ตอนที่มองเห็นัเพลิงตัวนั้น เนี่ยเทียนใจกระตุกวาบ เริ่มเดาได้รำไรว่าเหตุใดงูเหลือมน้ำแข็งั์ถึงได้หมายหัวเขา
เขาเดาเองว่า บนร่างของเขาน่าจะมีปราณของัเพลิงอยู่นิดหน่อย
กระดูกสัตว์ชิ้นนั้นของเขาเป็กระดูกของัเพลิงตัวหนึ่ง...
คราวนี้แม้ว่าเขาจะไม่ได้เอากระดูกสัตว์เข้ามาในโลกมายามรกตด้วย ทว่าก่อนหน้านี้เขาได้ใช้พลังจิตตระหนักรู้ในความมหัศจรรย์ของกระดูกสัตว์ครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งจิติญญายังได้เข้าไปอยู่ในเืหยดนั้นของกระดูกสัตว์ และได้เหยียบย่างเข้าไปในฟ้าดินแห่งเปลวไฟลึกลับแห่งหนึ่ง
ลูบคลำกระดูกสัตว์ทุกวัน ใช้จิติญญาสืบหาความมหัศจรรย์ของกระดูกสัตว์ อาจทำให้เขามีปราณของัเพลิงติดตัวมา
เขายังถึงกระทั่งเข้าใจไปด้วยว่าที่พลังจิตของเขาแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ อาจจะเกี่ยวข้องกับการที่เขาบรรลุจากกระดูกสัตว์ และจิติญญาได้เข้าไปยังพื้นที่ลึกลับเปลวเพลิงนั่น
หลายวันก่อน เนื่องจากเป็กังวลว่าคนของสำนักภูตผีและสำนักโลหิตจะกลับมาสังหารอีกครั้ง เขาจึงมักจะปล่อยจิตสำนึกออกไปัักับการเคลื่อนไหวรอบด้านเป็ประจำ
เป็ไปได้มากว่างูเหลือมน้ำแข็งั์อาจััปราณัเพลิงได้จากกระแสจิตที่เขาแผ่ออกไปรอบด้าน
เนี่ยเทียนที่พอจะเดาได้ถึงจุดประสงค์ของงูเหลือมน้ำแข็งั์เดินออกจากบ่อหินทรงพระจันทร์เสี้ยวมายังตำหนักหินที่กว้างขวางสุดประมาณการได้
เขาเดินมาหยุดอยู่ใต้เสาหินที่มีัเพลิงเลื้อยพันอยู่ ประเมินมองไปรอบด้านอย่างจริงจัง เดินเข้าไปดูเสาหินมากมายที่อยู่ใกล้เคียง
เขาสังเกตเห็นว่าัแต่ละตัวที่ล้อมวนอยู่บนเสาหินสิบสองต้นนั้นเป็คนละประเภทกันอย่างเห็นได้ชัด
บนเสาหกต้นในบรรดาเสาทั้งหมดคือัเพลิงที่มีเปลวไฟพวยพุ่ง
ส่วน้าเสาอีกหกต้นคือัหลายตัวที่ราวกับมีชีวิตชีวาจริง เกล็ดสีเงินที่อยู่บนเรือนกายของมันเมื่อมองอย่างละเอียดจะเห็นได้ชัดว่าเหมือนกับเกร็ดบนร่างของงูเหลือมน้ำแข็งั์ราวกับแกะ
“ัน้ำแข็งรึ?”
ลูบคลำปลายคาง เขายืนเหม่อเล็กน้อย นึกถึงคำพูดของพันเทา
ตามที่พันเทาเล่าให้ฟัง งูเหลือมน้ำแข็งั์คือสัตว์ต่างเผ่าพันธุ์ยุคดึกดำบรรพ์ ในร่างของงูเหลือมน้ำแข็งั์บางตัวอาจจะมีสายเืเบาบางของัน้ำแข็งั์อยู่
งูเหลือมน้ำแข็งั์หนึ่งตัว ขอแค่ในร่างมีสายเืของัน้ำแข็งั์ ไม่ว่าสายเืนั้นจะเบาบางมากแค่ไหน วันหน้ามันก็สามารถถูกปลุกสายเืขึ้นมาได้ จากนั้นก็แปรสภาพมาเป็ัน้ำแข็งั์ได้อยู่ดี
และัน้ำแข็งั์ก็เหมือนัเพลิงั์ ต่างก็เล่าลือกันว่าเป็ัั์ประเภทหนึ่งที่แข็งแกร่งที่สุดในยุคดึกดำบรรพ์!
“บนร่างข้ามีปราณัเพลิง งูเหลือมน้ำแข็งั์ตัวนี้... น่าจะมีสายเืของัน้ำแข็งอยู่ อีกทั้งหลังจากที่มันเลื่อนขั้นเป็สัตว์วิเศษระดับสามก็น่าจะค่อยๆ ปลุกสายเืขึ้นมา”
“มันเรียกข้ามาที่นี่คง้าใช้ปราณัเพลิงที่อยู่บนร่างข้ามาช่วยมันทำอะไรบางอย่าง”
“มิฉะนั้นมันก็คงฆ่าข้าไปนานแล้ว ไม่มีทางเปลืองแรงมากมายขนาดนั้นเพื่อพาข้ามาที่นี่”
ในใจแอบครุ่นคิด เนี่ยเทียนประเมินสภาพแวดล้อมรอบด้านต่อไปเพื่อแสวงหาคำตอบที่้า
ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่าระหว่างเสาหินทั้งสิบสองต้น มีแท่นบูชาทรงสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนอยู่แท่นหนึ่ง
แท่นทรงสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนนั้นคล้ายก่อตัวขึ้นมาจากก้อนหินชนิดหนึ่งที่มีสีน้ำตาลแก่ บนแท่นบูชามีแอ่งเว้าอยู่มากมาย ในแอ่งเว้านั้นจัดวางเต็มไปด้วยกระดูกสัตว์โปร่งใส
กระดูกสัตว์เ่าั้ส่งประกายแสงระยิบระยับอยู่ในตำหนักหินที่มืดสลัว
เห็นได้ชัดว่ากระดูกสัตว์เ่าั้แตกต่างไปจากกระดูกสัตว์ที่เนี่ยเทียนเคยเห็นมาก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
เขารู้ดีว่ามีเพียงกระดูกของสัตว์วิเศษระดับสูงเท่านั้นที่จะเปี่ยมล้นไปด้วยพลังงานสูงสุดได้ จึงจะโปร่งใสดุจหยก ทั้งยังเปล่งแสงออกมาอย่างต่อเนื่อง
กระดูกสัตว์ที่สามารถเปล่งแสงได้ ด้านในต้องมีพลังงานเชี่ยวกรากซึ่งมีประโยชน์มากมายมหาศาล
แอ่งเว้าจำนวนนับไม่ถ้วนในแท่นบูชาทรงสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ถูกจัดแยกด้วยวิธีการที่พิเศษบางอย่าง กระดูกสัตว์ที่อยู่ในแอ่งเว้าทุกจุดล้วนเปล่งประกายหลากหลายสีสันออกมา
แสงสว่างนั้นหมายความว่าด้านในกระดูกสัตว์ล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงาน
“เสาหินสิบสองต้น แท่นบูชาที่อยู่ระหว่างเสาหิน ใช้กระดูกสัตว์ที่เปี่ยมไปด้วยพลังงานมาเป็วัตถุเติมเต็ม...”
“นี่ก็คือค่ายนำส่งของมิติแห่งหนึ่ง!”
เนี่ยเทียนประจักษ์แจ้งในบัดดล รู้ว่าแท่นบูชาสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนแห่งนั้น เห็นได้ชัดว่าคือค่ายกลนำส่งของมิติที่มหัศจรรย์แห่งหนึ่ง
เสาหินสิบสองต้น ัเพลิงและัน้ำแข็งที่สลักไว้บนเสาหิน แท่นบูชา กระดูกสัตว์ที่เปี่ยมล้นไปด้วยพลังงาน ล้วนเป็ส่วนประกอบของค่ายกลนำส่งของมิติแห่งหนึ่ง!
นาทีถัดมา เขาก็เดาออกถึงจุดประสงค์ของงูเหลือมน้ำแข็งั์---มัน้าอาศัยค่ายกลนำส่งแห่งมิติเพื่อออกไปจากโลกมายามรกต
“ใช่แล้วๆ สัตว์วิเศษที่แข็งแกร่งทุกตัวของโลกมายามรกตล้วนถูกสี่สำนักร่วมมือกันสังหารจนเกลี้ยง และปราณิญญาฟ้าดินในโลกมายามรกตก็เริ่มแห้งขอดลงเรื่อยๆ ไม่เหมาะให้สิ่งมีชีวิตใดๆ ฝึกบำเพ็ญตบะในระยะยาวได้อีกแล้ว”
“งูเหลือมน้ำแข็งั์น่าจะรู้ว่าที่มันยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้นั้นเป็เพราะเจตนาของสี่สำนัก”
“ใช้ชีวิตรอความตายอยู่ในโลกมายามรกต ไม่เพียงแต่ไม่สามารถมีวิวัฒนาการต่อไปได้ ทั้งยังอาจถูกผู้ประลองที่สี่สำนักส่งมาสังหารได้ทุกเมื่อ นี่จึงเป็ทางตันทางหนึ่งของพวกมันแล้ว”
“เมื่อรู้อยู่แก่ใจว่าเป็ทางตัน มันย่อมไม่ยินดีอยู่ต่อในโลกมายามรกต ดังนั้นจึงคิดจะออกไปจากที่นี่”
“ค่ายกลนำส่งแห่งมิติที่ซุกซ่อนอยู่ในทะเลทรายร้างแห่งนี้ก็คือกุญแจสำคัญที่มันจะใช้ออกไป มันเรียกข้ามาที่นี่ก็คงเพราะ้าให้ข้าช่วยมัน”
“มิฉะนั้นมันคงออกจากโลกมายามรกตไปยังสถานที่อื่นที่เหมาะสำหรับการวิวัฒนาการของมันไปนานแล้ว”
ความคิดมากมายเป็ทอดๆ ลอยผ่านสมองของเนี่ยเทียนอย่างว่องไว เขาที่คลำมาถูกทิศทาง ยิ่งคิดจึงยิ่งประจักษ์แจ้ง
“ฟ่อๆ!”
และเวลานี้เอง งูเหลือมน้ำแข็งั์ตัวนั้นก็แลบลิ้นออกมา ปากพ่นเอาหมอกน้ำแข็งโปร่งใสเย็นเยียบออกมาหลายเส้น
หมอกน้ำแข็งทั้งหมดหกเส้นกระเด็นไปโดนัน้ำแข็งหกตัวที่เลื้อยพันรอบเสาหิน เสาหินทั้งหกพลันจับตัวเป็ก้อนน้ำแข็ง โปร่งแสงราวกับหยกหิมะทันที
ัน้ำแข็งที่อยู่บนเสาน้ำแข็งหลังจากััโดนหมอกเย็นเหยียบเ่าั้ก็คล้ายถูกกระตุ้นให้มีชีวิต
ปราณเย็นะเืระลอกแล้วระลอกเล่าส่งมาจากเสาน้ำแข็งทั้งหกต้น ทำให้เนี่ยเทียนซึ่งอยู่ใกล้รู้สึกราวกับตกลงไปอยู่ในอุโมงค์น้ำแข็ง ฟันกระทบกันกึกๆ
เขาััได้ว่าอุณหภูมิในตำหนักหินกำลังลดลงฮวบฮาบด้วยวิธีการที่น่าหวาดกลัวอย่างหนึ่ง!
กระดูก กระแสเื หรือแม้แต่ความคิดของเขาต่างก็ได้รับผลกระทบทั้งหมด
เขาหันขวับไปมองงูเหลือมน้ำแข็งั์ด้วยความตะลึงพรึงเพริด
มาถึงเวลานี้สิ่งที่เขามองเห็นจากดวงตาของงูเหลือมน้ำแข็งั์ มีเพียงความเหี้ยมโหด!
ราวกับว่า หากเขาไม่คิดหาวิธี เขาก็จะได้รับผลกระทบจากกระแสความเย็นสุดขั้วในตำหนักหินแห่งนี้จนกลายมาเป็รูปสลักน้ำแข็งที่ไม่สามารถฟื้นตื่นได้อีกตลอดกาล
“มันกำลังบีบข้า!”
เนี่ยเทียนตระหนักรู้ได้ในพริบตา รู้ว่างูเหลือมน้ำแข็งั์กำลังใช้วิธีการที่เป็เอกลักษณ์บีบให้เขาต้องออกแรง
สิ่งเดียวที่สามารถต้านทานกระแสความเย็นสะท้านนี้ได้มีเพียงเปลวเพลิงร้อนแรงเท่านั้น หากไม่เผยเปลวเพลิงแผดเผาออกมา เขาก็ต้องแข็งตายอย่างรวดเร็ว!
เขาพลันหันไปมองเสาหินที่อยู่ข้างกายนั้น
เขาตระหนักได้ว่ามีเพียงเขากระตุ้นให้ัเพลิงบนเสาหินปลดปล่อยเปลวเพลิงโหมซัดสาดออกมาเท่านั้น เขาถึงจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
จากการที่ไอความเย็นในตำหนักหินยิ่งเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ ความสามารถในการคิดของเขาก็คล้ายจะยิ่งได้รับผลกระทบมากขึ้น
หากเขาไม่คิดหาวิธีโดยไว บางที ใน่ระยะเวลาสั้นๆ เขาก็อาจจะทำไม่ได้แม้กระทั่งครุ่นคิด
เขาพลันตบผลัวะลงไปบนเสาหินต้นหนึ่ง!
กระแสจิตที่ฝึกอย่างยากลำบากใน่ที่ผ่านมา พุ่งกรากดุจสายน้ำไปยังเสาหินที่มีัเพลิงเลื้อยพันอย่างบ้าคลั่ง
วินาทีที่กระแสจิตไหลรวมเข้ากับเสาหินนั้น เขาก็มองเห็นอย่างฉับพลันว่าัเพลิงที่อยู่บนเสาหิน มีเปลวเพลิงสีชาดเป็กลุ่มก้อนปรากฏออกมา
วินาถัดมา เปลวเพลิงร้อนแรงที่ไหลปะทุนั้นก็ได้ะเิออกจากร่างของัเพลิงที่ถูกสลักเป็รูปปั้น!
“ตู้ม!”
ตลอดทั้งเสาหินพลันมีเปลวเพลิงร้อนระอุพวยพุ่งออกมา เปลวเพลิงเ่าั้บ้าคลั่งดุดันอย่างหาที่เปรียบมิได้ ทำให้อุณหภูมิในตำหนักพุ่งขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว
ห่างออกไปไม่ไกล งูเหลือมน้ำแข็งั์ที่ขดลำกายชูคอสูงอยู่ใต้เสาหินต้นหนึ่ง บัดนี้ั์ตาของมันสาดประกายแสงแห่งความตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด
จากนั้น ความเย็นเยียบเสียดกระดูกก็ยิ่งแผ่กระจายออกมาจากเสาหินหกต้นที่มีัน้ำแข็งโอบล้อม
เนี่ยเทียนค้นพบทันทีว่าเสาหินเพียงต้นเดียวที่เขากระตุ้นนั้น ยังไม่มากพอที่จะต้านทานความหนาวเย็นในตำหนักหินได้
ไม่มีเวลาให้คิดมาก กระแสจิตที่เขาเพิ่งจะเก็บกลับคืนก็พุ่งถลาออกไปยังเสาหินอีกห้าต้นที่เลื้อยพันด้วยัเพลิง
พลังจิตของเขาดุจดั่งเส้นสายไฟ พอเข้าไปในเสาหินเ่าั้ ัเพลิงที่สลักอยู่้าก็คล้ายจะมีชีวิตขึ้นมาในพริบตาเดียว
“ตูมๆ! ตูมๆ!”
เสาหินอีกห้าต้นที่เหลือสั่นเบาๆ จากนั้นก็เริ่มเปลี่ยนมาเป็ร้อนแรงและแผดเผายิ่งขึ้น
เมื่อเป็เช่นนี้ ในตำหนักหินจึงมีเสาน้ำแข็งหกต้นที่แผ่กระแสความเย็น บวกกับเสาเพลิงหกต้นที่ส่งประกายร้อนระอุแสบิัออกมา
ทั้งเย็นทั้งร้อน พลังสองกลุ่มที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงพุ่งเข้าปะทะกันในตำหนักหิน จากนั้นก็พุ่งเข้าไปยังแท่นบูชาที่อยู่ตรงกลางอย่างกะทันหัน
กระดูกสัตว์โปร่งใสที่วางไว้ในแอ่งเว้าของแท่นบูชาพลันพากันแตกกระจายออกเป็เสี่ยงๆ!
ประกายแสงแปลกตามากมายเหลือคณานับสาดกระเซ็นออกจากกระดูกสัตว์ที่แตกออก มารวมตัวกันในแท่นบูชา
ไม่นาน ม่านแสงหลากหลายสีสันชวนพิศวงม่านหนึ่งก็ก่อตัวขึ้นกลางแท่นบูชา
ม่านแสงนั้นเปลี่ยนแปลงและบิดเบือนอย่างต่อเนื่อง คล้ายประตูลึกลับบานหนึ่ง
“สวบๆ!”
จนกระทั่งบัดนี้ งูเหลือมที่มีสายเืัน้ำแข็งั์ตัวนั้นถึงได้ขยับกายเลื้อยมายังม่านแสงหลากสีนั่นอย่างรวดเร็ว
เมื่อมาถึงหน้าม่านแสง งูเหลือมน้ำแข็งั์ที่เห็นได้ชัดว่ามากสติปัญญาตัวนั้นก็หันมามองเนี่ยเทียนเป็ครั้งสุดท้าย แล้วจึงมุดเข้าไปในม่านแสงนั้น
“เพล้ง!”
พอมันเข้าไป ม่านแสงพิลึกพิลั่นนั่นก็พังทลายลงฉับพลัน กลายมาเป็แสงสีมากมายกระจายเต็มห้อง
เมื่อม่านแสงนั้นะเิออก เสาหินสิบสองต้นจึงหยุดปลดปล่อยพลังความเย็นะเืและความร้อนแผดในทันที
-----