“แฮก! แฮก!”
หลังจากประตูถ้ำปิดลง ฉินอวี่ก็ทรุดกายติดลงไปกับพื้น หายใจหอบหนักดั่งวัวหนุ่ม ราวกับมีูเาลูกใหญ่อันหนักอึ้งกดทับอยู่บนร่าง กระดูกทั่วทั้งร่างส่งเสียงเหมือนกำลังแตกหักออกจากกัน กล้ามเนื้อเริ่มกระตุก เส้นเอ็นปูดโปนขึ้นมาจนเห็นได้ชัด
“เป็ไปได้อย่างไรกัน พลังนี้... แข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียวหรือ?” ฉินอวี่ใกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่ก็แอบตื่นเต้นอยู่เล็กน้อย แรงกดอันมหาศาลนี้อยู่เหนือจากจินตนาการของเขายิ่งนัก หากฉินอวี่สามารถฝึกฝนอยู่ภายใต้แรงกดขนาดนี้ได้ เขาจะต้องเข้าสู่ขั้นเทียนชุ่ยได้ภายในเวลาสามเดือนอย่างแน่นอน
ฉินอวี่พยายามฝืนอย่างหนัก และพยายามลุกขึ้นยืน แต่ด้วยความแข็งแกร่งอันทรงพลังนี้ทำให้เขาไม่มีเรี่ยวแรงจะต้านทาน ราวกับว่ามีมือั์กำลังกดลงมาจากฟากฟ้าเพื่อทับให้เขาจมลงไปในผืนดิน
“ภายใต้พลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ข้าสามารถใช้วิชาปีศาจคลั่งเปลี่ยนแปลงความเสถียรภาพของระดับฝึกฝนเสียก่อน แล้วค่อยพัฒนาระดับขั้นอีกครั้งจะดีกว่า!” ฉินอวี่กัดฟัน และตอนนี้พลังปราณในเส้นลมปราณก็พลุ่งพล่านขึ้นทันที
“อ๊าก!” ฉินอวี่ส่งเสียงร้องคำรามราวกับอสูรร้าย พลังปราณเอ่อล้นออกจากร่างกาย ฉินอวี่พยายามลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ และทุกครั้งที่เขาเคลื่อนไหว จะเกิดเสียง “แกรก” เหมือนเสียงแตกหักดังขึ้นจากภายในร่างกายอย่างชัดเจน จนดูเหมือนว่ากระดูกทั่วทั้งร่างของเขากำลังแบกรับพลังอย่างเกินขีดจำกัดแล้ว
ในขณะที่ฉินอวี่กำลังดิ้นรนอยู่นั้น เมล็ดพันธุ์คืนชีพภายในจุดตันเถียนก็หมุนอย่างรวดเร็ว พร้อมกับถ่ายเทพลังปราณอันบริสุทธิ์เข้าสู่ร่างกายของเขา ในพลังปราณมีพลังของอสุนีลึกลับบรรจุอยู่หนาแน่น ขณะที่พลังปราณที่เอ่อล้นออกมาจากภายในกาย ได้เกิดอสุนีลึกลับปรากฏขึ้นมาราวกับใยแมงมุม
หลังจากพยายามทดลอง เขาก็ยังไม่สามารถจะหลุดพ้นไปได้ สายตาของฉินอวี่เปล่งประกายแห่งความแน่วแน่ขึ้นมาอย่างชัดเจน ทันใดนั้นลำแสงสีแดงก็เปล่งประกายออกมาจากร่างกายของเขาทันที
ในตอนนี้ ฉินอวี่เริ่มใช้การเปลี่ยนแปลงขั้นที่หนึ่งของวิชาปีศาจคลั่งเพื่อต้านทานแรงกดทับนั้นทันที เขา้าสร้างความเสถียรให้กับระดับการฝึกฝนของตนเอง ด้วยเวลาที่บีบคั้น และยังไม่สามารถขยับตัวได้ ฉินอวี่จึงได้แต่ใช้พลังของวิชาปีศาจคลั่งช่วยสร้างความเสถียรให้กับระดับการฝึกฝน
พลังอันบริสุทธิ์ได้เติมเต็มไปยังกระดูกทั่วทั้งร่างของฉินอวี่ จนเขาส่งเสียงร้องออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า พยายามเผชิญหน้ากับแรงกดอันทรงพลัง และค่อยๆ ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ
“แกรก!”
เสียงกระดูกแตกดังขึ้นจากภายในร่างกายอีกครั้ง ิัทั่วทั้งตัวของฉินอวี่เต็มไปด้วยรอยแตก เืไหลพลุ่งพล่านออกมาจากร่างกาย จนชุดคลุมสีดำกลายเป็ชุดคลุมสีแดงเข้มในทันที แต่พลังปราณอสุนีลึกลับกลับเปล่งแสงสีแดงส่องสว่างมากยิ่งขึ้น
“โฮก!”
ฉินอวี่เงยหน้าขึ้นพร้อมเสียงคำรามที่ดังกึกก้อง เปลวไฟอันมืดมัวได้ก็ปรากฏออกมาจากร่างกายของเขาอีกครั้ง ฉินอวี่ปล่อยหมัดะเิฟ้าตรงขึ้นไปในอากาศ แต่ดูเหมือนการปล่อยพลังหมัดออกไปในอากาศจะกลายเป็ความเพลิดเพลิน จนฉินอวี่เริ่มโจมตีไปยังผนังถ้ำอย่างบ้าคลั่ง
“ตูม ตูม ตูม!”
เสียงอันอู้อี้ของการะเิดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว พร้อมการสั่นะเืทั่วทั้งถ้ำที่เขาพำนัก
แม้ว่าจะเป็ถ้ำ แต่ผนังถ้ำเหมือนถูกสร้างมาจากวัสดุพิเศษไม่ทราบชนิด แม้ฉินอวี่จะโจมตีออกไปอย่างแข็งแกร่งหลายต่อหลายครั้ง แต่กลับไม่มีร่องรอยหลงเหลือเอาไว้บนผนังเลยแม้แต่น้อย
ภายใต้แรงกดอันทรงพลังนี้ อาการาเ็ของฉินอวี่ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเท่าไร พลังในร่างกายก็แข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ฉินอวี่รวบรวมพลังทั้งหมดไว้ในหมัดของเขา จากนั้นจึงประสานรวมหมัดะเิฟ้าเข้ากับวิชาของเปลวอัคคี หมัดทุกหมัดที่ถูกปล่อยออกไปจึงเต็มไปด้วยสายฟ้าและเปลวไฟอันมืดมัว พลังที่รุนแรงกระแทกใส่ผนังอันแข็งแกร่งจนเกิดเสียงะเิดังะเืกึกก้อง
ดูเหมือนว่าตอนนี้ฉินอวี่กำลังจมอยู่ท่ามกลางเสียงเ่าั้ จนหูของเขาแทบไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย
ฉินอวี่รู้ดีว่าการเข้าร่วมการคัดเลือกศิษย์ ตนเองจะต้องใช้การเปลี่ยนแปลงขั้นที่หนึ่งของวิชาปีศาจคลั่งอย่างแน่นอน ดังนั้น ในตอนนี้เขาจึงลองนึกภาพสถานการณ์ของการคัดเลือกศิษย์ ว่าหากในตอนนั้นเขาต้องใช้วิชาปีศาจคลั่ง จะต้องทำอย่างไรให้พลังของตนเองยกระดับถึงจุดสูงสุด
ฉินอวี่แทบจะเรียกวิชาทั้งหมดที่มี ไม่ว่าจะเป็พลังว่านจ้งสองชั้น หมัดทลายฟ้า วิชาเต๋าเปลวอัคคีรวมทั้งจี้เปลวอัคคี ร่างป้องกันอสุนีลึกลับ ออกมาเพิ่มพละกำลังให้ถึงขีดสุด
“ตูม ตูม ตูม!”
เสียงะเิดังขึ้นจากกำแพง พร้อมๆ กับเสียงหายใจอย่างเหนื่อยหอบของฉินอวี่ หมัดขวาของฉินอวี่กระแทกเข้ากับผนังทีละน้อยจนเป็รอยกำปั้น จากนั้นรอยฝ่ามือทองสัมฤทธิ์ก็เปล่งประกายขึ้นเช่นกัน หมัดข้างขวาที่แข็งแกร่งกว่าด้านซ้ายอยู่สามเท่าได้ค่อยๆ พัฒนาจนเพิ่มขึ้นเป็ห้าเท่า!
“จี้เปลวอัคคี!”
ฉินอวี่ลอยขึ้นไปในอากาศ เปลวไฟที่ดูมืดมัวปรากฏขึ้นห่อหุ้มร่างกายของเขาทันที ก่อนจะตกลงมาบนพื้นดิน
“ตูม!”
เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ทั่วทั้งถ้ำสั่นะเือย่างรุนแรง
ด้วยการโจมตีอย่างบ้าคลั่งของฉินอวี่ รอยกำปั้นของพลังหมัดจึงปรากฏขึ้นทั่วทั้งห้องเทียนหมายเลขเก้ามากขึ้นเรื่อยๆ และทั้งหมดนี้ล้วนเป็ร่องรอยหมัดข้างขวาของเขา
อาการาเ็ของฉินอวี่ค่อยๆ สาหัสมากขึ้นเรื่อยๆ พลังในร่างกายก็แข็งแกร่งขึ้นตามลำดับ เขาจึงรีบทดลองรวบรวมพลังว่านจ้งสามชั้นในทันที
หมัดแต่ละหมัดถูกปล่อยไปอย่างต่อเนื่อง ทดลองวิชาซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนทั่วทั้งถ้ำเต็มไปด้วยรอยหมัด
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม ฉินอวี่ก็รู้สึกได้ว่าพลังทั่วร่างกายได้ก้าวขึ้นถึงขีดสุดแล้ว และพลังปราณก็ถูกชำระล้างจนสะอาดเกือบทั้งหมดแล้ว ฉินอวี่กัดฟันแน่น พลังปราณ พลังอสุนีลึกลับ เพลิงแอ่งธรณี ล้วนแต่ถูกรวบรวมออกมาไว้บนหมัดของเขา ก่อนจะชกออกไปอย่างดุเดือด
“พลังว่านจ้งสามชั้น!” ฉินอวี่ส่งเสียงะโ และชกหมัดออกไปครั้งหนึ่ง รอยร้าวปรากฏขึ้นในพื้นที่ของช่องว่างอากาศทันที ก่อนจะตกกระแทกลงบนผนังอย่างรุนแรง
“บึ้ม ตูม ตูม!”
เกิดเสียงดังสนั่นกึกก้องไปทั่วราวกับสายฟ้าในยามใบไม้ผลิ สั่นะเืไปทั้งผืนดิน หมัดของฉินอวี่จมลงในผนังกว่าครึ่งหมัด ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเืของฉินอวี่เผยให้เห็นถึงความปีติ แต่แล้วเขาก็นิ่งทื่อไปอีกครั้ง ก่อนจะรีบหยิบโอสถออกมาเม็ดหนึ่ง และกลืนมันลงไปในท้องอย่างรวดเร็ว ก่อนร่างกายจะล้มลงไปอย่างทื่อๆ
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าใด
ในเวลานี้ ฉินอวี่กำลังจมอยู่กับความรู้สึกของสภาวะอันยอดเยี่ยมนั้น
เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เขากำลังอยู่ในสภาพหมดสติ และใน่เวลาที่คลุมเครือนั้น ฉินอวี่ก็รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงสนทนาสองเสียงดังขึ้น
“เอ๊ะ เ้าเด็กคนนี้ไม่เลวเลย ไม่แย่ไปกว่าคนก่อนเลยสักนิด เ้าคิดว่าในภายหน้า เด็กหนุ่มคนนี้จะมีคุณสมบัติพอจะไปที่นั่นหรือไม่?”
“คนที่ไม่มีกรรม เกรงว่าจะอยู่ได้เพียงไม่กี่ปีนะสิ”
“เพียงแต่ เ้าไม่ได้ยินที่พี่ใหญ่เทียนบอกไว้หรือ? บนร่างของเ้าเด็กคนนี้มีพลังปราณที่เขาคุ้นเคยอยู่? หลายปีมานี้ เ้าเคยได้ยินว่าพี่ใหญ่เทียนบอกว่าคุ้นพลังปราณของใครหรือไม่ล่ะ?”
“รอให้เขามีชีวิตเกินสามปีนี้เสียก่อนค่อยว่ากันใหม่ แม้ว่าเ้าเด็กคนนี้จะอยู่รอดได้ แต่ก็ยังห่างไกลจากคุณสมบัติของผู้จะได้เข้าไปที่นั่น เพราะจะว่าไปพี่ใหญ่เทียนก็ยังไม่แน่ใจเลยด้วยว่าเหตุใดในร่างกายของเขาจึงมีพลังปราณที่คุ้นเคย”
“ยังห่างอีกไม่น้อย? ข้ากล้ารับรองเลยล่ะ หากว่าเขายังไม่ตาย เขาจะต้องประสบความสำเร็จอย่างมากแน่นอน เ้าเคยเห็นผู้ใดที่มีพลังสายฟ้าขณะที่อยู่ในระดับการฝึกฝนเช่นนี้หรือไม่? เ้าเคยเห็นผู้ใดมีข้อบังคับั้แ่อยู่ระดับฝึกฝนเช่นนี้หรือไม่?”
“ความล้มเหลวของคนรุ่นก่อนที่เป็เช่นนี้ยังไม่มากพออีกหรือ? รอให้เขามีชีวิตรอดเกินสามปีก่อนค่อยคุยกัน”
“ฮึ สามปีก็สามปี ข้ากล้าเดิมพันเลยทีเดียว เขาจะมีชีวิตเกินสามปีอย่างแน่นอน”
“เดิมพันอะไร?”
“เดิมพัน... ช้าก่อน... ทำไมข้ารู้สึกเหมือนมีคนแอบฟัง? ชู่ว...”
...
ในเวลาเดียวกัน ณ สายชีพจรฟ้า มียอดเขาที่เป็เอกลักษณ์โดดเด่นอยู่สามลูก ไม่ใช่เพราะรูปร่างอันเป็เอกลักษณ์ของูเา แต่เป็เพราะในหลายปีที่ผ่านมากลับมีเพียงสามคนเท่านั้นที่สามารถพักอาศัยที่แห่งนี้ได้ หรืออาจบอกได้ว่าแต่ละยอดเขามีคนอยู่ประจำหนึ่งคน
อาจกล่าวได้ว่าทั่วทั้งสายชีพจรฟ้า มีเพียงยอดเขาสามลูกนี้เท่านั้นที่มีความพิเศษ เป็เพราะูเาทั้งสามลูกนี้ต่างเป็ตัวแทนของผู้นำศิษย์รุ่นสอง รุ่นสาม และรุ่นสี่!
หรืออาจพูดได้ว่า หาก้าอยู่บนยอดเขาทั้งสามนี้ จำเป็ต้องเป็ศิษย์รุ่นใดรุ่นหนึ่งในสามรุ่นนี้เสียก่อน
สำนักยุทธ์ว่านจ้งมีภูมิหลังอันลึกซึ้ง รวบรวมอัจฉริยะเอาไว้จำนวนมาก หาก้าจะเอาชนะเพื่อเป็ศิษย์รุ่นใดรุ่นหนึ่งได้ จำเป็อย่างยิ่งที่จะต้องเอาชนะศิษย์ผู้มีพร์เหล่านี้ด้วยพละกำลังที่แข็งแกร่ง จึงจะสามารถขึ้นสู่ความเป็ผู้นำได้
ในตอนนี้ ที่เชิงเขาชิงเฟิงซึ่งเป็หนึ่งในยอดเขาทั้งสาม มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังพาชายหนุ่มคนหนึ่งมายังเชิงเขา
ชายวัยกลางคนอยู่ในท่าทางสงบเสงี่ยม ถึงแม้ชายหนุ่มคนนั้นจะดูโอ้อวดไปบ้าง แต่สีหน้าท่าทางของเขากลับแสดงออกชัดเจนว่ากำลังตื่นตระหนกและประหม่า
“ศิษย์น้องหญิงสวี่ อยู่หรือไม่?” ชายวัยกลางคนยืนอยู่ตรงเชิงเขาพลางแหงนหน้ามองไปยังยอดเขาั์ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยเสียงอันทรงพลัง
“ศิษย์พี่อวี่ มีอะไรหรือ?” เสียงอันเยือกเย็นดังขึ้น และก้องกังวานอยู่ในท้องฟ้าเป็เวลานาน
“ศิษย์ทรยศคนนี้ได้ล่วงเกินเ้าที่ตลาดมาใช่หรือไม่? หลายวันมานี้เ้าคงหวาดหวั่นยิ่งนัก หากเป็เช่นนี้ต่อไป อาจเป็การดึงดูดจิตมารได้ ดังนั้น ข้าจึงต้องแบกหน้าพาศิษย์ทรยศนี้มาขออภัยเ้า” ชายวัยกลางคนพูดเสียงดัง
“ขออภัย?”
ทันใดนั้น ชายหนุ่มคนนั้นก็รู้สึกได้ถึงความกดดันอันน่าสะพรึงกลัวได้ปกคลุมไปทั่วกายเขา และดูเหมือนจะเป็พลังที่ไร้ความปรานี จนร่างกายของชายหนุ่มถึงกับสั่นสะท้านจนไม่อาจควบคุมได้
ชายหนุ่มคนนั้นพยักหน้าเล็กน้อย และจ้องไปยังชายหนุ่มอีกคนอย่างดุดัน
ชายหนุ่มระงับความกลัวในใจเอาไว้ และพูดออกไป “อาจารย์อาสวี่ ในตลาดเมื่อไม่กี่วันก่อน หวังฉี่ได้ล่วงเกินท่านอาจารย์อาโดยไม่ตั้งใจขออาจารย์อาสวี่โปรดอภัยให้ด้วย”
หวังฉี่ผู้นี้คือศิษย์ในชุดคลุมดำและสวมหน้ากาก ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบป้ายคำสั่งของฉินอวี่ที่ตลาดในวันนั้น เมื่อพูดถึงเื่นี้ ในใจของหวังฉี่ก็รู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง อันที่จริงเขาสนใจหอกศึกเล่มนั้นก่อนฉินอวี่ แต่ในตอนนั้น เขาได้ซื้ออาวุธิญญา และโอสถจากในตลาดไปเป็จำนวนมากแล้ว และเมื่อเขาได้เห็นหอกศึกเล่มนั้น แต้มสนับสนุนที่มีจึงถูกใช้ไปจนหมดแล้ว
เพื่อไม่ให้เหตุการณ์โจ่งแจ้งจนเกินไป หวังฉี่จึงไม่ได้เอ่ยบอกศิษย์คนนั้นไว้ก่อน และรีบออกมาจากตลาด เพื่อขอยืมแต้มสนับสนุนจากอาจารย์ของเขา แต่เมื่อเขากลับมาถึงตลาด ก็เป็จังหวะที่ศิษย์ใหม่คนนั้นลุกขึ้นพอดี หลังจากนั้นก็เกิดเื่ดังกล่าวขึ้น
เป็เพราะฉินอวี่ได้หยิบป้ายคำสั่งของสวี่โม่ชิงออกมา จึงทำให้หวังฉี่ใแทบเสียชีวิต เขาเคยได้ยินเื่ราวเกี่ยวกับสวี่โม่ชิงมาไม่น้อยในสายชีพจรฟ้า นี่คือผู้นำศิษย์รุ่นสี่แห่งสำนักยุทธ์ว่านจ้ง ผู้แข็งแกร่งที่สุดในรุ่นสี่ และยังเป็ผู้ได้รับพลังเวทสูงสุดจากหอตำราซั่งกูในครั้งที่ผ่านมา
หลังจากเกิดเื่ที่ตลาด หวังฉี่ก็ยิ่งรู้สึกหวาดระแวง หากตอนนั้นฉินอวี่ยอมรับแต้มสนับสนุนร้อยแต้มจากหวังฉี่ก็คงไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เพราะเขาไม่ยอมรับ จึงทำให้หวังฉี่เริ่มครุ่นคิดอย่างจริงจัง ว่าสวี่โม่ชิงคงจะโกรธเขา และเพราะความกลัวที่อยู่ในใจ ทำให้เขาไม่ใส่ใจต่อการฝึกฝน จนอาจารย์อวี่จงสังเกตเห็น จึงได้พาเขามาขอโทษในวันนี้
ฉินอวี่คงจะนึกไม่ถึงว่าเื่ต่างๆ จะกลับกลายเป็เช่นนี้ เขามองออกว่าหวังฉี่เกรงกลัวสวี่โม่ชิง แต่กลับไม่นึกว่าหวังฉี่จะกลัวมากเช่นนี้ บางทีอาจบอกได้ว่า ฉินอวี่นึกไม่ถึงว่าสถานะของสวี่โม่ชิงจะสูงส่งถึงเพียงนี้!
“ตลาดหรือ? ข้าไปตลาดเมื่อไรกัน?” เสียงอันเย็นเยือกเต็มไปด้วยความสงสัย
หวังฉี่มองไปทางผู้เป็อาจารย์ด้วยสีหน้าที่ขมขื่น รู้สึกเหมือนสวี่โม่ชิงไม่ให้อภัยตนเอง
ในตอนนี้อาจารย์อวี่จงขมวดคิ้วขึ้นทันที ก่อนพูดอย่างประหลาดใจ “ศิษย์น้องหญิงสวี่ไม่ได้ไปที่ตลาดหรือ? แต่... ศิษย์ทรยศของข้าบอกว่าพบคนถือป้ายคำสั่งของเ้า...”
“ป้ายคำสั่งของข้า? ป้ายคำสั่งของข้าไม่เคยห่างจากกาย และข้าไม่เคยไปที่ตลาดเช่นกัน” เสียงของสวี่โม่ชิงดังกังวานอยู่ในอากาศ
หวังฉี่ที่มีความหวาดกลัวอยู่แต่เดิม ก็เบิกตากว้างขึ้นทันที ไม่เคยห่างกาย? หรือว่า... คนผู้นั้นกำลังโกหกตนเอง?
ทันใดนั้น หวังฉี่ก็รู้สึกเหมือนหน้าอกของตนเองจะะเิออก ดวงตาของเขาคั่งไปด้วยเืทันที ร่างกายสั่นเทาอย่างรุนแรง ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ในใจที่จะต้องพลิกแผ่นดินสำนักยุทธ์ว่านจ้งเพื่อตามหาตัวฉินอวี่มาให้ได้ เพราะเื่นี้ทำให้เขาต้องกระวนกระวายอยู่นาน ผ่านความทุกข์ทรมาน หนึ่งวันเหมือนหนึ่งปี แต่กลับนึกไม่ถึงว่าจะถูกหลอกเช่นนี้ แล้วจะไม่ให้เขาโกรธเป็ฟืนเป็ไฟอย่างไรได้?
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ พวกข้าก็ขอตัวก่อน หากศิษย์น้องหญิงสวี่มีเวลาว่าง ก็ไปหาข้าได้” อวี่จงยกกำปั้นขึ้นประสานกัน สีหน้าเคร่งขรึมจนน่ากลัว จากนั้นก็พาหวังฉี่กลับออกไป
“ช้าก่อน!” เสียงอันเยือกเย็นดังขึ้นอย่างรุนแรง
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังหันศีรษะออกไป พวกเขากลับมองเห็นเงาร่างในชุดคลุมสีขาวปรากฏขึ้นทางด้านหลัง
“ป้ายคำสั่งที่เ้าพูดถึงมีลักษณะเป็เช่นไร?”
