“โพธิสัตว์กาสาวพัสตร์ทอง…”
“เถาจื่อจิง[1]…”
“หญ้าติ้งเสิน[2]…”
มุ่งหน้าเข้าหาใจกลางเกาะไปพลาง ได้ยินเสียงอุทานด้วยความลิงโลดของสื่อรั่วหนานไปพลาง ดวงตาของตู๋กูเช่อมีประกายรอยยิ้มขึ้นวูบหนึ่ง เหตุผลที่เขาชวนสื่อรั่วหนานมาด้วย ก็เพราะสื่อรั่วหนานมีความสนใจในสิ่งแปลกใหม่เป็อย่างยิ่ง ถึงแม้หญิงสาวผู้นี้จะมีนิสัยหมกมุ่นในบางครั้ง บางคราก็บ้าคลั่งแสนร้ายกาจ แต่ยังคงเปี่ยมเสน่ห์ชวนหลงใหลยิ่งนัก เนื่องจากนางเป็คนที่มุ่งมั่นตั้งใจ ตู๋กูเช่อรู้สึกว่าหญิงสาวที่มุ่งมั่นตั้งใจสวยงามที่สุดตลอดมา นอกจากนี้เดิมทีสื่อรั่วหนานก็สวยงามอย่างยิ่งอยู่แล้ว
ในหมู่สิบราชัน ราชันพิษและราชันโอสถประชันแข่งขันด้านรูปโฉม มิเคยมีผู้ใดกล้าหมายปองราชันพิษมาก่อน เป็เพราะมิมีผู้ใดขวัญกล้าเช่นนั้น ให้หญิงสาวผู้นี้นอนข้างกายตน ผู้ใดก็ไม่ทราบว่ายามตื่นขึ้นมา ทั่วร่างกายจะเต็มไปด้วยหนอนพิษหรือไม่ ถึงแม้บางครั้งราชันโอสถจะถือตัวยิ่งนัก แต่กลับเป็หญิงสาวที่แสนดุดัน ทะมัดทะแมงจริงแท้แน่นอนผู้หนึ่ง มีความสวยงามที่องอาจห้าวหาญแบบวีรสตรี
ในสายตาของตู๋กูเช่อ หญิงสาวเช่นนี้ยังคงน่ารักอย่างยิ่งอยู่ดี บุรุษถูกกำหนดให้มีภรรยาสามและอนุภรรยาสี่[3] ในบรรดาพวกนางมีหญิงสาวในรูปแบบต่างกันอย่างสิ้นเชิงสักคนหนึ่ง ก็เป็เื่น่ายินดียิ่งเื่หนึ่งในชีวิตเช่นกัน
“พลังเหนือธรรมชาติแผ่มาจากในถ้ำข้างหน้านี้เอง” ตู๋กูเช่อและคนอื่นๆ เร่งรุดเดินทางถึงใจกลางเกาะ พบว่าตรงกลางมีเนินเขาขนาดเล็กเตี้ยลูกหนึ่ง มีถ้ำขนาดใหญ่แห่งหนึ่งอยู่บนเนินเขา สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาคือ พืชที่มีคุณสมบัติคล้ายเหล็กเติบโตก่อตัวขึ้นเป็ตาข่ายโลหะผืนหนึ่งอยู่ตรงปากถ้ำ แสงสว่างส่องลอดผ่านเข้าไปในถ้ำ พวกเขามองไม่เห็นก้นถ้ำ แต่กลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า ภายในถ้ำมีพลังจิติญญาธาตุทองเล็ดลอดออกมาตลอดเวลา
“ดูแล้ว ตาค่ายกลอยู่ภายในถ้ำนี้นี่เอง” สื่อรั่วหนานมองดูถ้ำแวบหนึ่ง เกิดอยากรู้เกี่ยวกับมรดกที่หลงเหลือจากยุคก่อน ใต้หล้ากว้างใหญ่ไพศาล ทั้งยังน่าประหลาดและมหัศจรรย์ยิ่งนัก ถ้ำที่สามารถก่อเกิดพลังจิติญญาธาตุทองอันทรงพลังมากขนาดนี้ ภายในนั้นจะต้องมีสมบัติวิเศษแห่งฟ้าดินที่ผู้คนมุ่งหวังรอคอยอย่างแน่นอน
“ติง ติง…” เสียงโลหะกระทบกันดังขึ้น ศิษย์ทั้งสามของสำนักิญญาเร้นลับกระหน่ำฟาดฟันกระบี่ ฟันไปกว่าสิบครั้งจึงสามารถตัดเถาวัลย์ขาดออกหนึ่งหรือสองเส้น ความแข็งแกร่งของต้นไม้บริเวณปากทางเข้าถ้ำ เหนือความคาดหมายของทุกคน
“ต้นไม้แข็งมาก ต้นไม้และเถาวัลย์ที่นี่ถูกพลังจิติญญาธาตุทองกัดกร่อนจนเปลี่ยนคุณสมบัติธรรมชาติไปแล้ว” สื่อรั่วหนานมองกิ่งไม้ที่ถูกตัดขาดเ่าั้อย่างประหลาดใจ
พูดถึงสำนักนิกายที่เข้าใจเื่พืชมากที่สุด ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากสำนักหลอมโอสถ สำนักหลอมโอสถสร้างชื่อเสียงจากเม็ดโอสถ เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรและเื่โอสถ ยังมีผู้เชี่ยวชาญคอยศึกษาเื่พืชแปลกๆ แต่ละชนิด ทดลองคุณสมบัติของยา บนเกาะแห่งนี้ พืชมากมายหลายชนิด ที่สื่อรั่วหนานเห็นก็เป็ครั้งแรกเช่นกัน ยามที่นางจะจากไป จะนำตัวอย่างสักหลายชิ้นกลับไปที่สำนัก ให้ผู้หลงใหลงมงายโอสถภายในสำนักลองทำการศึกษาอย่างละเอียดดู
“ความแข็งของมันเทียบได้กับอาวุธจิติญญาระดับต่ำเลยทีเดียว!” ตู๋กูเช่อก็แปลกใจอยู่บ้างเช่นกัน
“ลงมือพร้อมกัน เร่งหาตาค่ายกลให้พบก่อน ก็สามารถกลับไปรายงานกับบรรพบุรุษผู้เฒ่าได้แล้ว” ตู๋กูเช่อพูดพลาง เป็ผู้นำดึงกระบี่ออก
“ติง ติง…” เกิดประกายสะเก็ดไฟขึ้นรอบด้าน อาวุธในมือของหลายคนแทบหักเสียหาย ในที่สุดก็สามารถตัดเป็ทางเข้าที่อนุญาตให้คนผู้หนึ่งลอดผ่าน
“พวกเ้าเฝ้าอยู่ด้านนอก คอยเตรียมพร้อมไว้ ข้าและศิษย์น้องรั่วหนานจะเข้าไปดูข้างใน” ตู๋กูเช่อพูดจาสั่งศิษย์น้องหลายคน
“ชิงย่วน เ้าก็รั้งอยู่ข้างนอกเช่นกัน!” สื่อรั่วหนานพูดสั่งให้ศิษย์น้องเล็กเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่คำหนึ่ง
……
จ้านอู๋มิ่งไม่ได้ปล่อยหมูล่าขุมทรัพย์ออกมา เนื่องจากพอหมูล่าขุมทรัพย์ออกมา จะต้องไปสถานที่ที่มีพลังเหนือธรรมชาติแข็งแกร่งที่สุดอย่างแน่นอน เ้าตัวเล็กนี้จะต้องคว้าสิ่งที่ดีที่สุดมาไว้ในมือก่อนเสมอ แล้วจึงค่อยมองหาสิ่งที่มีมูลค่ารองลงมา
บนเกาะนี้ยังมีศิษย์ของสำนักิญญาเร้นลับและสำนักหลอมโอสถ จ้านอู๋มิ่งไม่้าแหวกหญ้าให้งูตื่น
ทันใดนั้น จ้านอู๋มิ่งก็เห็นศิษย์สำนักิญญาเร้นลับสามคนอยู่ข้างถ้ำของใจกลางเกาะ หนึ่งในนั้นได้รับาเ็ ดูเหมือนว่าจะได้รับาเ็จากปลาบินมีดเงินปีศาจ นี่ทำให้เขาเข้าใจแล้ว ไฉนคนที่ขึ้นมาบนเกาะจึงจำนวนน้อยขนาดนี้ คาดว่าคงโดนปลาบินมีดเงินปีศาจสังหารเสียชีวิตไปไม่น้อย
มีศิษย์สาวสำนักหลอมโอสถอีกผู้หนึ่ง หน้าตาก็สะสวยและน่ารักน่าเอ็นดูเช่นกัน แต่ยังค่อนข้างเยาว์วัยอยู่บ้าง คาดว่าอีกสองปีสมควรจะเติบโตขึ้นและสวยงามจนผู้คนจำนวนมากต้องตะลึงพรึงเพริดยามพบเห็นนาง
ทั้งสี่คนตื่นตัวระมัดระวัง เฝ้าทางเข้าปากถ้ำไว้ ดูเหมือนจะมีคนเข้าไปในถ้ำแล้ว เพียงแต่ไม่ทราบว่าคนที่เข้าไปเป็ใคร คิดว่าฐานะคงไม่ธรรมดา สำหรับศิษย์สำนักิญญาเร้นลับทั้งสามคนนั้น จ้านอู๋มิ่งไม่ใส่ใจที่จะเปลี่ยนพวกเขาให้เป็มูลดินบนเกาะแห่งนี้ แต่ว่าสาวงามตัวน้อยๆ ผู้น่ารักนั้น เขารู้สึกมิอาจตัดใจอยู่บ้างขึ้นมาแล้ว
คิดถึงตรงนี้ จ้านอู๋มิ่งเรียกเหยียนชิงชิงออกมาอย่างเงียบ ๆ
“ที่นี่คือสถานที่ใด?” เหยียนชิงชิงออกมาจากถุงสัตว์อสูรจิติญญาอย่างเฉยเมย พบว่ารอบบริเวณกลับเป็ดินแดนโลกโลหะแถบหนึ่ง
“ชู่ว…” จ้านอู๋มิ่งรีบผนึกปิดริมฝีปากของเหยียนชิงชิงไว้ทันที ถ้าทำให้ศิษย์สำนักิญญาเร้นลับไม่กี่คนตื่นตัวขึ้นมาก็จะเป็ปัญหายุ่งยากแล้ว
“อืม…” เหยียนชิงชิงหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาทันที ส่งเสียงครางเบาๆ คราหนึ่ง จากนั้นก็รั้งศีรษะจ้านอู๋มิ่งจนแน่นและจุมพิตขึ้นมา
“เ้าจะฆ่าข้าหรือไร!” จ้านอู๋มิ่งลอบด่าขึ้น ธิดาเทพแห่งสำนักเบญจพิษผู้นี้สวยงามปานเทพยดานางไม้ตัวน้อยผู้หนึ่งจริงๆ ไม่ดูเสียบ้างเลยว่านี่เป็สถานที่ใด
ใบหน้าน้อยของเหยียนชิงชิงแดงระเรื่อ หัวเราะเบาๆ คราหนึ่ง ค้อนควับจ้านอู๋มิ่งอีกคราหนึ่ง พูดออดอ้อนขึ้น “เวลานี้จึงรู้จักปล่อยข้าออกมา ข้าอยู่คนเดียวในกระเป๋าสัตว์อสูร มีแต่หมูน้อยตัวนั้นอยู่เป็เพื่อน เบื่อจะตายอยู่แล้ว!”
“เหอะๆ นี่ข้ามิใช่ปล่อยเ้าออกมาแล้วหรือ? เ้าไม่ทราบหรอกว่า หลังจากข้าใส่เ้าเข้าไปแล้ว ถูกบรรพบุรุษผู้เฒ่าเทียนเจวี๋ยผู้นั้นไล่ล่าติดตามไปจนทั่ว แต่สุดท้ายก็สามารถจัดการเขาสำเร็จลงแล้ว” จ้านอู๋มิ่งกอดเหยียนชิงชิงไว้ เขาเองก็ขุ่นข้องหงุดหงิดยิ่งนัก รับสตรีมากพิษผู้นี้ไว้เพื่อเป็สาวใช้ชัดๆ แต่ตอนนี้กลับเหมือนเช่นคู่รักตัวน้อยไปแล้ว
“เ้ากลับสามารถหนีรอดจากเงื้อมมือเขาสำเร็จ ดูแล้วที่ข้าพ่ายแพ้เ้าก็สมควรอยู่หรอกนะ” เหยียนชิงชิงรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง ถามขึ้นด้วยความอยากรู้อีกว่า “กระเป๋าสัตว์อสูรจิติญญาของเ้ามีพื้นที่ของตัวเอง มีอีกโลกหนึ่งอยู่ภายในนั้น สมบัติวิเศษเช่นนี้เ้ามีได้อย่างไร? กระเป๋าใส่สัตว์อสูรจิติญญาของสำนักบริบาลเดรัจฉานของพวกเ้ามิใช่สิ่งมีชีวิตเข้าไปแล้วล้วนหลับใหลหรอกหรือ?”
“เื่นี้เ้ายังไม่เข้าใจหรือ? ถึงแม้สิ่งนี้จะดูเหมือนกระเป๋าสัตว์อสูรจิติญญาใบหนึ่ง แต่ความจริงแล้วมันคือแหวนมิติจิติญญา กระเป๋านี้คือสิ่งที่ข้าใช้วิธีการพิเศษขอมาจากเ้าสำนัก สำนักบริบาลเดรัจฉานของพวกเรามีสมบัติจิติญญาชนิดนี้เพียงสามอันเท่านั้น อันหนึ่งอยู่ในการดูแลของเ้าสำนักเอง อีกอันหนึ่งอยู่ในมือเทพเ้าาบรรพบุรุษผู้เฒ่าท่านหนึ่ง ใบที่อยู่ในมือข้านี้คืออันที่ด้อยที่สุดแล้ว มีพื้นที่ภายในเพียงร้อยกว่าตารางวาเท่านั้นเอง สร้างกระท่อมเพิงเล็กๆ หลังหนึ่ง ขุดสระน้ำแห่งหนึ่ง ปลูกพืชสมุนไพรสักสองสามไร่ ปลูกต้นไม้อีกสักหลายสิบต้น ก็ไม่มีพื้นที่เหลืออีกแล้ว ถือได้ว่าเป็ที่อยู่อาศัยบนูเาที่พกติดตัวได้เท่านั้น” จ้านอู๋มิ่งพูดขึ้นอย่างภาคภูมิใจ
กระเป๋ามิติจิติญญาของจ้านอู๋มิ่งใบนี้เป็แหวนมิติจิติญญาซึ่งตกทอดสืบต่อมาจากสมัยา แหวนมิติจิติญญามีพื้นที่ชนิดนี้ไม่ใช่สมบัติวิเศษในระดับเดียวกับอาวุธจิติญญาแล้ว ความจริงแล้วมันคือสมบัติวิเศษพื้นที่มิติ ภายในมีพื้นที่ของตัวเอง ยังสามารถสื่อสารกับภายนอกผ่านเ้าของ ภายในสมบัติวิเศษสามารถดูดซับพลังเหนือธรรมชาติของภายนอกได้ จึงสามารถฝึกฌานบ่มเพาะได้เช่นเดียวกัน
นี่คือสิ่งของชดเชยจากฉางชิงจื่อที่มอบให้จ้านอู๋มิ่งหลังจากที่เขาคว้าจิ้งจอกจิติญญาเก้าหางของจ้านอู๋มิ่งไป ได้ยินว่าในมือฉางชิงจื่อยังมีสมบัติวิเศษพื้นที่มิติอีกอันหนึ่ง ภายในมีพื้นที่หลายสิบลี้ สมบัติวิเศษพื้นที่มิติใหญ่ที่สุดอยู่ในมือของเทพเ้าาบรรพบุรุษผู้เฒ่าของสำนักบริบาลเดรัจฉาน กล่าวกันว่าภายในพื้นที่มิติไม่เพียงมีูเาบรรพต แม่น้ำลำธาร ทั้งยังมีสายชีพจรแหล่งพลังจิติญญาส่วนตัวที่สามารถนำติดตัวไปได้ ถึงเวลายามใดที่สำนักเกิดวิกฤตภัยพิบัติขึ้น สมบัติวิเศษมีพื้นที่มิติอันนั้นสามารถให้ลูกศิษย์หรือผู้คนทั้งหมดของสำนักเข้าไปอยู่ข้างใน สามารถดำเนินชีวิตอยู่ภายในนั้นนานหลายทศวรรษอย่างไม่มีปัญหา สมบัติวิเศษและสิ่งของวัสดุสำคัญจำนวนมากมายของสำนักล้วนถูกเก็บเอาไว้อยู่ในแหวนวงนั้น เรียกได้ว่าเป็สมบัติวิเศษล้ำค่าอย่างแท้จริงของสำนักเลยทีเดียว
“คิดไม่ถึงว่าสำนักบริบาลเดรัจฉานกลับยังมีสมบัติวิเศษที่มีสถานที่อันเป็แดน์เช่นนี้ อีกทั้งยังมอบให้เ้า!” เหยียนชิงชิงรู้สึกอิจฉายิ่งนัก แต่บนใบหน้ากลับมีรอยยิ้มอันปีติยินดี นางพบว่าตนเองได้รับผลกระทบจากอารมณ์ความรู้สึกของจ้านอู๋มิ่งง่ายดายเกินไปแล้ว นางรู้สึกยินดีปรีดาตามความยินดีของจ้านอู๋มิ่ง เศร้าโศกตามความเศร้าสลดของจ้านอู๋มิ่ง นี่เป็เพราะธาตุแห่งชีวิตของนางถูกผสานหลอมรวมกับจ้านอู๋มิ่ง จิติญญาชีวิตของทั้งสองจึงเชื่อมโยงถึงกันอย่างใกล้ชิดยิ่งนัก
จ้านอู๋มิ่งไม่ได้บอกเหยียนชิงชิงว่าตนเองสูญเสียลูกอ่อนสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ไปตัวหนึ่ง หากอยู่ในอาณาจักรดินแดนปฐมภูมิ ลูกอ่อนสัตว์อสูรเทพศักดิ์สิทธิ์ตัวหนึ่ง สมบัติวิเศษมีพื้นที่มิติระดับต่ำเหมือนที่อยู่ในมือตนชนิดนี้ สามารถแลกเปลี่ยนมาได้เป็กองเลยทีเดียว
“สถานที่นี้คือที่ใด?” เหยียนชิงชิงมองดูภาพสถานที่แปลกๆ รอบตัว อดถามขึ้นไม่ได้
“เกาะแห่งหนึ่งนอกสถานพำนักของคุนเผิง ข้าก็ไม่ทราบว่าเป็สถานที่ใด ข้าให้เ้าออกมา ้าให้เ้าช่วยข้าจัดการกับคนไม่กี่คนเ่าั้” จ้านอู๋มิ่งชี้ไปยังผู้พิทักษ์ทั้งสี่ตรงปากทางเข้าถ้ำ
“สถานที่แห่งนี้แปลกจริงๆ!” เหยียนชิงชิงบ่นพึมพำคำหนึ่ง มองดูสี่คนตรงปากถ้ำแวบหนึ่ง พูดอย่างแปลกใจเล็กน้อย “กลับเป็คนของสำนักิญญาเร้นลับและสำนักหลอมโอสถ ไม่มีปัญหา เ้า้าให้พวกเขาตายหรือให้พวกเขามีชีวิตอยู่?”
“เ้าเห็นข้าผู้นี้เป็คนจิตใจดีมีเมตตา ทั้งยังมือไม้อ่อน ปล่อยให้พวกเขามีเส้นทางรอดชีวิตสักสายเถิด แต่อย่าปล่อยให้พวกเขาส่งเสียงออกมาจะดีที่สุด ภายในถ้ำยังมีคนอยู่นะ” จ้านอู๋มิ่งยักๆ ไหล่พูดขึ้นอย่างเคอะเขินเล็กน้อย
“เชอะ!” เหยียนชิงชิงค้อนควับให้คราหนึ่ง มองดูจนจ้านอู๋มิ่งแล้วคันยุกยิกในใจยากทนทาน หญิงสาวคร่าชีวิตที่น่ากลัวผู้นี้ ทุกอิริยาบถอย่างการขมวดคิ้วและรอยยิ้มล้วนเร่าร้อนปลุกอารมณ์มากถึงเพียงนั้น ไฉนก่อนหน้านี้จึงมิได้สังเกตเห็นนะ?
“ทราบแล้ว” เหยียนชิงชิงตอบรับคำหนึ่ง หยิบขวดหยกเล็กๆ ออกมาใบหนึ่งยื่นให้จ้านอู๋มิ่งและพูดว่า “อีกสักครู่ดมครั้งหนึ่งก็จะไม่หลับแล้ว”
“ว้าว เ้าแพร่พิษใส่พวกเราพร้อมกันได้ด้วยหรือ?” จ้านอู๋มิ่งประหลาดใจ แต่ก็ยังคงรับขวดหยกมา
คอยเป็เวลานานก็ไม่เห็นเหยียนชิงชิงทำสิ่งใดเลย อดถามอย่างสงสัยมิได้ว่า “ไฉนเ้าจึงไม่ลงมือเล่า?”
“ข้าลงมือไปเรียบร้อยแล้ว ดูเ้าจิตใจร้อนรนขนาดนี้ เ้าดูพวกเขาสิ” เหยียนชิงชิงชี้ไปที่สี่คนตรงปากถ้ำ
ดวงตาของจ้านอู๋มิ่งเบิกกว้าง แต่ทั้งสี่คนยังคงยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ ไม่มีอาการตอบสนองใดๆ
“พวกเขาหลับไปแล้ว หรือไม่เ้าก็ลองไปทักทายพวกเขาดู” เหยียนชิงชิงหัวเราะพูดขึ้น
“ไม่หรอกกระมัง? ท่าทางล้วนยังไม่เปลี่ยนแปลงเลย” จ้านอู๋มิ่งครึ่งเชื่อไม่เชื่อครึ่ง กล่าวพึมพำขึ้น ขยับร่างกายอย่างเงียบๆ คราหนึ่ง เปลี่ยนทิศทางมองดู อดที่จะก่นด่าออกมาคำหนึ่งไม่ได้ “บัดซบ เ้าคนไม่ได้เื่ผู้นี้หลับแล้วยังน้ำลายยืดอีก ยืนอยู่ก็ยังสามารถหลับได้ขนาดนี้ แปลกจริงเชียว!”
จ้านอู๋มิ่งแอบชื่นชมในใจ เหยียนชิงชิงเป็ผู้ช่วยที่ประเสริฐยิ่งผู้หนึ่ง สามารถแพร่พิษอย่างไร้ร่องรอย เขาอยู่ข้างกายนางก็ยังไม่ทราบเลยว่านางแพร่พิษั้แ่ตอนไหน จ้านอู๋มิ่งถามขึ้นด้วยความสงสัยยิ่งนัก “เ้าแพร่พิษั้แ่เมื่อใด ข้ามิได้เห็นเ้าลงมือแม้แต่น้อย”
“มิเช่นนั้นข้าจะถูกเรียกว่าราชันพิษได้อย่างไร ไม่ทราบหรอกหรือว่าพิษนั้นอยู่ภายในขวดที่ข้าให้เ้าอย่างไรเล่า” เหยียนชิงชิงยิ้มแย้มอย่างสนุกสนาน
“อา เ้ากลับกล้าเล่นงานแม้แต่เ้านาย?” จ้านอู๋มิ่งโกรธเคืองขึ้นในทันใด แต่คิดไปคิดมาแล้วมิถูกต้อง “แต่ว่าข้าไม่รู้สึกว่าโดนแพร่พิษใส่เลยสักนิด!”
“นั่นเป็เพราะว่าตอนที่ข้าให้ขวดนั้นแก่เ้า ข้าได้ทายาแก้พิษบนมือเ้าแล้ว”
พลันจ้านอู๋มิ่งถึงกับพูดมิออกแล้ว ทราบว่าตนเองถูกเหยียนชิงชิงกลั่นแกล้งเข้าแล้ว แต่ว่าในใจกลับมิรู้สึกโกรธ เพียงแต่แอบทอดถอนใจ ธิดาเทพที่งดงามราวกับเทพยดานางไม้ผู้นี้หนอ มิมีสำนึกของสาวใช้เลยแม้แต่น้อย เวลานี้ก็กล้ากลั่นแกล้งเ้านาย ดูเหมือนว่าคงจะต้องสั่งสอนนางให้หนักๆ สักครั้ง
[1] ต้นหงษ์ฟู่
[2] แปลว่า สงบจิตสมาธิ
[3] มีภรรยาหลายคน
