“วันพรุ่งข้าไปข้างนอก กว่าจะกลับคงอีกสองสามวัน เ้าอยู่บ้านต้องระวังตัว เื่ตามหาจ้าวหงฮวา ให้คนของเราไปช่วยตามหาแค่วันนี้เป็พอ วันพรุ่งไม่ต้องให้ไปช่วยแล้ว”
เขาไม่อยู่บ้าน ไม่วางใจที่จะให้ภรรยาตัวน้อยอยู่เฝ้าคฤหาสน์หลังใหญ่ด้วยตัวคนเดียว
“ต้องไปนานขนาดนั้นเชียวหรือ? ธุระกระไรกัน?” หลินหวั่นชิวถาม
“ข้าจะไปหาเงิน วางแผนว่าจะเลี้ยงกำลังพล” เจียงหงหย่วนตอบ
หลินหวั่นชิวรู้ว่าเขาคิดกระไร เขากำลังวางแผนสำหรับอนาคต เพราะศัตรูที่พวกนางกำลังเผชิญแข็งแกร่งเกินไป
ตอนนี้ตระกูลเถียนส่งคนมาเอาหยกแขวน คงมีแต่์ที่รู้ว่าพวกเขาจะส่งคนมาฆ่าปิดปากด้วยหรือไม่
“ข้ามีเงิน ประเดี๋ยวข้าเอาให้” หลินหวั่นชิวพูด
เจียงหงหย่วนกดมือนาง ไม่ให้นางลุกขึ้น
“เงินของเ้าแตะต้องไม่ได้ เงินในบ้านก็ด้วยเช่นกัน วางใจเถิด” เขาบอกให้นางวางใจ ไม่ได้อธิบายกระไรมากกว่านี้ แต่หลินหวั่นชิวเชื่อใจเขา
“เช่นนั้นท่านระวังตัวด้วย” นางซบอกเขา มือน้อยๆ เขี่ยหน้าอกเขาไปมา
เจียงหงหย่วนลุกขึ้นดับตะเกียง จากนั้นกอดนาง “นอนเถิด วันพรุ่งข้าต้องไปก่อนฟ้าสาง”
“อื้ม”
เจียงหงหย่วนบอกว่าต้องไปก่อนฟ้าสาง แต่ความเป็จริงคือเขาไปั้แ่กลางดึกแล้ว
เขารอจนเจียงไฉกับเจียงเป่ากลับมา สั่งกำชับพวกเขาเสร็จก็ออกจากหมู่บ้านท่ามกลางความมืด
ออกจากหมู่บ้านได้ไม่นาน เขาเลี้ยวไปทางถนนอำเภอหลิน หยุดอยู่หน้าศาลเ้าผุผังแห่งหนึ่ง ในอีกชั่วยามต่อมา
คนชุดดำสองสามคนพุ่งตัวออกจากศาลเ้าที่มีแสงไฟริบหรี่ หลังจากเห็นว่าเป็ผู้ใดก็ตรวจสอบสัญญาณลับตรวจสอบป้ายประจำตัว ทุกคนประสานมือให้เจียงหงหย่วน “ต้าเกอ!”
“ออกเดินทางได้!”
เจียงหงหย่วนออกคำสั่ง กลุ่มคนชุดดำไปคลายบังเหียนม้าจากต้นไม้แล้วขึ้นหลังม้า ขี่ตามเจียงหงหย่วนออกไปด้วยความเร็วปานลมกรด
สิบห้านาทีต่อมา พวกเขาหยุดอยู่กลางป่าข้างพื้นที่ทำการเกษตรแห่งหนึ่ง นำม้าไปซ่อนในป่า ทิ้งคนไว้เฝ้าหนึ่งคน เจียงหงหย่วนพาคนชุดดำทั้งกลุ่มแฝงตัวเข้าไปในพื้นที่ทำการเกษตร
“เหล่าเหยีย สินค้าชุดนี้เป็เยี่ยงไรบ้างขอรับ?”
ภายในห้องห้องหนึ่ง ใต้แสงตะเกียงมืดสลัว สาวน้อยอย่างน้อยยี่สิบคนถูกมัดมือปิดปาก
พวกนางมองบุรุษเฒ่าเบื้องหน้าด้วยความหวาดกลัว เสมือนเขาเป็ปีศาจ
สตรีสาวเหล่านี้บ้างก็สวมชุดผ้าแพร แค่มองก็รู้ว่าเกิดในตระกูลร่ำรวย บ้างก็เป็สวมชุดมีรอยปะ มาจากครอบครัวคนยากจน
พวกนางมีชาติกำเนิดต่างกัน ทว่าแต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นคือหน้าตาดี
บุรุษเฒ่าพยักหน้ายิ้ม “สินค้ารอบนี้ไม่เลว ขายได้ราคาดี หอคณิกาในเมืองหลวงเร่งรัดมาก สองสามวันมานี้ข้าเอาแต่จาม คงเพราะถูกพวกเขาบ่นถึงเป็แน่”
สวี่เฉวียนเป็เ้าของที่ดินรายใหญ่ที่บริจาคเงินทองและสิ่งของให้โรงทานมาหลายปี หากมีผู้ใดในหมู่บ้านไม่มีข้าวกิน เขาก็ยินดีให้ทาน ค่าเช่านาที่ให้คนในหมู่บ้านเดียวกันกับหมู่บ้านใกล้เคียงเช่าก็เก็บไม่แพง
ด้วยเหตุนี้ ทุกคนจึงเรียกเขาว่านักบุญสวี่
แต่ผู้ใดจะไปรู้ว่าแท้จริงแล้วนักบุญผู้นี้แอบทำธุรกิจค้ามนุษย์
ส่งสตรีสาวไปให้หอคณิกาโดยเฉพาะ
เขาเป็คนละเอียดรอบคอบ ลักพาตัวคนในแถบนี้ไปขายในเมืองหลวงหรือไม่ก็ที่อื่นๆ อันห่างไกล
เขามีลูกค้าประจำ ธุรกิจดำเนินไปอย่างมั่นคงมาตลอดหลายปี
เจียงหงหย่วนรู้จักเขาเพราะ ชาติก่อนเคยมีสตรีสาวหนีออกมาได้และไปแจ้งความที่หยาเหมิน บอกว่าเขาเป็คนค้ามนุษย์ แต่นายอำเภอไม่เชื่อ ชาวบ้านก็ไม่เชื่อเช่นกัน
สวี่เฉวียนออกมาสวมบทน่าสงสาร บอกว่าสตรีสาวนางนี้ปีนขึ้นเตียง แต่เขาไม่ยินยอม นางจึงออกมาใส่ร้าย…
สตรีสาวนางนั้นรวบรวมความกล้ามาแจ้งความแต่กลับไม่มีผู้ใดเชื่อแม้แต่คนเดียว วิ่งชนเสาตายด้วยความสิ้นหวังทันที
นางตายไปแล้ว ผู้คนภายนอกยังพากันพูดอีกว่าเพราะขู่กรรโชกไม่สำเร็จ กลัวต้องติดคุกจึงฆ่าตัวตาย
ท้ายที่สุด ศพของนางถูกโยนทิ้งที่สุสานไร้ญาติแบบไม่มีผู้ใดไยดี
เื่นี้ตราตรึงในความทรงจำเจียงหงหย่วนมาก ตอนนั้นเขาไม่รู้เช่นกันว่าผู้ใดพูดความจริง แต่หลังจากได้เกิดใหม่ เขาให้ซวีหู่ไปตรวจสอบ จากนั้น…ก็ได้รู้ความจริง
นักบุญสวี่คนนี้ไม่ใช่แค่จับสตรีสาวส่งไปขายให้หอคณิกา
แต่ยังลักพาตัวเด็ก เลือกเฉพาะเด็กตระกูลร่ำรวย ลักพาตัวมาแล้วส่งจดหมายเรียกค่าไถ่ไปให้ครอบครัวของเด็ก
หากกล้าแจ้งความ เช่นนั้นก็เตรียมรอรับศพลูกได้เลย
หากไม่ยอมจ่าย…ได้ วันรุ่งขึ้นเขาจะตัดนิ้วเด็กส่งมาให้
ชั่วร้ายถึงขีดสุด
“เหล่าเหยีย สามคนนี้ไม่ยอมอยู่นิ่งๆ พยายามฆ่าตัวตาย” บุรุษชี้ไปทางสตรีสาวสามคนที่นอนอยู่ตรงมุม ดวงตาพวกนางมีความเคียดแค้นและหวาดกลัว
สวี่เฉวียนมองพวกนาง ชี้สตรรีสาวหนึ่งในนั้นที่หน้าตาด้อยกว่าคนอื่น “ไปเรียกคนมา สอนวิธีปรนนิบัติบุรุษให้พวกนางล่วงหน้า ให้พวกนางดูให้ดีว่าหากพยายามฆ่าตัวตายจะต้องเจอกับกระไร!”
บุรุษคนนั้นดีใจ “ขอรับ!”
เขาปรบมือ บุรุษร่างบึกบึนสองสามคนเดินเข้ามาทันที สตรีเฒ่าคนหนึ่งยกชามดินเผาเข้ามา
สตรีสาวที่ถูกสวี่เฉวียนชี้ตัวถูกลากออกมา นางดิ้นรนอย่างไร้เรี่ยวแรง น้ำตาแห่งความสิ้นหวังรินไหลเป็สายน้ำ
ผ้าเช็ดหน้าในปากนางถูกดึงออก นางไม่มีแม้กระทั่งแรงจะกัดลิ้นฆ่าตัวตายด้วยซ้ำ
สตรีเฒ่ายัดโอสถสองเม็ดใส่ปากนางและกรอกน้ำตามลงไป
ไม่นาน สตรีสาวคนนี้ก็มีเรี่ยวแรง แววตาดูเหม่อลอย
นางเริ่มถอดเสื้อผ้าตัวเองต่อหน้าทุกคน กระโจนเข้าใส่กลุ่มบุรุษที่แสยะยิ้มท่ามกลางสายตากวาดกลัวของสตรีสาวนางอื่นๆ…
เหล่าสตรีสาวไม่กล้าดู สวี่เฉวียนพูดเสียงเย็นว่า “ผู้ใดที่กล้าหลับตา คนถัดไปก็คือนาง!”
เหล่าสตรีสาวที่ถูกบังคับให้ลืมตาต้องมองพรรคพวกตัวเองร่วมประเวณีกับกลุ่มบุรุษราวกับสุนัข…ไม่สิ อาจจะยิ่งกว่าสุนัขด้วยซ้ำ
หัวใจพวกนางแตกสลาย ศักดิ์ศรีถูกทำลาย แค่จะตาย…ยังไม่กล้า
“จงเชื่อฟังข้าให้ดี อย่าคิดหนีหรือฆ่าตัวตาย! มิเช่นนั้นสิ่งที่ข้าจะหามาให้รอบหน้าจะไม่ใช่คนแล้ว แต่เป็สุนัข!” สวี่เฉวียนมองกลุ่มสตรีสาวที่กลัวจนตัวสั่นเทา พึงพอใจกับความหวาดกลัวและแตกสลายในดวงตาพวกนางมาก
ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา หากจะให้พวกนางเชื่อฟังก็ต้องเชือดไก่ให้ลิงดู
ฉึก…
จังหวะที่สวี่เฉวียนกำลังได้ใจ จู่ๆ ลำคอของเขาก็ถูกธนูดอกหนึ่งเจาะทะลุ เขาเบิกตาโพลง รอยยิ้มบนหน้ายังไม่ทันหายไปก็ล้มฟุบลงพื้นแล้ว
ฉึกๆ… มีเสียงวัตถุพุ่งผ่านอากาศดังขึ้นติดต่อกัน บุรุษภายในห้องพากันล้มลง กลิ่นคาวเืกระจายไปทั่วห้องอย่างรวดเร็ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้