Chapter 9
ติ้ง!
ใครหลายคนคงชอบเสียงแจ้งเตือนของลิฟต์ เพราะมันทำให้รู้ว่ามาถึงจุดหมายปลายทางแล้ว ใกล้ก็เคยชอบเหมือนกัน ทว่าตอนนี้เขาไม่ชอบมันเอาซะเลย เพราะเสียงดัง ‘ติ้ง!’ กำลังส่งสัญญาณบอกว่า...
หมดเวลาของใกล้ใจกับคุณพระจันทร์แล้ว
“คุณใกล้มีเรียนที่ตึกไหนคะ?” คนตัวสูงที่เดินออกมาจากลิฟต์พร้อมกับเขาเอ่ยถาม
“เรามีเรียนที่ตึกสิบเอ็ด...” .ใกล้หยุดยืนเพื่อจะบอกลาคุณพระจันทร์ เพราะเ้าตัวคงเรียนคนละตึกกับเขา
“จริง ๆ ลี้มีเรียนที่ตึกนี้แหละค่ะ...แต่ว่ายังไม่ถึงเวลาเข้าเรียน ลี้ก็เลยจะแวะไปทำธุระที่ตึกสิบเอ็ดก่อน”
“อ่า...ตึกเดียวกับเราเลย”
“ใช่ค่ะ” พันลี้พยักหน้าแล้วอมยิ้มขณะมองเขา
คราวนี้...ต่อเวลาเองเลยใกล้ใจ ถ้าอยากอยู่กับพันลี้ต่ออีกหน่อย...ก็ต้องสู้นะใกล้ใจ “เราเดินไปที่ตึกสิบเอ็ดพร้อมกันดีไหม?”
“...”
“แล้วค่อยแยกกัน”
คุณพระจันทร์ยิ้มแล้วพยักหน้ารับ “ดีค่ะ”
ใกล้พยักหน้าเป็เชิงชวนอีกคน ก่อนจะเดินออกมาจากตึกคณะนิเทศศาสตร์ ฝีเท้าก้าวเดินอย่างสม่ำเสมอ ไม่เดินเร็วและช้าจนเกินไป คนที่ยกเล่มรายงานขึ้นมากอดแนบอกแอบลอบมองคนข้างกายที่เดินขนาบข้างกันอยู่
ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันในตอนที่สมองว่างโล่งถูกบังคับให้สรรหาบทสนทนามาชวนคุณพระจันทร์คุยระหว่างเดินไปที่ตึกสิบเอ็ด ใกล้ไม่รู้ว่าเราจะต้องแยกจากกันตรงไหน แต่ก่อนจะจากกันไป…
...ขอคุยอีกสักนิดก็ยังดี
“พันลี้...” หัวใจที่กลัวว่าจะไม่ได้คุยกับอีกฝ่ายรีบร้อนจนเผลอเอ่ยเรียกไปทั้งที่ยังไม่มีบทสนทนาดี ๆ ผุดขึ้นในหัว
“คะ?”
พูดอะไรต่อล่ะทีนี้...งั้นยกเอาเื่เบสิกที่สุดมาพูดแล้วกัน “วันนี้อากาศดีมากเลยเนอะ”
พันลี้เงยหน้ามองท้องฟ้าก่อนจะหันมามองเขา “แสดงว่าคุณใกล้ชอบวันที่มีแดดใช่ไหมคะเนี่ย?”
“เอ่อ...” ถึงแดดจะไม่แรงมาก แต่เอาจริง ๆ ก็ร้อนเหมือนกันนะ พูดอะไรไม่คิดให้ดีอีกแล้วใกล้ใจ “เอาจริง ๆ เราก็เริ่มรู้สึกร้อนแล้วแหละ” พูดพลางส่งยิ้มเจื่อน ๆ ให้อีกคน
เป็ในตอนนี้ที่คุณพระจันทร์เผยรอยยิ้มสดใสที่แสงสว่างจากดวงอาทิตย์ยังสู้ไม่ได้ออกมา มือหนาของอีกคนเคลื่อนมายกค้างไว้ที่บริเวณหน้าผากของเขา คล้ายเ้าตัวกำลังช่วยบังแดดให้
“เดี๋ยวลี้ช่วยบังแดดให้นะคะ”
ใกล้อมยิ้มขณะมองคุณพระจันทร์ ก่อนพยักหน้าหงึกหงัก “ขอบคุณนะพันลี้”
“จริง ๆ เอาเล่มรายงานมาบังให้คุณใกล้ก็ได้ แต่เพราะแดดไม่ได้แรงมาก ลี้คิดว่าใช้แค่มือของลี้ก็พอแล้ว”
“…”
“ใกล้ใจ...” คุณพระจันทร์เอ่ยเรียก ในวินาทีถัดมาแววตาขี้เล่นก็เปลี่ยนเป็อบอุ่น “I'll protect you”
ใกล้ยิ้มกว้างออกมาเพราะรู้ความหมายของประโยคภาษาอังกฤษที่พันลี้พูด “แปลให้ฟังด้วย”
“ก็แปลว่าลี้จะปกป้องคุณใกล้ไงคะ”
“...” ตอนนี้ใกล้เขินเป็บ้าเลย ยิ่งได้ยินสำเนียงภาษาอังกฤษที่ดีมาก ๆ ของพันลี้ เขาก็เขินชะมัดเลย เขินสุด ๆ จนไม่รู้จะพูดอะไรต่อเลย
“เดินก้มหน้านิ่ง ๆ แบบนี้”
“เปล่านะ...เราไม่ได้เขิน” ขอโทษที่โกหกนะพันลี้ แต่ถ้าไม่พูดออกไปแบบนี้ มันจะดูผิดสังเกตเกินไป
“แล้วเป็อะไรคะ?” คุณพระจันทร์พูดปนหัวเราะ
“เรา...” เราตันแล้วนะ ไม่รู้จะหาข้ออ้างอะไรมาตอบพันลี้ดี T_____T “เราแค่คิดว่ามือของพันลี้ก็ช่วยบังแดดได้ดีเหมือนกันนะเนี่ย”
พันลี้ยิ้มขำก่อนเอ่ย “ลี้ให้ยืมมือมาบังแดดทุกวันเลยดีไหมคะ?”
“ไม่เอาหรอก...เราเกรงใจ”
“แต่ลี้เต็มใจนะ”
ใกล้รู้สึกเหมือนโดนอีกคนฮุคหมัดใส่ไม่หยุดั้แ่เดินมาด้วยกัน จนตอนนี้สมองมึนตึงไปหมด ไม่สามารถหาบทสนทนามาคุยต่อได้แล้ว ใกล้เม้มริมฝีปากเพื่อกลั้นยิ้ม ก่อนจะก้มหน้ามองรองเท้าหนังสีดำของตัวเอง
“…”
แต่เพราะคุณพระจันทร์เป็คนขี้เล่นที่ชวนคุยเก่งสุด ๆ เ้าตัวจึงเป็ฝ่ายเริ่มบทสนทนาใหม่โดยไม่ปล่อยให้ความเงียบเข้ามาแทรก
“ต้นกระบองเพชรที่ลี้ให้ไป...เป็ยังไงบ้างคะ?”
คนโดนถามส่งยิ้มกว้างให้คุณพระจันทร์ ก่อนเอ่ย “มันเติบโตอย่างแข็งแรงในทุก ๆ วันเลย”
“จริงเหรอคะ?”
“อื้อ”
“คงเป็เพราะมันได้รับการเอาใจใส่อย่างดีจากคุณใกล้”
“พันลี้อุตส่าห์ตั้งใจซื้อเป็ของขวัญให้ เราก็ต้องดูแลอย่างดี”
“ขอบคุณนะคะ”
ใกล้พยักหน้าหงึกหงัก ดวงตาเรียวรีเบิกกว้างคล้ายเพิ่งนึกบางอย่างขึ้นมาได้ มือเรียวล้วงหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนเอ่ย “นี่ ๆ เรามีรูปให้ดูด้วยนะ เพราะเราถ่ายเก็บไว้”
“ไหนคะ...ลี้ขอดูหน่อย”
โทรศัพท์เครื่องสีดำถูกยกขึ้นมาก่อนจะเปิดเข้าอัลบั้มรูปเพื่อเอารูปต้นกระบองเพชรที่ถ่ายเก็บไว้ให้คุณพระจันทร์ดู
“นี่เลย...ตั้งอยู่คู่กับต้นเก่าที่เราเลี้ยงไว้”
“ต้นนี้คุณใกล้ซื้อเองเหรอคะ?”
“ใช่ ~”
“พอตั้งคู่กันแล้ว น่ารักจังเลยนะคะ”
“เราก็คิดเหมือนพันลี้...ก็เลยเอามาตั้งไว้คู่กันบนโต๊ะทำงาน”
เป็ในตอนนี้ที่คุณพระจันทร์ขยับเข้ามาใกล้กันขณะเดินไปตามทาง คนตัวสูงทำลายช่องว่างระหว่างเราสองคนด้วยการสละมือที่บังแดดออกแล้วเคลื่อนมาจับศีรษะของเขาเบา ๆ ก่อนจะรั้งให้ขยับเข้าใกล้กันอีกหน่อย
ใกล้กลืนน้ำลายลงคอขณะมองหน้าจอโทรศัพท์ที่เปิดรูปต้นไม้แสนรัก ตอนนี้เราสองคนอยู่ใกล้กันมากจนไม่กล้าขยับตัว แต่ไม่รู้เป็เพราะอะไรที่ทำให้ใกล้เลือกหันหน้าไปมองอีกคน
ในวินาทีนี้...ใกล้เห็นใบหน้าเกลี้ยงเกลาของคุณพระจันทร์ที่โน้มลงมาเล็กน้อย เ้าตัวกำลังอมยิ้มขณะดูภาพถ่ายในโทรศัพท์ของเขา ถึงใบหน้าของเราสองคนจะห่างกันพอสมควร แต่คงเพราะใกล้ไม่ชินเลยคิดว่าเราอยู่ใกล้กันเกินไป
หัวใจไม่รักดีที่เต้นเร็วแรงในตอนนี้ทำให้ลำบากมากพอแล้ว สมองที่แสนขี้แกล้งยิ่งทำให้ใกล้ลำบากเข้าไปใหญ่ เพราะสมองของเขาดันเรียกบางบทเพลงที่ติดอยู่ในห้วงความทรงจำขึ้นมา มันเป็เพลงที่เร้าให้หัวใจสั่นระรัวมากกว่าเดิม
ในโสตประสาทของใกล้ใจ
มีแต่เพลงนี้ดังก้องอยู่…
‘ฉันนั้นรู้ทันที และรักทันที เธอคือความโชคดีที่เข้ามา ั้แ่ได้พบกับเธอนั้น ชีวิตเหมือนความฝันที่เกิดขึ้นตอนลืมตา’
“...”
‘ฉันอยากจะหยุดเวลานี้ ั้แ่วินาที ที่ชีวิตมีเธอเข้ามา เธอทำให้คนที่เหนื่อยล้านั้นกล้าจะเปิดหัวใจ หยุด หยุดชีวิต หยุดกับคนนี้ แม้ว่าใครจะดีสักแค่ไหน’
“คุณใกล้ให้มันอยู่คู่กันแบบนี้ตลอดไปเลยนะคะ”
‘หยุด หยุดความรัก ทั้งหัวใจ จะหยุดอยู่กับเธอคนเดียว’
“เราตัดสินใจวางมันไว้คู่กันแล้ว...เราก็จะให้มันอยู่คู่กันไปแบบนี้นี่แหละ”
พันลี้ยิ้มขณะสบตากับเขา ก่อนจะหันกลับไปดูภายถ่ายในโทรศัพท์ เ้าตัวยกนิ้วชี้บางอย่างที่อยู่ในภาพแล้วเอ่ยถาม “หนังสือเล่มนั้น...ดูน่าอ่านจังเลยค่ะคุณใกล้”
“อ๋อ มันเป็นิทานที่เล่าเื่ของพระจันทร์ขี้เหงา พระจันทร์ดวงนี้ออกเดินทางไปทั่วเลยนะ เพื่อจะตามหาคนที่จะอยู่กับตัวเองในตอนกลางคืน เพราะส่วนมากทุกคนจะนอนหลับกันหมด”
“แล้วเป็ยังไงคะ? ...คุณพระจันทร์ดวงนี้เจอเพื่อนบ้างไหม?”
ใกล้อมยิ้ม เขาชอบตอนที่พันลี้ดูสนใจกับสิ่งที่เล่าให้ฟังมาก ๆ เลย “เจอนะ...คุณพระจันทร์ได้ดาวมาอยู่เป็เพื่อนในตอนกลางคืน”
“ในนิทานคุณพระจันทร์มีดาวมาอยู่เป็เพื่อน...แล้วเื่จริงใครจะอยู่เป็เพื่อนคุณพระจันทร์คะ?”
“…”
“เพราะเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีดาวบนท้องฟ้าเลย”
ใกล้ยกนิ้วชี้เข้าหาตัวเองด้วยสีหน้ามั่นใจ ก่อนเอ่ย “เราไง...เราอยู่เป็เพื่อนคุณพระจันทร์ตลอด ถึงจะแอบไปหลับบ้าง แต่ก็ไม่เคยทิ้งคุณพระจันทร์เลยสักวัน เรายังไปมองพระจันทร์ที่ระเบียงทุกวัน”
พันลี้หัวเราะชอบใจ ก่อนจะเอียงศีรษะของเ้าตัวมาแนบชิดกับศีรษะของเขา “คุณใกล้น่าเอ็นดูจังเลยค่ะ”
ตอนนี้เหมือนหัวใจจะหยุดเต้นเลย...
“...”
“ดูเหมือนคุณใกล้จะชอบพระจันทร์มากเลยนะคะ”
ใกล้พยักหน้าขณะเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง และคุณพระจันทร์ก็ปล่อยให้เขาเป็อิสระด้วยการขยับออกห่าง มือหนาที่เคยบังแดดให้ ในตอนนี้ถูกชักกลับไปวางไว้ข้างกายคนตัวสูงแล้ว
“ตอนแรกก็แค่ชอบ แต่ตอนนี้...” ใกล้หันไปมองคุณพระจันทร์เพียงชั่วครู่ แล้วก้มหน้ามองพื้นแทน “…เราตกหลุมรักคุณพระจันทร์ไปแล้ว”
“คุณใกล้เคยคิดเปลี่ยนไปตกหลุมรักพระอาทิตย์หรืออย่างอื่นแทนพระจันทร์บ้างไหมคะ?”
คนโดนถามเดินช้าลง เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับพันลี้เพื่อหาคำตอบให้ตัวเอง แต่แค่ได้เห็นแววตาและรอยยิ้มของคนข้างกาย คำตอบก็ไหลพรั่งพรูเข้ามาในสมอง
“ถ้าแค่ชอบก็คงจะเปลี่ยนใจได้ แต่เราดันตกหลุมรักพระจันทร์ไปซะแล้ว...การจะขอความรักคืนจากพระจันทร์คงไม่ง่ายหรอก”
คนฟังยิ้มเหมือนพอใจในคำตอบ ก่อนเอ่ย “ลี้ว่า...ถ้าพระจันทร์รู้ว่ามีคนน่ารักแบบคุณใกล้มาตกหลุมรัก พระจันทร์คงไม่มีทางคืนความรักให้หรอกค่ะ แต่พระจันทร์คงจะหาวิธีที่จะทำให้คุณใกล้ตกหลุมรักได้มากกว่าเดิม”
ใกล้หัวเราะเบา ๆ ให้กับความคิดน่ารัก ๆ ของคุณพระจันทร์ที่ไม่เคยรู้เลยว่ามีคนตกหลุมรักตัวเองอยู่
“จริง ๆ คุณพระจันทร์ไม่ต้องหาวิธีมาทำให้ตกหลุมรักเพิ่มขึ้นหรอก เพราะแค่เป็พระจันทร์ดวงเดิมก็ทำให้รักมากขึ้นในทุก ๆ วันแล้ว”
พันลี้อมยิ้มก่อนจะส่งมือมาบีบจมูกเขาเบา ๆ “คำพูดคำจา...น่ามันเขี้ยวจริง ๆ เลย”
เพราะใกล้เขินมากจึงย่นจมูกใส่พันลี้ไปหนึ่งที ก่อนจะเอานิ้วชี้จิ้มที่ท่อนแขนหนาไปอีกหนึ่งครั้ง คล้ายกำลังเอาคืนอีกฝ่าย และก็จิ้มย้ำ ๆ อีกหลายครั้งเมื่อเห็นอีกคนหัวเราะชอบใจ
“นี่แหนะ!”
“เอาคืนลี้เหรอคะ?”
“อื้อ...เอาคืนคนขี้แกล้ง”
“นอกจากไอ้แก้มย้อยแล้ว...ลี้ก็ไม่อยากแกล้งใครเลย” คุณพระจันทร์กัดริมฝีปากล่างน้อย ๆ อย่างที่ชอบทำ “จนกระทั่งมาเจอคุณใกล้....ขอลี้แกล้งหน่อยนะคะ”
แค่คิดว่าตัวเองต้องกลายเป็ตุ๊กตาที่นั่งนิ่ง ๆ ให้พันลี้แกล้ง ใกล้ก็เขินจนตัวจะะเิแล้ว เขาเลยส่ายหน้าปฏิเสธ ก่อนเอ่ย “ไม่เอา...ไม่ให้พันลี้แกล้งหรอก”
คนที่เพิ่งปฏิเสธคุณพระจันทร์เพราะความเขินอายเดินเข้ามาภายในตึกคณะ ก่อนจะมุ่งตรงไปรอลิฟต์ โดยมีคนตัวสูงที่แสนขี้แกล้งเดินมาหยุดยืนข้าง ๆ
“นิดเดียวเอง...”
ใกล้หันไปมองคนข้างกายที่ส่งยิ้มมาให้ ก่อนเอ่ย “อ้อนเหรอ?”
“ค่ะ อ้อน”
ใกล้หัวเราะเบา ๆ “อ้อนไปเลย เราไม่ยอมให้แกล้งหรอก”
ติ้ง!
เมื่อเสียงแจ้งเตือนดังขึ้น ประตูลิฟต์ก็เปิดออก คนตัวสูงที่ยืนหัวเราะชอบใจเอื้อมมือมาคว้ามือของเขาไว้แล้วพาเดินเข้าไปในลิฟต์ เ้าตัวกดปิดประตูลิฟต์ทันที ก่อนจะปล่อยให้เขาเป็อิสระ ทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยความรวดเร็วจนใกล้มึนงงไปหมด
ตอนนี้ใกล้ไม่ต่างจากตุ๊กตานุ่มนิ่มที่พันลี้หิ้วติดตัวไปด้วย...
คุณศศินอยากจับใกล้ใจไปวางไว้ตรงไหนก็ตามใจเลยนะ
ขอแค่อย่าเอาไปวางทิ้งไว้ในห้องมืด ๆ ก็พอ...เพราะใกล้ใจกลัวผี
“คุณใกล้มีเรียนชั้นไหนคะ?”
“เราเรียนชั้นแปด”
“โอเคค่ะ”
คุณพระจันทร์ตอบรับแล้วกดปุ่มเลือกชั้น ก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้เขา ใกล้ขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะมองแผงปุ่มควบคุมที่ถูกกดเลือกเพียงแค่ชั้นเดียว เขาคิดว่าเ้าตัวอาจจะลืมว่าต้องไปทำธุระจึงเอ่ยเตือน
“พันลี้ไม่กดเลือกชั้นที่จะไปทำธุระเหรอ?”
“อ๋อ..ลี้กดแล้วค่ะ ลี้ต้องไปทำธุระชั้นแปด”
“ชั้นเดียวกับเราเลยเหรอ?”
“ค่ะ”
ใกล้พยักหน้ารับทั้งที่ยังสงสัยอยู่ เพราะทุกห้องของชั้นแปดที่ตึกนี้จะมีการเรียนการสอนเฉพาะนักศึกษาสาขาธุรกิจการบินเท่านั้น น้อยครั้งที่จะมีนักศึกษาสาขาอื่นมาใช้ห้องเรียนที่ชั้นนี้
ทว่าเขาคิดว่าพันลี้เป็คนมีเพื่อนเยอะพอสมควร ธุระของเ้าตัวคงเป็การแวะไปหาเพื่อนที่เรียนอยู่สาขาเดียวกับเขา เมื่อคิดได้เช่นนี้ใกล้จึงเลือกไม่ซักถามพันลี้ต่อ
“คุณใกล้...”
“ครับ?”
“แผลที่หน้าอก...” พูดพลางยกนิ้วชี้ที่บริเวณหน้าอกของเขา “หายดีหรือยังคะ?”
“อ๋อ...ดีขึ้นมากแล้ว แต่ยังเป็รอยอยู่ ตอนนี้เราทายาทุกวันเลย”
“ดีแล้วค่ะ”
ติ้ง!
เสียงเตือนที่ดังขึ้นทำให้เราละสายตาออกจากกัน ใกล้เดินออกมาจากลิฟต์พร้อมคุณพระจันทร์ เ้าตัวจ้องมองเขาแล้วอมยิ้มอยู่อย่างนั้น
“เราเรียนที่ชั้นนี้ประจำ...ก็เลยคุ้นเคยกับชั้นนี้มาก ๆ ”
ไม่อยากเชื่อเลยว่า...คุณพระจันทร์ทำให้ใกล้ใจคนขี้อายพัฒนาได้เร็วขนาดนี้
“…”
“พันลี้จะไปทำธุระที่ห้องไหนก็บอกเราได้นะ เดี๋ยวเราพาไปส่ง เพราะยังไม่ถึงเวลาเรียนของเราเลย”
ตอนนี้ใกล้ใจต่อเวลาเก่งสุด ๆ ไปเลย...
“คุณใกล้เรียนห้องไหนเหรอคะ?”
“เราเรียนห้องแปดศูนย์ศูนย์หนึ่ง ห้องแรกเลย” ใกล้ชี้นิ้วไปที่โถงทางเดินที่จะพาไปสู่ห้องเรียน
“ลี้มีธุระที่ห้องนั้นแหละค่ะ”
ใกล้ว่ามันมีกลิ่นแปลก ๆ แล้ว เขาจึงเอ่ยถาม “พะ พันลี้ไม่ได้จะไปต่อยคนที่ว่าเื่ชื่อของเราใช่ไหม?”
“ไม่ใช่ค่ะ คุณใกล้ไม่ต้องกลัวนะ” คุณพระจันทร์พูดปนหัวเราะ
เฮ้อ...โล่งใจหน่อย
เมื่อกี้ใหมดเลย
“งั้นตามเรามาเลย เดี๋ยวเราจะนำทางให้พันลี้เอง”
“ขอบคุณนะคะ”
ใกล้ส่งยิ้มให้คนตัวสูง ก่อนจะพาเดินมาที่บริเวณห้องเรียนของเขา คนตัวเล็กพาคุณพระจันทร์มาหยุดยืนที่หน้าประตูห้องที่เปิดอ้ากว้างจนเห็นนักศึกษาหลายคนที่นั่งรออาจารย์เข้าสอนอยู่ เมื่อใกล้ชะเง้อมองเข้าไปในห้องก็เห็นพายกับเมย์นั่งอยู่ที่เก้าอี้หน้าห้องเหมือนเคย ก่อนที่ใครบางคนที่ไม่ค่อยชอบหน้าเขาเท่าไหร่จะเดินสวนออกมา
นิวเลิกตาโตเล็กน้อยตอนที่เห็นพันลี้ยืนอยู่ข้าง ๆ เขา ใกล้ไม่แปลกใจที่นิวแสดงอาการประหลาดใจ คงเพราะนิวไม่คิดว่าจะได้เจอพันลี้ง่าย ๆ แบบนี้
ใกล้หันไปมองคนข้างกาย ก่อนเอ่ย “ห้องนี้แหละ พันลี้”
“นี่ห้องเรียนของคุณใกล้ใช่ไหมคะ?”
ใกล้พยักหน้าหงึกหงัก “อื้อ พันลี้จะมาทำธุระที่ห้องนี้ใช่ไหม?”
“ใช่ค่ะ”
“ลี้ ~ มาทำอะไรที่ชั้นนี้?”
บทสนทนาของเราสองคนถูกขัดจังหวะโดยนิวที่เดินเข้ามาหา ใกล้หันกลับไปมองนิวที่ส่งยิ้มให้เขาอย่างเป็มิตร ทว่าพันลี้คนขี้เล่นเปลี่ยนโหมดฉับพลันในตอนที่นิวส่งยิ้มให้ คุณพระจันทร์นิ่งเงียบและไม่ยิ้มเลย
“เรามาส่งคุณใกล้เข้าเรียน”
“...”
คงไม่ใช่แค่นิวที่ใในคำตอบของพันลี้ เขาก็ใไม่น้อยเลย ใกล้จ้องมองคุณพระจันทร์ที่เผยรอยยิ้มบางขณะมองเขา ก่อนเ้าตัวจะส่งมือมาลูบหัวเบา ๆ
“นี่แหละค่ะ...ธุระของลี้”
“...”
“ตั้งใจเรียนนะคะคุณใกล้”
“อะ อื้อ”
ใกล้ไม่คิดต่อว่าตัวเองที่ตอบพันลี้ไปด้วยคำพูดสั้น ๆ เพราะเขาเข้าใจดีว่าตอนนี้สมองและหัวใจทำงานหนักแค่ไหน คุณพระจันทร์โจมตีเขาอย่างรุนแรงจนเกาะป้องกันพังทลาย
หัวใจถึงได้แหลกละเอียดไม่เป็ชิ้นดีอยู่แบบนี้...
ทว่าใกล้ยังมีสติมากพอที่จะยกมือขึ้นโบกลาคุณพระจันทร์ที่ก้าวถอยห่างออกไปเรื่อย ๆ เ้าตัวไม่เดินหันหลังให้เขา แต่ก้าวถอยไปทีละน้อยแล้วโบกมือลา
และรอยยิ้มสดใสที่พระอาทิตย์ไม่อาจเทียบได้
ทำให้ใกล้ใจอยากส่งข้อความถึงดวงจันทร์
“...แล้วเจอกันนะพันลี้”
“ค่ะ”
วันนี้...ข้อความของใกล้ใจ
ส่งถึงดวงจันทร์ดวงเดิมแล้วนะ
:)
ใกล้ยืนมองจนพันลี้เดินเข้าไปในลิฟต์ ก่อนจะหมุนตัวหันกลับมาทางประตูที่เปิดอ้ากว้าง ทว่าสายตาของนิวที่จ้องมองเขาผิดไปจากเดิม เ้าตัวกอดอกแล้วเดินเข้ามาหาเขาด้วยสีหน้าและท่าทางที่ไม่ค่อยเป็มิตร
“ตอนที่เราฝากไปขอไลน์พันลี้ ใกล้บอกว่าไม่รู้จักกัน”
“...”
“เนี่ยเหรอคนไม่รู้จักกัน สนิทกันเลยมากกว่ามั้ง”
“ตอนนั้นเราไม่รู้จักกับพันลี้จริง ๆ ...” ใกล้ไม่ละสายตาออกจากอีกฝ่ายเลยแม้แต่วินาทีเดียว เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ก่อนเอ่ยต่อ “แต่ถึงตอนนี้จะสนิทกันแล้ว...มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนิวเลย”
แววตาของนิวดูสับสนปนโมโห ใกล้ส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะเดินสวนไหล่นิวเข้ามาในห้องเรียน เขาคิดว่าสิ่งที่ทำให้เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์คือการโต้เถียงกันแบบไม่มีที่สิ้นสุด
ถ้าใกล้ไม่พูดตัดบทไปแบบนั้น...
นิวคงหาเื่เขาไม่เลิก
“ใกล้...”
“ตรงนี้ ๆ ”
ใกล้พยักหน้ารับเพื่อนที่โบกมือเรียก เขารีบสาวเดินไปที่หน้าห้องเรียนก่อนจะหย่อนก้นนั่งลงข้าง ๆ พาย เพื่อนสนิททั้งสองคนรับเล่มรายงานไปดูโดยไม่พูดอะไร ใกล้เดาว่าเมย์กับพายคงนั่งคุยกันจึงไม่เห็นใครบางคนที่มาส่งเขา ไม่อย่างนั้นทั้งคู่จะต้องพูดแซวแล้ว
ดีแล้วที่ไม่รู้...
ขอพักเขินสักแป๊บนะ
“ค่ารายงานเท่าไหร่ใกล้?”
นั่นไง...ใกล้ใจไม่ได้พักหรอก “เราไม่รู้ว่าเท่าไหร่อะ”
“หือ?” พายขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“เพราะพันลี้เป็คนจ่ายให้”
“อะไรเนี่ย ~”
เริ่มแล้วสินะ...เริ่มจากเมย์คนแรกเลย
“ไม่มีอะไร เราแค่บังเอิญไปเจอกับพันลี้ที่โรงอาหารแล้วก็นั่งกินข้าวด้วยกัน…” ใกล้หยุดเว้น่เพื่อกลั้นยิ้มเมื่อโดนเพื่อนสองคนหรี่ตาใส่แล้วชี้นิ้วคล้ายกำลังจับผิด “...แล้วตอนพายโทรไปหาเรา พันลี้ได้ยินว่าเราจะไปปริ้นท์งานพอดี เ้าตัวก็เลยขอไปด้วยเพราะมีงานที่ต้องปริ้นท์เหมือนกัน”
“มันแบบ...ดูลงล็อกไปหมดเลยเนอะพาย”
“จริง...ไม่ได้นัดกันไว้จริง ๆ ดิ”
ใกล้เลิกตาโตแล้วส่งมือไปตีแขนเพื่อนหนึ่งที “จะนัดเจอกันได้ยังไง...เราไม่ได้สนิทกับพันลี้ขนาดนั้น”
“จ้า...”
“ขอโทษที่อาจารย์มาช้านะคะ”
“อาจารย์มาแล้ว ๆ ”
บทสนทนาของใกล้กับเพื่อนสนิททั้งสองคนสิ้นสุดลงเมื่ออาจารย์มาถึง เขาหันไปมองอาจารย์ประจำวิชาที่นั่งลงหน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์แล้วจัดกองเอกสารด้วยสีหน้าเหนื่อยอ่อน วันนี้อาจารย์คงมีสอนทั้งวันโดยไม่ได้พักแน่ ๆ ใกล้กำลังจะหันไปพูดกับเพื่อนว่าเห็นใจอาจารย์ ทว่าสายตาของทั้งสองคนทำให้เขาอยากจะลุกออกจากเก้าอี้
ขอให้ได้แซว...
แค่ได้แซวทางสายตาก็เอานะเ้าพวกคนขี้แกล้ง
“อาจารย์ขอเข้าบทเรียนเลยนะคะ สายมามากแล้วค่ะ...”
ใกล้ละสายตาจากเพื่อนสนิททั้งสองคนแล้วหันมองบนหน้าจอโปรเจกต์เตอร์เมื่อได้ยินอาจารย์เริ่มบรรยายเนื้อหาของบทเรียนล่าสุด พายที่ทำหน้าที่ปริ้นท์เนื้อหาของบทเรียนในแต่ละบทมาให้เขากับเมย์ค่อย ๆ ส่งชีทมาให้ ใกล้พยักหน้าเป็เชิงขอบคุณ แต่เมื่อเห็นเ้าตัวล้อเขาทางสายตาไม่เลิกก็อดไม่ได้จึงตีแขนพายไปอีกหนึ่งที
“เลิกล้อเราได้แล้ว ~”
“วันนี้ใกล้ใจคงอิ่มอกอิ่มใจไปทั้งวันแน่ ๆ ”
คนโดนแซวหลุดหัวเราะออกมาแล้วส่ายหน้าเบา ๆ พลางหันกลับไปมองเนื้อหาที่ฉายบนหน้าจอขนาดใหญ่ เขาจะแกล้งเมินทั้งสองคนแล้วตั้งใจเรียน
เพราะคุณพระจันทร์บอกว่า...
‘ตั้งใจเรียนนะคะคุณใกล้’
จากที่ตั้งใจเรียนอยู่แล้ว
ตอนนี้ใกล้เลยตั้งใจเรียนขึ้นอีก ‘ตั้งเยอะ’ เลย
:)
หลังจากที่นั่งฟังอาจารย์บรรยายเนื้อหาของบทเรียนจบ ใกล้ก็เป็ตัวแทนกลุ่มเอารายงานไปส่ง ครั้งนี้กลุ่มเขาไม่ต้องปรับแก้งานมากนัก อาจารย์เพียงแค่ให้เพิ่มเนื้อหาไปอีกนิดหน่อยเท่านั้น ใกล้จึงขอเอางานกลับมาทำเอง เพราะเขาเป็คนฟังคำแนะนำจากอาจารย์ว่าควรเพิ่มเติมอะไรเข้าไปในรายงานบ้าง ก่อนจะแยกย้ายกับเพื่อนทั้งสองคนเพื่อกลับคอนโด
คนตัวเล็กขึ้นมาบนรถพร้อมกับเล่มรายงาน ใกล้กำลังจะเอามันวางไว้ที่เบาะข้าง ๆ คนขับ ทว่าเขาต้องถือเล่มรายงานค้างไว้เมื่อเห็นเสื้อนักศึกษาของคุณพระจันทร์ที่พับไว้เรียบร้อยวางอยู่ตรงนั้น ใกล้จึงเอาเล่มรายงานไปวางไว้บนคอนโซลรถแทน เขาหยิบเสื้อของพันลี้ที่มีกลิ่นหอมฟุ้งมาวางบนตัก ก่อนตัดสินใจจะเอาไปคืนเ้าตัวในวันนี้
ยอมรับก็ได้ว่า...
ใกล้อยากเจอคุณพระจันทร์
เข็มนาฬิกาตีบอกเวลาห้าโมงครึ่งพอดี ใกล้จึงขับรถออกจากลานจอดหน้าตึกคณะของตัวเองเพื่อไปที่ลานจอดรถที่พันลี้ชอบยืนสูบบุหรี่เป็ประจำ
แต่เมื่อใกล้เลี้ยวเข้ามาจอดภายในลานกว้างก็ไม่เห็นรถสีขาวมุกคันโปรดของคุณพระจันทร์เลย ทั้งที่เวลานี้เ้าตัวควรมาปรากฏตัวแล้ว ใกล้คิดว่าวันนี้คุณพระจันทร์คงกลับเร็วแน่ ๆ เลย แต่เพื่อความแน่ใจใกล้จึงล้วงหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาใครบางคน
‘พี่ดอม’
ใกล้รอสายเพียงชั่วครู่ พี่ชายก็รับสายพร้อมเอ่ยทักทายอย่างอบอุ่น
[ว่าไงครับใกล้ใจ?]
“พี่ดอมครับ...ใกล้อยากรู้ว่าตอนนี้พันลี้ยังอยู่ที่มหา’ ลัยไหม พี่ดอมพอจะติดต่อพันลี้ได้ไหมครับ?”
[พันลี้เหรอ?]
“ครับ เมื่อหลายวันก่อน ใกล้ทำกาแฟหกเลอะเสื้อ แล้วใกล้เจอกับพันลี้พอดี เ้าตัวก็เลยให้ยืมเสื้อมาเปลี่ยนก่อนเข้าพรีเซนต์ครับ”
[…]
“ใกล้เอาเสื้อที่ซักเสร็จเรียบร้อยแล้วติดรถมาด้วย...วันนี้ใกล้เลยอยากเอาไปคืนพันลี้ครับ”
[อ๋อ...งั้นเดี๋ยวพี่โทรไปถามพันลี้ให้ ปกติเวลานี้พันลี้ก็น่าจะอยู่ที่มอนะ]
“...” บอกพี่ดอมไม่ได้ด้วยว่าแอบมารอพันลี้อยู่ที่ลานจอดรถแล้ว เดี๋ยวพี่ดอมจะสงสัยเื่ที่เขารู้ว่าพันลี้จอดรถที่นี่เป็ประจำ
[พี่ขอวางสายจากใกล้ก่อนนะ เดี๋ยวพี่โทรไปหาพันลี้ก่อน]
“ครับพี่ดอม”
หลังวางสายจากพี่ชาย ใกล้ก็นั่งรออยู่บนรถนานหลายนาที ก่อนจะมีเบอร์แปลกโทรเข้ามา เขาคิดว่าคงเป็เบอร์โทรศัพท์อีกเครื่องของพี่ชาย เพราะพี่ดอมใช้โทรศัพท์สองเครื่อง และเขาไม่ได้บันทึกเบอร์ใหม่ของพี่ชายไว้
“ฮัลโหลครับ”
[ครับผม]
เสียงนี้...
“พะ พันลี้เหรอ?”
ตึก ตัก ตึก ตัก
[ใช่ค่ะ...ลี้เอง]
“...”
[พี่ดอมโทรมาบอกว่าคุณใกล้อยากคุยกับลี้]
“…”
[คุณใกล้มีอะไรจะคุยกับลี้คะ?]
“เอ่อ...คือเราอยากเอาเสื้อไปคืนพันลี้น่ะ เราเลยอยากรู้ว่าตอนนี้พันลี้ยังอยู่ที่มอไหม เราก็เลยโทรถามพี่ดอมแทน เพราะไม่รู้จะติดต่อพันลี้ยังไง”
ใกล้ได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ ของปลายสาย
[นี่เบอร์ลี้นะคะ ต่อไปนี้ถ้าคุณใกล้อยากเจอหรือคุยกับลี้...คุณใกล้โทรมาหาลี้ได้เลย ไม่ต้องผ่านพี่ดอมแล้วนะ]
“อะ อื้อ”
[แต่ตอนนี้ลี้ออกมาจากมอแล้วค่ะ พอดีลี้รีบมาซื้อรองเท้าสตั๊ด เพราะพรุ่งนี้ลี้มีแข่งบอล]
“อ๋อ...”
[ตอนนี้คุณใกล้อยู่ไหนคะ ไปรอลี้อยู่ที่ไหนเอ่ย?]
ใกล้ใจอย่าเพิ่งตอบกลับ คิดคำตอบให้ดี ๆ ก่อน “เราไม่ได้ไปรอพันลี้ที่ไหนหรอก เรากำลังจะขับรถออกจากมอ พอดีเห็นเสื้อก็เลยคิดถึง เราคิดว่าถ้าพันลี้ยังอยู่ที่มอก็จะแวะเอาไปคืนให้”
ดีแล้ว ๆ ตอบดีแล้วใกล้ใจ
ไม่มีอะไรน่าสงสัยเลย...
แต่เดี๋ยวนะ...
[อ๋อ...เห็นเสื้อเลยคิดถึงลี้]
ฮืออ...พลาดอีกจนได้
จะตอบยังไงดี...
“เราไม่ได้คิดถึงพันลี้แบบนั้นนะ เราแค่คิดถึงเ้าของเสื้อ...”
เดี๋ยวใกล้ใจ...ใจเย็น ๆ นะ
[...]
“ไม่ใช่ ๆ เราหมายถึงคิดว่าเสื้อคงคิดถึงเ้าของแล้ว”
[…ลี้สรุปว่าทั้งคนยืมและเสื้อคิดถึงลี้แล้วกัน]
คุณพระจันทร์จะรู้มากเกินไปแล้วนะเนี่ย!
“...”
[คุณใกล้...พรุ่งนี้ว่างไหมคะ?]
“พรุ่งนี้เหรอ?”
[ค่ะ]
“รอเราแป๊บนะพันลี้”
[ได้ค่ะ]
ใกล้เอื้อมไปหยิบสมุดโน้ตเล็ก ๆ ที่วางอยู่บนคอนโซลรถเพื่อเปิดดูตารางเรียน พรุ่งนี้เขาไม่มีเรียนสักวิชา ใกล้ขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะคิดทบทวนว่ามีเรียนชดเชยไหม
“พรุ่งนี้เราว่างนะพันลี้”
[คุณใกล้เอาเสื้อมาคืนลี้ที่สนามบอลได้ปะคะ?]
“ได้นะ”
[โอเคค่ะ เดี๋ยวลี้ส่งโลเคชั่นไปให้นะคะ]
“อื้อ”
[คุณใกล้...ลี้ขอไลน์หน่อยค่ะ]
เป็ครั้งแรกที่ใกล้ลืมไลน์ของตัวเอง เขาใช้เวลาเกือบนาทีในการเรียกความจำกลับมา ใกล้ไม่โกรธตัวเองเลยที่ลืมไลน์ไอดีในเวลานี้ เพราะเขาโดนคนที่แอบชอบมาแสนนานเอ่ยขอไลน์ก่อน
คนอื่นอาจจะไม่ช็อก
แต่ใกล้ใจช็อก...
“จี แอล เอ ไอ เจ เอ ไอ...แล้วก็ใส่จุดหนึ่งจุดครับ”
ใกล้ได้ยินปลายสายพูดทวนเบา ๆ
[ใกล้ใจนี่เอง…]
“ใช่ ใกล้ใจเอง”
[เดี๋ยวลี้แอดไลน์ไปนะคะ]
“โอเค”
[...]
“…”
เหมือนบทสนทนาของเราสองคนจะจบลงแล้ว เพราะความเงียบเริ่มทำหน้าที่ของมัน ทว่าไม่มีใครยอมวางสายก่อนเลย แต่ไม่นานนักใกล้ก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ ของอีกคน
[ไม่อยากวางสายเหรอคะใกล้ใจ?]
“มะ ไม่ใช่นะ...คือเราคิดว่าพันลี้อยากพูดอะไรต่ออีก”
[อ๋อ...]
“อื้อ”
[ลี้ไม่มีอะไรจะพูดแล้วค่ะ...แล้วใกล้ใจล่ะคะ?]
“เราก็ไม่มีแล้ว”
[งั้นใครจะเป็ฝ่ายวางสายก่อนคะ?]
“เราก็ได้ เดี๋ยวเราวางสายก่อนนะ”
[โอเคค่ะ]
ใกล้กำลังกดวางสาย แต่เพราะได้ยินเสียงของปลายสายที่กำลังจะเอ่ยบางอย่างจึงหยุดรอก่อน
“…”
[คุณใกล้...]
“ครับ?”
[วันนี้...ตั้งใจเรียนไหมคะ?]
คนโดนถามปล่อยให้ตัวเองยิ้มกว้างออกมา เพราะตอนนี้คงไม่มีใครเห็นเขายิ้มหรอก
“ไหนว่าไม่มีอะไรจะพูดแล้วไง?”
[ลี้เพิ่งนึกออกค่ะ]
“เราตั้งใจเรียนทุกวันแหละ”
[ดีมากค่ะ]
“พันลี้...”
[คุณใกล้ก็มีอะไรอยากพูดกับลี้ใช่ไหมคะ?]
“อื้อ...ขอบคุณที่ไปส่งเรานะ”
[ด้วยความยินดีเลยค่ะ]
“ตอนนี้เราไม่มีอะไรจะพูดแล้ว งั้นเราวางสายแล้วนะ”
[โอเคค่ะ]
คนตัวเล็กที่เพิ่งวางสายจากคุณพระจันทร์นั่งยิ้มกว้างอยู่คนเดียวบนรถ หัวทุยซบลงที่พวงมาลัยแล้วปล่อยให้บางความรู้สึกสูบฉีดเข้าไปในหัวใจจนมันพองโตขึ้นเรื่อย ๆ
ไลน์ ~
เขายกโทรศัพท์ขึ้นมาดูทั้งที่ศีรษะยังซบอยู่บนพวงมาลัยรถ
'P.Panli add you by Line ID'
ใกล้ยิ้มกว้างมากกว่าเดิมในตอนที่เห็นคุณพระจันทร์ก้าวเข้ามาในโลกของเขา มือเรียวยกโทรศัพท์ขึ้นทาบที่บริเวณหน้าอกของตัวเองก่อนจะภาวนาให้...
ดวงจันทร์โคจรรอบใกล้ใจไปนาน ๆ
:)
#ใกล้แค่พันลี้
[โอเค ๆ ส่งงานมาให้เราได้เลยนะใกล้ เราเติมสีเครื่องปริ้นท์ไว้รอแล้ว]
“โอเค เดี๋ยววางสายแล้วเราส่งให้เลยนะ”
[จ้า]
ใกล้วางสายจากพายแล้วรีบส่งไฟล์งานที่ได้เพิ่มเนื้อหาให้เพื่อนทางเมล แต่ก่อนใกล้ไม่ได้รู้สึกอะไรเวลาเห็นชื่อเมลของตัวเอง แต่เป็ในตอนนี้ที่เขาต้องกลั้นยิ้มอย่างหนักตอนที่เห็นตัวอักษรภาษาอังกฤษที่เป็ชื่อของตัวเอง
‘ชื่อโคตรน่ารักเลย’
สาเหตุที่ทำให้เขาต้องกลั้นยิ้มอย่างหนัก
คงไม่ได้มาจากชื่อ ‘ใกล้ใจ’
แต่มาจากคนที่ชมชื่อของเขาต่างหาก
หลังจากส่งงานให้พายทางเมลแล้ว คนตัวเล็กก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เพราะสามารถทำงานได้เสร็จทันตามเวลาที่ตัวเองกำหนดไว้ ใกล้เอนหลังพิงกับเก้าอี้นวมตัวใหญ่เพื่อคลายความเมื่อยล้า ก่อนจะคว้าโทรศัพท์เครื่องสีดำมาเปิดเข้าแอปพลิเคชันไลน์
20 : 30 น.
ห้องแช็ตของเขากับคุณพระจันทร์ยังว่างเปล่า หลังจากที่พันลี้เพิ่มการติดต่อมาทางไลน์แล้ว เ้าตัวก็ไม่ได้ส่งข้อความอะไรมา และใกล้ที่แอบรออยู่ก็ไม่กล้าทักไปก่อน เพราะไม่รู้ว่าอีกคนอยากจะคุยด้วยหรือเปล่า
ใกล้ถอนหายใจอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ไม่ได้รู้สึกโล่งใจ ในหัวเอาแต่คิดหาวิธีเริ่มบทสนทนาที่ดีเหมือนเคย ๆ เขาคิดว่าการชวนพันลี้คุยต่อหน้าเป็เื่ยากแล้ว แต่การเริ่มชวนคุยผ่านทางตัวอักษรยากกว่าหลายเท่าเลย
กึก!
โทรศัพท์เครื่องสีดำวางนอนแอ้งแม้งอยู่ที่เดิม ก่อนที่เ้าของจะเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเองจากการรอใครบางคนด้วยการหาเพลงฟังแทน ทว่าระหว่างที่กดเลือกเพลงในโน้ตบุ๊กอยู่นั้นก็มีความคิดหลากหลายผุดขึ้นเต็มไปหมด
‘พันลี้จะส่งโลเคชั่นสนามบอลมาวันนี้ไหมนะ?’
‘...หรือว่าจะส่งมาพรุ่งนี้เช้า’
‘ไม่หรอก...คงส่งมาให้วันนี้แหละ แต่พันลี้คงยุ่งอยู่แน่ ๆ เลย’
เพื่อหยุดความคิดมากมายที่ตีกันอยู่ในหัว ใกล้จึงเลือกเปิดเพลงให้เร็วที่สุด โดยไม่เลือกมากนัก เพื่อฝังกลบความคิดใหม่ ๆ ที่กำลังงอกออกมาเรื่อย ๆ
‘เคยลืมใครไม่ได้บ้างไหม ตอนกลางคืนใจมันชอบไหว อยากลองทักไป แต่กลัวเขาไม่ตอบกลับมา’
นี่ไง...บทลงโทษของคนที่ไม่รู้จักเลือกเพลงให้ดี
เพราะโลกจะชอบแกล้งให้เราได้ฟังเพลงที่จี้ใจสุด ๆ
‘ได้แต่จ้องมองบนหน้าจออย่างนั้น ตอนเจอกันทำได้แค่ฝัน อยากลองทักทาย แต่ทำได้แค่ผ่านผ่านตา’
“…”
‘เพราะรู้ดีว่าคงไม่มี เลยสักข้อใดข้อนึง ที่ทำให้เธอมามองมาสนใจ ที่ฉันมีก็แค่หัวใจ แต่ว่ามันจะเพียงพอไหม ที่จะให้เธอมองมา ได้แต่มองเธอไม่รู้ว่าเธอ จะหันมาเมื่อไหร่ ได้แต่คอยเธอแต่เธอไม่รู้’
ไลน์ ~
คนตัวเล็กรีบคว้าโทรศัพท์ด้วยความรวดเร็ว ทว่าข้อความที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอทำให้หัวใจที่กำลังเต้นแรงผ่อนจังหวะลง
Ppie : ใกล้ เราปริ้นท์งานเสร็จเรียบร้อยแล้วนะ
glaijai : โอเค ~
ลมหายใจอุ่นร้อนพรูออกมาทางจมูกและปาก ก่อนที่โทรศัพท์เครื่องสีดำจะถูกวางไว้ที่ตำแหน่งเดิมอีกครั้ง ใกล้เร่งเสียงเพลงให้ดังขึ้นอีกหน่อย
‘แล้วฉันจะคอยทำไม ชอบเธอจริงจริงแต่ยังไม่รู้ จะบอกเธอเมื่อใด ได้แต่คอย คอย คอย ได้แต่คอย คอย คอย’
ไลน์ ~
คนที่ร้องเพลงท่อน ‘ได้แต่คอย คอย คอย’ เบา ๆ เอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์เพื่อจะตอบข้อความกลับไปให้เพื่อนสนิทที่เพิ่งส่งไลน์มาใหม่
P.Panli : หลับหรือยังคะ?
‘เพราะฉัน เพราะฉันคือทีมที่รอเธอ’
ตอนนี้...ใกล้เข้าใจเพลง ‘ทีมรอเธอ’ อย่างสุดหัวใจเลย
คนที่เป็ทีมรอคุณพระจันทร์ยิ้มกว้างออกมา ก่อนจะใช้นิ้วปัดหน้าจอเพื่อเข้าไปตอบข้อความอีกฝ่าย
glaijai : ยังเลย :)
P.Panli : send a location
P.Panli : นี่เป็ที่อยู่ของสนามบอลที่ลี้ไปแข่งบอลพรุ่งนี้นะคะ
glaijai : โอเค ๆ
P.Panli : พี่ดอมก็ไปเตะบอลด้วยนะ
glaijai : เมื่ออาทิตย์ที่แล้วพี่ดอมบอกเราอยู่ แต่เราคิดว่าไปเตะบอลเล่น ๆ กับเพื่อน ไม่รู้ว่าต้องไปแข่งจริงจัง
P.Panli : จริง ๆ มันเหมือนเป็การแข่งประจำปีของพี่ฟ้ากับเพื่อน ไม่ได้เกี่ยวกับลี้หรอก แต่ว่าพี่เฮียเพื่อนของพี่ฟ้า ขอให้ลี้ไปลงแข่งด้วย จะได้ช่วยทีมเขาทำคะแนน
glaijai : แสดงว่าพันลี้เตะบอลเก่งแน่ ๆ เลย
P.Panli : ไม่เก่งหรอกค่ะ แค่พอได้เอง
พันลี้พูดถ่อมตัวขนาดนี้ ใกล้ไม่รู้จะตอบอะไรกลับเลย เขาเลยเลือกส่งสติกเกอร์กระต่ายยิ้มหวานไปให้แทน
glaijai : send a sticker
P.Panli : พูดไม่เก่ง
P.Panli : แต่ส่งสติกเกอร์เก่งเหรอคะ?
ใกล้อมยิ้ม ก่อนจะตอบกลับไป
glaijai : ขอโทษนะ เราพูดไม่เก่งจริง ๆ รวมถึงตอนพิมพ์คุยกันด้วย
ใกล้ใจเป็คนคุยไม่เก่งจริง ๆ นั่นแหละ
แต่ถ้าสนิทกันมากกว่านี้...พันลี้จะได้เห็นใกล้ใจคุยโม้ไม่หยุดเลยนะ
P.Panli : การเป็ตัวของตัวเองไม่ใช่เื่ผิดหรอกค่ะ ไม่ต้องขอโทษหรอก
P.Panli : พรุ่งนี้ลี้เริ่มแข่งบอล่เที่ยงถึงบ่าย
P.Panli : คุณใกล้ต้องอยู่รอเอาเสื้อคืนให้ลี้เองกับมือนะคะ ไม่งั้นลี้ไม่รับคืน
glaijai : โอเค เราจะอยู่รอคืนเสื้อให้พันลี้ด้วยตัวเองนะ
P.Panli : โอเคค่ะ
ตอนนี้เหมือนบทสนทนาของเราจะมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว
การต่อเวลาในนี้ก็ไม่ใช่เื่ง่ายเลย
glaijai : send a sticker
ใกล้จึงกดส่งสติกเกอร์กระต่ายยกมือทำท่าโอเคและมีดวงตาเป็ประกายไปให้คุณพระจันทร์
P.Panli : ใกล้ใจ
ตึก ตัก ตึก ตัก
เวลาพันลี้เรียกว่า ‘ใกล้ใจ’
หัวใจจะเต้นแรงทุกครั้งเลย...
glaijai: ครับ?
P.Panli : send a sticker
พันลี้ส่งสติกเกอร์รูปกระต่ายสีขาวตัวน้อย ๆ ที่นอนหลับปุ๋ยอยู่บนพระจันทร์เสี้ยวมาให้เขา ใกล้หลุดยิ้มออกมา ก่อนจะยิ้มกว้างกว่าเดิมในตอนที่เห็นข้อความล่าสุดที่คุณพระจันทร์ส่งมา
P.Panli : ฝันดีนะ
glaijai : อื้อ ฝันดีเหมือนกันนะ
glaijai : send a sticker
และสติกเกอร์ตัวสุดท้ายที่ใกล้เลือกส่งไปให้คุณพระจันทร์คือกระต่ายทำตาปิ๊ง ๆ พร้อมโบกมือลา คุณพระจันทร์คงเข้าใจว่าเขากำลังบอกลาเ้าตัวอยู่
แต่ความจริงแล้ว...
ถ้าคุณพระจันทร์มองลึกเข้าไปในแววตาของเ้ากระต่ายตัวนี้
คุณพระจันทร์จะรู้ว่า...
ใกล้ใจกำลังปิ๊งคุณพระจันทร์อยู่นะ
:)
#ใกล้แค่พันลี้
X : @SP251566
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้