เสียงของเซี่ยเสี่ยวหลานเบาเกินไป
โจวเฉิงได้ยินแค่คำว่า ‘มัดใจ’
เขาจี้ถามแต่ทำอย่างไรเซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่ยอมพูดออกมาอีกครั้ง
โจวเฉิงรู้สึกจนปัญญา และทำได้เพียงโอบไหล่เธอเอาไว้ แฟนสาวของเขาเจอกันคราวนี้ช่างอ้อนเก่งเหลือเกิน แน่นอนว่าโจวเฉิงอยากให้เธออ้อนเขามากกว่านี้อีกหน่อย
จะจับมือก็กลัวเซี่ยเสี่ยวหลานเจ็บข้อมือ จะจูบก็กลัวเซี่ยเสี่ยวหลานเจ็บแผลที่ใบหน้า
โจวเฉิงรู้สึกร้อนรุ่มใจ เขาทำได้เพียงซุกไซ้ซอกคอเธอเพื่อปลอบใจตัวเอง เซี่ยเสี่ยวหลานถูกเขากระทำเช่นนี้ก็รู้สึกจั๊กจี้ อยากหลบ อยากหัวเราะ ทว่าสองมือของโจวเฉิงเหมือนดั่งคีมเหล็กที่รัดตัวไว้ไม่ให้เธอหนีไปไหน
“เธอพูดอีกครั้งสิ พูดสิ่งที่เธอพูดเมื่อกี้ พูดแล้วฉันถึงจะปล่อย”
“...ไม่ โจวเฉิงอย่าทำแบบนี้ ที่นี่คือโรงพยาบาลนะ!”
เซี่ยเสี่ยวหลานขัดขืนด้วยจุดยืนที่ไม่มั่นคงสักเท่าไร
โรงพยาบาลแล้วอย่างไร ในห้องผู้ป่วยมีพวกเขาแค่สองคน หากคนอื่นจะเข้ามาย่อมต้องเคาะประตูก่อนอยู่ดี
เซี่ยเสี่ยวหลานคิดแค่ว่าอยากใช้เวลาร่วมกับโจวเฉิงให้ดีที่สุด ดังนั้นเธอจึงไม่ถามโจวเฉิงว่าสามารถลางานมาได้นานแค่ไหน ตอนนี้เธออยากเอาแต่ใจตัวเองบ้าง เมื่อครั้งที่ยังไม่ทุ่มเทให้ความรักรู้สึกว่าจะเจอหรือไม่เจอกันก็ได้ ทั้งยังบอกโจวเฉิงว่าต้องตั้งใจทำงานั้แ่ยังหนุ่มอีกด้วย
แต่พอเกราะกำบังพังทลายลง ความรู้สึกของเธอก็เหมือนได้รับการปลดปล่อย เธอไม่อาจห้ามใจตัวเองเอาไว้ได้อีกต่อไป
“ฉันไม่อยากไปเป็นักศึกษาแลกเปลี่ยนเลยจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะรับปากย่าอวี๋เอาไว้ล่ะก็คงไม่พยายามจนชนะการแข่งขันแบบนี้หรอก”
โจวเฉิงลูบผมเธออย่างอ่อนโยน “ฉันรู้ ฉันเข้าใจเธอดี”
เมื่อคนทั้งสองได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันย่อมเป็เื่ดี
วันใดที่ยังไม่ได้ถอดชุดเครื่องแบบ โจวเฉิงต้องปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเต็มที่ เพราะเขาเองก็มีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบเช่นกัน
โจวเฉิงชอบงานของตนในปัจจุบัน มิเช่นนั้นเขาคงไม่เลิกเรียนหนังสือั้แ่อายุสิบกว่าปี เกิดเป็ลูกหลานตระกูลโจว เดิมทีเขามีทางเลือกอื่นให้เลือกเดินอีกตั้งมากมาย อยากเลือกเดินบนเส้นทางที่ปลอดภัยกว่านี้ก็ย่อมได้ ทว่าเขาเป็คนตัดสินใจเลือกเดินเส้นทางในตอนนี้เอง
หลังรู้จักกับเซี่ยเสี่ยวหลาน โจวเฉิงเคยเกิดความคิดชั่ววูบว่าอยากเปลี่ยนงาน แต่เขากำลังไปได้สวยในหน้าที่การงาน เซี่ยเสี่ยวหลานเองก็คงไม่อนุญาตให้เขาทำลายอนาคตที่สดใสของตัวเอง แน่นอนว่าคนที่บ้านก็เช่นกัน
โจวเฉิงคิดว่าแม้ตนจะเปลี่ยนไปทำอาชีพอื่นอย่างไรย่อมไม่อดตาย แต่คนรอบข้างคงคิดว่าเขาทิ้งอนาคตของตัวเองกลางคัน มันน่าเสียดายเกินไป
อยากฝืนเปลี่ยนงานย่อมสามารถทำได้ ไม่ว่าเสี่ยวหลานไปไหนเขาก็ไปที่นั่น จะไปต่างประเทศกี่ปีก็สามารถได้ หากเสี่ยวหลานไม่ชอบทางเหนือ พวกเขาก็จะไปใช้ชีวิตอยู่ที่ทางใต้ ใช้วันเวลาร่วมกันอย่างมีความสุข
ทว่าหากเป็เช่นนั้นตระกูลโจวจะทำอย่างไร?
คุณปู่โจวไม่เคยบอกว่าอยากให้ตระกูลโจวมีอำนาจมั่นคงไปอีกหมื่นๆ ปี แต่เพราะการต่อสู้ฝ่าฟันของคุณปู่โจว โจวเหวินปัง และโจวกั๋วปินจึงทำให้ตระกูลโจวมีทุกอย่างดั่งเช่นวันนี้ กว่าจะปีนขึ้นมาถึงจุดนี้นั้นไม่ง่ายเลย ทว่าการพลัดตกลงไปยังจุดต่ำสุดหาใช่เื่ยากแต่อย่างใด!
โจวอี๋ที่ใช้แซ่โจวเป็คนไม่เอาไหน หลังอาหญิงสองคนของโจวเฉิงออกเรือนไป ลูกพี่ลูกน้องของเขาก็ไม่ได้ใช้แซ่โจวอีก อนาคตจะให้ดูแลคนตระกูลโจวหรือ แน่นอนว่าต่างคนต่างก็มีชีวิตเป็ของตัวเอง
ก่อนโจวเฉิงเริ่มทำงาน หลายครอบครัวที่เคยอาศัยอยู่ใต้ชายคาเรือนใหญ่หลังเดียวกัน รวมถึงตระกูลหวังก็เกิดเื่ร้ายกันหมด
เมื่อใดก็ตามที่เสาหลักของครอบครัวเกิดเื่ คนอื่นๆ ก็จะพากันตื่นตระหนก โจวเฉิงไม่อยากให้ตระกูลโจวมีวันนั้น คุณปู่กับคุณย่าอุตส่าห์ต่อสู้ฝ่าฟันมาทั้งชีวิตก็สมควรที่จะดื่มด่ำกับความสงบสุขของชีวิตใน่บั้นปลาย คุณลุงและพ่อของเขายังสามารถทำงานได้อีกสิบถึงยี่สิบปี ทว่าหลังจากนั้นเขาก็จะขึ้นมากลายเป็เสาหลักของบ้านโจว
ดังนั้นความคิดของเซี่ยเสี่ยวหลาน โจวเฉิงย่อมเข้าใจดีทุกอย่าง
เขาตกหลุมรักเซี่ยเสี่ยวหลานั้แ่แรกพบ หลังได้ทำความรู้จัก จากความชอบก็แปรเปลี่ยนกลายเป็ความรัก
เขาเข้าใจทุกอย่าง เข้าใจว่าเสี่ยวหลานไม่ยอมประนีประนอมกับชะตาชีวิต เข้าใจว่าเสี่ยวหลานเป็คนทะเยอทะยาน รวมถึงรู้ดีว่าเสี่ยวหลาน้าฉุดคนในครอบครัวให้หลุดพ้นจากสภาพแวดล้อมที่ย่ำแย่
“เสี่ยวหลาน รับปากคนอื่นแล้วเราต้องพยายามทำให้ได้ เหมือนที่เธอเคยบอก อนาคตของพวกเรายังมีเวลาอยู่ร่วมกันไปอีกนาน... แต่ย่าอวี๋อายุมากถึงเพียงนี้แล้ว ท่านอาจจะรอได้อีกไม่กี่ปีเท่านั้น ตอนนี้เธอให้ความหวังกับท่านแล้ว จะหาตัวพบหรือไม่ก็อีกเื่ และจะคว้าโอกาสในการตามหาไว้ได้หรือเปล่า มันก็เป็อีกเื่หนึ่ง”
หลังไปต่างประเทศ แฟนของเขาจะถูกชายอื่นมาคว้าไปหรือไม่?
แน่นอนว่าต่อให้เซี่ยเสี่ยวหลานอยู่ในแผ่นดินใหญ่โจวเฉิงก็กังวลในเื่นี้อยู่ดี ไปต่างประเทศหรือไม่ไม่สำคัญ ใครใช้ให้เสี่ยวหลานของเขาทั้งเก่งกาจและสะสวยกันเล่า
ใช่ ความเก่งย่อมมาก่อนความสวย เมื่อครู่เสี่ยวหลานบอกว่า ‘มัดใจ’ โจวเฉิงได้ยินคำนี้อย่างชัดเจน แต่เขาไม่คิดว่าตนจะสามารถมัดใจเสี่ยวหลานเอาไว้ได้ไปตลอด ต่อให้แต่งงานกันแล้วเขาก็ไม่คิดเช่นนั้น ชีวิตคนเราไม่เคยหยุดอยู่กับที่ หากยังไม่ถึงวันที่เขากับเสี่ยวหลานได้ไปนอนเคียงข้างกันใต้ผืนดิน ก็ยังไม่นับว่าเป็การผูกมัดไปตลอดกาล
ถ้าเขาทำตัวไม่ดีกับแฟนสาวแล้วถูกคนอื่นแทรกกลางเข้ามาได้ เขาก็คงทำได้เพียงสมน้ำหน้าตัวเอง
โจวเฉิงรู้สึกขอบคุณย่าอวี๋ ตอนเซี่ยเสี่ยวหลานกับหลิวเฟินเพิ่งออกจากบ้านเกิดมา พวกเธอ้าเ้าของบ้านเช่าที่ปากร้ายใจดีเช่นย่าอวี๋ผู้นี้ ผู้หญิงหน้าตาน่าหลงใหลอย่างเซี่ยเสี่ยวหลาน อยู่ในบ้านของย่าอวี๋ถึงจะปลอดภัยที่สุด
อีกอย่างเสี่ยวหลานก็บอกแล้วว่า ครั้งก่อนย่าอวี๋ที่เดินทางไปปักกิ่งก็เป็เพราะกลัวเสี่ยวหลานกับหลิวเฟินจะถูกตระกูลจี้รังแก
โจวเฉิงคิดว่าคนเราควรช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เซี่ยเสี่ยวหลานไม่สนิทกับญาติพี่น้องคนอื่นๆ คุณยายของเธอได้จากโลกนี้ไปแล้ว ส่วนคุณย่ายังอยู่แต่เป็เหมือนศัตรูกันเสียมากกว่า มีแต่เ้าของบ้านเช่าอย่างย่าอวี๋ที่จริงใจกับสองแม่ลูกที่สุด บางทีนี่อาจจะเป็สิ่งที่์มอบให้เซี่ยเสี่ยวหลานเป็การชดเชยก็เป็ได้
โจวเฉิงไม่ใช่พ่อพระ ั้แ่เด็กเขาก็ไม่ใช่คนที่ชอบอยู่ในกรอบ แต่โจวเฉิงเป็คนรักษาสัญญา
หากเขาให้คำสัญญากับใครก็จะพยายามทำตามสัญญาให้ได้ และเขารู้จักเซี่ยเสี่ยวหลานดี พวกเขาคล้ายกันมากในบางเื่ ถ้าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ช่วยย่าอวี๋ตามหาคนอย่างเต็มที่ เธอจะรู้สึกผิดอย่างแน่นอน!
รับปากแล้วไม่ควรกลับคำ และการได้ไปเป็นักศึกษาแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศคือความใฝ่ฝันของใครหลายคน
มีเพียงผู้ชนะที่จะได้รับรางวัล แล้วทำไมแฟนเขาจะไปไม่ได้เล่า?
ตอนนี้โจวเฉิงกลับเป็ฝ่ายหวังว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะละทิ้งแรงกดดันทั้งหมดที่ได้รับ เกียรติยศที่เธอสามารถ่ชิงมาได้ เสี่ยวหลานควรดื่มด่ำกับมันอย่างเต็มที่ ในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะไปเป็นักศึกษาแลกเปลี่ยนก็ควรเดินทางไปอย่างมีความสุข
ทั้งคู่กอดกันอยู่นาน เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ก่อนนี้เธอยังห่วงอยู่เลยว่าโจวเฉิงจะไม่อยากให้ตนไปต่างประเทศ ทว่าตอนนี้กลับกลายเป็โจวเฉิงที่เป็ฝ่ายขอให้เธอไปเป็นักศึกษาแลกเปลี่ยนเสียได้
จนกระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้น ความอบอุ่นของทั้งคู่จึงถูกขัดจังหวะ
คือกวนฮุ่ยเอ๋อนั่นเอง เธอเข้ามาเพื่อบอกให้ทั้งสองคนออกไปกินข้าว
คังเหลียนิเป็คนเสนอการร่วมทานอาหารในครั้งนี้ เพื่อเป็การขอบคุณนายกเทศมนตรีทังที่ให้ความช่วยเหลือ เขาจึงอยากให้ทุกคนกินข้าวด้วยกัน คังเหว่ยมีคนเฝ้าไข้คอยดูแลแล้ว ทั้งยังมีเลขาของคังเหลียนิอยู่ด้วย คังเหลียนิจึงเรียกทุกคนออกไปพร้อมกัน
“ไม่มีอะไรหรอก แค่กินข้าวเท่านั้น”
โจวเฉิงกล่าวปลอบใจเซี่ยเสี่ยวหลาน อารองคังคงไม่บอกกับคนอื่นๆ ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เขาน่าจะอยากเลี้ยงข้าวเป็การขอบคุณจริงๆ
ตอนนี้อาการของคังเหว่ยน่าจะทรงตัวแล้ว มิเช่นนั้นคังเหลียนิคงไม่อารมณ์ดีเช่นนี้
แม้เซี่ยอวิ๋นจะไม่อยากอยู่ห่างลูกชาย แต่ถึงอย่างไรเธอก็คือแม่แท้ๆ ของคังเหว่ย จะไม่ไปก็คงไม่ได้ ตอนทั้งคณะกำลังเดินผ่านโถงทางเดินก็เจอเข้ากับตู้เ้าฮุย ข้างหลังตู้เ้าฮุยมีคนเดินตามอยู่หลายคน ส่วนเขานั่งอยู่บนรถเข็น ท่าทางเหมือนเพิ่งตรวจสมองเสร็จ หน้าตาดูอ่อนแรงยิ่งนัก
เจอลูกเตะของไป๋เจินจูเข้าไป ตู้เ้าฮุยย่อมรู้สึกโกรธจัด
สิ่งที่คังเหลียนิพูดในห้องผู้ป่วยเองก็ทำให้เขารู้สึกเดือดดาลเช่นกัน แต่โทสะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ เขาจึงสั่งให้คนไปพาตัวเซี่ยต้าจวินมา ขณะเดียวกัน ตัวเขาก็กำลังตามสืบประวัติของคังเหลียนิอยู่เช่นกัน
ตู้เ้าฮุยเป็คนที่สามารถยืดหยุ่นได้ เป็ศัตรูกับรองหัวหน้าฝ่ายอุดมศึกษาไม่ใช่เื่ใหญ่มากมาย แต่ถ้าทำให้นายกเทศมนตรีทังไม่พอใจคงไม่ใช่เื่ดี
เขาอยากทำธุรกิจในเผิงเฉิงให้ราบรื่น และใช้มันข่มคนอื่นในตระกูลตู้ ทว่าหากทังหงเอินไม่ให้การสนับสนุนเขาต่อไปคงเป็เื่ยุ่งยากอย่างแน่นอน
‘การพบกันโดยบังเอิญ’ ครั้งนี้ แน่นอนว่าเป็แผนการของตู้เ้าฮุย
ทว่าแม้คุณชายใหญ่ตู้จะเตรียมการมาดีแค่ไหน พอเห็นโจวเฉิงที่กำลังโอบไหล่เซี่ยเสี่ยวหลานอยู่ บทพูดของเขาก็จุกอยู่ในลำคอ!
ตู้เ้าฮุยนึกว่าคนที่ถูกรถชนคือแฟนของเซี่ยเสี่ยวหลาน แต่ถ้าไม่ใช่ แล้วเธอจะพยายามช่วยคังเหว่ยอย่างเอาเป็เอาตายไปเพื่ออะไรกัน?