แสงเทียนส่องไสว มีเสียงฝีเท้าที่รีบร้อนย่ำอยู่ในห้องอย่างแ่เบา น้ำร้อนหนึ่งกะละมังถูกย้อมไปด้วยเือย่างรวดเร็ว ก่อนที่จ่างกุ้ยจะยกมันออกไป
เวินซีหยิบผ้ามาเช็ดตัวจ้าวต้านอย่างระมัดระวัง เพราะเกรงว่าจะไม่สะดวก นางจึงถอดเสื้อผ้าของเขาออกทั้งหมด ยามนี้ทั้งร่างของเขาเหลือเพียงแค่กางเกงขนสัตว์
เผยให้เห็นรอยาแที่ชัดมากทั้งเก่าและใหม่ปะปนกันบนร่างกายที่มีแต่มัดกล้ามเนื้อ
หลังจากที่ทายาบริเวณที่ได้รับาเ็และพันแผลจนครบหมดแล้ว เวินซีพลันรู้สึกได้ถึงเสียงหายใจที่หนักอึ้งของเขา จึงนั่งลงจับชีพจรให้ใหม่
แววตาของนางเผยความกังวล เมื่อพบว่าชีพจรนั้นอ่อนแอและเต้นเร็วสลับกันเป็่ๆ
เนี่ยนหานกู่ในร่างกายของจ้าวต้านแผลงฤทธิ์หนักกว่าเดิมนัก มันพยายามจะผลาญอายุขัยของเขา ซึ่งในตอนนี้ร่างกายได้มาถึง่บั้นปลายของชีวิตแล้ว เขาอาจจะตายได้ทุกเมื่อ
นางเห็นเช่นนั้นก็ถอนหายใจด้วยความเสียใจ เปิดถุงเข็ม หยิบเข็มเงินออกมาและฝังลงบนร่างของเขา
“คุณหนูเวินซี น้ำมาแล้วขอรับ” จ่างกุ้ยเปิดประตูเข้ามา นำน้ำร้อนกะละมังใหม่มาวางลงบนโต๊ะ
เวินซีฝังเข็มเงินด้วยความตั้งใจ มิได้วอกแวกแม้แต่น้อย
หลังจากที่ฝังเข็มทั้งหมดลงบนร่างของเขาแล้ว นางก็หยิบกระดาษออกมา เขียนสูตรยาและยื่นให้จ่างกุ้ย
จ่างกุ้ยมิกล้ารอช้า รีบถือสูตรยาเดินออกไปทันที
เพราะเกรงว่าจ้าวต้านจะขยับเข็มเงิน เวินซีจึงนั่งอยู่ข้างกายเขาไม่ห่าง และไม่ละสายตาไปที่ใด
ในตอนรุ่งเช้า จ่างกุ้ยก็กลับมาพร้อมกับถุงยาใบใหญ่ เวินซีนำยาทั้งหมดแช่ลงน้ำร้อนในอ่างอาบน้ำ จากนั้นทั้งสองก็ช่วยกันยกจ้าวต้านลงอ่างไป
เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น เวินซีก็เหนื่อยจนหอบอยู่บนโต๊ะ การออกแรงมากเป็เวลาต่อเนื่องทำให้รู้สึกง่วงนอน แต่นางก็ไม่กล้าหลับตาลง
“คุณหนูเวินซี คุณชายจ้าวเขา...จะตื่นขึ้นมาหรือไม่ขอรับ?” จ่างกุ้ยมีเวลาว่างในที่สุด เขานั่งพักบนเก้าอี้ และรินน้ำใส่แก้วไปวางไว้ข้างหน้าเวินซี
เวินซีหยิบน้ำดื่มจนหมด มองไปที่จ้าวต้านพลันส่ายหน้า
ยาที่ใช้ในตอนนี้มีผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น การจะตื่นขึ้นมาได้หรือไม่นั้นอยู่ที่ความประสงค์ของเขาเองแล้วล่ะ
“คุณหนูเวินซี ไปพักผ่อนเถิดขอรับ ข้าจะดูแลตรงนี้เองขอรับ”
“ได้ ลำบากเ้าหน่อยนะ น้ำเย็นแล้วอย่าลืมเรียกข้าล่ะ เราช่วยกันยกเขาขึ้น”
“ขอรับ”
เวินซีง่วงมากจริงๆ หลังจากที่พูดจบนางก็หลับตาลงนอน
จ่างกุ้ยใช้เสื้อคลุมของจ้าวต้านมาคลุมร่างให้นาง จากนั้นก็นั่งเฝ้าทั้งสองคน
ครึ่งชั่วยามต่อมา จ่างกุ้ยก็ปลุกเวินซี ทั้งสองคนช่วยกันยกจ้าวต้านขึ้น จากนั้นจึงทายา เสร็จแล้วเวินซีจึงหันกายกลับไปให้จ่างกุ้ยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขา แล้วพาเขาไปวางบนเตียงอีกครา
แสงอาทิตย์อันอบอุ่นยามเหมันต์สาดส่องลงบนร่างของจ้าวต้าน เวินซีเห็นเช่นนั้นจึงเปิดหน้าต่างออกให้กว้างขึ้น
กลิ่นยาในอากาศถูกพัดจนบางเบาลงไปไม่น้อย ทั้งสองกลับไปนั่งบนโต๊ะ เวินซีหยิบตำราการแพทย์เล่มหนึ่งขึ้นมาเริ่มศึกษา ส่วนจ่างกุ้ยมองนาง แล้วเอ่ยปากพูดขึ้นว่า
“คุณหนูเวินซี เมื่อครู่ตอนที่ข้าไปซื้อยา ข้าเดินผ่านปากทางตลาดมาขอรับ ศพของฮูหยินใหญ่เวิน...ยังอยู่ที่นั่น ไม่มีคนไปรับศพนาง น่าสังเวชเสียจริง”
“เวินเยียนไม่มารับมารดาตนเอง ส่วนเวินอวิ๋นโปก็ไม่คิดจะห้ามปรามเลยหรือ?” เวินซีเงยหน้าขึ้น
“เื่นี้ทำลายชื่อเสียงของตระกูลเวินจนพังทลาย ข้าได้ยินมาว่าเวินอวิ๋นโปโกรธจนล้มป่วยไปเลยขอรับ เขาจะมีแรงมาสนใจเื่ฮูหยินใหญ่เวินได้เช่นไร”
“เดิมทีท่านเ้าอำเภอจะให้คนนำศพนางไปส่งที่ตระกูลเวิน แต่่นี้ประตูจวนกลับปิดสนิทตลอด แม้แต่คนรับใช้สักคนก็ยังไม่ออกมา เขาจึงทำได้เพียงปล่อยให้เลยตามเลย”
“พวกชาวบ้านต่างพูดกันว่านายท่านเวินน่าสงสาร...”
เวินซีฟังคำพูดของจ่างกุ้ยไปพลาง สายตาก็กลับไปมองที่ตำราอีกครา
ช่างป่วยได้เวลาเหมาะสมเสียจริง ยังไม่ทันไรก็มีคนคอยเห็นอกเห็นใจเสียแล้ว
“จ่างกุ้ย อย่าได้พูดถึงเื่นี้อีกเลย” เวินซีเอ่ยเบาๆ
ฮูหยินใหญ่เวินก็ตายแล้ว ต่อจากนี้จะไม่มีเื่ใดเกี่ยวกับนางอีก นางไม่อยากจะรับรู้อันใด
จ่างกุ้ยพยักหน้าและหยุดพูด
“แค่ก...แค่กๆ...” ในขณะนั้นมีเสียงไอดังมาจากบนเตียงอย่างกะทันหัน
เวินซีดีใจมาก นางโยนตำราการแพทย์ไว้ ยืนขึ้นและรีบไปหาเขา “รู้สึกเช่นไรบ้าง? ทรมานที่ใดหรือไม่?”
เมื่อเห็นความกระวนกระวายในแววตาของนาง จ้าวต้านก็ยิ้มอย่างอ่อนแรง แล้วส่ายหน้าเล็กน้อย
“ดื่มยานี่สิ”
เวินซียกยาที่เตรียมไว้นานแล้วบนหัวเตียงขึ้นไปข้างปากของจ้าวต้าน เขามิได้ลังเล และดื่มมันจนหมดทันที
ยามีรสขมมากแท้ๆ แต่เมื่อเข้าไปในปากกลับรู้สึกหอมหวานเป็พิเศษ
มันช่วยระงับเนี่ยนหานกู่ที่ยังอยู่ในร่าง เมื่อดื่มยาเรียบร้อยแล้วจ้าวต้านก็ตบเตียงเบาๆ ให้เวินซีไปนั่ง
“มีอันใดหรือ?” เวินซีเชื่อฟังเขาพลันนั่งลง
“ยียีเอ้อเอ้อร์ซันซาน เกรงว่าในอนาคตจะต้องฝากฝังไว้กับเ้าแล้วล่ะ มีเพียงให้เ้าดูแลพวกเขาเท่านั้นข้าถึงจะวางใจได้”
“หากข้าตายไป ข้าขอให้เ้าเป็หม้ายอาลัยข้าสักสามปี หลังจากนั้นหากเ้ามีผู้ที่ต้องใจก็ไปเถิด แต่อย่าได้ลืมข้าเลยนะ หากมีเวลาขอให้กลับมาพูดคุยกับข้าบ้าง”
“ทำทุกสิ่งที่เ้า้าเถิดนะ เ้าเป็หงส์ที่สามารถโบยบินไปได้ทั่วนภา อย่าได้กักขังตนเองอยู่ในเมืองเล็กๆ แห่งนี้”
“ก่อนที่ข้าจะตาย ข้าจะสั่งให้คนของข้าคอยรับใช้เ้า ถือว่าเป็การขอขมาที่ข้าลากเ้าเข้ามาเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ในราชวงศ์ก็แล้วกันนะ เ้ามิชอบการต่อสู้ก็ให้พวกเขาคอยปกป้องเ้า”
จ้าวต้านรู้ดีว่าร่างกายของตนมาถึงขีดจำกัดแล้ว เขาจึงเอ่ยปากพูดฝากฝังกับนาง
เวินซีได้ยินดังนั้นก็เม้มริมฝีปาก ในใจมีหลากหลายอารมณ์ นางไม่ตอบโต้ใดๆ ไปชั่วขณะ ส่วนจ่างกุ้ยที่มองดูอยู่ข้างๆ กลับปาดน้ำตา คิดว่าโชคชะตาช่างไม่ยุติธรรม
“ไม่กลัวว่าคนที่ข้าต้องใจจะไม่ชอบพวกยียีหรือ? ถึงยามนั้นข้าจะทำเช่นไร?” เวินซีจงใจถาม
“หากเขาไม่ชอบก็ให้เด็กๆ ไปอยู่กับจ้าวต้านตัวจริงเถิด จะให้พวกเขาสามคนขัดขวางความสุขของเ้าไปตลอดมิได้”
“หากมิใช่เพราะเ้า พวกเขาทั้งสามคงจะหิวตายไปนานแล้ว เ้าทำเพื่อพวกเขามาพอแล้ว ข้าไม่อยากจะบีบบังคับเ้าอีก”
จ้าวต้านยอมรับความตายของตนเป็อย่างดี คนเดียวที่เขายังเป็ห่วงตอนนี้ก็คือเวินซี
เขาอยากให้นางมีความสุข แต่ก็อยากจะเป็คนมอบความสุขให้นางเอง ความรู้สึกที่เกิดขึ้นนี้ราวกับมีมีดมาทิ่มแทงใจ
“พูดออกมาได้” เวินซีเอ่ยปากว่าเขา
“ข้ากำลังจะตายก็พูดคำดีๆ ไปเช่นนั้น ความจริงข้าน่ะหวังให้เ้าอยู่กับพวกเด็กๆ ไปตลอด แล้วคิดถึงข้าเรื่อยไป” จ้าวต้านหัวเราะเบาๆ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“แค่ก..แค่ก...แค่ก” ทันใดนั้นเขาก็ไอและพ่นเืก้อนใหญ่ออกมา
“ไม่ต้องพูดแล้ว พักผ่อนเถิด”
เืสีแดงสดทำให้เวินซีปวดตา นางมองเขาที่มีใบหน้าซีดขาวก็กดให้เขานอนลงบนเตียงและห่มผ้าให้
“ไม่กลัวหรือว่าข้าหลับไปแล้วจะไม่ตื่นขึ้นมาอีก?” จ้าวต้านมองนางด้วยสีหน้าจริงจัง
เวินซีชะงักไป “หยุดพูดไร้สาระเ้าค่ะ มีข้าอยู่ ท่านไม่ตายตอนนี้หรอก”
“อย่าได้ห่างจากข้าไปนะ”
“เ้าค่ะ”
เมื่อได้ฟังคำตอบของนาง จ้าวต้านก็หลับตาลงอย่างพอใจ
เวินซีมองเขา หรี่ตาลง ไม่รู้ว่านางเข้าใจผิดไปเองหรือไม่ นางรู้สึกว่าจ้าวต้านตอนป่วยดูจะ้านางเป็พิเศษ
“คุณหนูเวินซี ได้เวลาเปิดร้านแล้วขอรับ ข้าน้อยไปด้านหน้าก่อนนะขอรับ” ขณะนั้นจ่างกุ้ยมองไปด้านนอกหน้าต่างก็พลันเอ่ยขึ้น
เวินซีโบกมือให้เขาออกไป
ทันทีที่ประตูปิดลง ก็เหลือเพียงพวกเขาสองคนที่อยู่ในห้อง สีหน้าของเวินซีกลับมาเคร่งขรึม
หญ้าหิ่งห้อยร้อน...
นางควรจะพูดออกไปหรือไม่...
ในใจของนางโอนเอนอยู่ระหว่างจะช่วยหรือไม่ช่วย แต่สุดท้ายก็ถอนหายใจยาว นางคิดวิธีได้แล้ว
ช่วย แต่คงทำได้เพียงบอกวิธีการกับเขา ส่วนจะทำได้สำเร็จหรือไม่นั้นขึ้นอยู่ที่ตัวเขาเอง