ฉินหลางเห็นข่าวนี้แล้ว เขารู้สึกนับถือคนที่เขียนข่าวนี้มากๆ เลย ฉินหลางเคยคิดว่านักเขียนนิยายลึกลับเป็คนที่มีจินตนาการสูงมากที่สุดแล้ว แต่ตอนนี้เขารู้ว่าตัวเองคิดผิดมาตลอด นักเขียนข่าวพวกนี้ต่างหากที่มีจินตนาการสูงมากที่สุด เพราะพวกเขาสามารถเอาหลายๆ สิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกัน มาโยงเข้ามากันแล้วร้อยเรียงเป็เื่เดียวกันได้แล้ว ยังสมเหตุสมผลมากอีกด้วย
ใครเป็คนจัดการแก๊งชิงหวนบนดอยไป๋ผิน ฉินหลาง! แต่ตามข่าวในหนังสือพิมพ์นี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับฉินหลางเลยสักนิด ขนาดคำว่า ‘วีรบุรุษนิรนาม’ ยังไม่มีปรากฏ ในขณะที่เื่นี้หวูเหวินเซี่ยงไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย แต่กลับเขียนเหมือนคุณงามความดีทั้งหมดนี้เป็ของเขา แล้วยังเป็ผลงานใหญ่อีกด้วย!
ฉินหลางพูดไม่ออก ทำได้เพียงทิ้งหนังสือพิมพ์ขยะฉบับนี้ไว้ข้างๆ
“เป็อะไรอีก ชวนนายกกินอาหารเช้าแล้วยังจะมาโมโหอะไรอีก?” เถารั่วเซียงคิดว่าฉินหลางโมโหเธอ เพราะครั้งนี้เธออาศัยความฉลาด ทำลายดินเนอร์สุดโรแมนติกในฝันของฉินหลาง
“ไม่ใช่ ผมไม่ได้ใจแคบขนาดนั้น ผมโมโหข่าวในหนังสือพิมพ์นี้ต่างหาก แม่มจินตนาการมากเกินไปแล้ว” ฉินหลางสบถ “ไม่น่าล่ะถึงได้ขายไม่ได้!”
“วางใจเถอะ ต่อให้ขายไม่ออก เขาก็คงไม่เจ๊งง่ายๆ หรอก นายลองคิดดูนะ หนังสือพิมพ์เป็กระบอกเสียงของการเมือง นายจะปล่อยให้กระบอกเสียงของตัวเองเสียเหรอ?” เถารั่วเซียงหัวเราะคิกคัก
“มันก็จริง” ฉินหลางพยักหน้า “ในเมื่อเป็กระบอกเสียง ก็จะต้องชื่นชมเ้าของอย่างสุดกำลังอยู่แล้ว ผมไม่เคยเห็นก็เลยรู้สึกว่าแปลกไปเอง—จริงสิน้าเถา ในเมื่อวันนี้เป็วันหยุด ทำไมคุณถึงไม่กลับบ้านล่ะ?”
“เอาปาท่องโก๋อุดปากของนายไปเถอะ!” เถารั่วเซียงไม่อยากจะตอบคำถามนี้ พอดีกับที่ปาท่องโก๋ทอดเสร็จพอดี เถารั่วเซียงจึงหยิบปาท่องโก๋ตัวหนึ่งยัดปากฉินหลาง
เพียงแต่ปาท่องโก๋แค่ตัวเดียวทำให้ฉินหลางอิ่มไม่ได้หรอก เ้าหมอนี่เป็คนที่ไม่สิ้นเปลืองจริงๆ ต่อให้กินเพียงอาหารเช้า เขาก็กินจนได้มาตรฐาน กินปาท่องโก๋ไปมากกว่าสิบตัวภายใต้สายตาตกตะลึงของเถารั่วเซียงกับเ้าของร้าน ที่สำคัญหลังจากกินหมดแล้ว เขายังบอกว่าที่กินไปแค่รองท้องอีก
“นี่ ฉินหลาง นายไหวรึเปล่า? ถ้าไม่ไหวก็อย่าฝืนกินเดี๋ยวปวดท้อง” เถารั่วเซียงไม่ได้เสียดายเงิน แต่เธอเป็ห่วงฉินหลาง เพราะเขากินปาท่องโก๋ 10 ตัวลงไป ไม่ใช่เื่ล้อเล่น
“กินไปแค่ 10 ตัวเอง ยังไม่ทันรู้สึกอะไรด้วยซ้ำ” ฉินหลางพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณไม่เคยเห็นปาท่องโก๋ก่อนทอดเหรอ มันไม่ได้ใหญ่เหมือนตอนทอดเสร็จแล้ว ปาท่องโก๋ตัวนึงใหญ่เท่านิ้วมือ นั่นต่างหากที่เป็รูปร่างที่แท้จริงของมัน คุณอย่าถูกรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูพองโตของมันลวงตาสิ”
ตอนที่ได้ยินคำว่า ‘พองโต’ เถารั่วเซียงหน้าแดงอย่างอดไม่ได้ ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงได้คิดถึงเื่ที่เกิดในห้องพักของเธอเมื่อเช้านี้ เพราะตอนนั้นฉินหลางก็กำลัง “พองโต” เหมือนกัน แม่จะมีกางเกงกั้นอยู่ แต่เธอก็ยังรู้สึกว่ามันพองโตจนน่าใ เผลอๆ ใหญ่กว่าพระเอกหนังเอวีญี่ปุ่นซะอีก ขนาดตอนดูเอวี เธอยังอดสงสารผู้หญิงในนั้นเลย
“อาจารย์เถาครับ เหม่อลอยเื่อะไรเหรอ?” ฉินหลางเห็นเถารั่วเซียงหน้าแดง ก็เลยอดถามไม่ได้
“ไม่มีอะไร” เถารั่วเซียงพุดอย่างลุกลี้ลุกลน เธอไม่มีทางบอกฉินหลางอยู่แล้วว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่” กินอิ่มแล้วใช่ไหม งั้นเราไปกันเถอะ”
“ใครบอกว่าผมอิ่มแล้ว” ฉินหลางพูดไปหัวเราะไป “อาจารย์เถา คุณคิดว่าจะให้ผมกลับไปง่ายๆ อย่างงี้เหรอ? ฝันไปเถอะ ไม่ว่ายังไงคุณก็ตกลงผมแล้วมื้อนี้จะให้ผมกินจนอิ่ม ถ้าผมยังกินไม่เสร็จหรือกินไม่อิ่ม มื้อนี้ก็ยังไม่ถือว่าสิ้นสุด ดังนั้นตอนนี้ตาคุณเป็รองบ้าง ผมเตรียมจะนั่งกินอยู่ตรงนี้ไปเรื่อยๆ กินจนคุณรู้ว่าคุณทำอะไรผิด!”
“คิกๆ จะเล่นแบบนี้ใช่ไหม?” เถารั่วเซียงยิ้มอย่างเฉยเมย จากนั้นหันไปบอกคนขายว่า “พี่คะ ทอดให้เต็มที่เลยค่ะ ทอดได้เท่าไหร่เอามาให้เขากินให้หมด ฉันไม่เชื่อว่าท้องเขาจะใหญ่จนสามารถกินควายลงไปได้ทั้งตัว!”
“ได้เลย!” เ้าของร้านชอบฟังอะไรแบบนี้อยู่แล้ว ขอแค่มีคนจ่ายเงินก็พอแล้ว
ฟู่ๆ~~
เ้าของร้านทอดอย่างเต็มที่จริงๆ ด้วย แค่แป๊บเดียวก็เอามาเสิร์ฟเพิ่มอีกสิบกว่าตัว
“กินสิ ฉันจะรอดูว่านายจะกินได้สักแค่ไหน!” เถารั่วเซียงสบถเบาๆ น้ำเสียงท้าทาย
“ไม่ยอมรับผิดใช่ไหม? ได้ วันนี้ผมจะกินจนคุณยอมแพ้แน่!” พูดจบ ฉินหลางก็หยิบปาท่องโก๋ขึ้นมา จากนั้นก็ค่อยๆ กินลงๆ ไป แล้วตามด้วยตัวที่สองขึ้น
ตามด้วยตัวที่สาม ตัวที่สี่…ตัวที่สิบ…
เวลาค่อยๆ ผ่านไป จานปาท่องโก๋ที่อยู่ข้างหน้าฉินหลาง มีปาท่องโก๋มาแล้วก็หมดไป กินหมดไปแล้วก็มาใหม่
แม้เ้าของร้านจะพยายามทอดอย่างเต็มที่แล้ว แต่เพราะลูกค้าในร้านเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นก็เลยทอดปาท่องโก๋ได้เร็วไม่ทันที่ฉินหลางกิน และเหมือนว่าฉินหลางจะเป็หลุมดำดึกดำบรรพ์กลับชาติมาเกิด ปาท่องโก๋มาเพิ่มตัวนึง เขาก็กินลงไปตัวนึง ราวกับกินลงไปเรื่อยๆ ก็มีวันอิ่ม ตอนแรกเถารั่วเซียงไม่เชื่อคำพูดของฉินหลาง แต่ฉินหลางแสดงออกมา เธอเริ่มเปลี่ยนเป็แปลกใจแล้ว จากนั้นก็กลายเป็ตกตะลึง
แม้ว่าเด็กมัธยมชายจะกินเยอะเป็ปกติอยู่แล้ว แต่เถารั่วเซียงไม่เคยพบเคยเจอใครที่กินเยอะได้เท่าฉินลาง ถ้าปล่อยให้เขากินอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ บางทีถึงเที่ยงก็ยังกินไม่เสร็จ แล้วอีกอย่าง คนที่มากินอาหารเช้าก็มากขึ้นเรื่อยๆ คนส่วนมากเริ่มให้ความสนใจฉินหลางกับเถารั่วเซียงแล้ว โดยเฉพาะเถารั่วเซียงในฐานะที่เป็ครูสาวที่สวยที่สุดในชีจง แทบจะไม่มีคนที่ไมรู้จักเธอ ตอนนี้เห็นเธอมานั่งกินอาหารเช้ากับเด็กนักเรียน จึงทำให้ผู้คนจินตนาการไปต่างๆ นานาอย่างอดไม่ได้ บางคนถึงขั้นแอบซุบซิบนินทาเธอด้วยซ้ำ
เนื้อหาที่นินทา ก็ต้องเป็คู่รักอาจารย์กับลูกศิษย์แน่นอนอยู่แล้ว
สำหรับคำนินทาพวกนี้ ฉินหลางยิ้มรับอย่างสบายใจ เพราะถึงยังไงเขาก็้าจะให้เป็อยู่แล้ว แสดงออกมาให้ผู้คนรู้ไปก็ไม่เสียหาย ดังนั้นฉินหลางจึงไม่คิดที่จะปิดบัง แต่ไม่ใช่กับเถารั่วเซียง เพราะไม่ว่ายังไงเธอก็เป็อาจารย์ เธอรู้ดีว่าคำนินทาคนน่ากลัวมากแค่ไหน ดังนั้นจึงกระซิบบอกฉินหลางว่า “ฉินหลาง…กินไปพอสมควรแล้ว ควรจะพอได้แล้วมั้ง”
“ได้ไงล่ะ กินปาท่องโก๋แค่ไม่กี่ตัวเอง ผมไม่เชื่อหรอกว่าจะกินจนอาจารย์เถาหมดตัวได้” ฉินหลางส่ายหน้า แล้วหยิบปาท่องโก๋เพิ่มอีกตัว
“จ๊อกๆ!~”
ในเวลานี้เอง จู่ๆ ท้องของฉินหลางก็ร้อง
ตอนแรกเถารั่วเซียงคิดว่าฉินหลางกินเยอะจนท้องเสียแล้ว เธอกลั้นหัวเราะไว้ไม้อยู่แล้ว เริ่มรู้สึกเหมือน “ดูสิ พูดยังไม่ทันไรเลย ก็ท้องเสียแล้วไม่ใช่รึไง? บอกแล้วว่าอย่ากินเยอะ แต่นายไม่ฟังเอง!”
“อาจารย์เถา นี่คุณกำลังมีความสุขบนความทุกข์ของผมอยู่นะ?” ฉินหลางถามด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ปิดบังนายก็ได้ ครูก็เริ่มรู้สึกแล้วเหมือนกัน” เถารั่วเซียงก็ไม่ปกปิด พูดทีเล่นทีจริงว่า “ไปกันเถอะ รีบไปห้องพยาบาล ขอยาที่ช่วยในการย่อยเถอะ เฮ้อ นายนี่นะโตเป็หนุ่มแล้ว ความรู้พื้นฐานแค่นี้ก็ไม่มี นายไม่รู้หรือไงว่ากินเยอะแบบนี้ส่งผลเสียต่อสุขภาพมาก? นายคิดว่านายจะกินไปเรื่อยๆ กินจนอาจารย์รู้สึกผิดงั้นเหรอ คิดน้อยจริงๆ เลย…พอแล้ว ไม่ว่านายแล้ว ฉันไปจ่ายตังค์ดีกว่า รีบไปกันเถอะ”
“รอก่อน—”
ฉินหลางเรียกเถารั่วเซียงไว้ ก่อนจะหยิบปาท่องโก๋ตัวสุดท้ายที่อยู่ในจาน แล้วกินลงไปอย่างง่ายดาย ท่ามกลางสายตาแปลกประหลาดของเถารั่วเซียง แล้วหันไปเร่งเ้าของร้านต่อว่า “พี่ครับ ทำไมทำช้าอย่างงี้อ่ะ ขนาดผมกินคนเดียว ยังทำไม่ทันเลยเหรอ!”
จากนั้น ฉินหลางค่อยหันไปบอกเถารั่วเซียงอย่างจริงจังว่า “อาจารย์เถา คุณอย่าเข้าใจผิดนะ ความจริงแล้วผมไม่ได้ท้องเสียเพราะกินมากไป แต่เพราะผมหิวต่างหาก นอกจากนี้ยังมีอีกตั้งหลายเดือนกว่าผมจะอายุครบ 18 ปี ดังนั้นผมยังไม่ได้เป็หนุ่มเต็มตัว แต่สภาพร่างกายสภาพจิตใจของผมนั้นโตเป็หนุ่มเต็มตัวแล้วแน่นอน”
เถารั่วเซียงฟังคำนี้แล้ว ตาค้างไปเลย เขาไม่อยากจะเชื่อจริงๆ ว่าฉินหลางจะยังกินต่อได้ อย่าบอกนะว่าเ้าหมอนี่เป็หลุมดำจริงๆ อ่ะ? หรือเขาเป็หุ่นยนต์อยู่แล้ว?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้