“น้าหลิน ถ้าเด็กดื้อที่บ้านของฉันมันหาเงินมาซื้อบ้านในเมืองได้บ้างฉันคงจะต้องตื่นขึ้นมายิ้มกลางดึกแน่” น้าหลี่เอ้อร์พูดออกมาเสียงดัง
ผู้เป็แม่กำลังสับเนื้อ ส่วนผู้เป็พ่อก็สูบบุหรี่เงียบๆ
พวกเขารู้เื่ที่หลินลั่วหรานซื้อบ้านมาสักพักแล้วลูกสาวบอกว่าอยากให้ย้ายเข้าไปในเมืองด้วยกัน ผู้เป็พ่อและแม่ต่างก็รู้สึกดีใจแต่ก็รู้สึกใจหายไม่อยากจะย้ายออกไปจากบ้านแห่งนี้ จึงลังเลมาจนถึงตอนนี้
น้าหลี่เอ้อร์ดีกับครอบครัวหลินมาโดยตลอดหลินลั่วหรานจึงขอให้เธอช่วยพูดให้
หลินลั่วหรานพูดต่อ “ที่บ้านเองก็ไม่ได้เลี้ยงหมูมีแค่ไก่ไม่กี่ตัว บ้านก็ฝากให้น้าหลี่เอ้อร์ช่วยดูแลให้ก็ได้ถ้าพ่อกับแม่อยากจะกลับมาอยู่สักกี่วันก็มาได้...ไปอยู่ด้วยกันในเมืองเถอะนะ”ยังมีคำพูดบางอย่างที่หลินลั่วหรานยังไม่ได้พูดออกไปคือความจริงเธออยากจะให้พ่อกับแม่มาฝึกศาสตร์ด้วยกันกับเธอไม่อย่างนั้นหลังจากนี้สักร้อยปี บนโลกใบนี้คงมีแต่เธออยู่ลำพังเดียวดายต่อให้ไม่แก่ไม่ตาย แล้วมันจะมีความหมายอะไร?
น้าหลี่เอ้อร์ยังแนะนำออกมาอีก ผู้เป็พ่อเงียบไปสักพักก่อนจะจัดการดับบุหรี่ในมือลง “ตามนั้นก็ได้เราสองคนก็แก่แล้ว จะย้ายไปตอนไหนก็ได้ทั้งนั้น”
รอยยิ้มค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลินหลั่วหรานแต่ผู้เป็แม่กลับรู้สึกข้องใจขึ้นมา “ในเมืองมีแต่รถคนก็มากมาย มีตรงไหนที่ดีกว่าบ้านเรา...”
ผู้เป็พ่อถลึงตาโต “อยู่สบายยังไม่ดีอีกเหรอ?แล้วอีกอย่างเวลาลูกสาวไปทำงาน ใครจะอยู่ดูแลลั่วตงเธอคิดว่าลูกชายไม่ต้องเลี้ยงดูก็โดนลมพัดจนโตขึ้นมาได้หรือไง?”
ผู้เป็แม่หมุนตัวไปมองที่ลั่วตงดวงตากลมเปียกชื้นราวกับลูกกวางตัวน้อยมองตรงมาที่เธอเด็กคนนี้ฟังที่พวกเขาพูดรู้เื่ เห็นแบบนั้นผู้เป็แม่ก็ใจอ่อนลงสุดท้ายก็ได้แต่พยักหน้าตกลงจะย้ายเข้าไปในเมือง
หลินลั่วหรานยิ้มออกมา สุดท้ายเื่แบบนี้พ่อก็ใหญ่ที่สุดอย่างไรแม่ก็เป็เพียงเสือกระดาษเท่านั้น
น้าหลี่เอ้อร์ปรบมือ “แค่นี้ก็เรียบร้อยถ้าให้ฉันพูดนะ ในหมู่บ้านนี้ก็มีแค่เสี่ยวหรานเท่านั้นแหละที่จะมีกำลังพอ แล้วจะย้ายกันตอนไหนล่ะ?เรียกให้น้าคนนี้ได้ไปรู้จักที่อยู่ในเมืองด้วยเสียหน่อยได้ไหม?”
หลินลั่วหรานลางานเพื่อมาที่นี่ แม้ว่าหลิ่วเจิงจะเป็คู่หมั้นของเป่าเจียแต่เธอก็เป็เพียงพนักงานขายคนหนึ่งของเจินเป่าเซวียน หากเอาแต่ลาพักงานบ่อยๆคงไม่ดีนัก แถมยังอาจจะโดนพวกพนักงานเคาน์เตอร์ลืออะไรแปลกๆ อีกดังนั้นหลินลั่วหรานจึงอยากจัดการเื่ทุกอย่างให้เสร็จภายในครั้งเดียวเธอจึงหันไปพูดกับผู้เป็แม่ด้วยความหวัง “วันนี้เลยเป็ไง?แล้วก็พาน้าหลี่เอ้อร์ไปดูด้วยเลยหลังจากนี้จะไปมาหาสู่จะได้ง่ายหน่อย”
ถอยมาก้าวหนึ่งก็เท่ากับถอย ถอยไปสองก้าวก็ยังเท่ากับถอยอยู่ดีในเมื่อไม่ว่าอย่างไรมันก็เปลี่ยนไปแล้วผู้เป็แม่ยังจะไปใส่ใจอะไรกับการที่จะย้ายวันไหนอยู่อีก เธอจึงตอบตกลงไป
หลินลั่วหรานบอกว่าที่นั่นไม่ว่าอะไรก็มีทั้งนั้น สามารถไปได้เลยในทันทีแต่ผู้เป็แม่ยังคงยืนกรานจะทำการเก็บเสื้อผ้าไปสักหน่อยแล้วก็ยังจัดการให้อาหารไก่ที่เลี้ยงเอาไว้จนเรียบร้อยแน่นอนว่าเนื้อที่สับเอาไว้ก่อนหน้านั้น ก็ไม่ลืมที่จะเอาไปด้วย
น้าหลี่เอ้อร์ไม่เคยนั่งรถราคาแพงแบบนี้มาก่อนพูดพลางลูบไล้ไปตามเบาะหนังแท้ด้วยความอึ้ง “รถคันนี้ราคาแพงเอาเื่ใช่ไหมเสี่ยวหราน”
“น้าหลี่เอ้อร์ รถจะราคาแพงแค่ไหนก็ยังเอาไว้ให้คนนั่งอยู่ดีใช่ไหมล่ะ?น้าแค่คิดว่ามันเป็รถมอเตอร์ไซค์ก็พอแล้ว!”
“พูดบ้าๆ น่า นั่งรถมอเตอร์ไซค์ในหน้าหนาวแบบนี้ ก็โดนลมพัดจนปวดหัวพอดีไม่ได้อุ่นแบบที่นี่หรอกน่า”
ตลอดทางเต็มไปด้วยคำถามของน้าหลี่เอ้อร์ไม่อย่างนั้นคงมีแต่ความเงียบมาตลอดทางหลินลั่วตงนั่งทำตาเป็ประกายอยู่ที่นั่งข้างคนขับ คอยรับฟังอยู่เงียบๆ
หลินลั่วหรานมองไปยังคนแก่สองคนที่นั่งตัวเกร็งอยู่บนเบาะหลังน้าหลี่เอ้อร์ยังดูสบายเสียกว่าเมื่อคิดถึงว่าพ่อแม่ต้องโดนผู้คนที่เอาแต่มองที่สกุลอย่างคนในหมู่บ้านหลี่กดขี่มาตั้งเท่าไรถึงได้กลายเป็คนแบบในตอนนี้ ในใจของหลินลั่วหรานก็รู้สึกไม่ค่อยดีนัก
ด้านหลังของตัวบ้านใหญ่เสียจนทำให้ผู้คนใหลังจากนี้ก็ให้พ่อกับแม่ใช้ในการปลูกผักปลูกดอกไม้เล่นไป
ส่วนบ้านของหลี่อันผิง...หลินลั่วหรานนึกถึงตอนที่ขับรถออกมาจากหมู่บ้านสายตาที่เต็มไปด้วยความขมขื่นของแม่ของหลี่อันผิงที่หลบอยู่หลังประตูทำให้เธอต้องยกยิ้มขึ้นมา จากนี้ไปเราก็จะอยู่ห่างกันคนละโลกแล้วคงจะไม่ได้มายุ่งเกี่ยวกันอีก เพียงเท่านี้ก็ดีเหลือเกินแล้ว!
.....
ในตอนที่ขับรถเข้ามาในถนน น้าหลี่เอ้อร์ยังไม่รู้สึกถึงความแตกต่างนักแต่เมื่อหลินลั่วหรานเปิดประตูออก แล้วขับรถเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ ทันทีที่ลงจากรถน้าหลี่เอ้อร์ก็พบกับพวกต้นเสาสวยงดงาม บริเวณทางเดินยังมีต้นพลัมที่กำลังบานในฤดูหนาวอยู่อีกหลายต้นเสียงของเธอก็ค่อยๆ เบาลง พร้อมทั้งรู้สึกราวกับตัวของเธอเล็กลงเรื่อยๆ
หลินลั่วตงเคยมาที่นี่แล้วครั้งหนึ่ง แต่ก็ยังดูได้ไม่ทั่วเมื่อเห็นสายตาจากหลินลั่วหราน เขาก็จัดการหยิบอาหารออกไปให้เหล่าปลาคาร์ฟในสระ
ผู้เป็พ่อลืมแม้กระทั่งเื่บุหรี่ ผู้เป็แม่ยืนพิงต้นพลัมอย่างไร้สติหลินลั่วหรานพาผู้เป็แม่เข้าไปดูห้องครัว อุปกรณ์ครัวสมัยใหม่ที่สะอาดสะอ้านช่างต่างกับข้าวของที่นอกเมืองราวฟ้ากับเหวผู้เป็แม่เดินลูบไล้ไปทั่วด้วยความชอบใจ
น้าหลี่เอ้อร์ยังคงยืนอึ้งอยู่ด้านในบ้านเมื่อมองไปยังปลาคาร์ฟตัวอ้วนในบ่อ ก็ได้แต่บ่นพึมพำกับตัวเอง “ไม่ใช่ว่าบ้านในเมืองใหญ่ต่างก็เต็มไปด้วยซีเมนต์ ทำไมถึงมีบ้านแบบนี้ได้?ลูกสาวของผู้ใหญ่บ้านที่แต่งงานกับคนในเมือง ได้ยินมาว่าบ้านราคาหนึ่งล้านมีขนาดเล็กเพียงนิดเดียว...นี่ต้องใช้เงินเท่าไรกันแม่ของหลี่อันผิงยังมีหน้ามาบอกว่าเสี่ยวหรานไปมีความสัมพันธ์กับคนรวยถึงได้มีเงินมากมายขนาดนี้ มันมีคนรวยที่ใจกว้างขนาดนี้ด้วยเหรอ!”
ในระหว่างที่น้าหลี่เอ้อร์กำลังคิดไปเรื่อยอยู่นั้น “น้าหลี่เอ้อร์ ยังมีด้านหลังบ้านอีกนะ ไปดูด้วยกันเถอะ”
น้าหลี่เอ้อร์มองไปยังหญิงสาวที่เธอเห็นมาั้แ่เล็กจนโตกำลังยืนยิ้มรอเธออยู่ที่ประตูโดยไม่มีท่าทางของคนที่เพิ่งจะได้เงินมากมายมาเลยแม้แต่น้อยทุกคนต่างก็ต้องมีปัญหากันบ้างทั้งนั้นเมื่อนึกคิดว่าที่หมู่บ้านก็มีเพียงครอบครัวของเธอ ที่ดีกับครอบครัวหลินอยู่แค่ครอบครัวเดียวขึ้นมาหลังจากนี้มีคนหาอะไรก็คงมีทางอีกมาก คิดได้ดังนั้นก็ดีใจขึ้นมา แล้วบอกว่าลั่วหรานเป็คนตั้งใจทำงานหนักมาั้แ่เล็กต้องโทษแม่ของเธอที่ไร้สติ ไม่รู้ว่าตอนนั้นไปยอมตกลงกับหลี่อันผิงได้อย่างไรโชคดีที่ตอนนี้ยังไม่สายไป บ้านของหลี่อันผิงหลังนั้น ไม่มีใครดีสักคน!
น้าหลี่เอ้อร์ใช้ความคิดไปพร้อมทั้งก้าวขาผ่านประตูเข้ามายังหลังบ้าน
ตึกสองชั้นด้านหน้าก็ดูน่าประทับใจมากพอแล้ว แต่ด้านหลังยังมีตึกเล็กๆที่ดูสวยงดงามอยู่อีกด้วย น้าหลี่เอ้อร์ดึงหลินลั่วหรานเข้ามาถาม “นี่มันอะไรอีกเนี่ย?”
หลินลั่วหรานเห็นว่าผู้เป็แม่กำลังเงี่ยหูฟังอยู่ เธอจึงยิ้มพร้อมอธิบาย “คนในสมัยก่อน สถานที่ที่ลูกสาวพักอาศัยจะต้องลับตาคนสักหน่อยนี่ก็คือตึกนั้นนั่นเอง บ้านหลังนี้เมื่อก่อนไม่ได้ใหญ่ขนาดนี้หรอกค่ะมีแค่ตึกด้านหน้า ด้านหลัง ไม่ใช่บ้านของคนใหญ่คนโตในอดีตอะไรเหมือนพวกเราที่เป็เพื่อนบ้านกัน เมื่อก่อนก็เป็คนบ้านเดียวกันทั้งนั้น!”
น้าหลี่เอ้อร์ะโออกมา “นี่เป็ของโบราณเหรอ! โอ้ พระเ้า ถ้านี่ยังเรียกว่าไม่ครบครันบ้านที่เ้าเมืองในสมัยก่อนอยู่อาศัยก็คงจะราวๆ นี้ใช่ไหม?”
เมื่อได้ยินดังนี้ผู้เป็แม่ก็ยิ้มขึ้นมาริ้วรอยบนใบหน้าต่างพากันเผยออกมา จนดูเด็กลงไปกว่าสิบปี “ปากเธอนี่นะ ไม่เคยเจอใครพูดจาดีเท่าเธอมาก่อนเลยจริงๆ”
ก่อนจะหันมาพูดกับหลินลั่วหราน “ตึกนี้ดีต่อจากนี้ก็มาพักที่นี่นะ”
“ตึกด้านหน้าเป็ตึกสองชั้น ต่อจากนี้พ่อกับแม่ก็ไปพักอยู่ชั้นบนแล้วกันเมือง R อากาศไม่ค่อยดีเท่าไร ยังไงพักอยู่ชั้นสองคงดีกว่า”
หลินลั่วหรานยิ้มขึ้น “เดี๋ยวจะมีเพื่อนมาเธอบอกว่าจะมาฉลองย้ายบ้านใหม่ แม่ เราไปทำอาหารกันเถอะ”