รุ่งอรุณของเมืองหมันทั้งเร่งรีบและคึกคัก แม้จะเทียบไม่ได้กับเมืองชางที่ยิ่งใหญ่โอ่อ่า และไม่มีสิ่งที่ทำให้คนลุ่มหลงมัวเมาเพลิดเพลินได้อย่างเมืองหงเฝิ่นของตระกูลเยว่ แต่ผู้คนที่นี่ต่อสู้กับมารอสูรอยู่เป็ประจำฝ่าอันตรายอยู่ตลอด ทำให้เมืองหมันปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายแห่งการฆ่าฟันที่น่าเกรงขาม
ดังนั้นผู้คนในเมืองหมันจึงเข้านอนค่อนข้างดึก แต่ก็ตื่นั้แ่เช้า ฟ้าเพิ่งจะเริ่มสางบนท้องถนนก็มีผู้คนสัญจรไปมามากมายอยู่ไม่ขาด
วันนี้เมืองหมันมีแขกพิเศษมาเยือน ทั้งห้าสวมชุดสีขาวราวกับหิมะที่มีลักษณะเฉพาะ ใบหน้าเฉยชา ก้าวเดินดั่งสายลม ผู้คนที่อยู่บนท้องถนนเมื่อเห็นล้วนหลีกทางให้
“คนของตระกูลเสว่!”
ทั้งห้าสวมชุดคลุมยาวสีขาวดุจหิมะ บริเวณตำแหน่งหน้าอกเสื้อมีตราสัญลักษณ์รูปเกล็ดหิมะ ผู้คนที่พบเห็นต่างก็ทราบถึงฐานะของพวกเขาได้ในทันที คนของหนึ่งในห้าตระกูลใหญ่...ตระกูลเสว่
เขตปกครองเทพามีประชากรทั้งหมดสี่พันล้านกว่าคน มีหกเมืองหลัก มีร้อยเมืองใหญ่ ห้าร้อยเมืองเล็ก อำเภอและหมู่บ้านเล็กๆ อีกนับไม่ถ้วน นอกจากเมืองัแล้วเรียกได้ว่าทั้งห้าตระกูลเป็ใหญ่ที่สุดในเขตปกครองเทพา ชื่อเสียงที่ได้มาล้วนมาจากการต่อสู้ฆ่าฟันนองเืด้วยคมหอกคมดาบครั้งแล้วครั้งเล่า ดังนั้น สมาชิกของทั้งห้าตระกูลจึงมีฐานะสูงส่งกว่าคนทั่วไป แม้ว่าวันนี้ทั้งห้าคนที่มาจะเป็แค่คนรับใช้เสื้อขาวระดับต่ำ ผู้คนบนท้องถนนก็ยังต้องหลีกทางให้ แค่นี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าตระกูลทั้งห้ามีความยิ่งใหญ่มากมายเพียงใด
ทั้งห้าไม่ได้รู้สึกแปลกใจหรืองุนงงต่อท่าทีของผู้คนบนท้องถนนแม้แต่น้อย ใบหน้ายังคงเฉยชาเช่นเดิม พวกเขาทำเพียงเดินรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว จนในที่สุดเดินเข้าไปภายในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งที่ไม่ใหญ่และไม่เล็กมากนัก
ลานที่พักแห่งหนึ่งหลังโรงเตี๊ยม บุคคลทั้งห้านั่งเรียงกันตามลำดับ กลางลานที่พักมีชายชราผมขาวคนหนึ่งกำลังก้มหัวโค้งคำนับ
“คารวะท่านองครักษ์เสื้อขาวทั้งห้า”
“อืม” หนึ่งในห้าองครักษ์เสื้อขาวที่อยู่ตรงกลางพยักหน้าตอบรับแล้วพูดขึ้น “พ่อบ้านหลิว พวกข้าคือองครักษ์มืดของนายน้อย เ้าสามารถเรียกข้าว่าเสว่อี จุดประสงค์ของพวกข้าที่มาในครั้งนี้คิดว่าเ้าคงทราบดีแล้ว”
พ่อบ้านหลิวพยักหน้ายิ้มรับ เขาในฐานะที่เป็หัวหน้าหน่วยข่าวกรองของตระกูลเสว่ที่มาประจำอยู่ที่เมืองหมัน แม้ว่าตำแหน่งฐานะภายในตระกูลจะเท่ากันกับทั้งห้าคนที่อยู่ตรงหน้า แต่ทั้งห้าเป็ผู้รับใช้ของนายน้อย และนายน้อยเสว่อู๋เหินยังเป็นายน้อยใหญ่ของตระกูล อนาคตคือหัวหน้าตระกูลเสว่ ดังนั้น ท่าทางการแสดงออกของเขาจึงค่อนข้างถ่อมตัวและนอบน้อม หรืออาจจะเรียกได้ว่าแฝงไปด้วยการประจบเอาใจ
“นายท่านเสว่อี เมื่อได้รับคำสั่งจากนายน้อยข้าก็รีบไปตรวจสอบโดยทันที เย่ชิงหานที่เป็เป้าหมายเคยมาที่เมืองหมันจริงและยังอยู่พักเป็เวลาสิบกว่าวัน แต่เป้าหมายจากไปก่อนที่นายน้อยจะมีคำสั่งมาเสียอีก”
“จากไป? ไปที่ไหน?” เสว่อีขมวดคิ้วถามขึ้นด้วยความไม่พอใจ
“เข้าไปยังูเาแล้ว เข้าไปในเทือกเขารกร้าง” พ่อบ้านหลิวแม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมนายน้อยของเขาถึงได้สนใจนายน้อยขยะไร้ค่าที่ตกอับอย่างเย่ชิงหาน แต่เมื่อเป็คำสั่งของนายน้อยก็คงต้องมีเหตุผลที่ทำเช่นนั้น
“เข้าไปยังเทือกเขา? เป็แค่ไอ้ขยะไร้ค่าที่มีพลังฝีมือเพียงแค่ระดับแรกของขอบเขตขั้นสูงกลับกล้าเข้าไปในเทือกเขา? ไม่ใช่ตายแล้วหรือป่านนี้” ใบหน้าเสว่อีเ็าขึ้นยิ่งกว่าเดิม เดินทางไกลมาจากเมืองชาง ถ้าหากเป้าหมายตายไปแล้วอย่างนี้ก็เท่ากับมาเสียเที่ยว
“ยังไม่ตาย เป้าหมายกลับเข้าเมืองมาซื้อเสบียงอยู่สองครั้ง ปัจจุบันเป้าหมายวนเวียนอยู่เขตแดนรอบนอกของเทือกเขา ข้าได้สั่งการให้คนปล่อยแมลงอำพรางไว้บนตัวเป้าหมายแล้ว สามารถตรวจสอบตำแหน่งของเป้าหมายได้ทุกเวลา” พ่อบ้านหลิวรีบพูดอธิบายให้ทราบ ั้แ่ครั้งแรกที่เป้าหมายกลับมายังเมืองหมัน พอดีกลับที่ได้รับคำสั่งจากนายน้อย เขาก็รีบสั่งการให้คนติดตามเป้าหมายไป แล้วปล่อยแมลงอำพรางที่ใช้ติดตามเป้าหมายโดยเฉพาะ แมลงอำพรางตัวเล็กเท่าเส้นผม ไม่มีพลังโจมตีใดๆ มันสามารถติดอยู่กับเส้นผมและิัของเป้าหมาย เป็สิ่งมีชีวิตที่ใช้ในการติดตามแกะรอยเป้าหมายได้เป็อย่างดี
“เขตแดนรอบนอก? พลังฝีมือขยะแค่ระดับแรกของขอบเขตขั้นสูงจนป่านนี้กลับยังไม่ตาย?” เสว่อีสายตาปรากฏแววของความสงสัยวาบผ่าน หรือว่าไอ้ขยะเย่ชิงหานพบพานเข้ากับสิ่งของดีอะไรสักอย่าง หรือว่ามันยังมีไพ่ตายอะไรซ่อนไว้ที่เรายังไม่รู้ถึงได้กล้าเข้าไปในเขตแดนรอบนอกเทือกเขาจนป่านนี้แล้วยังไม่ตาย
ต้องเข้าใจว่าเทือกเขารกร้างแบ่งออกเป็ท้องที่บริเวณรอบๆ เขตแดนรอบนอก เขตแดนส่วนลึก และเขตแดนใจกลาง อย่างท้องที่บริเวณรอบๆ ผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตขั้นสูงถ้าระมัดระวังสักหน่อยก็ไม่มีอันตรายอะไร แต่ถ้าเป็เขตแดนรอบนอกล้วนเต็มไปด้วยมารอสูรระดับสามและระดับสี่ปะปนอยู่อีกเล็กน้อย หรือบางทีมีโอกาสเจอเข้ากับมารอสูรระดับห้า และที่สำคัญภายในเทือกเขารกร้างมีสิ่งที่อันตรายและเ้าเล่ห์ยิ่งกว่ามารอสูรอยู่คือ "ผู้ล่า" ที่ชอบปรากฏตัวในเขตแดนรอบนอกและเขตแดนส่วนลึกอยู่บ่อยๆ หากเ้าเด็กนั่นพบเจอเข้าจะต้องจบชีวิตอย่างไม่ต้องสงสัย...
“เป็อย่างนี้ต่อไปไม่ดีแน่ ชักช้าไปจะไม่ทันการ พ่อบ้านหลิวท่านไปเรียกสมาชิกของตระกูลที่คอยติดตามเป้าหมายมา พวกข้าจะรีบเข้าไปยังภายในเทือกเขาจับกุมเป้าหมายในทันที”
เสว่อีพลังฝีมือระดับขั้นที่สองของขอบเขตเยี่ยมยุทธ์ แถมข้างกายยังมีผู้มีพลังฝีมือระดับขั้นที่สามของขอบเขตยอดยุทธ์อีกสี่คน กระบวนทัพขนาดนี้จะจัดการกับไอ้ขยะเพียงคนเดียวที่มีพลังฝีมือเพียงแค่ระดับขอบเขตขั้นสูงไม่ได้เชียวหรือ?
ผ่านไปชั่วครู่ พ่อบ้านหลิวพาเด็กหนุ่มรูปร่างอ้วนเตี้ยคนหนึ่งมา เสว่อีทำสัญญาณโบกมือให้ออกเดินทาง ทั้งหกพลันกลืนหายเข้าไปท่ามกลางฝูงชนในเมืองหมันโดยทันที
.................................
เขตแดนรอบนอก ณ เทือกเขารกร้าง
เย่ชิงหานนั่งขัดสมาธิอยู่ภายในถ้ำที่มิดชิดแห่งหนึ่ง มองลอดผ่านช่องใบไม้ที่ปกคลุมอย่างหนาทึบเห็นท้องฟ้าที่เริ่มสว่างขึ้นอย่างชัดเจน แสงสีทองจากดวงอาทิตย์ลอดผ่านต้นไม้ใบหญ้าสาดส่องไปทั่วทั้งเทือกเขา
“ฮู่ว! จุดเริ่นม่าย...หนึ่งในสามของจุดชีพจรหลักทำไมถึงได้ใหญ่อะไรเช่นนี้ สิ่งที่อุดตันอยู่ก็มากมายเสียเหลือเกิน จุดชีพจรใหญ่เพียงแค่แห่งเดียวเทียบได้กับจุดชีพจรเล็กถึงสามจุดรวมกัน ดูท่าว่าหากคิดจะทะลวงจุดชีพจรหลักทั้งสามแห่งนี้คงต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามเดือน”
เย่ชิงหานยิ้มออกมาเล็กน้อย ั้แ่ที่เหยียบย่างเข้าสู่ระดับขอบเขตยอดยุทธ์เขาก็ไม่เคยหยุดการฝึกฝนเลย ยังคงทำการทะลวงจุดชีพจรหลักทั้งสามจุดอย่างต่อเนื่อง เริ่นม่าย ตูม่ายและฉีม่าย หลังจากผ่านมาห้าหกวันที่ทำการทะลวงจุดเริ่นม่าย ผลลัพธ์ที่ได้เพิ่งสำเร็จไปเพียงแค่หนึ่งในห้าส่วนเท่านั้นเอง หากนับตามระดับความเร็วนี้ถ้าจะทะลวงให้หมดทั้งสามจุดชีพจรหลัก คงต้องใช้เวลาสามเดือนและต้องทะลวงทุกคืนไม่หยุดอีกด้วย
“จี๊ดๆ จี๊ดๆ!” เสียงจี๊ดๆ ดังขึ้นภายในถ้ำดึงความคิดของเย่ชิงหานให้กลับคืนมา เย่ชิงหานหันกลับไปยิ้มเล็กน้อย บนพื้นข้างๆ กายเสี่ยวเฮยที่ตัวดำปิดปี๋กำลังใช้อุ้งมือทั้งสองข้างของมันคุ้ยเขี่ยห่อผ้าสีขาวอยู่ ภายในห่อผ้าสีขาวมีแก่นผลึกมารอสูรอยู่มากมายหลากสี มีทั้งสีเขียวอ่อน สีดำและสีเหลือง ขนาดเล็กใหญ่แตกต่างกันไป
มองเห็นแก่นผลึกมารอสูรมากมายหลากสี ดวงตาแวววาวสดใสของเสี่ยวเฮยเปล่งประกายแสงสว่างขึ้น มันหยิบเอาแก่นผลึกมารอสูรสีเหลืองขนาดเท่าไข่นกพิราบอันหนึ่งโยนเข้าปากไป
เย่ชิงหานเห็นดังนั้นใบหน้าเปลี่ยนสีไปในทันที รีบยื่นมือออกไปคว้าเสี่ยวเฮยแล้วพูดขึ้น “เฮ้...เดี๋ยวก่อน! เสี่ยวเฮยทำไมเ้ากินมั่วซั่วอย่างนี้? แก่นผลึกมารอสูรสีเหลืองนั่นมันระดับสี่เชียวนะ เ้าย่อยสลายมันได้หรือ? เดี๋ยวกระเพาะก็ได้พังกันพอดี!”
ไม่ใช่ว่าเย่ชิงหานเสียดายของ ถึงแม้ว่าแก่นผลึกมารอสูรระดับสี่จะมีราคาสูงถึงประมาณพันก้อนผลึกพลัง หากเปลี่ยนเป็แก่นผลึกมารอสูรระดับหนึ่งคงได้ราวๆ สิบกว่าเม็ด พันก้อนผลึกพลังพอๆ กับรายได้ของครอบครัวคนธรรมดาต่อหนึ่งปีเลยก็ว่าได้
เพียงแต่ว่า ผู้าุโเทียนสิงเคยกล่าวไว้ว่าสัตว์อสูรที่อยู่ใน่ระยะอ่อนแอจะกินได้แค่เพียงแก่นผลึกมารอสูรระดับหนึ่งเท่านั้น เป็ความรู้และประสบการณ์ที่ตระกูลเย่ตกทอดสืบต่อกันมา แต่เมื่อสักครู่เ้าอสูรน้อยเสี่ยวเฮยกลับฉวยโอกาสในตอนที่เขาฝึกฝนพลังยุทธ์ แอบคุ้ยเขี่ยห่อผ้าสีขาวที่ได้มาจากผู้ล่าที่เขาสังหารไปเมื่อวาน หยิบเอาแก่นผลึกมารอสูรระดับสี่เม็ดหนึ่งกลืนลงท้องไป
“จี๊ดๆ จี๊ดๆ!”
เสี่ยวเฮยกลับไม่ใส่ใจแต่อย่างใด มันหันหน้ามาหาเย่ชิงหานแล้วร้องออกมาสองครั้ง แถมยังแลบลิ้นออกมาเลียเขาอีกด้วย จากนั้นจึงผลุบหายไปจากมือของเขากระโจนไปยังห่อผ้าสีขาวต่อ มันคุ้ยเขี่ยไปมาอยู่สักพักจนเจอเข้ากับแก่นผลึกมารอสูรสีเหลืองอีกเม็ดหนึ่ง แล้วอ้าปากกลืนลงไปเหมือนเช่นเคย
“เอ่อ...”
เย่ชิงหานส่ายหัวไปมา สักพักจึงนึกขึ้นได้ว่าสัตว์อสูรของตนเองไม่เหมือนกับของคนอื่นทั่วไป หากเป็สัตว์อสูรธรรมดาเมื่อแรกเกิดจะมีระดับความเร็วและเขี้ยวฟันที่แหลมคมอย่างนั้นรึ? หากเป็สัตว์อสูรธรรมดาจะมีพลังในการต่อสู้ที่สามารถสังหารมารอสูรระดับสองได้อย่างง่ายดายเมื่ออยู่ใน่ระยะอ่อนแออย่างนั้นรึ? โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้เวลาที่เสี่ยวเฮยใช้ในการนอนก็ยิ่งลดน้อยลงไปเรื่อยๆ คาดว่าคงใกล้จะข้ามผ่าน่ระยะอ่อนแอแล้ว คิดได้ดังนั้นจึงคลายกังวลไม่สนใจเสี่ยวเฮยอีก
หนึ่งเม็ด สองเม็ด...ห้าเม็ด หกเม็ด
เสี่ยวเฮยไม่สนใจที่จะกินแก่นผลึกมารอสูรธรรมดา วันนี้มันเลือกกินเฉพาะแก่นผลึกมารอสูรระดับสี่เพียงเท่านั้น ผ่านไปไม่นานแก่นผลึกมารอสูรระดับสี่ที่อยู่ในห่อผ้าถูกมันกินจนหมด ดูจากท่าทางของมันเหมือนกับว่ายังไม่เป็ที่พอใจนัก ในที่สุดมันจึงหยิบแก่นผลึกมารอสูรสีเขียวเม็ดหนึ่งขึ้นมามองดูแวบหนึ่งแล้วจับโยนเข้าปากไปเคี้ยวเสียงดังกร้วมๆ ขึ้น
“หยุด...ห้ามกิน! นั่นมันแก่นผลึกมารอสูรระดับห้าที่มีอยู่เพียงเม็ดเดียวเชียวนะ!”
เย่ชิงหานรู้สึกปวดใจเป็ที่สุด แก่นผลึกมารอสูรเม็ดนั้นราคาตั้งหมื่นก้อนผลึกพลัง ทั้งเนื้อทั้งตัวของผู้ล่าที่เขาฆ่าเมื่อวานของมีราคามากที่สุดก็คือแก่นผลึกมารอสูรระดับห้าเม็ดนั้น ไม่คิดว่าจะถูกเสี่ยวเฮยกินไปแล้ว
มองดูเสี่ยวเฮยเลียริมฝีปากอย่างพออกพอใจ แถมบางครั้งยังมีทำท่าทางเรอออกมาอีก เย่ชิงหานโมโหเป็อย่างมากกำลังจะยื่นมือออกไปจับเสี่ยวมาอบรมสั่งสอนสักรอบ
ในขณะที่เขากำลังยื่นมือออกไปนั้น เหตุการณ์แปลกประหลาดพลันบังเกิดขึ้น มือที่เขายื่นออกไปนั้นหยุดอยู่กลางอากาศ สีหน้าและแววตาปรากฏอารมณ์ความรู้สึกราวกับว่าได้พบเจอกับสิ่งแปลกประหลาดมหัศจรรย์เกินความคาดหมายขึ้น
“จี๊ดๆ...”
เสี่ยวเฮยเท้าทั้งสี่เหยียบยืนอยู่กับพื้น มันแหงนหน้าขึ้นฟ้าร้องเสียงดังออกมาครั้งหนึ่ง ดวงตาทั้งคู่เปลี่ยนเป็แหลมคมดุดันขึ้น ทั่วทั้งร่างแผ่พุ่งแสงสีทองสว่างไสว เสี่ยวเฮยที่อยู่ท่ามกลางแสงสีทองดูองอาจน่าเกรงขามทรงพลังอำนาจ ราวกับว่ามันได้กลายร่างเป็ราชสีห์คลั่งจากยุคดึกดำบรรพ์เหยียบย่างบนเมฆบินเหาะลอยมาฉันนั้น
ต่อมาร่างของเสี่ยวเฮยเริ่มสั่นเทิ้มขึ้น กล้ามเนื้อและิัขยายตัวขึ้นและหดตัวสลับไปมาเป็ระลอก จนในที่สุดค่อยๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น จากเดิมที่มีขนาดรูปร่างเท่าหัวเด็กทารกตอนนี้ขยายขนาดตัวขึ้นมาเท่าเด็กทารกแรกเกิด และยังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“นี่...นี่มัน...”
เย่ชิหานมองดูอย่างเบิกตากว้างอ้าปากค้าง เกิดอะไรขึ้น? เสี่ยวเฮยคือซุนหงอคง? มีวิชาแปลงกายเจ็ดสิบสองอย่างอย่างนั้นรึ?
หืม? ยังโตขึ้นอีก โตเท่าขนาดหมาป่าวายุแล้ว
ในที่สุด เมื่อเสี่ยวเฮยเติบโตจนมีขนาดเท่ากับลูกวัวจึงหยุดอยู่เพียงแค่นั้น เย่ชิงหานมองดูเสี่ยวเฮยที่อยู่ตรงหน้าที่มีความสูงหนึ่งเมตรกับลำตัวยาวอีกหนึ่งเมตรเจ็ดสิบแปดเิเ เขาตกตะลึงไปในทันที เื่ที่เกิดขึ้นนี้มันเกินขอบเขตการรับรู้ของเขาไปไกลมาก
เสี่ยวเฮยที่มีขนาดเท่าลูกวัวทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันเดินส่ายก้นวนไปมาหลายรอบก่อนที่จะเดินวนกลับมายังเบื้องหน้าเย่ชิงหานที่ตอนนี้ยังทำหน้ามึนงงอย่างโง่ๆ อยู่ ดวงตาสองดวงที่ดำขลับของมันมีรอยยิ้มวาบผ่าน มันอ้าปากเผยให้เห็นฟันสีขาวสองแถวที่เรียงตัวแน่นชิดกัน
ในขณะที่เย่ชิงหานกำลังทำหน้าโง่ๆ มองดูเสี่ยวเฮยที่กลายร่างเป็ตัวใหญ่อยู่นั้น พลันเกิดเื่ที่ยิ่งทำให้เขาต้องสะดุ้งใจนแทบหัวใจวายตายขึ้น ภายในหัวของเขามีเสียงเสียงหนึ่งดังก้องขึ้น
“สวัสดี ลูกพี่!”