตระกูลจ้าวให้กลายเป็วิชาหมัดใหม่ที่มีเพียงสาม กระบวนท่า!
เซียวหลิงอวิ๋นตั้งชื่อวิชาหมัดนี้ว่า [หมัดเกลียวสายฟ้า] ทั้งสามกระบวนท่านี้ก็ล้วนแต่เป็การโจมตีขั้นรุนแรง!
กระบวนท่าแรก: ฟ้าคำรณ! กระบวนท่าที่ 2: ค้อนสายฟ้าคู่! กระบวนท่าที่ 3: หมัดเกลียวสายฟ้า!
ด้วยวิชาที่มีแต่เดิมอย่างหมัดพยัคฆ์เมฆา] ผนวกกับวิชาฝ่ามือบุปผาโรย และหมัดเกลียวสายฟ้าที่ได้มาใหม่ พร้อมด้วยวิชาดาบพื้นฐานฉบับขัดเกลาใหม่ วรยุทธ์ทั้งสี่นี้เรียกได้ว่าเป็การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้านวรยุทธ์ของเซียวหลิงอวิ๋นที่ยังอยู่ในระดับนักยุทธ์ ซึ่งทุกวรยุทธ์ที่อยู่ในของเขาล้วนถูกแก้ไขปรับเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด!
สมรรถภาพทางกายของเขาถูกเสริมแกร่งขึ้นอย่างมาก อีกทั้งวรยุทธ์และเพลงดาบก็ล้วนถูกปรับปรุงขึ้นด้วยเช่นกัน หากจะยังขาดอะไรไปก็คงจะเป็อาวุธชั้นดี! ดาบยาวที่ทางสำนักแจกจ่ายให้เหมาะแก่การฝึกฝนประจำวันเท่านั้น ยังห่างไกลจากการเป็อาวุธสังหารที่แท้จริงอยู่มาก
แต่ด้วยแต้มสำนักสามแต้ม และเหรียญทองอีกเกือบหนึ่งร้อย เหรียญก็น่าจะเพียงพอสำหรับซื้ออาวุธจากหอศาสตราวุธแล้ว!
หลังจากแต่งตัวเรียบร้อยเขาก็เปิดประตูออก พบร่างสตรีงามผู้หนึ่งปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเซียวหลิงอวิ๋น!
ว่านฮวน? นางคือ ‘คู่หมั้น’ ั้แ่อยู่ในท้องของอดีตเ้าของร่างนี้อย่างนั้นหรือ?
เมื่อมองดูใบหน้าที่งดงามและเย่อหยิ่งตรงหน้าแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของเซียวหลิงอวิ๋นก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ!
“ข้าได้ยินมาว่าเ้าสามารถเอาชนะจ้าวซานเต๋อและไช่ิได้เมื่อวันก่อน!” เสียงเ็าของว่านฮวนดังขึ้น!
“เช่นนั้นเ้าก็คงมาที่นี่เพื่อแสดงความยินดีกับข้าอย่างนั้นสินะ!” เซียวหลิงอวิ๋นกล่าวอย่างประชดประชัน!
“อย่าได้คิดว่าการเอาชนะไอ้ขยะสองคนนั้นได้ จะหมายความว่าเ้ามีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น” ใบหน้าที่สะสวยของว่านฮวนก็มืดดำลง น้ำเสียงของนางทั้งเ็าและแข็งกระด้างยิ่งกว่าเก่า “ช่างโง่เขลานักที่วางตัวจองหองทั้งที่ตนมีความสามารถเพียงเท่านี้ เ้าใช้เวลาสองปีถึงขึ้นมาสู่ระดับสี่ได้ ลองดูให้ทั่วสำนักแล้วจะรู้ว่าที่เ้าทำได้มันก็ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอยู่วันยังค่ำ เมื่อสามวันที่แล้วข้าเพิ่งจะบรรลุไปถึงระดับเจ็ดแล้ว ชั่วชีวิตนี้เ้าคงไม่มีทางตามข้าได้ทันเป็แน่ ระยะห่างระหว่างเรามีแต่จะกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ ข้าจึงส่งจดหมายกลับไปที่บ้านเพื่อยกเลิกการหมั้นของเราแล้ว และที่ข้ามาที่นี่ก็เพื่อมาบอกข่าวเื่นี้กับเ้า ฉะนั้นเพื่อความปลอดภัยของตัวเ้าเอง เ้าก็ควรส่งจดหมายกลับไปที่บ้านเช่นกัน ขอยกเลิกการหมั้นหมายเสีย!”
เพื่อความปลอดภัยของข้าเองกระนั้นหรือ?
เซียวหลิงอวิ๋นถอนหายใจด้วยความโล่งอก ระงับความโกรธเอาไว้ในใจ!
“ข้าจะเขียนจดหมายถึงบ้านแน่ ไม่ว่าเ้าจะมาบอกข้าหรือไม่ก็ตาม ข้าจะยกเลิกการหมั้นหมายของเราอย่างแน่นอน” หลังจากหยุดไปชั่วขณะ เซียวหลิงอวิ๋นก็จ้องไปที่อีกฝ่าย แล้วเอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำ "เพราะข้าเองก็้าเลือกคู่ด้วยตัวข้าเอง และเ้าก็ไม่ใช่คนที่ข้ารักั้แ่แรก”
“เ้า... ดี ดี ดี การที่เ้าพูดเช่นนี้ออกมา ทำให้ข้าประทับใจจริงๆ!” เห็นได้ชัดว่าว่านฮวนโกรธจัด แต่นางก็ยังสงบสติอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว ยื่นยาขวดเล็กมาให้ “ยาปราณโลหิตนี้ข้าให้เ้า เป็ของตอบแทนเล็กน้อยจากข้า!"
ยาปราณโลหิต เป็ยาวิเศษชนิดหนึ่งที่นักยุทธ์ระดับเจ็ดใช้เพื่อเสริมพลังปราณและเื
“ยานี่ไม่จำเป็ ข้ามียามากพอกับความ้าอยู่แล้ว!” เซียวหลิงอวิ๋นปฏิเสธทันทีโดยไม่แม้แต่จะเหลือบมองขวดยาด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่ยาปราณโลหิตนี้มีประโยชน์ไม่มากนักต่อร่างกายที่ได้รับการเสริมแกร่งจากยาหยกไหมโลหิตถึงสามรอบแล้วเลย ต่อให้มีประโยชน์มากกว่านั้น เขาก็ไม่สนใจที่จะดื่มยานั่นอยู่ดี! โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็ยาที่มาจากนังเด็กว่านฮวนนั่น!
ข้าคงไม่มีทางตามเ้าได้ทันตลอดชีวิต หากพวกเราอยู่ในสถานะที่ต้องบำเพ็ญคู่ แต่ข้าจะไม่ไล่ตามเ้าอย่างแน่นอน เพราะจะเป็เ้าต่างหากที่ไม่มีทางไล่ตามข้าทัน มีพลังแค่นักยุทธ์ระดับเจ็ด เป็เพียงมดปลวกกลับกล้ามาะโใส่หน้าข้า ฮ่าๆ คอยดูแล้วกัน! ข้าจะทำให้เ้าต้องเสียใจไปตลอดชีวิต
...
เซียวหลิงอวิ๋นเดินทางอย่างรวดเร็วไปยังหอศาสตราวุธ!
ทันใดนั้นเองเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น "ศิษย์พี่อวิ๋น!"
เ้าอ้วน!
“ว่าอย่างไร เสี่ยวปิง!” เซียวหลิงอวิ๋นยกมือทักทาย!
“ศิษย์พี่อวิ๋น ข้าได้ยินมาว่าจ้าวซานเต๋อกับไช่ิไม่เพียงแต่จะถูกท่านเล่นงานเมื่อวันก่อน แต่พวกเขายังต้องเสียเหรียญทองถึงหนึ่งร้อยเหรียญให้กับศิษย์พี่อีกด้วย! ข้ารู้สึกโล่งใจจริงๆ!” พานเสี่ยวปิงจับไหล่ของเซียวหลิงอวิ๋น มองดูศิษย์พี่ของเขาด้วยความภูมิใจ
“หอศาสตราวุธงั้นหรือ พี่อวิ๋น ท่านไม่ได้คิดจะไปลานฝึกวิชาเสือดาวหรอกรึ? วันนี้เป็วันที่เหล่าศิษย์จะต้องไปรวมตัวกันที่นั่นเพื่อเข้าเรียนนะ ดูสิ ทุกคนบนถนนเส้นนี้ต่างก็รีบเร่งไปยังลานฝึกวิชาตามสายของตัวเองทั้งนั้น หอศาสตราวุธเอาไว้ค่อยไปทีหลังก็ได้ พวกเรารีบไปที่ลานฝึกวิชาเสือดาวกันก่อนเถอะขอรับ หากศิษย์คนไหนไม่ไปที่ลานฝึกวิชาละก็ อืม...” เด็กชายอ้วนตัวสั่นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด จะต้องนึกถึงอะไรที่ไม่ดีอยู่แน่ๆ!
ที่ลานฝึกวิชา จะมีการเรียนรวมอย่างนั้นหรือ? เซียวหลิงอวิ๋นเกาหัวยิ้มๆ หากพานเสี่ยวปิงไม่เตือน เขาก็คงจะลืมเื่นี้ไปแล้ว!
ในสำนักิญญาเมฆาแห่งนี้ อาจารย์ทุกคนจะจัดชั้นเรียนเพียงสามวันต่อเดือน นั่นคือวันที่หนึ่ง วันที่สิบ และวันที่ยี่สิบของแต่ละเดือน! ซึ่งใน่เวลาอื่นๆ เหล่าศิษย์จะสามารถฝึกฝนด้วยตนเองได้อย่างอิสระ! และวันนี้ก็ตรงกับวันที่ยี่สิบเดือนสิบเอ็ดพอดี
อาจารย์ในสำนักิญญาเมฆานี้จะแบ่งศิษย์ออกเป็สามกลุ่มใหญ่ๆ ตามระดับของศิษย์แต่ละคน ศิษย์ที่เป็นักยุทธ์ระดับหนึ่งถึงสามทั้งหมดจะได้รับการสอน โดยอาจารย์ผู้สอนจะเป็นักยุทธ์ระดับเจ็ด ส่วนศิษย์ที่เป็นักยุทธ์ระดับสี่ถึงหกส่วนใหญ่จะถูกสอนโดยอาจารย์ที่เป็นักยุทธ์ระดับแปดและนักยุทธ์ระดับ 9
ส่วนศิษย์ที่ไปถึงขั้นนักยุทธ์ระดับเจ็ดถึงเก้าแล้วจะได้รับการสอนโดยผู้ใช้พลังิญญา! ส่วนปรมาจารย์ิญญานั้น ทั่วทั้งสำนักิญญาเมฆาแล้วมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในหมู่ศิษย์ของสำนัก ก็คือชื่อถิงเทียนที่เป็เ้าสำนักิญญา ผู้ซึ่งว่ากันว่าเป็ปรมาจารย์ิญญาระดับสามที่ทรงพลัง!
สำนักิญญาเมฆามีขนาดใหญ่โตมาก พื้นที่ทั้งหมดของสำนักจะถูกแบ่งออกเป็ห้าส่วน ได้แก่เขตตะวันออก, เขตตะวันตก, เขตใต้, เขตเหนือ และเขตกลาง!
ในแต่ละพื้นที่จะมีศิษย์อยู่เป็จำนวนหลายหมื่นคน!
นอกจากเ้าสำนักชื่อถิงเทียนที่เป็ผู้ดูแลทั่วทั้งสำนักแล้ว ยังมีหัวหน้าเขตอีกห้าท่านประจำอยู่ทั้งห้าเขต คอยดูแลศิษย์ในเขตรับผิดชอบต่างๆ อีกที!
เซียวหลิงอวิ๋น พานเสี่ยวปิง ว่านฮวน รวมถึงจ้าวิเจี้ยน จ้าวซานเต๋อ และไช่ิ ล้วนแต่อยู่ในเขตใต้!
ไม่ว่าจะอยู่ในเขตใด จำนวนศิษย์ที่เป็นักยุทธ์ระดับสี่ถึงหกนั้นมีเป็จำนวนมากที่สุด!
และในเขตใต้ของสำนักก็มีศิษย์จำนวนเจ็ดพันกว่ารายที่อยู่ในระดับนี้!
“อะไรนะ… เหตุใดเ้าหมอนั่นถึงมาอยู่ที่นี่ได้?” ดวงตาของไช่ิแทบจะถลนออกจากเบ้า เมื่อเห็นเซียวหลิงอวิ๋นถูกพานเสี่ยวปิงเดินคล้องแขนลากพามา!
“นักยุทธ์ระดับสี่งั้นหรือ?” จ้าวซานเต๋อที่อยู่ข้างๆ ก็มีสีหน้าดำมืดไม่ต่างกัน มองไปที่เซียวหลิงอวิ๋น หวังจะขย้ำเนื้อของอีกฝ่ายให้ได้!
“ดูนั่นสิ นั่นมันเซียวหลิงอวิ๋นไม่ใช่หรือ? ในที่สุดเ้าหมอนั่นก็ขจัดฉายา 'ไอ้ขยะชั้นสองชั้นสาม' ออกไปได้ และก้าวเข้าสู่นักยุทธ์ระดับสี่ภายในสิ้นปีนี้!” รูปร่างของเด็กอ้วนนั้นโดดเด่นอย่างยิ่ง ทำให้เซียวหลิงอวิ๋นที่อยู่ข้างๆ เขาพลอยโดดเด่นตามไปด้วย ดึงดูดความสนใจของศิษย์คนหนึ่งเข้า!
“ข้าได้ยินมาว่าเซียวหลิงอวิ๋นสามารถเอาชนะไช่ิกับจ้าวซานเต๋อต่อหน้าผู้คนในเมืองได้เมื่อไม่วันก่อน ไม่แปลกที่เขาจะขจัดฉายาของเขาในฐานะ 'ไอ้ขยะชั้นสองชั้นสาม' ออกไปได้!
“จริงหรือ? จ้าวซานเต๋อเป็ถึงนักยุทธ์ระดับสี่ขั้นสูงสุดเชียวนะ จะพ่ายแพ้ให้กับผู้ที่เพิ่งขึ้นเป็นักยุทธ์ระดับสี่จริงๆ หรือ?” ศิษย์อีกคนที่อยู่ข้างๆ ไม่เคยได้ยินเื่นี้มาก่อนจึงเกิดความสงสัย!
“จริงแท้แน่นอน วันนั้นมีคนหลายร้อยคนเห็นเซียวหลิงอวิ๋นเอาชนะจ้าวซานเต๋อกับไช่ิ!”
“เช่นนั้นรึ? หรือแท้จริงแล้วไช่ิกับจ้าวซานเต๋อไร้ความสามารถ ถึงได้พ่ายแพ้ให้กับศิษย์ที่เพิ่งขึ้นสู่ระดับสี่! ฮ่าฮ่า กล้าเรียกคนอื่นว่าขยะ แต่กลับกลายเป็ว่าตนเป็ขยะเสียเอง!"
...
เสียงพูดคุยนี้ก็ดังจนไปเข้าหูของจ้าวซานเต๋อกับไช่ิ ทำให้ใบหูของพวกเขารู้สึกร้อนผ่าวด้วยความอับอาย ไช่ิะโเสียงดังพร้อมกับใบหน้าที่แดงก่ำ! “ทะ... ท่านอาจารย์ ไม่ใช่ว่าผู้มาใหม่จะต้องผ่านการทดสอบเพื่อพิสูจน์ระดับพลังยุทธ์ของเ้าตัวเสียก่อน จึงจะสามารถเข้าสู่ลานฝึกวิชาเสือดาวเพื่อเข้าเรียนได้หรอกหรือขอรับ?”
ลานฝึกวิชาเสือดาวแห่งนี้ เป็ลานฝึกวิชาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเขตใต้ อีกทั้งวันนี้ยังเป็ชั้นเรียนรวมครั้งสุดท้ายของเดือน ทำให้มีอาจารย์มากกว่าสามสิบท่านมาถึงลานประลองก่อนเวลา!
เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้ว อาจารย์ที่มีร่างกายกำยำก็ยกมือขึ้นและกล่าว "เซียวหลิงอวิ๋น มานี่หน่อยซิ!"
เซียวหลิงอวิ๋นจึงวิ่งออกไปและทำท่าคารวะ "คารวะท่านอาจารย์จ้าว!"
ชายร่างกำยำคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากจ้าวฉางกงที่ไป ‘ช่วย’ เขาจากูเาด้านหลังตามคำขอของพานเสี่ยวปิง! ว่ากันว่าตัวเขาค่อนข้างสนิทกับผู้าุโจ้าวเหวินจัวแห่งหอยาวิเศษด้วย!
ในความคิดของเซียวหลิงอวิ๋นแล้ว ในบรรดาอาจารย์และผู้าุโของสำนักิญญาเมฆาทั้งหมด คนในตระกูลจ้าวทั้งสองนี้มีความสัมพันธ์สนิทสนมใกล้ชิดกับเขามากที่สุดอย่างเห็นได้ชัด! ทว่าสิ่งต่างๆ ล้วนไม่อาจคาดเดาได้ จ้าวิเจี้ยนและจ้าวซานเต๋อที่มีความเกลียดชังอย่างสุดซึ้งกับตัวเขาเองก็มีแซ่จ้าวเช่นกัน แน่นอนว่าเซียวหลิงอวิ๋นก็รู้ดี คนแซ่จ้าวทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้า และคนแซ่จ้าวทั้งสองคนที่อยู่ข้างหลัง แม้จะมีชื่อแซ่เดียวกัน แต่พวกเขาย่อมไม่ใช่พวกเดียวกัน!
เมื่อเห็นจ้าวฉางกงเรียกเซียวหลิงอวิ๋นมาทำการทดสอบแล้ว เหล่าศิษย์ต่างก็พากันกระซิบกระซาบ อย่างไรเสียเซียวหลิงอวิ๋นซึ่งเป็ 'ไอ้ขยะชั้นสองชั้นสาม' ก็ค่อนข้างเป็ที่โด่งดังในเขตใต้!
“ข้าสงสัยเสียจริงว่าเ้าหมอนั่นจะมีพลังมากพลังยุทธ์มากสักเพียงไหน?”
“นักยุทธ์ที่เพิ่งได้รับการเลื่อนชั้นมาเป็ระดับสี่ ส่วนใหญ่จะมีพลังยุทธ์ประมาณสี่ร้อยห้าสิบชั่งเท่านั้น แต่เซียวหลิงอวิ๋นสามารถเอาชนะจ้าวซานเต๋อได้ คิดว่าพลังยุทธ์ของเขาน่าจะเกินห้าร้อยชั่งไปแล้ว!”
“ห้าร้อยชั่งก็ถือว่ายอดเยี่ยมมากสำหรับนักยุทธ์ที่เพิ่งเลื่อนขึ้นมาเป็ระดับสี่! หากคนคนนั้นสามารถทะลุเกินห้าร้อยชั่งไปได้จริงๆ เขาคงจะกำจัดชื่อเสียงอันเสื่อมเสียแต่เดิมให้หายไปได้อย่างหมดจดเลย!”
ในขณะที่เหล่าศิษย์กำลังกระซิบกระซาบกันอยู่นั้น!
"เริ่มทดสอบได้ ปล่อยพลังออกมาให้เต็มที่!" จ้าวฉางกงพูดจาฉะฉานชัดเจนและรัดกุม!
อื้ม!
เซียวหลิงอวิ๋นพยักหน้า เดินไปที่เสาวัดพลังซึ่งติดตั้งเอาไว้ที่ลานฝึกวิชาเสือดาวตลอดทั้งปี เพื่อใช้ทดสอบความแข็งแกร่งในการปล่อยหมัดของเหล่าศิษย์ในสำนัก! เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้าก่อน แล้วปล่อยหมัดต่อยเสาวัดพลังเต็มแรงด้วยหมัดขวา!
[หมัดเกลียวสายฟ้า] กระบวนท่าแรก: ฟ้าคำรณ!
“เปรี้ยง”
เกิดแสงวูบวาบตามมาด้วยเสียงดังก้อง!
ชั่วขณะต่อมา!
ตัวเลขสีเงินขนาดเท่ากับศีรษะมนุษย์สว่างวาบขึ้นเป็สามตัวเลข ปรากฏอยู่เหนือเสาวัดพลัง: เจ็ดสองหก
เมื่อมองดูตัวเลขสีเงินทั้งสามที่ดูน่าตื่นเต้นนี้แล้ว ดวงตาของจ้าวซานเต๋อและไช่ิก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและไม่อยากเชื่อสายตา! ก่อนหน้านี้พวกเขาคิดตั้งคำถามถึงตัวตนของเซียวหลิงอวิ๋นในฐานะนักยุทธ์ระดับสี่ แต่ตัวเลขสีเงินตัวใหญ่ทั้งสามตัวในเวลานี้กลับกลายเป็การตบหน้าถึงสามครั้งเข้าที่ใบหน้าของทั้งคู่เต็มแรง!
ไม่เพียงเท่านั้น ทั่วทั้งลานประลองเสือดาวต่างก็เงียบงันไปชั่วขณะ
นักยุทธ์ระดับสี่ที่เพิ่งบรรลุขึ้นมา กลับมีพลังหมัดมากกว่าเจ็ดร้อยชั่ง สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของสำนักมิใช่หรือ?
หากคนอย่างเขายังถูกเรียกว่าขยะ เช่นนั้นอย่างน้อยๆ ประมาณเก้าในสิบส่วนของเหล่าศิษย์ในสำนักนี้ ก็คงเป็ขยะกันเสียทั้งสิ้น! และตัวพวกเขาก็เป็ขยะในหมู่ขยะด้วยซ้ำ!
