คมดาบเฉือนไหล่ของเวินซีไป ทำให้แขนเสื้อข้างนั้นห้อยพาดอยู่ที่แขน นางคิดว่าจะทำให้ต่อสู้ลำบากจึงดึงมันทิ้งลงพื้น
เผยให้เห็นแขนที่เรียวเล็กขาวเนียนในขณะนั้น
“เป็สตรีหรือ?” หลานเยว่เฉิงหยุดชะงักด้วยความประหลาดใจ
ทันใดนั้นเวินซีก็ฉวยโอกาสแทง แต่เขากลับป้องกันไว้ได้ นางโยนดาบทิ้งไป พลันปักเข็มเงินบนร่างกายของเขา
แววตาของหลานเยว่เฉิงเยือกเย็นเมื่อรู้สึกได้ถึงความเ็ป เขาถอยออกไปด้านข้าง คิดจะดึงเข็มเงินออก แต่ก็วิงเวียนจนต้องปักดาบลงที่พื้น
เพื่อช่วยพยุงไม่ให้ตนเองเซจนล้มไป
เมื่อเห็นทหารลับล้มลงทีละคน เขาก็อดไม่ได้ที่จะเผยความชื่นชมในตัวคู่ต่อสู้ผ่านทางแววตา
เขากัดฟัน หยิบดาบแทงไปที่ขา เพื่อให้ความเ็ปที่แล่นเข้ามาทำให้ตนเองได้สติ ก่อนจะวิ่งกลับเข้าไปอีกครา
ยามนี้เวินซีใช้ผงพิษที่นำมาหมดแล้ว จึงทำได้เพียงปะทะกับเขาตรงๆ
นางก้มลงหยิบดาบบนพื้นอย่างรวดเร็ว นำขึ้นมาป้องกันการโจมตีของหลานเยว่เฉิง แต่ด้วยพละกำลังที่แตกต่างกันมาก นางจึงถูกดันให้ถอยหลังไปหลายก้าว
ขณะนั้นทหารลับที่มีดาบในมือใช้โอกาสนี้ปล่อยคมดาบใส่นาง
เวินซีหรี่ตาลง ถือดาบในมือมั่น แต่ในตอนที่นางกำลังจะสู้กลับ ทันใดนั้นก็มีมีดเล่มหนึ่งแทงทะลุออกมาจากอกของทหารลับ เืของเขากระเซ็นไปทั่วร่างของนาง
ในขณะที่นางกำลังใอยู่นั้น ทหารลับก็ค่อยๆ ล้มลงบนพื้น เผยให้เห็นจ้าวต้านที่อยู่ด้านหลัง
แววตาของเวินซีฉายความดีใจ ริมฝีปากเผยอออก นางกำลังจะพูด แต่มีดของจ้าวต้านกลับพุ่งใส่นางต่อ
เมื่อรู้สึกถึงความผิดปกติ นางก็ใช้แรงทั้งหมดโจมตีหลานเยว่เฉิงแล้วหลบออก มีดเล่มนั้นจึงปักลึกบนต้นไม้ที่อยู่ด้านหลังนาง
หลานเยว่เฉิงยืนนิ่งอยู่กับที่ งุนงงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้
ทั้งสองคนมิได้เป็พวกเดียวกันหรือ? เหตุใดถึงฆ่ากันเอง?
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้สติกลับมา จ้าวต้านก็ใช้มีดแทงด้วยความเร็ว เขายกดาบขึ้นมาป้องกัน จ้าวต้านเห็นดังนั้นจึงเก็บมีดกลับไปแล้วใช้ขาเตะไปที่เอวแทน หลานเยว่เฉิงกระเด็นออกไปไกลหลายเมตรจนชนต้นไม้เข้า
เขากระอักเืสดๆ ออกมา
เวินซีที่กำลังหลบหลีกมองเห็นภาพทั้งหมด นางตกตะลึงมาก
“เ้าทำอันใดกับเขา?” ยามนี้นางไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะรู้เข้าหรือไม่ นางแผดเสียงถามหลานเยว่เฉิง
“เ้าคือเวินซีจริงๆ จ้าวต้านคือต้านอวี้เสวียนจริงสินะ” หลานเยว่เฉิงแผ่รังสีความอันตรายออกมาจากร่าง
“ไม่ต้องสนว่าข้าคือผู้ใด ยามนี้จ้าวต้านมิได้สติ หากเราไม่ร่วมมือกัน พวกเราได้ตายอยู่ที่นี่แน่”
จ้าวต้านเป็เทพเ้าา เขาถูกแรงกระตุ้นของเนี่ยนหานกู่ให้ใช้วิทยายุทธและพลังทั้งหมดที่มีออกมา หากไม่มีผงพิษช่วยผ่อนแรง โอกาสที่เวินซีจะต่อกรกับเขาได้นั้นเป็ศูนย์
“ร่วมมือกันหรือ? ได้ ข้ามีข้อ...แม้”
ยังไม่ทันที่จะกล่าวจบ จ้าวต้านก็พุ่งเข้าหาหลานเยว่เฉิงอีกครา คำพูดของเขาจุกอยู่ในคอ ทำได้แต่พยายามบังคับร่างกายให้ลุกขึ้น เพื่อป้องกันการโจมตีครั้งที่สองของจ้าวต้าน
“บึ้ม—” ต้นไม้ที่อยู่ข้างหลังหลานเยว่เฉิงล้มลงด้วยแรงผลักอันมหาศาล เขากระอักเืออกมา
“ร่วมมือ เร็วเข้า มาช่วยข้าที” แขนของหลานเยว่เฉิงสั่นเทา เขารู้สึกถึงพลังที่เพิ่มมากขึ้นของจ้าวต้านจึงรีบเอ่ยปากอย่างร้อนรน
ในเวลานี้ไม่มีเื่ใดสำคัญไปกว่าการมีชีวิตรอดกลับไป
เวินซีเห็นสภาพเขาก็แสยะยิ้ม ก่อนจะหยิบดาบแทงไปที่จ้าวต้าน
จ้าวต้านถอยหลบ หลานเยว่เฉิงจึงได้มีเวลาหายใจและถอนหายใจโล่งอก เขามองดูจ้าวต้าน ความรู้สึกเสียใจที่ถูกเล่นงานจนกระทั่งจนมุมเมื่อครู่นี้หายวับไป
เนี่ยนหานกู่นั้นทรงพลังเกินกว่าที่เขาจินตนาการ เกรงว่าคืนนี้เขาจะกลับไปอย่างปลอดภัยมิได้แล้ว
“รับไว้” เวินซีโยนขวดยาให้
“นี่คืออันใด?” เขายกมือขึ้นรับมา
“ยาฟื้นฟูความแข็งแกร่ง อย่าลืมหยิบดาบบนพื้นล่ะ ข้าจะถ่วงเวลาไว้ก่อน”
เมื่อเห็นว่าจ้าวต้านกำลังเข้าใกล้มา เวินซีก็เข้าไปเตรียมรับมือ
นี่เป็ครั้งแรกที่ทั้งสองคนต่อสู้กันอย่างจริงจัง การเคลื่อนไหวของเขาคล่องแคล่วมาก วิทยายุทธทั้งหมดล้วนเป็ท่าไม้ตาย รุนแรงและไร้ความปรานีทุกท่วงท่า
เพราะว่าจะทำร้ายจ้าวต้านมิได้ เวินซีจึงต้องหลบหลีกอย่างยากลำบาก
หลานเยว่เฉิงที่ทานยาฟื้นฟูความแข็งแกร่งแล้ว ยืนถือดาบนิ่งอยู่กับที่ด้วยสายตาเ็า
“หลานเยว่เฉิง รีบมาช่วยข้า” เวินซีหันกลับไปมองเขา
เมื่อได้ยินชื่อของตน แววตาของเขาก็มืดลง “พวกเ้ารู้จักตัวตนของข้านานแล้วหรือ?”
“...” เวินซีเม้มริมฝีปาก โมโหจนไม่รู้จะเอ่ยคำใด
การร่วมมือของทั้งสองพังทลายลงก่อนที่จะเริ่มต้นด้วยซ้ำ
มีดในมือของจ้าวต้านราวกับรวมเป็หนึ่งเดียวกันกับร่างกาย เขาเข้ามาประชิดตัวและโจมตีไปที่ไหล่ของเวินซี จนนางล้มลงกับพื้นและกระอักเืออกมา
เงาของเขาทับลงบนร่างของนาง นางมองเขาอย่างระแวดระวัง
เวินซีคิดว่าเขาจะโจมตีต่อ แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะหันไปโจมตีอีกทิศทางหนึ่งแทน หลานเยว่เฉิงจึงจำเป็ต้องสู้กับเขา
ตอนนี้หลานเยว่เฉิงเริ่มฟื้นตัวแล้ว แม้การต่อสู้กับจ้าวต้านจะยากลำบาก แต่เขาก็พอจะถ่วงเวลาได้่หนึ่ง
เวินซีกลืนเม็ดยาลงไป แล้วยืนนิ่งมองจ้าวต้าน
ในเวลานี้เขาเป็ราวกับหุ่นเชิดที่รู้เพียงแต่การโจมตี ไม่รู้จักความเหน็ดเหนื่อยใดๆ
“ข้าจะรับมือไม่ไหวแล้ว” เสียงของหลานเยว่เฉิงดังขึ้น ในขณะที่เวินซียังคงคิดหาวิธีที่ตนจะสามารถควบคุมจ้าวต้านได้ นางจึงไม่ไหวติง และเพื่อที่จะไม่ให้หลานเยว่เฉิงเล่นตุกติก นางจำต้องรอให้เขาไม่สามารถขัดขืนได้ก่อน
หลังจากที่หลานเยว่เฉิงรับการโจมตีของจ้าวต้านได้ ก็หันกลับไปมองเวินซีเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่เมื่อเห็นนางยังคงยืนนิ่ง แววตาของเขาก็มืดลง เขาจึงล่อจ้าวต้านไปทางที่นางยืนอยู่
ในยามนี้หลานเยว่เฉิงได้ใช้แรงหมดไปแล้วกว่าครึ่ง ตอนที่เขาเพิ่งจะวิ่งออกมาก็ถูกแทงเข้า จากนั้นจ้าวต้านก็ใช้กำปั้นชกไปที่หน้าอกของเขาพลันถีบด้วยเท้า
เขาหมดแรงนอนลงกับพื้น ถือดาบชี้ไปที่จ้าวต้าน และหลับตาลงอย่างไม่รู้ตัว
โอกาสนี้ล่ะ
เวินซีกัดริมฝีปากจนแตก เมื่อรู้สึกถึงกลิ่นเืในปากก็ยกดาบไปกันดาบของจ้าวต้าน นางเคลื่อนตัวด้วยความเร็วเพื่อเข้าไปใกล้เขา
เข็มเงินที่เหลืออยู่เพียงเล่มเดียว ต้องใช้โอกาสนี้แทงเข้าไปในร่างของเขา ในขณะที่เขาอ่อนแรงเพียงเล็กน้อย เวินซีก็อาศัยจังหวะนี้เข้าไปจูบ
นางดันริมฝีปากของเขาให้เปิดออก ปล่อยให้เืที่ริมฝีปากของตนไหลเข้าไปในปากของเขา เมื่อรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่ค่อยๆ ไหลเข้าสู่ร่างกาย บุรุษที่บ้าคลั่งก็สงบลงชั่วครู่ เขาหยุดนิ่งด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
หลานเยว่เฉิงมองเห็นภาพที่บาดตาก็หยิบดาบขึ้นมาจากพื้น เขาคิดจะลุกขึ้นมาแต่าเ็สาหัสเกินไป จึงทำได้เพียงมองดูพวกเขาด้วยตาปริบๆ
เนี่ยนหานกู่ถูกระงับไว้ได้อีกครา จ้าวต้านหลับตาและล้มลง เวินซีเอื้อมมือไปรับเขาไว้ให้นอนลงบนพื้น
จากนั้นก็วางมือบนชีพจรของเขา
ทุกครั้งที่เนี่ยนหานกู่แผลงฤทธิ์จะเป็การผลาญชีวิตไปด้วย ยามนี้ร่างกายของเขาย่ำแย่ลงกว่าเดิมนัก
ตอนนี้ไม่มีเข็มเงินหรือยา เวินซีจึงหยิบยาฟื้นฟูความแข็งแกร่งออกมาให้เขาแล้วให้เขานอนลงบนพื้น จากนั้นหยิบดาบขึ้นมาพลันเดินไปหาหลานเยว่เฉิงด้วยความเยือกเย็น
“จะทำอะไร? จะฆ่าข้าหรือ?” หลานเยว่เฉิงยิ้มเ้าเล่ห์
“ไม่ฆ่าหรอก แต่ก็ปล่อยเ้าไปมิได้เช่นกัน จะทำอันใดกับเ้านั้นต้องรอให้จ้าวต้านฟื้นก่อนล่ะนะ” เวินซีใช้โอกาสตอนที่เขาขัดขืนมิได้ โปรยผงกระดูกอ่อนใส่
เื่ในวันนี้เขาได้เห็นทุกอย่างแล้ว และรู้ตัวตนของจ้าวต้านเช่นกัน จะปล่อยเขาไปเช่นนี้มิได้ หากทำให้เขาเชื่อฟังมิได้ ก็ทำได้เพียง...ฆ่า
เมื่อคิดได้เช่นนั้น แววตาที่เวินซีมองเขาก็จริงจังยิ่งขึ้น
ฟ้าสว่างแล้ว จะอยู่ที่นี่ต่อไปมิได้ เมื่อนางกลับไปถึงในเมืองก็ติดต่อคนของจ้าวต้านมาจัดการศพในป่า เสร็จแล้วก็ขึ้นรถม้าพาทั้งสองกลับร้านเครื่องหอมไป
ไม่รู้ว่าหลานเยว่เฉิงคิดสิ่งใดอยู่ เขาเงียบมาตลอดทาง ไม่มีท่าทีดิ้นรนใดๆ แต่ถึงกระนั้นก็ยิ่งทำให้นางระมัดระวังตัวมากยิ่งขึ้น
หลังจากที่นำตัวเขาไปขังในโรงเก็บฟืนแล้ว นางก็พยุงจ้าวต้านกลับห้องไปทันที เพราะยังต้องจัดการกับหนอนกู่ที่อยู่ภายในร่าง