แสงจาง ๆ แผ่ออกจากร่างของทั้งสองคน พลันบอลแสงที่เปี่ยมไปด้วยพลังอันน่าหวาดกลัวปรากฏในมือของเสิ่นเหิง เมื่อเขาวาดฝ่ามือ บอลแสงลูกนั้นก็ลอยออกจากมือเขาไป
จากนั้นกลายเป็ฝ่ามือั์ที่อัดแน่นไปด้วยพลังมหาศาล ทั้งยังมีแรงกดดันแผ่ออกมา ก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีเย่เฟิง
อีกด้านหนึ่ง ผู้เฒ่าหนานกงก็เคลื่อนไหวเช่นกัน เขาเหวี่ยงหมัดที่เปี่ยมด้วยพลังที่น่าหวาดกลัว หมายโจมตีอีกฝ่าย จู่ ๆ รังสีหมัดหลอมกับฝ่ามือของเสิ่นเหิง ราวกับปิดกั้นพื้นที่ ทำให้เย่เฟิงไร้หนทางหนีทีไล่
“สหายน้อยเย่ระวังตัวด้วย!”
ผู้เฒ่าหนานเตือนเย่เฟิง ในสถานการณ์ที่เขาใช้ทักษะผสานโจมตีกับเสิ่นเหิง พลังจะทวีคูณถึงระดับสูงสุดของขั้นยุทธ์แท้ อาจกล่าวได้ว่าด้วยการผสานโจมตีของทั้งสองคนจะเทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้สูงสุดเลยทีเดียว ทั้งยังค่อนข้างน่าทึ่งสําหรับพวกเขา
เย่เฟิงเหยียดยิ้มเ็า เขานิ่งไม่ไหวติง มีแสงแห่งาแผ่ออกจากร่างเขา ทำห้วงอากาศรอบข้างเขาแข็งตัวเล็กน้อย เมื่อเย่เฟิงถูกแสงแห่งานั้นปกคลุม ร่างเย่เฟิงราวกับสูงใหญ่ขึ้น จากนั้นเขาใช้ฝ่ามือภูผาพิฆาตโจมตี ในนั้นผสานไปด้วยพลังภูผาพิฆาตและพลังหอกอันแกร่งกล้า พลังจึงน่าทึ่งจนน่าใ
“ตูม!!!”
นาทีต่อมาผู้คนได้ยินเสียงะเิดังสนั่น สามการโจมตีเข้าปะทะกัน คลื่นพลังทำลายล้างแผ่กระจายไปทั่วห้วงอากาศ แต่ด้วยพลังสะท้อนกลับที่แกร่งกล้านั่น เสิ่นเหิงและผู้เฒ่าหนานกงถูกซัดร่นถอยหลัง ตัวสั่นสะท้าน พวกเขารู้สึกว่าอวัยวะภายในสั่นคลอนอย่างแรงราวกับเืขึ้นมาจุกอยู่ที่คอจนเกือบสำลักออกมา
“ทักษะผสานโจมตีของผู้าุโทั้งสองเหมือนยังไม่ทรงพลังเท่าไรนะขอรับ!”
ดวงตาของเย่เฟิงเผยประกายเฉียบคม เขาไม่ขยับตัวแม้แต่นิดเดียว กระบวนท่าแรกที่เขาโจมตีอีกฝ่ายก็ไม่ได้ใช้พลังมากมายอะไร แต่กระบวนท่าที่เย่เฟิงใช้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์สูงสุดทั่วไปจะรับไหว จึงยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเสิ่นเหิง และผู้เฒ่าหนานกง
ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างก็ใจเต้นโครมครามอีกครั้ง เสิ่นเหิงและผู้เฒ่าหนานกงล้วนเป็ผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ ถึงพวกเขาจะใช้ทักษะผสานโจมตี แต่ก็ยังคงถูกการโจมตีของเย่เฟิงซัดกระเด็น
นอกจากนี้ดูเหมือนว่าพวกเขาสองคนจะได้รับาเ็อีกด้วย ไม่รู้ว่าพลังของเย่เฟิงผู้นี้แข็งแกร่งเพียงใดกันแน่?
“เ้าหนู อย่าเพิ่งได้ใจเร็วไป”
เสิ่นเหิงเห็นเย่เฟิงโอหังเช่นนี้ก็เผยสีหน้าไม่สู้ดี เขาได้รับาเ็จากการปะทะเมื่อครู่นี้ไม่น้อย ตามหลักแล้วทักษะผสานโจมตีที่เขาและผู้เฒ่าหนานกงสำแดงควรจะทำร้ายเย่เฟิงได้ถึงจะถูก
แต่หลังจากปะทะกัน พวกเขาสองคนไม่เพียงแต่ทำอะไรเย่เฟิงไม่ได้ แต่ฝ่ายตัวเองยังเสียเปรียบไม่น้อย เห็นชัดว่าครั้งแรกเย่เฟิงยังใช้พลังไม่เต็มที่
สองผู้าุโในวัยไม้ใกล้ฝั่ง พวกเขาตกเป็เบี้ยล่างให้กับเด็กรุ่นเยาว์ที่อายุไม่ถึง 17 ปีแม้จะใช้ทักษะผสานโจมตีก็ตาม นี่ทำให้เสิ่นเหิงรู้สึกอับอายขายหน้า ดังนั้นเขาจึงต้องกู้หน้ากลับคืนมา
เมื่อสิ้นเสียงของเสิ่นเหิง จู่ ๆ เขาเหยียดนิ้วชี้ ก่อนจะมีลำแสงพุ่งออกจากปลายนิ้วของเขา ลำแสงทะลวงทุกสิ่ง ไปเยือนเบื้องหน้าเย่เฟิงในพริบตา ทั้งยังพัดพาสายลมกระโชกแรง
“ทำลาย!”
เสียงหนึ่งพลันดังออกจากปากของเย่เฟิง จากนั้นเขาเหวี่ยงหมัดโจมตี รังสีหมัดถูกห่อหุ้มด้วยพลังทำลายล้าง ก่อนจะเข้าปะทะกับลำแสงนั่น ตามมาด้วยเสียงะเิดังสนั่น ลำแสงนั่นถูกรังสีหมัดของเย่เฟิงทำลาย ทว่ารังสีหมัดกลับไม่หายไป และพุ่งเข้าหาเสิ่นเหิงต่อทันที
เสิ่นเหิงตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนจะหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว แต่วินาทีที่เย่เฟิงปล่อยหมัดนั้น เขาก็เคลื่อนไหวแล้ว เขาเดินออกมาหนึ่งก้าวและมาปรากฏตัวที่เบื้องหน้าของเสิ่นเหิงในพริบตาเดียว พร้อมกับเหวี่ยงหมัดโจมตี ซึ่งหมัดนี้มีพลังแกร่งกล้ากว่าการโจมตีก่อนหน้านี้ถึงสองสามส่วน
“ตูม!”
เสิ่นเหิงหน้าถอดสี เขาดูออกว่าพลังหมัดนี้ของเย่เฟิง ต่อให้เป็พลังของเขาก็มิอาจต้านทานได้ง่าย ๆ แต่เย่เฟิงเคลื่อนไหวว่องไวมาก เสิ่นเหิงหลบไม่ทัน เขาจึงยกมือขึ้นป้องกัน รังสีหมัดอัดกระแทกเข้าที่แขนข้างหนึ่งของเสิ่นเหิง กระทั่งทำให้เขาเซถอยหลังไปอย่างอดไม่ได้
จากการโจมตีนี้ของเย่เฟิง เสิ่นเหิงรู้สึกว่ากระดูกแขนของตัวเองน่าจะแตกร้าว เขาต้องกัดฟันอดทนเนื่องจากความเ็ปนี้แล่นขึ้นสมอง
“ฟึ่บ!”
อีกด้านหนึ่ง ผู้เฒ่าหนานกงเห็นเสิ่นเหิงกำลังเสียเปรียบเย่เฟิง เขาก็เผยสีหน้าไม่สู้ดี แต่จากนั้นเขารีบวาดฝ่ามือโจมตีเย่เฟิง จู่ ๆ ฝ่ามือกลายเป็ัั์พุ่งเข้าหาเย่เฟิงอย่างบ้าคลั่ง
ทันใดนั้นเย่เฟิงปล่อยแสงสว่างจ้าจากปลายนิ้ว ก่อนจะมีลำแสงพุ่งออกมา และกลายเป็รังสีหอกอันคมกริบ
“ปัง!”
รังสีหอกอันคมกริบเข้าปะทะกับัั์นั่น ซึ่งรังสีหอกสะบั้นร่างัั์ไม่หยุดยั้ง ครู่ต่อมาัั์ส่งเสียงร้องด้วยความเ็ป ก่อนร่างอันใหญ่ั์ของมันจะถูกรังสีหอกทำลาย
“แกร่งมาก!”
ผู้คนเห็นเย่เฟิงจัดการกับการโจมตีอันทรงพลังของผู้เฒ่าหนานกงได้ง่ายดายต่างก็ตาเบิกกว้างด้วยความใ
แต่เย่เฟิงกลับไม่สนใจ เขาหันไปเผชิญหน้ากับเสิ่นเหิง ก่อนจะรัวหมัดโจมตีสามครั้งต่อเนื่อง และทุกการโจมตีล้วนอัดแน่นไปด้วยพละกำลังเกินสามแสนจิน
หลังจากรับการโจมตีนี้ของเย่เฟิง ในที่สุดเสิ่นเหิงก็ทนต่อไปไม่ไหว เขาอาเจียนเอาเืออกมา และตัวสั่นสะท้าน
ทว่าเย่เฟิงไม่หยุดเพียงเท่านั้น เขาเหวี่ยงหมัดอีกครั้ง ซึ่งเป้าหมายในครั้งนี้คือตำแหน่งศีรษะของเสิ่นเหิง
รังสีหมัดของเย่เฟิงรวดเร็วเป็อย่างมาก เสิ่นเหิง้าหนี แต่กลับเห็นรังสีหมัดของเย่เฟิงมาถึงเบื้องหน้าของเขาแล้ว ทำให้เขาหลบไม่ทัน
เสิ่นเหิงสามารถรับรู้ถึงพลังหมัดนี้ของเย่เฟิงได้ แต่เนื่องด้วยสภาพของเขาในเวลานี้ทำให้เขารับไม่ไหวอย่างแน่นอน เขาจึงเลือกที่จะยอมรับชะตากรรมและหลับตาลงช้า ๆ แต่นาทีที่รังสีหมัดใกล้ถึงตัวเสิ่นเหิง กลับหยุดชะงักฉับพลัน ไม่เคลื่อนไปข้างหน้าต่อ
เมื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้น เสิ่นเหิงจึงค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ก่อนจะเห็นเย่เฟิงยืนอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้าไร้ความผันผวนใด ๆ
“ท่านแพ้แล้ว!” เย่เฟิงกล่าวกับเสิ่นเหิง
เสิ่นเหิงนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ จู่ ๆ ความประทับใจที่เย่เฟิงมีต่อเขาก็ดีขึ้นมาก จากนั้นเขาออกไปจากเขตประลอง
บัดนี้เหลือเพียงผู้เฒ่าหนานกงคนเดียว เย่เฟิงหมุนตัวและเดินไปหาผู้เฒ่าหนานกงทีละก้าว ๆ พร้อมพลังปราณอันแกร่งกล้าแผ่ออกจากร่าง
“ไม่ต้องสู้ต่อแล้ว ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสหายน้อยเย่!”
เมื่อผู้เฒ่าหนานกงเห็นเย่เฟิงเข้ามาใกล้ตนเองก็รีบโบกไม้โบกมือ ก่อนกล่าวเช่นนั้น
“สหายน้อยเย่มีฝีมือไม่ธรรมดา แม้เราสองคนร่วมมือกัน แต่ก็ยังพ่ายแพ้เ้า ข้านับถือยิ่งนัก ดังนั้นนับจากนี้ไปสหายน้อยเย่จะจัดการกับลูกข้าและหลานชายอย่างไร ข้าจะไม่เข้าไปยุ่งเด็ดขาด”
ผู้เฒ่าหนานกงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงด้วยความเสียใจ เขาไม่คาดคิดว่าจะทำให้ลูกเขาและหลานชายต้องถูกลงโทษ
เขานั้นพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะชิงโอกาสมาให้ทั้งสองคน แต่สุดท้ายเขาก็พ่ายแพ้ นี่หมายความว่าหนานกงเฉินและเซียวเลี่ยงได้กลายเป็ปลาบนเขียงของเย่เฟิง
ส่วนสาเหตุที่ผู้เฒ่าหนานกงเกรงใจเย่เฟิง นั่นเป็เพราะเขาคำนึงถึงตระกูลหนานกง
พร์และพลังต่อสู้ของเย่เฟิงล้วนแกร่งกล้า มิใช่บุคคลที่ตระกูลหนานกงเขาจะไปล่วงเกินได้
เพื่อที่จะปกป้องตระกูลหนานกง ผู้เฒ่าหนานกงจำต้องเสียสละ มีเพียงขจัดความโกรธของเย่เฟิง ตระกูลหนานกงเขาจึงจะไม่ถูกเย่เฟิงทำลาย
