ขบวนพ่อค้าขายหนอนจำเป็ก็ได้ฤกษ์ออกเดินทาง ด้วยมีเด็กเล็กร่วมเดินทางจำต้องใช้รถม้า สององครักษ์ป้ายแดงขับรถม้าให้สตรีสองกับเด็กอีกสองมุ่งหน้าเข้าตัวอำเภออย่างงงๆ อยู่ๆ ก็โดนย้ายงานโดยไม่ทันตั้งตัวแม้แต่น้อย ถึงแม้กิติศัพท์ความเก่งกาจของท่านทายาทจะเป็ที่เลืองลือพวกเขาสองคนมิได้ขัดข้องหากต้องไปติดตามรับใช้ แต่เื่ราวมันกะทันหันเกินไป
ท่านทายาทที่ตกเป็หัวข้อถกเถียงในใจของสององครักษ์ตอนนี้กำลังนั่งลูบศีรษะเล็กทีหนุนตักซ้ายขวา เ้าสองก้อนนี่ขึ้นรถมาได้ไม่ทันไรก็ตาปรือจนทนไม่ไหวสงสัยจะตื่นเช้าเกินไป
เด็กหนอ...ข้าหลับตาพักสายตา ขบคิดเื่ราวที่อาจจะเกิดนับจากนี้ อิงปู้ อิงเหอ ชื่อดี...ดูแล้วสมกับที่เป็ยอดทหาร ชาติก่อนหากไม่ได้สองคนนี้คอยติดตามเฝ้าดูอยู่ห่างๆ เพื่อเก็บศพของนาง ก็ไม่รู้ว่าข้าจะได้มีโอกาสแก้แค้นก่อนวาระสุดท้ายของชีวิตหรือไม่
ข้าสัญญาว่าจะดูแลเ้าดังครอบครัว ใช้งานบ้างเล็กน้อยแต่จะไม่ปล่อยให้เ้าโดดเดี่ยวจนวาระสุดท้ายแน่
ระยะทางหนึ่งร้อยกว่าลี้ด้วยฝีเท้าของยอดอาชาใช้เวลาเกือบสองชั่วยามก็มองเห็นตัวอำเภออยู่ไม่ไกล เลยเวลาเที่ยงวันมานานพอสมควรด้วยออกมาจากหุบเขาก็ช้ามาแล้ว เสียงผู้คนในตัวอำเภอดังจอแจ ทั้งร้านค้าต่างๆ ที่ะโเรียกลูกค้าไม่หยุด รถม้าคันโตที่มองดูไม่อาจบอกฐานะเ้าของวิ่งฝ่าฝูงชนไปด้วยความเร็วที่มั่นคง มุ่งตรงไปยังโรงน้ำชาชุนเฟิงหนึ่งในโรงน้ำชาที่ใหญ่ที่สุด
“ซี เยี่ยนตื่นได้แล้ว”เ้าก้อนทั้งสองขยี้ตาอย่างงัวเงีย นอนเก่งจริงๆ ข้ารับผ้าชุบน้ำจากตงเอ๋อมาเช็ดหน้าให้ทั้งสองอย่างเบามือ
“ถึงแล้ว/หิว”คนพี่รับคำอย่างว่าง่ายส่วนคนน้องอ้าปากทีก็หิว
“พี่ก็หิว งั้น...กินโจ๊กถั่วแดงหวานกันหรือไม่”
“กินๆๆ”ทั้งสองปรบมือร้องอย่างดีใจแล้วพุ่งเข้าไปเกาะเอวทั้งซ้ายขวาของพี่สาว
หญิงสาวหน้าตางดงามในชุดกระโปรงสิบสองจีบสีกลีบบัวอมแดง รับด้วยเสื้อคอปิดกระดุมหน้าทำจากไข่มุกเม็ดโต สีเสื้อเป็สีกลีบบัวอ่อนๆ เข้ากันกับสีกระโปร่งเป็อย่างดี แม้เครื่องประดับจะน้อยชิ้นแต่หากมองดีๆ เนื้อของหยกที่เป็มันวาวขุ่นขาวราวกับมันแพะ มองอย่างไรก็ล้ำค่าหาใดเปรียบ แม้ผ้าคาดผมจะไม่เข้ากันไปบ้างแต่ก็ไม่ได้แย่จนดูไม่ได้ เสียอย่างเดียวเด็กที่หนีบอยู่ในอ้อมแขนทั้งซ้ายขวานั่นคือบุตรชายของแม่นางน้อยคนนี้หรือ ดูหน้าตาที่เหมือนกันของทั้งสามคนสิ น่าเสียดายโดยแท้
ขบวนของหญิงสาวและเด็กน้อยทั้งสองมิได้สนใจกับสายตาที่มองมา ทั้งนายบ่าวต่างเดินตรงเข้าไปในโรงน้ำชาอย่างรวดเร็ว เสี่ยวเอ้อเห็นแขกผู้มาใหม่ั้แ่ลงจากรถม้า ดูท่าคงไม่ธรรมดาจึงรีบออกไปต้อนรับอย่างรวดเร็ว ด้วยประสบการณ์ค้าขายต้องต้อนรับลูกค้ามาหลายสิบปี เห็นดรุณีน้อยอุ้มเด็กเข้ามาแต่มิได้มีท่าทางของหญิงที่ออกเรือนเลยแม้แต่น้อย จึงเข้าไปกล่าวทักทายอย่างรู้มารยาท
“ยินดีต้อนรับคุณหนูและคุณชายน้อย ท่านได้จองโต๊ะไว้หรือไม่ขอรับ หากยังข้าน้อยจะพาท่านไปยังห้องส่วนตัวที่ดีที่สุดของร้านเรานะขอรับ”
“เ้านับว่าตาถึง ตงเอ๋อให้รางวัล...ข้านัดคนไว้เป็คุณชายท่านหนึ่ง ข้าลืมถามชื่อแช่แค่บอกว่าให้เขาจองห้องพิเศษไว้”ข้าหยีตาอย่างอารมณ์ดีแล้วให้ตงเอ๋อตกรางวัลให้เสี่ยวเอ้อที่ตาถึง คนส่วนมากคงตาพิการที่เห็นเ้าสองแฝดนี่เป็ลูกชายนาง ข้ายังสาวจะคลอดลูกโตขนาดนี้ได้อย่างไร
“คุณหนูเกรงใจเกินไปแล้วขอรับ ผู้ที่ท่านนัดไว้มารออยู่นานแล้ว เชิญตามข้าน้อยมา นี่ก็เที่ยงวันแล้วคุณหนูและคุณชายน้อย้าสั่งอาหารหรือไม่”เสี่ยวเอ้อเชิญแขกขึ้นไปชั้นบนอย่างรู้หน้าที่ แต่ก็ไม่ลืมที่จะขายของไปด้วย เขาทำงานดีเยี่ยมขนาดนี้เถ้าแก่คงขึ้นค่าแรงให้อีกไม่น้อย
“เ้านี่เอาใจใส่ลูกค้าดี เอาโจ๊กถั่วแดงหวานมาสามที่”
“เป็หน้าที่ของผู้น้อยอยู่แล้วขอรับ คุณหนูเป็ห้องนั้นที่มีทหารยืนอยู่ ข้าน้อยขอตัวไปเตรียมอาหารก่อน”
ข้าพยักหน้าให้เสี่ยวเอ้อแบบขอไปที สายตากลับจ้องอยู่หน้าห้องรับรองที่มีทหารยืนเฝ้าอยู่ สองเท้าก็ไม่ได้หยุดก้าว เดินไปไม่ถึงสิบก้าวก็ถึงหน้าห้อง ข้ากวาดตามองทหารยามหน้าตายทั้งสองดูเหมือนเป็ยอดทหาร
“ข้ามาพบเฉินอี้”
ทหารทั้งสองมองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่งก็เปิดประตูให้ ข้าอุ้มสองแฝดเดินนำตงเอ๋อและอิงปู้อิงเหอเข้าไป ข้าและตงเอ๋อเดินผ่านเข้าไปพอถึงตาของสององครักษ์กับโดนนายทหารทั้งสองขวางเอาไว้ ข้าหันไปมองเห็นทั้งสองฝ่ายต่างหยั่งเชิงกันอย่างเงียบเชียบ บรรยากาศชวนกดดันไม่น้อย
“คนของข้าแค่แบกเก้าอี้มาส่งไม่ได้มาฆ่าใคร หากอยากจะวัดว่าใครเหนือกว่าจะลองดูก็ได้”
“ล่วงเกินแล้ว”นายทหารทั้งสองได้ยินเสียงนิ่งๆ ที่แฝงไปด้วยอำนาจต่างก็เชื่อในคำพูดของสตรีตรงหน้าว่านางสามารถทำอย่างที่ลั่นวาจาได้ ทั้งสองจึงไม่กล้าเสี่ยงมีเื่นอกเขตอำนาจของเ้านายตัวเอง
“ขออภัยคุณหนูคนของข้าล่วงเกินแล้ว เชิญคุณหนูและคนของท่านเข้ามาเถิด”เสียงชายหนุ่มที่เดินอ้อมฉากกั้นออกมาจะฟังกี่ครั้งก็นุ่มทุ้ม ทั้งอบอุ่นแฝงไปด้วยความแข็งกร้าวของคนไม่ยอมคน ข้ามองเฉินอี้ที่เดินเข้ามาใกล้ด้วยสายตาเลื่อนลอย ร่างอันแข็งแกร่งแม้จะดูไม่คมเข้มเท่าชาติที่แล้วที่เจอกัน แต่ข้าก็ไม่เคยเห็นเขาในชุดเกราะเช่นนี้ มันช่างแฝงไปด้วยความเ็าดุดันกระหายเื
“คนค้าขายเป็ข้าที่ทำคุณชายเสียเวลา คุณชายเชิญ”ข้าผายมือให้อีกฝ่ายเดินนำไป พออ้อมฉากกันไปก็เป็โต๊ะสะหรับรับประทานอาหารขนาดใหญ่ บนโต๊ะมีชุดชาหนึ่งชุดและชายวัยกลางคนนั่งอยู่ เห็นได้ชัดว่ากำลังรออย่างอดทน เมื่อเห็นผู้มาเยือนแล้วก็ลุกขึ้นต้อนรับอย่างยินดี
“ผู้แซ่เฉิน นามเต๋อคารวะคุณหนู”
“ท่านลุงสุภาพกับผู้น้อยเกินไปแล้วเ้าค่ะ ผู้เยาว์แซ่ซ่างกวน นามจือหลินคารวะท่านลุงและคุณชาย”ข้าวางสองแฝดลงแล้วย่อกายคารวะอย่างนอบน้อม ในห้องเหลือเพียงข้าน้องชายและสองพ่อลูกสกุลเฉิน ส่วนตงเอ๋อวางกล่องเก็บตัวอ่อนหนอนไหมน้ำแข็ง และสององครักษ์วางเก้าอี้สำหรับเด็กที่ไม่รู้ไปหามาจากไหน ทำงานเสร็จอย่างเงียบเชียบก็เดินออกไปอย่างรู้งาน
“ผู้เยาว์แซ่ซ่างกวน นามซี คารวะท่านลุงและพี่ชาย”
“ผู้เยาว์แซ่ซ่างกวน นามเยี่ยน คารวะท่านลุงและพี่ชาย”
เป็เด็กที่รู้งานจริงๆ ไม่ทำให้พี่สาวต้องขายหน้า ข้ายิ้มตาหยีให้เ้าก้อนแป้งทั้งสองที่แหงนหน้ามาทำตาวาวๆ ให้ราวกับจะขอความดีความชอบ
“เจอกันเมื่อวานข้าเสียมารยาทที่ไม่ได้บอกชื่อแซ่ ข้าเฉินอี้ยินดีที่ได้พบคุณหนู”ชายหนุ่มมองหญิงสาวที่กำลังส่งยิ้มให้น้องชายตัวน้อย ความจริงเขามิได้หวังว่าคำพูดของคนแปลกหน้าที่เจอระหว่างทางจะเชื่อถือได้ วันนี้หากเลยเวลานัดไปอีกหน่อยเขาคงมุ่งลงใต้ไปช่วยท่านปู่ออกรบแล้ว ไม่คิดว่านางจะมาจริงๆ
“แซ่ซ่างกวน...ถามคุณหนูท่านเป็อะไรกับท่านอาซ่างกวนอู๋จี๋”เฉินเต๋อถามเด็กสาวตรงหน้าอย่างร้อนใจ…จะใช่อย่างที่เขาคิดไว้หรือไม่นะ
“ท่านลุงอย่าใจร้อนไป เรามานั่งดื่มชาให้ใจเย็นก่อน”ข้ายิ้มให้เฉินผู้เป็พ่ออย่างอ่อนโยนที่มาในวันนี้ข้าไม่คิดที่จะปิดบังฐานะแม้แต่น้อย ทำความรู้จักกันไว้คุ้นเคยกันไว้ไม่เสียหาย ทั้งนางก็อยากเห็นปฏิกิริยาของคนสกุลเฉินด้วย ยามนี้เฉินอี้ยังไม่รู้สัญญาระหว่างสองตระกูลจนข้าเข้าเมืองหลวงไปแล้วเขาถึงทราบ
ทั้งหมดนั่งลงก่อนที่จะเริ่มบทสนทนาเสียงขออนุญาตของตงเอ๋อก็ดังขึ้น สาวใช้เดินถือถาดโจ๊กเข้ามาวางไว้ตรงหน้าเ้านายทั้งสามของตน เสร็จแล้วนางก็ยื่นมือล้วงเข้าไปในแขนเสื้อหยิบถุงผ้าบรรจุช้อนเงินคันเล็กของสองแฝดออกมาส่งให้ทั้งสอง
ั้แ่ต้นจนจบมิได้ส่งเสียงรบกวนหรือแสดงกริยาไร้มารยาทแม้แต่น้อย เ้าก้อนแป้งเมื่อได้รับอาวุธประจำกายก็ใช้คนๆ โจ๊กทิ้งไว้สักครู่ ยกขึ้นมาเคาะๆ มองที่ช้อนไม่มีสิ่งใดผิดปกติก็กินได้ ทั้งสองมิได้สนใจผู้ใหญ่ทั้งสามที่มองอยู่แม้แต่น้อย ต่างก็เริ่มกินโจ๊กแสนอร่อยคำโต พวกเขามาเพื่อกินของอร่อย...
“ท่านลุง คุณชายเชิญดื่มชา”มองคนแก่ที่โดนเ้าสองแฝดตบตาแล้วรู้สึกเหนื่อยใจ
“คุณหนูข้าไม่อ้อมค้อมของที่ข้า้าท่านได้นำมาหรือไม่”
เฉินคนพ่อหันขวับไปมองเ้าลูกชายตัวดี พูดไม่เป็ก็หุบปากไปเสีย เสียเื่ เสียเื่หมดแล้ว…บรรพชนสกุลเฉินของข้า เฉินเต๋อได้แต่คร่ำครวญเขาที่เป็บัณฑิตมองท่าทางหยาบกร้านของบุตรชายแล้วอยากตายนัก
เฉินอี้ไม่เข้าใจสายตาอาฆาตของบิดาเท่าไรนัก ได้ของมาเร็วเท่าไหร่ก็เป็ผลดีกับท่านแม่มากขึ้นเท่านั้นไม่รู้ว่าท่านพ่อจะพูดอันใดให้มากความ
“คุณชายเฉินท่านเป็คนตรงไปตรงมาดี ของอยู่ในกล่องนี้เชิญท่านตรวจดู เมื่อวานข้ารีบร้อนกลับจวนเลยไม่ได้ถามว่าท่านจะใช้มากน้อยเพียงใด ข้าเลยเอามาจำนวนไม่มากไม่น้อย”
“ลำบากคุณหนูแล้ว”ที่เฉินอี้ไม่ได้บอกจำนวนเพราะมิได้คาดหวังว่าจะได้มากน้อยเพียงใด ยาของท่านแม่หากจะปรุงให้กินจนหายดีต้องใช้หนอนไหมน้ำแข็งอย่างน้อยห้าตัว การหาไปได้ทีละเล็กละน้อยเขาเชื่อว่าต้องทำได้แน่ แต่เมื่อเปิดกล่องออกมาไอเย็นเหยียบก็พวยพุ่งออกมา พอไอหมอกจางไปก็เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ด้านใน
หนอนไหมน้ำเข็งตัวโปร่งใสราวผลึกแก้วอันล้ำค่ากำลังบิดกายไปมาอยู่บนแท่นหยกน้ำแข็งที่ล้ำค่าไม่แพ้กัน หาหนอนไหมน้ำแข็งว่ายากเย็นแล้ว แต่การที่จะให้มันมีชีวิตอยู่เพื่อเลี้ยงเอาเส้นไหมหรือเอาตัวมันไปเป็ตัวยาอันล้ำค่า ต้องล่อเลี้ยงมันให้อยู่กับหยกน้ำแข็งพันปี เรียกได้ว่าสองสิ่งนี้ต่างก็ล้ำค่าพอๆ กัน
เฉินอี้ไม่คิดว่าจะได้เห็นหนอนไหมน้ำแข็งนี้ตัวเป็ๆ มารดาของเขามีทางรอดแล้วพอความยินดีผ่านพ้นไปก็ต้องตกตะลึงอีกหน สิบตัว ในกล่องนี้มีหนอนไหมน้ำแข็งถึงสิบตัว เมื่อคิดว่าตัวเองนับไม่ผิดแล้วก็รีบปิดฝากล่องทันที ด้วยกลัวว่าเปิดนานเกินไปจะส่งผลเสียต่อของล้ำค่านี้
“คุณหนูโปรดบอกราคากับผู้แซ่เฉินมาเถิด”
“เฉินอี้เ้าหุบปากไป ให้เ้าพูดมีแต่จะเสียเื่”
“ท่านพ่อขอรับ”เฉินอี้มองท่านพ่อของเขาอย่างไม่เข้าใจ พอเขาจะเอ่ยปากท่านพ่อบัณฑิตของเขาก็กระทืบเท้าเขาอย่างแรง ท่านคงลืมไปว่าข้าใส่ชุดเกราะรองเท้าก็หุ้มเหล็ก ดูเถิดเรียนมากจนขาดความสุขุมอย่างทหารเจ็บจนหน้าเขียวเลย
“เงียบ ดูน้องชายสองคนกินข้าวไป”
“เอ่อ แม่หนูซ่างกวนเ้ายังไม่ได้ตอบคำถามลุงเลยนะ เ้าเป็ญาติฝ่ายไหนของท่านอาซ่างกวนอู๋จี๋”
“เรียนท่านลุง ซ่างกวนอู๋จี๋เป็ปู่ของข้าเ้าค่ะ”
“เ้าเป็บุตรของน้องจีชางงั้นรึ”เฉินเต๋อมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างอึ้งๆ นึกไม่ถึงว่าโลกจะกลมเช่นนี้
“ท่านพ่อๆ/ท่านพ่อๆ”สองแฝดได้ยินนามของบิดาก็เงยหน้าขึ้นมาจากถ้วยโจ๊กตอบคำถามแทนพี่สาวอย่างน่าเอ็น
“ใช่ๆ คนรู้จักกันแท้ๆ นึกไม่ถึงจากกันนับสิบปี พบกันอีกคราทายาทของน้องจีชางจะโตเพียงนี้”
“ความจริงพบคุณชายเฉินกลางป่าจะว่าก็บังเอิญนัก สาวใช้ของข้ากำลังทำความสะอาดเส้นไหมน้ำแข็งอยู่คุณชายเฉินขี่ม้าผ่านมายังสังเกตเห็นช่างเป็ผู้ที่มีความสามารถยิ่งนัก”
“ลูกชายลุงคนนี้จะว่าไปนั้นก็เยี่ยมยอดจริงๆ ติดแต่ว่าเป็พวกซื่อไม่ค่อยทันคน”
ลูกชายท่านนี่นะไม่ทันคน ท่านไม่เห็นตอนเขานำทัพว่าเหี้ยมโหดเพียงใด
“เห็นคุณชายมีความกตัญญูพูดจาซื่อสัตย์ข้าจึงตอบตกลงจะขายของให้ ไม่ขอปิดบังท่านลุงทำการค้าต้องปลอดภัยไว้ก่อน ความ้าหนอนไหมน้ำแข็งมีมากในหมู่ชนชั้นสูงก็จริง แต่การเสี่ยงดวงถามหาแบบคุณชายเฉินพบเจอไม่มากนัก หากไม่มีความจำเป็อย่างเร่งด่วนคงไม่ทำเช่นนี้ข้าจึงสืบข่าวมานิดหน่อย”
“…”
“ฮูหยินใหญ่จวนอิงกั๋วกงหลายปีก่อนล้มป่วยด้วยโรคประหลาด ไร้ทางรักษาหากขาดตัวยานำพาที่หายากดังเช่นหนอนไหมน้ำแข็ง ซึ่งไม่ได้ใช้แค่หนึ่งหรือสองตัวแต่อย่างน้อยต้องใช้มากถึงห้าตัวเป็อย่างน้อยถึงจะมีโอกาสรักษาให้หาย ราคาของสิ่งนี้สูงเพียงใดท่านคงทราบครา แรกผู้น้อยกะฟันราคาเป็ทรัพย์สมบัติสักครึ่งหนึ่งของตระกูลเฉิน”
“…”สองพ่อลูกมองเด็กสาวหน้าเืตรงหน้าอย่างหวาดหวั่น
“แต่ว่า...หากข้าทำเช่นนั้นท่านปู่คงจะตีขาข้าจนหัก พอหายแล้วท่านก็จะตีซ้ำๆ โทษฐานที่ไร้น้ำใจ ท่านลุงเฉินท่านคงจะทราบความสัมพันธ์ของสองตระกูลเป็อย่างดีหนอนไหมน้ำแข็งเหล่านี้ถือเป็ของขวัญจากทายาทรุ่นที่53ของตระกูลซ่างกวนนะเ้าคะ”
“เกรงใจเกินไปแล้วๆ ยายหนูคงเป็ทายาทหญิงที่ท่านพ่อเล่าให้ข้าฟังเป็แน่ ได้พบตัวจริงดูก็รู้ว่าเป็สตรีที่เพียบพร้อม”เฉินเต๋อรับกล่องของขวัญมากอดไว้อย่างแสนรัก เป็ตระกูลพี่น้องกันแท้ๆ ์ช่างเมตตาภรรยาของเขาเหลือเกิน
“ท่านลุงยกย่องเกินไปแล้วตอนหลินเอ๋อสี่ขวบ ป่วยหนักกะทันหันต้องรักษาอย่างเร่งด่วนขาดตัวยาล้ำค่าอย่างกระดูกเสือขาว ก่อนมาท่านปู่ได้เล่าให้ข้าฟังว่าท่านส่งจดหมายไปถามท่านปู่เฉินนึกไม่ถึงว่าท่านจะยกกระดูกเสือขาวให้โดยไม่ลังเล ถือเป็บุญคุณต้องทดแทนของที่มีอยู่หากช่วยครอบครัวที่เปรียบดั่งญาติมิตรได้ก็คุ้มค่าแล้ว”แต่งเื่ทั้งเพนางรู้เื่ยาช่วยชีวิตนี้ั้แ่สิบขวบ เหตุใดชาติก่อนนางถึงเลือกลืมบุญคุณนี้ไป ใช่สิ...คนมันจะเลวสิ่งใดก็นึกไม่ถึง
“มีเื่เช่นนี้จริงๆ ถือเป็วาสนาของเราทั้งสองครอบครัว ว่าแต่...คือว่า เอ่อ”เฉินอี้มองบิดดาที่เอาแต่อ้ำอึ้ง ท่านพ่อบัณฑิตของเขาเป็อันใดไปอีก
“ท่าลุงจะถามว่าข้ารู้เื่นั้นหรือไม่ใช่ไหมเ้าคะ”
เฉินเต๋อผงกหัวหงึกๆ ถึงจะรู้ว่าไม่เป็การควรที่จะถามเื่พวกนี้กับสตรีที่ยังไม่ออกเรือน แต่ดูท่าทางแม่หนูมีความเป็ผู้นำสูงเช่นนี้เขาคิดว่าคงจะไม่คิดว่าเขาไร้มารยาทหรอกนะ
“ในฐานะทายาทหญิงรุ่นที่สามของตระกูล ผู้น้อยคิดว่าการทำให้คำสั่งของบรรพบุรุษบรรลุผลถือเป็หน้าที่อันพึงกระทำ แต่ท่านลุงไม่ต้องกังวลไปหากไร้ซึ่งผลงานก็ยากที่จะสร้างครอบครัว เจอกันวันหน้าข้าจะไปเยี่ยมเยือนท่านอิงกั๋วกงอย่างภาคภูมิ จะไม่ให้ท่านเสื่อมเสียเกียรติแม้แต่น้อย”สถานการณ์นี้คล้ายบัณฑิตให้คำมั่นว่าจะเอาตำแหน่งจอหงวนเป็สินสอดสู่ขอภรรยาไม่น้อย
“…”
“เวลาก็ล่วงเลยมาพอสมควรแล้วทางกลับจวนข้าไกลนักต้องของลาตรงนี้”
“ลาท่านลุง/ลาท่านลุง”ซ่างกวนซีคารวะอย่างนอบน้อม
“ลาพี่เขย/ลาพี่เขย”ซ่างกวนเยี่ยนประสานมือให้อย่างชาวยุทธ์
“…”สองพ่อลูกเฉิน
ข้ารวบสองแสบเข้ามาในอ้อมกอดอย่างเร็ว ใช้ได้...ใช้ได้ทีเดียว ข้าทำเอาบัณฑิตทั่นฮวาถึงกับหาคำพูดตัวเองไม่เจอ แล้วข้าก็ทำให้ท่านแม่ทัพใหญ่แข็งเป็หินไปแล้ว ทิ้งะเิแล้วก็รีบจากไปทันทีมิวายทิ้งคำพูดให้ล่องลอยไปกับสายลม
“ซ่างกวนเยี่ยน ซ่างกวนซีเสียแรงที่พี่ของเ้าเลี้ยงมาอย่างดี ไม่ทันไรก็ยอมรับผู้อื่นเป็พี่เขย ใช้ไม่ได้”
หึ หึ หึ