ดวงจันทร์อยู่บนฟ้า!
ท่ามกลางต้นไม้เก่าแก่และเนินเขาเขียวขจี
หลัวเลี่ยและไก้อู๋ซวงดูไม่เหมือนมนุษย์แล้ว ตอนนี้พวกเขาดูคล้ายกับัสองตัวที่กำลังพุ่งเข้าปะทะกัน การเผชิญหน้ากันของพวกเขานั้นไม่มีแผนการลับใดๆ พวกเขาเพียงเผชิญหน้ากันด้วยความแข็งแกร่งโดยตรงเท่านั้น
พลังที่รั่วไหลออกมาจากการะเิพลังที่น่าสะพรึงกลัวทำให้พื้นที่บริเวณโดยรอบแตกร้าวอย่างต่อเนื่อง
บนพื้นดินเกิดหลุมขึ้นมากมาย
ต้นไม้ต่างๆ เริ่มผุดขึ้น
ดอกไม้ถูกเหยียบย่ำ
พลังที่รั่วไหลออกมาราวกับสายน้ำทำให้พื้นที่นี้เริ่มได้รับความเสียหายมากขึ้น
“แม้ว่าเ้าจะมีพลังพอที่จะต้านข้า แต่จะพึ่งพลังที่รุนแรงเช่นนั้นเพียงส่วนเดียวก็ไม่ได้ เพราะถึงอย่างไรเ้าก็ต้องตายด้วยมือของข้า”
น้ำเสียงที่เ็าของไก้อู๋ซวงดังแหวกอากาศเข้ามาหาหลัวเลี่ย เห็นได้ชัดว่านี่เป็วิชายุทธ์แขนงหนึ่ง
วิชาคลื่นเสียงก้องกังวาน!
เป็วิชายุทธ์ที่ใช้คลื่นเสียงเพื่อสร้างพลังสังหารอันน่าสะพรึงกลัว มันสามารถสังหารทุกสิ่งได้
หลัวเลี่ยสบถออกมาหนึ่งครั้ง แล้วส่งหมัดออกไปซ้ำๆ
ปังๆ...
คลื่นเสียงที่แปลงเป็ดาบนั้นแตกเป็เสี่ยงๆ
ไก้อู๋ซวงรีบใช้ประโยชน์จาก่เวลานี้ นางวางมือทั้งสองข้างลงบนหน้าอกแล้วผายมือออกอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นไอพลังที่ลึกลับและน่าสะพรึงกลัวก็พุ่งออกมาจากมือทั้งสองข้างของนาง พร้อมกับเสียงัที่ดังขึ้น
“สะบั้นผาฝังธารา ัร้องกู่นภา!”
หลังจากนั้นไก้อู๋ซวงก็ยื่นมือขวาของนางออกมาทันที
มีับินออกมาจากใจกลางฝ่ามือของไก้อู๋ซวงทีละตัว
ฝ่ามือของนางดูเหมือนจะมีขนาดใหญ่จนปกคลุมทั่วทั้งท้องฟ้า ัเ่าั้บินอยู่ภายใต้ฝ่ามือของนาง นางเปลี่ยนพื้นที่นี้ให้กลายเป็โลกใหม่ของัแล้ว
ัสีน้ำเงินหลายร้อยตัวเปล่งเสียงคำรามและไอสังหารออกมาอย่างบ้าคลั่ง
ไก้อู๋ซวงะโขึ้นอย่างอาฆาต “หนึ่งักู่นภาทำลายได้ทุกสิ่ง ร้อยักู่นภาทลายผืนฟ้า!”
“ตายซะ!”
ทันใดนั้นนางก็กดฝ่ามือที่ปรากฏอยู่บนผืนฟ้าลงมาที่ร่างของหลัวเลี่ย
ัสีน้ำเงินหลายร้อยตัวคำรามอย่างบ้าคลั่ง มันพุ่งผ่านอากาศตรงมายังร่างของหลัวเลี่ยเพื่อทลายทั้งนภาอย่างแท้จริง
“ักู่นภาร้อยตัวอาจสามารถทลายผืนฟ้าได้ แต่พวกมันทลายข้าหลัวเลี่ยผู้นี้ไม่ได้!”
หลัวเลี่ยพุ่งตัวเข้าไปปะทะกับพวกมันโดยตรง
เขายกมือทั้งสองข้างขึ้น แล้วส่งพลังออกไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด
ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!
หลังจากที่หลัวเลี่ยออกหมัดไปห้าครั้ง ัสีน้ำเงินทั้งห้าตัวก็ะเิร่างของตนเองในทันที
นี่คือความบ้าคลั่งของหลัวเลี่ย
มองผิวเผินพลังของหลัวเลี่ยและไก้อู๋ซวงดูเหมือนจะมีความแข็งแกร่งพอๆ กัน แต่ความจริงแล้วความคิดนี้ไม่ถูกต้อง ซึ่งสิ่งที่ทำให้ผู้คนมักจะเข้าใจผิดก็เพราะพลังในการโจมตีของพวกเขาดูแข็งแกร่งเท่ากัน การป้องกัน การโต้กลับ หรือสมรรถภาพทางกายล้วนเหมือนกัน
รากฐานที่ทรงพลังที่สุดของหลัวเลี่ยก็คือการฝึกฝนเคล็ดวิชาั์ในระดับผู้ฝึกตน
และการฝึกฝนเคล็ดวิชาจักรพรรดิฟ้าแดนประจิมในระดับหยินหยาง
ไม่ว่าจะเป็เคล็ดวิชาใดก็ล้วนทำให้ร่างกายของหลัวเลี่ยเกิดการเปลี่ยนแปลง
บางทีพลังวรยุทธ์ของเขาอาจไม่สามารถกำราบไก้อู๋ซวงที่ถือกำเนิดมาจากผืนฟ้าและปฐีได้ แต่หากเป็ในเื่ของการต้านทานและการอดทน เขาย่อมไม่แพ้นางอย่างแน่นอน
หลัวเลี่ยต้านพลังจากร้อยักู่นภาไว้ได้ แต่ในการต้านทานครั้งนี้ เขาก็ได้รับแรงกระแทกจนอาจาเ็ได้
เห็นได้ชัดว่าผลกระทบที่หลัวเลี่ยได้รับจากักู่นภานั้นไม่น้อยเลย
แม้ว่าไก้อู๋ซวงจะแข็งแกร่งจนทำให้หลัวเลี่ยาเ็ แต่หลัวเลี่ยก็ยังเผชิญหน้าต่อสู้กับนาง
“ดิ้นรนต้านไปก็เท่านั้น ช่างตลกสิ้นดี”
บนใบหน้าของไก้อู๋ซวงปรากฏร่องรอยของการเยาะเย้ยถากถาง นางออกแรงกดฝ่ามือลงมากกว่าเดิม
ัที่เหลือพุ่งเข้าใส่หลัวเลี่ยอย่างบ้าคลั่ง
มือ เท้า ไหล่ และเข่าทั้งสองข้างของหลัวเลี่ยเริ่มขยับและออกแรงโจมตีกลับไปอย่างรวดเร็ว
ปังๆ...
ัที่ดุร้ายถูกะเิทีละตัว
ัดุร้ายร้อยตัวที่อยู่ภายใต้ฝ่ามือของไก้อู๋ซวงล้วนถูกหลัวเลี่ยทำลายไปหมดแล้ว
หลัวเลี่ยเองก็ใในความสามารถของตนเช่นกัน
ความบ้าคลั่งของัดุร้ายร้อยตัวนั้นทรงพลังมาก ความใทำให้เืของหลัวเลี่ยพลุ่งพล่าน แม้ว่ามุมปากของเขามีเืไหลซึมออกมา แต่มันก็ไม่อาจหยุดยั้งความมั่นใจในตนเองของเขาได้ เขายังคงส่งแรงไปที่ฝ่ามืออย่างต่อเนื่อง
“ทะลวงเขตแดนั พลังัจงเพิ่มขึ้น พลังอื่นจงลดลง ประทับตราต้องห้ามจตุรทิศ”
“ประทับตราต้องห้ามจตุรทิศ์ทมิฬผืนดินสุพรรณ”
“ประทับ!”
ทันใดนั้นฝ่ามือขนาดใหญ่ของไก้อู๋ซวงที่อยู่บนผืนฟ้าก็กลายเป็ตราประทับสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่สลักคำว่าประทับต้องห้ามจตุรทิศเอาไว้
“หากผืนฟ้าและปฐีสามารถต้านได้ แต่ข้าหลัวเลี่ยไม่มีใครสามารถต้านได้”
ร่างกายอันสง่างามของหลัวเลี่ยยืนหยัดอย่างภาคภูมิท่ามกลางผืนฟ้าและปฐี เขาปล่อยให้ตราประทับขนาดใหญ่ทรงสี่เหลี่ยมนั้นปกคลุมร่างของตนเองเอาไว้
จากนั้นเขาก็ะเิมันด้วยหมัดผู้พิชิตที่ส่งออกมาจากทั้งสองมือของเขา
ในขณะนั้นเอง พลังในระดับถ่องแท้ของหลัวเลี่ยก็ถูกใช้อย่างเต็มรูปแบบ เขากลายเป็ราชันผู้พิชิตที่ไม่มีใครเทียบได้แล้ว
ตูม!
ผนึกจตุรทิศเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรงด้วยหมัดเดียว
ตูม! ตูม! ตูม!
ภายหลังจากที่หลัวเลี่ยชกสามครั้งติดต่อกัน ผนึกจตุรทิศปรากฏรอยร้าวขึ้น
“อึก!”
ไก้อู๋ซวงบินขึ้นและหยุดลงบนผนึกจตุรทิศ
ตูม!
ทันใดนั้นผนึกจตุรทิศก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น มุมของผนึกทั้งสี่มุมปรากฏร่างของัขึ้น พวกมันค่อยๆ ลอยมารวมตัวกันอยู่ตรงกลางผนึก หลังจากที่รอยแตกของผนึกค่อยๆ กลับมาเชื่อมกันแล้ว พลังของพวกมันก็ก่อตัวขึ้น และฟาดลงมาที่หลัวเลี่ยอย่างโเี้
ไก้อู๋ซวงกรีดกรายนิ้วมือทั้งสองข้างราวกับว่านางกำลังร่ายรำอยู่ ทุกครั้งที่นิ้วทั้งสิบของนางขยับเคลื่อนไหว พลังสีแดงเพลิงที่ร้อนแรงก็จะไหลลงมาจากมือของนางเข้าสู่ผนึกจตุรทิศ
ตูม!
แรงกดดันที่ทรงพลังนั้นกดร่างของหลัวเลี่ยลงกับพื้นอย่างรุนแรง
พื้นดินใกล้เคียงภายในรัศมีหลายพันลี้ก็เกิดการสั่นะเือย่างรุนแรงเช่นกัน
นอกจากเสียงคำรามของัดุร้ายจากตราประทับจตุรทิศก็ไม่มีเสียงอื่นใดดังขึ้นมาอีก
เมื่อผู้คนเห็นเหตุการณ์นี้ พวกเขาต่างใ และอดไม่ได้ที่จะมองไปทางไก้อู๋ซวงด้วยความสยดสยอง พลังของไก้อู๋ซวงช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก
“องค์หญิงช่างแข็งแกร่งนัก!”
“องค์หญิงช่างสมกับเป็อัจฉริยะว่าที่เทพในอนาคต ไม่มีใครสามารถเทียบเคียงพระองค์ได้อีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ชนะแล้ว องค์หญิงสังหารหลัวเลี่ยได้แล้ว”
ผู้คนต่างร้องะโเสียงดังขึ้นมา
เส้นผมที่ปลิวไสวของไก้อู๋ซวงทิ้งตัวลงอย่างช้าๆ เช่นเดียวกับชุดที่ปลิวไปตามสายลมหยุดแน่นิ่งเช่นกัน นางเก็บไอสังหารของตัวเองทันที
รอยยิ้มพึงพอใจล้นออกมาจากมุมปากของไก้อู๋ซวง “สามารถทำให้ข้าใช้พลังไปถึงแปดในสิบส่วนได้ หลัวเลี่ย เ้าตายไปก่อนก็นับว่าสมควรแล้ว”
ก่อนที่ไก้อู๋ซวงจะพูดจบ ตรงคำสุดท้ายว่า “แล้ว” ของนางก็กลับมีเสียงะโดังขึ้น
ทันใดนั้น รอยแตกปรากฏขึ้นตรงกลางของผนึกจตุรทิศ
ทันทีหลังจากนั้น พลังที่น่าสะพรึงกลัวก็ะเิออกมาจากด้านล่างตราประทับ
ตูม!
ก่อนที่ไก้อู๋ซวงจะมีเวลาเคลื่อนไหวร่างกายอีกครั้ง ตราประทับจตุรทิศของนางก็ะเิขึ้น
หลัวเลี่ยที่ถูกผนึกจตุรทิศกดทับไว้ในตอนแรกก็ลุกขึ้นยืนราวกับปีศาจ เขามีเืไหลซึมออกจากมุมปาก เส้นผมเป็กระเซิง เขาพ่นเืออกมาด้วยความไม่พอใจ “ข้าแค่อยากจะหยั่งเชิงความลึกลับในวิชายุทธ์ของเ้าเท่านั้น เพราะข้าอยากจะเรียนรู้มัน แต่ข้าก็พลาดไปนิดหน่อย”
“อะไรนะ!”
“ตอนนี้เขากำลังขโมยวิชายุทธ์จากองค์หญิง”
“มิน่าล่ะ ข้าก็คิดว่าเขามีพลังมากขนาดนั้นจะถูกกดทับง่ายๆ ได้อย่างไร”
จั่วซุน มู่เจี้ยนเฟย และคนอื่นๆ อดไม่ได้ที่จะใ
เขาแอบเรียนรู้วิชายุทธ์!
หากไม่เข้าใจเคล็ดวิชาและวิธีการใช้งานอย่างแท้จริงย่อมไม่สามารถควบคุมวิชายุทธ์ได้ นี่คือความบ้าคลั่งแบบใดกัน การเรียนรู้เช่นนี้ก็ทำได้อย่างนั้นหรือ
“ตายซะ!”
อย่างไรก็ตามไก้อู๋ซวงรู้สึกเหมือนถูกล้อเล่น นางยื่นนิ้วทั้งห้านิ้วของมือซ้ายออกมาด้วยความโกรธ
ในพริบตา มือที่ปกคลุมอยู่บนท้องฟ้าก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง แต่นิ้วทั้งห้าดูเหมือนัร้ายห้าตัวที่ดุร้ายมาก
หลัวเลี่ยเงยหน้าขึ้นมองและยิ้มอย่างใจเย็น “เ้าที่คิดจะเอานะข่งเซวียนในอนาคต และข้าได้ฝึกเคล็ดวิชามหาหลุนิที่ข่งเซวียนทิ้งเอาไว้จนถึงระดับถ่องแท้แล้ว ดังนั้นตอนนี้พวกเราคงเปรียบได้กับอูอวิ๋นเซียนต่อสู้กับข่งเซวียน มาดูกันเถิดว่าระหว่างพวกเรา ผู้ใดจะแข็งแกร่งกว่ากัน”
ในที่สุดหลัวเลี่ยก็เผยไพ่ตายของเขาออกมา
พลังจากเคล็ดวิชามหาหลุนิระดับถ่องแท้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้