“โหรหลวงท่านแจ้งผู้เกี่ยวข้องประกาศออกไปทุกหัวเมืองทั้งแปด ปีนี้คนที่แคว้นตงหยางอี้ จะส่งเด็กั้แ่อายุแปดปี ถึงสิบห้าปีเดินทางไปหุบเขาหมื่นเมฆา ถ้าลูกหลานบ้านไหนได้รับเลือกไป จะมีพื้นที่ทำกินเครื่องประดับและตำลึงทองให้ถ้าเป็ขุนนางก็จะปรับตำแหน่งขึ้น”
“ส่งไปทุกปี ยี่สิบปีผ่านไปแล้วยังไม่มีใครจะกลับเลย ส่วนโทษก็เหมือนเดิม ใครขัดขืนก็เนรเทศออกไปอยู่ที่ชายแดน”
แคว้นตงหยางอี้มีแปดเมือง มีกษัตริย์เฟยหลงจวิน ปกครอง แต่… ประชาชนของเมืองนี้จะมีอายุไม่ยืนพออายุหกสิบ ก็ถือว่าแก่สุดและเสียชีวิตลง มีจำนวนไม่กี่คนที่สามารถมีอายุจนเกินหกสิบปีได้ แถมความเป็อยู่ของประชากรก็ยากลำบาก ปลูกพืชผักก็ไม่งอกงาม
นั่นจึงเป็สาเหตุให้กษัตริย์เฟยหลงจวิน หาวิธีโดยการให้ประชาชนของตัวเองเดินทางไปยังหุบเขาหมื่นเมฆา ที่อยู่ไกลออกไปไม่รู้กี่พันลี้ ที่มีความเชื่อว่าใครไปถึงที่นั่นและได้เล่าเรียนวิชาจะสามารถมีอายุยืนยาวและสุขภาพดี ได้วิชาความรู้ที่พิเศษมาจากที่นั่น
ทุกปีจะมีประชาชนที่ถูกขัดเลือกด้วยวิธีการไม่ซ้ำกัน ออกเดินทางไปปีละแปดคนก็คือเมืองละหนึ่งคนเป็แบบนี้มานานยี่สิบปีแล้วแต่ยังไม่มีใครสักคนที่เดินทางกลับมา
“ พวกเ้ารู้หรือไม่ปีนี้ โหรหลวงกับกษัตริย์มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิม คนที่เคยส่งไปที่อายุสิบห้าปีถึงยี่สิบ ปีนี้เปลี่ยนเป็แปดถึงสิบห้าปี เผื่อจะมีคนเดินทางกลับมาที่บ้านเมืองของเราบ้าง”
“ ใช่แล้วส่งไปยี่สิบรุ่น ยังไม่มีใครกลับมาสักคน อีกเจ็ดวันข้างหน้าครอบครัวไหนที่ยังไม่เคยมีลูกหลานได้เดินทางไปยังหุบเขาหมื่นเมฆา ให้พาคนที่อยู่ในเกณฑ์ ไปที่หน้าลานกว้างข้างจวนเ้าเมือง”
“ ยกเว้นคนที่มีการแต่งงานไปแล้วไม่ต้องไปคัดเลือกตัว ที่เหลือถ้าไม่อยากถูกเนรเทศออกไปอยู่ชายแดนต้องไปทั้งหมด” เสียงพูดคุยของชาวบ้านกลุ่มหนึ่งในมือมีแผ่นกระดาษ ที่แปะไปทุกหัวเมืองใหญ่ทั้งแปด
นั่นจึงทำให้ครอบครัวไหนที่ ยังไม่มีคนออกเดินทางไปหุบเขาหมื่นเมฆาในยี่สิบปีที่ผ่านมา ใครที่มีบุตรหลานอายุสิบห้าปีขึ้นไปก็จัดแจงให้รีบแต่งงานเพื่อที่จะไม่ได้ออกเดินทางไปเสี่ยงอันตราย
ก่อนถึงวันกำหนดคนส่วนมากที่มีอายุสิบห้าปีขึ้นไปได้ถูกจัดแจงแต่งงานแบบเร่งด่วนไปหมดแล้ว จะเหลือแต่คนที่ยากจนหรือ ยังไม่อยากแต่งและคิดว่าตนคงไม่โชคร้ายขนาดนั้น เพราะคัดเลือกไปแค่เมืองละหนึ่งคนเท่านั้น
เมืองอี้ฉาง ครอบครัวเหมามีบุตรชายหญิงที่อยู่ในเกณฑ์ ลูกชายจ้างเหว่ยอายุสิบสองปี ลูกสาวชิงเยียนอายุแปดปี ที่ต้องพาไปคัดเลือก
“ ท่านพี่เราพาแต่ลูกชายไปได้หรือไม่ท่านก็รู้ลูกสาวของเรา ไม่สามารถเดินทางไปไหนได้เพราะอยู่ที่นี่ก็ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย”หนิงอัน ผู้เป็แม่อายุยี่สิบแปดปี
“ คงจะไม่ได้น้องหญิง เราแค่พาลูกไปเท่านั้นคงไม่ถูกคัดเลือกหรอกมั้ง ถ้าถูกจับได้พวกเราจะถูกเนรเทศไปยังชายแดนและอยู่ที่นั่นลำบากกว่าที่นี้หลายเท่านัก คนที่ไปเป็พันลูกเราคงไม่โชคร้ายขนาดนั้น” จางิ่ ผู้เป็พ่อวัยสามสิบปี
“ ท่านแม่พวกเราคงไม่โชคร้ายซ้ำซ้อนขนาดนั้นหรอก โดนตัดออกตระกูลไล่ออกจากจวนมาแล้วยังจะถูกคัดเลือกตัวให้เดินทางไปที่ไหนก็ไม่รู้ แถมยังไม่เคยมีคนกลับมาอีก”จางเหว่ยเด็กชายวัยสิบสองลูกชายคนโต
สาเหตุที่ถูกตัดออกตระกูลเพราะว่า พวกเขาลงความเห็นซิงเยียนเด็กหณิง ที่เกิดมาเป็เด็กปัญญาอ่อนทำให้ตระกูลเสื่อมเสียทั้งที่ก่อนหน้านั้น เด็กน้อยยังปกติดี แต่่สามขวบถูกลูกชายตระกูลหลัก ผลักตกน้ำหัวกระแทกกับก้อนหินทำให้เด็กน้อยกลายเป็เด็กที่ไม่มีพัฒนาเพิ่ม หยุดแค่สามขวบเท่านั้น
ครอบครัวเหมาสร้างบ้านอยู่ใกล้กับูเามาสองปีแล้ว หลังจากถูกตัดออกจากตระกูลมา พวกใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆ
“ ซิงเยียนลูก วันนี้เราต้องเดินทางไปที่ชวนเ้าเมือง ลูกห้ามร้องไห้นะเมื่อเห็นคนจำนวนเยอะ เราแค่เดินไปเที่ยวในเมืองเท่านั้นเอง”
“ เที่ยวข้าได้ไปเที่ยวข้าจะไม่ร้องไห้ท่านแม่” เด็กหญิงวัยแปดขวบที่สมองเป็เด็กสามขวบพูดขึ้น
ลานกว้างข้างจวนเ้าเมือง เต็มไปด้วยผู้คนเพราะเด็กที่มาคัดเลือกโดยปีนี้จะใช้เป็แม่ผึ้งที่ถือมาโดยโหรหลวง
“ ทุกคน…ฟังข้าให้ดี! ให้ยืนกันอย่างเงียบหน่อย ครั้งนี้จะใช้แม่ผึ้งสีทองตัวที่อยู่ในกล่องนี้ หากว่าแม่ผึ้งบินไปเกาะที่ใครคนนั้นคือผู้ที่ถูกคัดเลือก”
ทุกคนยืนเงียบแทบจะกลั้นหายใจด้วยซ้ำ เพราะกลัวว่าผึ้งจะบินมาเกาะที่ลูกหลานของตน แต่ไม่ใช่กับเด็กหญิงที่มีนิสัยแค่สามขวบเท่านั้น
เด็กน้อยยืนจับมือกับพี่ชาย ไม่ได้ยืนนิ่งเหมือนกับคนอื่น แม้พี่ชายจะกระซิบบอกแต่เด็กน้อยก็ยังไม่เข้าใจ
“ น้องสาวเ้ายืนนิ่งๆ เห็นไหมเดี๋ยวท่านผู้เฒ่าคนนั้นจะปล่อยแม่ผึ้งออกมาจากกล่อง ถ้าเ้ายังยืนดิ้นอยู่แบบนี้ แม่ผึ้งตัวนั้น จะบินมาต่อยเ้ามันเจ็บมากนะ”
“ ต่อยเจ็บแม่ผึ้งต่อยเจ็บ ข้ากลัวพี่ชายข้าจะไปหาท่านพ่อท่านแม่” เด็กหญิงดิ้นรนจากมือของพี่ชายที่จับไว้แน่น
แม่ผึ้งสีทองที่ถูกปล่อยออกมา แล้วบินวนไปรอบๆ มันได้กลิ่นหอมของขนม ที่เลอะอยู่เสื้อของเด็กน้อยมันจึงบินเข้ามาหาทันที
“ เ้าไปที่อื่นนะผึ้งอย่ามาต่อยน้องข้าไปให้ไกล” เด็กชายไล่แม่ผึ้งสีทองที่บินตอมน้องสาวของตัวเองอยู่
“ ท่านพี่ทำยังไงดีเ้าคะแม่ผึ้งบินวนอยู่กับลูกสาวของเรา เป็ความผิดของข้าเองที่ตามใจลูกซื้อขนมให้กิน เพราะสงสารไม่ได้เข้าเมืองมานาน ลูกอยากกินขนม”
“ เ้าไม่ต้องคิดมากหรอกคิดเสียว่าอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ถ้าไม่ใช่ลูกของเราก็เป็ลูกคนอื่นอยู่ดี มันอาจจะตอมอยู่ครู่และบินไปหาผู้อื่นก็ได้”
“ ไปๆ บินไปที่อื่นนะข้ากลัวเจ็บอย่าต่อยข้า”เสียงที่ไล่แม่ผึ้ง ทำให้หลายคนที่ยืนนิ่งอยู่หันมามอง ต่างแสยะยิ้มกับเด็กปัญญาอ่อนคนหนึ่ง ก็ถูกให้มาคัดเลือกด้วย
แม่ผึ้งไม่ได้บินมาตอมอย่างเดียว แต่มันต่อยเด็กน้อยเข้าไปด้วย เมื่อเด็กน้อยปัดมือไล่มัน
“ โอ๊ย!! ท่านแม่ช่วยข้าด้วย! ฮือๆแม่ผึ้งมันต่อยข้า เจ็บ… มันเจ็บมาก” เด็กน้อยร้องได้เท่านั้นก็ล้มลงกับพื้น
“ จับเด็กคนนี้ไว้เตรียมส่งตัวเดินทางไปร่วมกับเมืองอื่น อีกสองวันข้างหน้าจะเดินทางไปหุบเขาหมื่นเมฆา”
“ ไม่นะลูกแม่! ท่านพี่ลูกเราโดนผึ้งต่อยจนสลบไปแบบนี้ ยังต้องเดินทางไกลอีกรึ แล้วใครจะดูแลระหว่างทางกันล่ะ”
แม้ผู้เป็แม่จะร้องห่มร้องไห้ดิ้นรนเพียงใด ร่างของลูกสาวก็ถูกอุ้มขึ้นรถม้าโดยไม่ได้สั่งลา
“ ข้ายืนติดอยู่กับน้องสาวใยแม่ผึ้งมันถึงไม่ต่อยข้ากัน กลับไปต่อยน้องสาวที่ไม่รู้เื่อะไรเลย”
“ น้องสาวของเ้า ความคิดอ่านเท่าเด็กอายุสามขวบจะร่วมเดินทางไปได้กี่วัน พวกเขาจะช่วยดูแลหรือเปล่า ไม่รู้ว่าคนที่ถูกคัดเลือกและร่วมเดินทาง จากเมืองอื่นอายุเท่าไหร่ และพวกเขาจะใจดีกับลูกสาวของแม่หรือไม่” ผู้เป็แม่เดินร้องไห้กลับบ้าน ทั้งสามคนก็เศร้าเสียใจไม่ต่างกัน
“ ถ้ารู้แบบนี้ยอมถูกเนรเทศไปอยู่ที่ชายแดนเสียก็ยังดีกว่า ใครจะไปคิดว่าแม่ผึ้งตัวนั้นจะเข้ามาต่อยลูกสาวของข้า” ผู้เป็พ่อกล่าวด้วยเสียงที่เศร้าสร้อย
ในห้องใหญ่ที่รวบรวมเด็กอีกเจ็ดเมืองที่มีอายุสิบสามถึงสิบห้าปี ที่โดนแม่ผึ้งคัดเลือกมารวมตัวกัน เตรียมออกเดินทางในวันรุ่งขึ้น มีเพียงเด็กน้อยที่ยังนอนหลับไม่รู้เื่
“ พวกเ้าเตรียมตัวให้พร้อม มีเสบียงอาหารให้คนละถุงในนั้นมีเสื้อผ้าอย่างดีและตำลึง รถม้าจะไปส่งที่ชายแดนเมืองอี้เฉิง ใช้เวลาเจ็ดวันหลังจากนั้นเ้าจะต้องเดินทางเอง”
“ พวกเราขี่ม้าเป็ ท่านไม่มีม้าให้กับพวกเราขี่ตอนที่ไปถึงชายแดนเมืองอี้เฉิงหรือ” เฉิงกวงหนุ่มน้อยวัยสิบสาม ปีถามขึ้น
“ จากตรงนั้นเดินทางไม่กี่ลี้ก็จะเป็แม่น้ำกว้างใหญ่พวกเ้าจะเอาม้าไปทำไม”
“ เป็แม่น้ำแล้วพวกเราจะข้ามไปได้ยังไงกัน คงจะไม่ให้พวกเราว่ายข้ามไปใช่หรือไม่ ขอบอกไว้ก่อนข้าว่ายน้ำไม่เป็”มู่เฉิง เด็กหนุ่มอายุสิบสี่ปีในนี้เขามีอายุเยอะกว่าเพื่อน
“ มีเรือรับจ้างข้ามฟากไป แต่พวกเ้าเอาม้าไปไม่ได้เตรียมตัวให้พร้อม แล้วเด็กผู้หญิงคนนั้นยังไม่ตื่นขึ้นมาอีกหรือถ้าไม่ตื่นพรุ่งนี้ก็จับขึ้นไปบนรถม้าก่อน” ชายวัยสามสิบปีสั่งงานเสร็จก็เดินออกจากห้องไป
“ ไปแปดเมืองเป็ผู้หญิงไปเสียสี่แถมยังมีเด็กน้อยรวมอยู่ด้วย ขนาดผู้ใหญ่ไปกันทุกปีที่ผ่านมายังไม่มีใครกลับมาได้เลยแล้วพวกเราฝีมือการต่อสู้ก็ไม่มี” เด็กหนุ่มพูดพร้อมกับถอนหายใจยาวออกมา เขาคือิเจือหนุ่มน้อยวัยสิบสามปี
กลางดึกคืนนั้นเด็กหญิงที่นอนไม่ตื่นมาหลายวันก็ลืมตาขึ้นมา“ นี่เรากำลังรวมร่างอย่างงั้นรึ จำได้ว่าตอนเด็กถูกผลักตกน้ำหัวกระแทกกับหิน แล้วิญญาส่วนหนึ่งก็ไปเร่ร่อนอยู่ในโลกที่ไม่รู้จักตั้งหลายปี ตอนนี้กลับเข้ามายังร่างเดิมแล้ว”
เด็กหญิงวัยแปดขวบ นอนทบทวนความทรงจำที่ผ่านมา เหมือนดวงจิตแยกกันเป็สองส่วน มีส่วนน้อยที่อยู่กับร่างนี้ และอีกส่วนหนึ่งเป็ดวงิญญาที่เร่ร่อน อยู่บนโลกมนุษย์ที่ไม่เคยรู้จัก
“ ห้าปีอยู่โลกที่ทันสมัยกว่าที่นี่และเห็นอะไรมากมาย เหมือนตัวเองมีอายุยาวนานมากกว่าแปดปีอย่างนั้นแหละ น่าจะเพราะว่าเห็นอะไรมามากมายและเกือบทุกที่ของโลกใบนั้น”
“ คงเป็เพราะเหล็กในของแม่ผึ้งตัวนั้น ที่ไปกระตุ้นให้ร่างนี้ได้รับความเ็ป ิญญาของเราที่อยู่ในโลกอื่นจึงถูกดึงมาอยู่ในร่างนี้เหมือนเดิม”
“ ยังปวดเมื่อยเนื้อตัวอยู่เลยขอหลับไปก่อนก็แล้วกัน เื่อื่นค่อยคิดทีหลัง”ซิงเยียนนอนหลับต่อ เพราะยังอ่อนเพลียจากดวงจิตที่ถูกดึงมาไกล
รุ่งเช้าทั้งแปดคนได้เข้าไปอยู่บนรถม้าสองคันผู้หญิงคันหนึ่งผู้ชายคันหนึ่ง พร้อมด้วยเสบียงอาหารคนละหนึ่งถุง คนขับรถม้า วัยฉกรรจ์สองคนทำหน้าที่ขับรถม้าไปส่งที่ ชายแดนเมืองอี้เฉิง
ซิงเยียน ที่ถูกอุ้มมาไว้บนรถม้ายังนอนหลับไม่รู้สึกตัว รถม้าเดินทางมาถึงวันที่สอง เด็กหญิงจึงตื่นขึ้นมากินข้าวที่คนขับรถมาหามาให้กิน และนอนหลับต่อ
รถม้ายังวิ่งต่อไปมืดค่ำที่ไหนก็นอนพักที่นั่น โดยจะพักอยู่ข้างทางไม่นอนในโรงเตี๊ยมเพราะกลัวเด็ก จะหลบหนีหายแล้วพวกตนจะถูกทำโทษ
จนเดินทางมาถึงวันที่ห้าซิงเยียนถึงได้ตื่นตัวอย่างเต็มที่ จิติญญาได้หลวมรวมกันแล้ว แต่ระหว่างที่นอนหลับใครพูดอะไรนางได้ยินหมด เพียงแต่ไม่มีแรงจะลุกมาคุยด้วยเท่านั้น
เด็กสาววัยสิบสามสิบสี่ปีที่อยู่บนรถม้า ต่างปรึกษากันว่าถ้าไปถึงชายแดนแล้วข้ามแม่น้ำไปอีกฝั่งหนึ่ง พวกนางจะไม่เดินทางต่อแล้ว พวกนางกลัวเพราะทุกรุ่นไม่มีใครกลับมาอาจจะ เสียชีวิตไปแล้วก็ได้
