ในใจของหนานกงหลิงนั้นมีความสุขมาก แต่ม่อเสียที่อยู่ไม่ไกลจากเขากลับมีสีหน้าอึมครึม
“พร์ของเด็กคนนี้ช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก ต้องรีบฆ่ามันให้ตาย” ม่อเสียคิดในใจอย่างโเี้ เขาเกลียดหลินเฟิง เด็กคนนี้มีพร์ที่ดีเกินไป เขาต้องหาทางฆ่าให้เร็วที่สุด และจะไม่ยอมให้อีกฝ่ายได้มีโอกาสเติบโตไปมากกว่านี้
ณ หุบเมฆพายุ หานหมานที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนกล่าวขณะยิ้มว่า “หลินเฟิงแข็งแกร่งขนาดนี้ แต่ก็ยังปิดบังข้าอีกนะ”
เมื่อเห็นพลังของหลินเฟิงแข็งแกร่งกว่าตัวเอง หานหมานก็พลอยยินดีไปกับหลินเฟิง
จิ้งหยุนที่อยู่ข้างๆ ก็มีรอยยิ้มเช่นกัน รอยยิ้มของนางสวยงามราวกับดอกบัวที่เบ่งบานและบริสุทธิ์
แววตาของพั่วจวินที่ยืนอยู่ข้างๆ ทั้งสองคนเปล่งประกายขึ้นมา ขณะจ้องมองไปยังหลินเฟิงที่ยืนอยู่บนลานประลองเป็ตาย และแอบคิดในใจว่า “ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงปิดบังความแข็งแกร่ง ที่แท้ก็ทรงพลังขนาดนี้…”
บนลานประลองเป็ตาย สีหน้าของยู่ฮ่าวซีดขาวราวกับกระดาษ
“เ้า ไม่เข้าใจแม้แต่พื้นฐานของดาบ”
หลินเฟิงเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเขา แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับมัน ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็เกรงกลัวหลินเฟิงทั้งนั้น เขายู่ฮ่าว… ที่แม้กระทั่งพื้นฐานของดาบก็ยังไม่เข้าใจ
ใครกันที่บอกว่า ผู้ที่จิติญญาแห่งดาบจะสามารถกลายเป็นักดาบที่แข็งแกร่ง?
คลื่นดาบอันแหลมคมแทงยู่ฮ่าวทุกตารางนิ้วไม่รู้จบ และยังคงทำลายคลื่นดาบของเขาอย่างต่อเนื่อง เมื่อเผชิญหน้ากับอำนาจดาบอันแข็งแกร่งของหลินเฟิง แม้แต่กระบวนท่าเดียวเขาก็คงต้านทานไม่ได้
“ข้ายอมแพ้ และมอบตำแหน่งศิษย์สายในให้กับเ้า”
หลังจากถกเถียงกับตัวเองอยู่ในใจ ในที่สุดยู่ฮ่าวก็ยอมพูดประโยคนี้ออกมาด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าว ราวกับรู้สึกได้ถึงสายตาเหยียดหยามของทุกคนกำลังจ้องมองมาที่ตัวเอง
“ยอมแพ้? ยกตำแหน่งให้ข้า?”
หลินเฟิงแสยะยิ้มอย่างเ็า คิดว่ายอมแพ้แล้วทุกอย่างจะจบลงอย่างนั้นหรือ มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ?
ตอนที่ยู่ฮ่าวคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งกว่าหลินเฟิง ก็ป่าวประกาศว่าจะทำลายการบ่มเพาะและตัดแขนตัดขาของเขา ทำให้เขาอยู่ไม่สู้ตาย แต่ตอนนี้เมื่อยู่ฮ่าวค้นพบว่าตัวเองนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเฟิง ก็พูดยอมแพ้แค่ประโยคเดียว เพื่อให้เื่ทุกอย่างจบลง? อย่างนี้ก็ได้เหรอ???
หลินเฟิงไม่ได้ตอบกลับไปทันที
“ข้าจำเป็ต้องปล่อยเ้าไปงั้นหรือ?” น้ำเสียงของหลินเฟิงเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย ขณะก้าวเท้าไปข้างหน้า อำนาจของดาบยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ซึ่งแรงกดดันนี้ทำให้ยู่ฮ่าวแทบหายใจไม่ออก
“ข้าขอยอมแพ้แล้ว เ้าจะยัง้าอะไรอีก?”
สีหน้าของยู่ฮ่าวพลันเปลี่ยนไป หลินเฟิงแข็งแกร่งและน่ากลัวเกินไปแล้ว!
“ข้า้าอะไรนะหรือ? มันง่ายมาก เ้าอยากจะทำสิ่งใดกับข้า ข้าก็จะทำสิ่งนั้นกับเ้า” หลินเฟิงยิ้มอย่างเ็าพร้อมปล่อยจิตสังหารออกมา ทำให้ยู่ฮ่าวสั่นสะท้านไปทั่วร่างกาย หลินเฟิง้าสังหารเขา!!!
“นี่คือการทดสอบของนิกาย เ้ากล้าหรือ?” ยู่ฮ่าวะโขณะที่ก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว
“เ้าไม่กล้าฆ่าข้า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าข้าจะไม่กล้าฆ่าเ้า”
หลินเฟิงตอบยู่ฮ่าวขณะกำดาบในมือแน่น แล้วตวัดฟันไปด้านหน้า เงาดาบวาดผ่านอากาศไปอย่างรวดเร็ว พร้อมส่งคลื่นดาบอันทรงพลังพุ่งตรงไปยังยู่ฮ่าว
ดาบปลิดิญญาก็เพียงพอที่จะคร่าชีวิตของอีกฝ่ายได้ เพียงแค่ชั่วพริบตา เืของยู่ฮ่าวก็สาดกระจายไปทั่วพื้น ก่อนที่ร่างของเขาจะล้มลง ั์ตาเบิกกว้างราวกับตายตาไม่หลับ เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหลินเฟิงจะกล้าฆ่าเขา
“ซู้ด…” ราวกับว่าเวลาได้หยุดลง ความเงียบเพียงชั่วขณะก็ทำให้ฝูงชนได้ยินเสียงเต้นหัวใจของกันและกัน
หลินเฟิงทำลายประวัติศาสตร์ของนิกายหยุนไห่ ด้วยการท้าประลองศิษย์สายในของนิกายถึงสองคน
หลินเฟิงฝ่าฝืนกฎของนิกายหยุนไห่ต่อหน้าเหล่าศิษย์และผู้าุโของนิกายหยุนไห่ทุกคน และยัง... ต่อหน้าท่านประมุขหนานกงหลิง ด้วยการสังหารคู่ต่อสู้ในการทดสอบของนิกาย
“บังอาจ!”
เสียงะโด้วยความโมโหดังกึกก้องจากเหนือลานประลอง พร้อมกับแรงกดดันบางอย่างที่พุ่งตรงมายังร่างของหลินเฟิง ซึ่งเสียงะโนี้ได้ปลุกสติของฝูงชนให้ตื่นขึ้นจากภวังค์
“ต่อหน้าทุกคนในนิกายหยุนไห่ เ้าก็ยังไม่เคารพกฎของนิกาย เ้าไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลย แม้กระทั่งท่านประมุข!!! เ้ากล้าสังหารศิษย์ร่วมนิกายเ้า เ้าได้กระทำผิดอย่างร้ายแรง!!!”
เสียงก่นด่าที่ลอยมาแฝงไปด้วยจิตสังหารที่น่าหวาดหวั่น
เมื่อฝูงชนเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าเป็ม่อเสียที่เป็ผู้พูด บางคนอาจจะยังไม่รู้ แต่ศิษย์ที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น วันที่ม่อเสียตั้งใจจะสังหารหลินเฟิง พวกเขาต่างรู้ว่าม่อเสียกับหลินเฟิงเป็ศัตรูกัน ม่อเสียแค่อยากฉวยโอกาสตอนที่หลินเฟิงยังอ่อนแอ กำจัดเขาไปเสีย เพื่อไม่ให้เขาเติบโตไปมากกว่านี้ ดังนั้นเขาจึงเลือกบทลงโทษที่หนักที่สุด เพื่อที่จะสังหารหลินเฟิงให้ได้
หลินเฟิงเงยหน้ามองม่อเสียเพียงแวบเดียว ก่อนจะเบือนสายตาหนีและไม่ได้ให้ความสนใจอีก
วันนี้ที่หลินเฟิงเข้าร่วมการทดสอบของนิกาย และก้าวเข้าสู่ลานประลองเป็ตาย ทำตัวโดดเด่นเรียกความสนใจจากทุกคน แสดงท่าทางอวดเบ่งด้วยการท้าประลองกับศิษย์สายในถึงสองคน ทั้งยังเปิดเผยอำนาจของดาบเพื่อให้ทุกคนได้ตื่นใ กระทั่งสังหารยู่ฮ่าวอย่างเืเย็น
ทั้งหมดนี้ ก็เพื่อม่อเสีย!!!
หลินเฟิงจงใจให้โอกาสม่อเสียในการหาข้ออ้างเพื่อกำจัดเขา เพราะหลินเฟิงรู้ดีว่า ไม่ช้าก็เร็วอีกฝ่ายจะต้องหาข้ออ้างมาฆ่าเขาอยู่ดี แทนที่จะให้เป็แบบนั้น ไม่สู้ให้เขาเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายดีกว่าไหม
เมื่อเห็นหลินเฟิงไม่สนใจและเมินเขา ม่อเสียจึงโกรธจนตัวสั่น แต่ในใจกลับหัวเราะอย่างเ็าและะโออกมาว่า “ทุกคน จับไอ้คนทรยศนี่ซะ ถ้าขัดขืนก็ฆ่า!!!”
เมื่อฝูงชนได้ยินคำพูดของม่อเสียต่างก็รู้สึกหนาวสั่น วิธีการของคนคนนี้ช่างโเี้ยิ่งนัก เป็ถึงผู้าุโแต่การกระทำช่างอวดดีและหยิ่งผยอง
“ไอ้สารเลว!” หานหมานด่าออกมา ทุกคนก็ได้ยินอย่างชัดเจนว่าก่อนหน้านี้ยู่ฮ่าวป่าวประกาศว่า จะทำลายการบ่มเพาะและตัดแขนตัดขาของหลินเฟิง ให้หลินเฟิงอยู่ไม่สู้ตาย ดังนั้นการที่หลินเฟิงจะสังหารเขาแล้วมันผิดตรงไหน?
สีหน้าของจิ้งหยุนเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ในแววตาเผยร่องรอยความกังวลออกมา
“เป็ผู้าุโที่หน้าด้านดีจริงๆ” หลิ่วเฟยด่าม่อเสีย ม่อเสียใช้อำนาจของตัวเองเพื่อลอบสังหารศิษย์ของนิกายไปแล้วครั้งหนึ่ง และยังจะทำอีกเป็ครั้งที่สอง?
มีร่างเงาบางคนพุ่งไปหาหลินเฟิงที่อยู่บนลานประลองเป็ตาย เพื่อจับกุมหลินเฟิง
“หยุด!!!” ทันใดนั้นก็มีเสียงเ็าะโขึ้นมา ทำให้ร่างเงาที่กำลังจะพุ่งไปหาหลินเฟิงต้องชะงักลง เพราะเสียงนั้นเป็ของท่านประมุขหนานกงหลิง
ในชั่วพริบตาสายตาของทุกคนต่างก็จ้องมองไปที่หนานกงหลิง ในตอนนี้ทุกคนอยากจะรู้ว่าหนานกงหลิงจะจัดการอย่างไร เขาจะลงโทษหลินเฟิงหรือไม่?
“ท่านประมุข เด็กคนนี้หยิ่งผยองเกินไป และยังไม่เห็นท่านประมุขอยู่ในสายตาอีก พวกเราจำเป็ต้องลงโทษเขา เพื่อให้เป็เยี่ยงอย่างแก่ศิษย์คนอื่นๆ”
ม่อเสียที่อยู่ข้างๆ หนานกงหลิงโค้งคำนับลง พลางพูดโน้มน้าวใจออกมา และในขณะเดียวกันเขาก็เหลือบมองไปที่ผู้าุโคนอื่นๆ เพื่อส่งสัญญาณบางอย่าง
“ผู้าุโม่อเสียกล่าวได้ถูกต้อง เด็กคนนี้ก้าวร้าวเกินไป ไม่เห็นท่านประมุขอยู่ในสายตา และยังสังหารศิษย์ร่วมนิกายอีกด้วย พวกเราจำเป็ต้องสังหารเขา”
“ท่านประมุข โทษของเด็กคนนี้คือปะาเท่านั้น”
ผู้าุโบางส่วนช่วยสนับสนุนคำพูดของม่อเสีย เพราะถึงอย่างไรม่อชั่งหลันก็มีคุณสมบัติและประสบการณ์มากกว่าท่านประมุขหนานกงหลิง ดังนั้นในนิกายหยุนไห่จึงไม่มีใครที่ไม่ไว้หน้าม่อชั่งหลัน จึงเป็เื่ธรรมดาที่พวกเขาต้องเข้าข้างม่อเสีย
หนานกงหลิงเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ม่อเสียกับเหล่าผู้าุโอื่นๆ ก่อนจะพูดอย่างไม่แยแสว่า “พูดจบหรือยัง?”
เหล่าผู้าุโต่างมึนงง เพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่หนานกงหลิงพูด
“ม่อเสีย เ้าเป็ประมุข หรือว่าข้าหนานกงหลินที่เป็ประมุข?”
เมื่อเห็นเหล่าผู้าุโพากันยืนอึ้ง หนานกงหลิงจึงหันไปถามม่อเสีย
สีหน้าของม่อเสียซีดเซียว หัวใจของเขาแทบจะหยุดเต้น ก่อนจะรีบร้อนตอบไปว่า “แน่นอนว่าเป็ท่าน ท่านประมุข ข้าม่อเสียมิกล้า”
“แล้วพวกเ้าล่ะ คิดว่าข้าเป็ประมุขหรือม่อเสียที่เป็ประมุข?” หนานกงหลิงหันไปถามเหล่าผู้าุโที่สนับสนุนม่อเสีย
“แน่นอนว่าเป็ท่าน” เหล่าผู้าุโต่างรู้สึกใจคอไม่ดี นิสัยของหนานกงหลิงนั้นเป็คนที่อ่อนโยน แต่ไหนแต่ไรมาเคยพูดจาด้วยน้ำเสียงเช่นนี้กับพวกเขาที่ไหนกัน
“อืม!” หนานกงหลิงพยักหน้า “งั้นข้าจะถามเ้าอีกครั้ง การทดสอบของนิกายครั้งนี้ใครกันคือผู้รับผิดชอบ?”
“แน่นอนว่าต้องเป็ท่านประมุข” ม่อเสียและคนอื่นๆ ต่างตอบอย่างพร้อมเพรียงกัน ขณะที่แผ่นหลังของพวกเขาล้วนเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
“พวกเ้าก็รู้นี่ ในเมื่อเป็แบบนั้น ม่อเสีย ข้าอยากจะถามเ้าว่า เ้าบอกว่าศิษย์คนนั้นไม่เห็นข้าที่เป็ประมุขอยู่ในสายตา แล้วเ้าล่ะ? เ้ากล้าชี้ไม้ชี้มือออกคำสั่งต่อหน้าทุกคน ต่อหน้าข้า ผู้าุโม่อเสีย เ้าสามารถบอกได้หรือไม่ว่า ยังเห็นประมุขอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่?”
สิ้นประโยคของหนานกงหลิง อุณหภูมิก็ดูเหมือนจะลดลง ทำให้ม่อเสียและเหล่าผู้าุโต่างรู้สึกหนาวสะท้านไปทั่วร่าง
เหล่าผู้าุโล้วนหุบปากสนิท ไม่กล้าแม้แต่จะผายลม
ม่อเสียคิดว่าตัวเองมีม่อชั่งหลันผู้เป็บิดาคอยหนุนหลังให้ จึงมักทำอะไรตามใจตัวเองและยังหยิ่งยโสมาก แต่ครั้งนี้ม่อเสียได้ยั่วโมโหท่านประมุขเข้าอย่างจัง
“ตูม…” เสียงะเิดังขึ้นมา เก้าอี้ที่หนานกงหลิงนั่งพลันแตกกระจาย
“พูด!!! ข้าถามพวกเ้าอยู่ ในใจของพวกเ้ายังเห็นข้าหนานกงหลิงเป็ประมุขอยู่หรือไม่?”
หนานกงหลิงลุกขึ้นและะโถามอย่างเ็า พลังอันแข็งแกร่งที่แผ่ออกมาจากร่างของหนานกงหลินทำให้เหล่าผู้าุโหัวใจแทบหยุดเต้น
ทุกคนต่างจ้องมองไปยังหนานกงหลิงที่กำลังโกรธเกรี้ยวด้วยสายตากระวนกระวาย น้อยครั้งมากที่ท่านประมุขจะโกรธเกรี้ยวเช่นนี้ วันนี้มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมท่านประมุขถึงะเิอารมณ์ออกมาเช่นนี้ หรือเป็เพราะผู้าุโม่อเสีย
