เจียงหยุนยืนอยู่บนยอดเขา เขาหลับตาและปล่อยให้ลมเย็นพัดผ่านใบหน้าของเขา เขารู้สึกได้ถึงความสงบที่ลอยมา แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความคิดที่ซับซ้อน
“่ 3 เดือนมีอะไรเกิดขึ้นบ้างไหม” เจียงหยุนถามอย่างสงบหลังจากที่ให้โคลนรวบรวมข่าวการความเคลื่อนไหวในโดเมนเทียนหยวน
โคลนที่ปรากฏตัวตรงหน้าเขาพยักหน้าเบาๆ และรายงานต่อ " ในทวีปกลางได้มีการค้นพบ ‘อาณาจักรลับจักรพรรดิ’ ที่เชื่อว่ามีโอกาสในการฝ่าทะลุไปยังระดับที่เหนือกว่าจักรพรรดิ ซึ่งข่าวนี้ได้สร้างความปั่นป่วนในโลกนี้เป็อย่างมาก"
เจียงหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อย "บอกต่อ"
โคลนกล่าวต่อ “ในตอนแรก ทวีปกลาง้าจะเก็บอาณาจักรลับจักรพรรดินี้ไว้เป็ความลับและใช้ประโยชน์แต่เพียงผู้เดียว แต่ทว่าข่าวกลับรั่วไหลออกไป และทั้งสี่ทวีปอื่นๆ ไม่ยอมรับในสิ่งนี้ จึงรวมพลังกันกดดันทวีปกลาง ท้ายที่สุด ทวีปกลางจึงยอมประนีประนอมและตัดสินใจจัดการประชุมใหญ่ขึ้น”
เจียงหยุนยิ้มเย็น "การประชุมใหญ่?”
“พวกเขาเรียกตัวแทนจาก 32 ดินแดนศักดิ์สิทธิ์, 13 ตระกูลจักรพรรดิ, 4 ราชวงศ์จักรพรรดิ รวมถึงป่าแห่งความมืดที่มีสัตว์ร้ายจักรพรรดิ 48 ตัว และครอบครัวของสัตว์พิเศษเช่น ั ฟีนิกซ์ และกิเลน แต่ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น จักรพรรดิดาบ ผู้ฝึกฝนอิสระ ผู้ที่กำลังจะทะลุไปยังระดับที่เหนือจักรพรรดิยังมาปรากฏตัวในการประชุมนี้ด้วย” โคลนกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น
เจียงหยุนฟังด้วยความสนใจ “แล้วผลลัพธ์ล่ะ?”
“การพูดคุยนั้นเต็มไปด้วยความตึงเครียด เพราะอาณาจักรลับนั้นอนุญาตให้เข้าไปเพียง 15,000 คนเท่านั้น และเงื่อนไขก็คือต้องมีระดับการฝึกฝนต่ำกว่านักบุญ แต่ละสังกัดจึงตกลงกันว่าจะส่งคนเข้าไปได้เพียงแห่งละ 100 คน ทำให้ยังเหลือที่ว่างอีก 500 ที่ จักรพรรดิดาบได้เสนอให้โควตาที่เหลือมอบให้กับผู้ฝึกฝนที่ไร้สังกัด เพื่อเป็การสร้างโอกาสให้กับผู้ฝึกฝนอิสระ ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว ทุกคนก็เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้” โคลนรายงานต่อไป
เจียงหยุนหัวเราะเบาๆ “แล้วจะคัดเลือกกันแบบไหน”
“ในอีกสามเดือนจะมีการแข่งขันคัดเลือกสำหรับคนไร้สังกัดที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ห้าธาตุ ซึ่งเป็ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในทั้ง 32 ดินแดนศักดิ์สิทธิ์” โคลนกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
เจียงหยุนพยักหน้า " นี้เป็โอกาสที่ดีสำหรับเราที่จะเข้าไปแทรกแซงและส่งคนของเราเข้าไป "
จากนั้น เจียงหยุนถามระบบ “เ้ามีอะไรที่ช่วยปกปิดระดับการฝึกฝนของข้าหรือไม่?”
ระบบตอบกลับทันทีด้วยเสียงที่ฟังดูมีความมั่นใจ “แน่นอน ข้าเสนอ ‘เครื่องรางปกปิด์’ ราคาเพียง 100 ล้านแต้มต่อชิ้น ท่านเห็นว่าอย่างไร?”
เจียงหยุนฟังแล้ว เขาก็ผ่าระบบออกเป็ 2 ส่วนทันที
ระบบใแล้วตอบ “ข้าขออภัยโฮทส์! เราควรคุยกันด้วยเหตุผลสิไม่ใช่ใช้กำลังข่มขู่กันแบบนี้ ข้าจะลดราคาให้เหลือเพียงชิ้นละ 10 ล้าน เป็ไง ท่านตกลงไหม? (˚ ˃̣̣̥⌓˂̣̣̥) ”
เขารู้สึกไม่พอใจและไม่รอช้า เขาส่งหมัดไปที่ระบบ แต่ระบบกลับหลบทันพร้อมหนีไปอย่างรวดเร็ว
เจียงหยุนถอนหายใจ “เอาให้ข้า 46 อันแล้วกัน”
ระบบถอนหายใจพร้อมพูดว่า “การลงทุนครั้งนี้จะต้องคุ้มค่าแน่นอน มันต้องคุ้มค่าเท่านั้น เพราะตอนนี้ข้า….ขาดทุนไปถึง 4,000 กว่าล้าน ถ้ามันไม่คุ้ม…..ข้าคงจะถังแตกแน่! (╥﹏╥) ”
เจียงหยุนหัวเราะเบาๆ “แค่เชื่อใจข้าก็พอ”
เมื่อได้สิ่งที่้าแล้ว เขาก็ถามต่อ "มีข่าวสารอื่นอีกหรือไม่?"
โคลนพยักหน้าและกล่าวต่อ “มีข่าวเกี่ยวกับการต่อสู้ระหว่างดินแดนศักดิ์สิทธิ์ปีศาจโลหิตและดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม้เขียว แต่การต่อสู้ก็ยุติลงอย่างรวดเร็วเมื่อพวกเขาได้ยินข่าวเกี่ยวกับอาณาจักรลับ และแยกย้ายกันไป”
"นอกจากนี้ยังมีการยกเลิกการแข่งขันในแดนเหนือและ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์สายหมอกจะมีการคัดเลือกศิษย์ 100 คนเพื่อส่งไปยังทวีปกลางในอีกสามเดือน"
เจียงหยุนฟังด้วยความสนใจ เขากำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อวางแผนขั้นต่อไป
"และอีกเื่หนึ่ง หลี่ ซินหยวน กลายเป็ศิษย์สายตรงของพระเ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ ทุกคนต่างใมากเพราะไม่เคยมีใครได้ยินชื่อนางทาก่อนและเหตุใดนางจึงได้เป็ศิษย์ของพระเ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ นอกจากนี้ยังมีการพูดคุยเกี่ยวกับตัวตนของนาง บางคนกล่าวว่านางเคยเป็ศิษย์รับใช้มาก่อน แต่เื่ราวเหล่านี้กลับค่อยๆ เงียบหายไป เนื่องจากนางไม่เคยปรากฏตัวออกมาเลย”
เจียงหยุนพยักหน้า " มีอะไรที่สำคัญอีกหรือไม่? "
โคลนส่ายหัว " ข่าวใหญ่หมดแล้วเหลือแต่เื่เล็กๆ น้อยๆ ท่านสนใจหรือไม่ "
เจียงหยุนโบกมือให้โคลนออกไป เขาหลับตาและพยายามรวบรวมความคิด ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงการมาของคนผู้หนึ่งที่ยอดเขา
“ศิษย์พี่ ท่านอยู่ข้างในหรือเปล่า?” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น
เจียงหยุนลืมตาและมองไปที่ประตู หญิงสาวที่มีผมสีเขียวยืนอยู่ที่นั่น นางคือมูชูหยวน
“เข้ามาได้” เขากล่าวเรียบๆ
มูชูหยวนเปิดประตูและก้าวเข้ามาในโถงใหม่ของเจียงหยุน นางรู้สึกตะลึงเล็กน้อยเมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงของโถงนี้ นางก้มศีรษะทักทายเขาแล้วเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับอาณาจักรลับและการคัดเลือกต่างๆ ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ นางยังชวนพูดคุยเื่ศิลปะการต่อสู้อีกเล็กน้อยก่อนที่ใบหน้าของนางจะเปลี่ยนเป็จริงจัง
“ศิษย์พี่… ถ้าวันหนึ่ง…มีกองกำลังที่แข็งแกร่งเหนือพลังระดับจักรพรรดิมาพาตัวข้าไป ท่านจะช่วยข้าหรือไม่?”
เจียงหยุนมองนางด้วยสายตาที่อบอุ่นและแฝงความสนุก “แล้วเ้าคิดว่าข้าจะช่วยเ้าหรือไม่?”
มูชูหยวนเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะกัดฟันและพูดว่า “ถ้าเป็ศิษย์พี่เมื่อหนึ่งปีก่อน ท่านจะช่วยข้าโดยไม่ลังเล และไม่สนว่าเป็กองกำลังระดับใดด้วยซ้ำ แต่… ศิษย์พี่เปลี่ยนไปแล้ว ข้าเชื่อว่าท่านคงจะไม่ช่วยเหลือข้าแน่นอน หากมันไม่ขัดต่อผลประโยชน์หรือส่งผลกระทบต่อท่าน”
เจียงหยุนหัวเราะ "เ้าคิดอย่างนั้นหรือ?" เขาถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เ้าไม่อยากให้ใครควบคุมความคิดหรือชะตาชีวิตของเ้าหรอกใช่ไหม? เ้าอยากกำหนดเส้นทางของตัวเอง ยืนหยัดด้วยขาของตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งพาใคร ใช่หรือไม่?”
มูชูหยวนเงียบก่อนจะตอบอย่างลนลาน “ข้า… ข้า… ข้า…”
นางหัวเราะเบาๆ พยายามเบี่ยงเบนความจริงจัง "ข้าแค่ล้อเล่นนะ ศิษย์พี่ ไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นก็ได้"
นางกล่าวคำลาพร้อมทั้งหันหลังกลับ แต่เจียงหยุนยังไม่ปล่อยให้เธอไปง่ายๆ “เ้าอยากจะเป็ผู้ติดตามของข้าหรือไม่? ข้าสามารถปกป้องเ้าได้แต่เ้าก็ต้องพิสูจน์คุ้นค่าของตัวเ้าด้วย เ้าสนใจหรือไม่?”
มูชูหยวนหยุดชะงัก แล้วตอบด้วยเสียงสั่นเครือ "ข้า… ข้าไม่มีความสามารถนั้น ศิษย์พี่"
เจียงหยุนกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็า “เ้ามีความสามารถนั้นอยู่แล้ว เมื่อถึงเวลาเ้าจะรู้ตัวเอง เ้าอยากมีชีวิตที่เ้าชอบและตายไป หรือมีชีวิตที่เ้าไม่ชอบและตายไป เ้าเลือกเองได้แค่ลองทำมันผลออกมาเป็ยังไงก็ให้อนาคตเป็ตัวตัดสิน”
เขาหยุดก่อนจะถามอีกครั้ง “ข้าจะถามเป็ครั้งสุดท้าย เ้าอยากจะติดตามข้าหรือไม่—”
ไม่ทันที่เจียงหยุนจะพูดจบ มูชูหยวนเช็ดน้ำตาและหันกลับมาคุกเข่าลงตรงหน้าเขา พร้อมกล่าวว่า
“คารวะนายน้อย ขอให้ข้าได้เดินทางไปกับท่านด้วยเถิด”
เจียงหยุนยิ้มและโยนหนังสือสามเล่มไปให้เธอทันที “เ้าจะอยู่ภายใต้ข้าแค่คนเดียวเท่านั้น แต่เ้าจะได้อยู่เหนือคนเป็ล้านล้าน เ้าเลือกถูกแล้ว เพราะข้าใจดีต่อคนของตัวเอง และโเี้ต่อผู้ที่เป็ศัตรูเสมอ จงจำเอาไว้”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้