อวิ๋นอี้กระตือรือร้น หลังจากที่หรงซิวพูดจบ นางก็ตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว นี่เป็ข้อเสนอที่ดีสำหรับนาง แต่นางมีบางเื่ต้องเน้นย้ำก่อนที่จะตอบตกลง
อวิ๋นอี้มองไปที่เขา หรงซิวก็กำลังมองนางอยู่เช่นกัน ดวงตาของเขามืดลึกราวกับอัญมณีที่ต้องมนตร์ พาให้ผู้ที่ได้สบตาจมดิ่งลงไปในนั้น
นางหลบสายตาด้วยความตื่นตระหนก ปรับอารมณ์แล้วพูดว่า “ข้อเสนอนี้ไม่เลว แต่ข้ามีเงื่อนไข”
หรงซิวมองนิ่ง ราวกับคาดการณ์ไว้แล้ว “อวิ๋นอี้ พูดออกมาเถิด”
"ประการที่หนึ่ง ใน่ครึ่งปีนี้ ฝ่าาห้ามทำเื่เกินเลยกับข้า"
"อันใดคือเื่เกินเลย"
"ก็หลับนอนด้วยกันอย่างไรเล่าเพคะ!" อวิ๋นอี้กัดฟันกรอด หลังหูค่อยๆ ขึ้นสีราวกับเมฆแดง
หรงซิวครุ่นคิดแล้วส่ายหน้า “ข้าอยากนอนกับเ้า แต่ข้าสัญญาว่าตราบใดที่เ้าไม่ยินยอม ข้าจะไม่แตะต้องตัวเ้า จะไม่ให้เ้าปรนนิบัติยามวิกาล”
“แค่นอนก็มิได้!" อวิ๋นอี้พูดเสียงแข็ง
หรงซิวมิได้จะนอนกับนางั้แ่แรก แต่เมื่อเห็นท่าทีของนางเมื่อครู่ ก็ใคร่จะหยอกนางขึ้นมา ยิ่งนางต่อต้านเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกรื่นเริงใจมากขึ้นเท่านั้น
หรงซิวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขามีท่าทีที่แข็งกร้าวขึ้น “เช่นนั้นข้าไม่ตกลง อวิ๋นเออร์ ข้าจะรู้สึกสบายใจได้ก็ต่อเมื่อได้กอดเ้า ถ้าเช่นนั้น หากข้าทำอันใดล่วงเกินเ้า ข้อสัญญาของเราถือเป็อันโมฆะ เ้าจากไปได้ตาม้า"
เช่นนี้ดี!
ดวงตาของอวิ๋นอี้เป็ประกาย ยอมตกลงในที่สุด
“ประการที่สอง ใน่ครึ่งปีนี้ อย่าให้ซูเมี่ยวเออร์มาก่อกวนข้า ลูกท้อเน่า [1] ของฝ่าาจัดการด้วยตัวเองเถิด ข้ามิได้ว่าง"
"ได้"
"ประการที่สาม เพื่อป้องกันไม่ให้ฝ่าากลับคำ ต้องมีสัญญาเป็ลายลักษณ์อักษร ข้าและฝ่าาลงนาม สัญญาถึงจะมีผลบังคับ"
"ได้"
หลังจากที่ทั้งสองตกลงกันได้ พ่อบ้านก็นำกระดาษหมึกและพู่กันมาเพื่อให้ทั้งสองลงนามกัน เป็ความร่วมมือที่สมบูรณ์ อวิ๋นอี้มองข้อสัญญาบนกระดาษก็รู้สึกมีความสุขนัก
เวลาเพียงครึ่งปี นางยังพอทนได้ เพียงแค่ผ่านครึ่งปี นางก็จะจากไปทันที จะฟ้าทางใต้ทะเลทางเหนือ นางล้วนได้อิสระไปได้ตาม้า
อ้อ ใช่สิ ใน่ครึ่งปีนี้นางยังต้องกอบโกยเงินทองจากหรงซิวมาให้เยอะๆ
คนจนไม่มีทางจะใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบายเช่นไร อย่างไรเสียหรงซิวก็ร่ำรวยถึงเพียงนั้น นางกอบโกยจากเขาหน่อยจะเป็กระไรไป?
ลูกคิดในหัวของอวิ๋นอี้ดีดแล่นไม่หยุด เมื่อมองไปที่หรงซิวซึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ ก็คิดเพียงว่าเขาเป็คนรวยโง่ๆ ที่หลอกได้อย่างง่ายดาย แต่ไม่ช้านางก็พบว่าดูเหมือนตนเองจะคิดผิด
เดิมคิดว่าหลังจากลงนามข้อสัญญาแล้ว ครึ่งปีที่เหลือ นางแค่เที่ยวเล่นในจวนไปวันๆ ก็พอ ผู้ใดจะรู้ว่าในตอนบ่ายหรงซิวกลับเข้ามาพร้อมกับกองกระดาษข้าว บอกว่าเขา้าปรึกษาหารือกับนางเกี่ยวกับแผนการกระชับความสัมพันธ์
อวิ๋นอี้พูดไม่ออก พี่ชาย นี่ท่านเอาจริงหรือ?
“แน่นอนว่าจริง” หรงซิวพูด เขายกกระดาษขึ้นมาวาง ชี้ให้นางดูอย่างสนิทสนม “ในเมื่อ้ากระชับความสัมพันธ์ ก็ต้องตัวติดกันทั้งวันทั้งคืน อวิ๋นเออร์ ข้าสั่งให้คนทำนี่มา หนึ่งร้อยเื่ที่สามีภรรยาจำเป็ต้องทำล้วนถูกเขียนอยู่ในนั้นหมดแล้ว ในครึ่งปีนี้ เราต้องทำด้วยกันทีละเื่ให้หมด"
หนึ่งร้อยเื่ที่สามีภรรยาต้องทำ แน่ใจหรือว่ามิได้ล้อนางเล่น!
หรงซิวไม่สนใจว่าสีหน้านางจะเป็เช่นไร เขาดึงกระดาษ้าสุดออกมาอย่างอ่านอย่างจริงจัง
ใบหน้าของอวิ๋นอี้ไร้อารมณ์ ชั่วนาทีหลังจากนั้นก็ทนไม่ไหวเสียแล้ว
“จับมือกันเลือกซื้อของ"
"ชมอาทิตย์ขึ้นและตกด้วยกัน"
"ชมดอกไม้ไฟด้วยกัน"
“ตากฝนไปด้วยกัน” เมื่อเห็นข้อนี้ อวิ๋นอี้หมดคำจะพูด จะบ้าหรืออย่างไร ตากฝนไปด้วยกัน!
เมื่อเห็นว่าหรงซิวไม่พูดอันใด นางก็ข้ามไปอ่านข้ออื่น
“กอดกันพูดคุยกันทั้งคืนโดยไม่หลับ"
อวิ๋นอี้งงไปหมด เหตุใดตอนกลางคืนไม่หลับไม่นอนต้องมาคุยกันด้วย สมองกลับแล้วหรือ "สลักข้อสัญญาของทั้งสองบนต้นไม้ด้วยกัน"
"ฝังสัญญาของทั้งสองไว้ใต้ต้นไม้ด้วยกัน"
“......”
ต้นไม้ไม่มีศักดิ์ศรีหรืออย่างไร! อยากจะสลักก็ทำ อยากจะฝังก็ฝัง? ฝังอัฐิล่ะสิไม่ว่า!
ปวดไข่ [2] เผ็ดขึ้นตา [3] นางไม่อยากอ่านแล้ว แน่นอกกระอักกระอ่วนจนแทบจะอาเจียนออกมา
อวิ๋นอี้ถอนหายใจยาว “ฝ่าา แน่ใจหรือเพคะว่าจะทำทุกอย่างที่ว่ามานี่?”
“แน่นอนสิ” หรงซิวกล่าว “แผนของวันนี้ข้าได้เตรียมการไว้แล้ว เริ่มจากจับมือกันเลือกซื้อของ ดูอาทิตย์ตกจากนั้นก็ดูดอกไม้ไฟด้วยกันเถิด"
“......” ข้าขอปฏิเสธ!
แต่การปฏิเสธก็หาได้มีประโยชน์ไม่ หรงซิวไปที่ใด ก็ล้วนพานางไปด้วยทุกที่
อวิ๋นอี้ไปกับเขา เดินไปทั่วทั้งจวนองค์ชาย จากนั้นก็ตามไปที่ร้านค้าหลายแห่งที่เป็ชื่อของเขา นับว่าได้เปิดโลกไม่น้อย
ราชวงศ์ต้าอวี่ทุกวันนี้ปกครองโดยฮ่องเต้หรงอี้จื่อ ซึ่งเป็ท่านอาคนที่เก้าของหรงซิว
หรงซิวกับท่านอาเก้าผู้นี้สนิทสนมกันยิ่งนัก เขาสืบทอดหน้าที่มาจากท่านพ่อมาั้แ่เล็ก ฝีมือการใช้อาวุธใดๆ ไม่มีใครเทียบเคียงเขาได้ นำทัพทำายิ่งโดดเด่น ประสบความสำเร็จด้านการทหารั้แ่เยาว์วัย
เมื่อเวลาผ่านไป เกียรติศักดิ์ของหรงซิวก็เป็ที่กล่าวขานของทุกคน
ปวงประชารู้แค่ว่าเขากล้าหาญและมีไหวพริบ แต่มิรู้ว่าเขายังเป็พ่อค้าที่เก่งกาจอีกด้วย
จากที่อวิ๋นอี้ได้ดูได้ฟังมาทั้งบ่าย หรงซิวมิได้เพียงแค่ทำกิจการหลายแขนง แต่เขาได้เปรียบตรงที่มีวิสัยทัศน์เฉียบแหลมอีกด้วย
วัตถุดิบยาสมุนไพรที่เขาในมือกับการขนส่งทางน้ำเป็สองเสาหลักของกิจการที่ค้ากำไรได้เสมอแทบจะมิมีขาดทุน
ตอนที่หรงซิวอ่านบัญชี อวิ๋นอี้ก็แอบดูเงียบๆ ลำดับตัวเลขบนนั้นคือเงินกองโตชัดๆ
ร่ำรวยยิ่งนัก...
ไม่ต้องออกหน้า ก็มีเงินเข้ากระเป๋าทุกวัน อวิ๋นอี้กำหมัดแน่น ตัดสินใจแน่วแน่ มีแกะอ้วนตัวโตอยู่ข้างๆ ไม่ฆ่าก็โง่แล้ว!
หลังจากตามหรงซิวไปตรวจร้านทั้งหมดภายใต้ชื่อของเขา อวิ๋นอี้ก็ปฏิบัติกับเขาราวกับว่าได้เจอพ่อแท้ๆ
“ฝ่าา ข้างหน้ามีร้านขายเครื่องประดับ เราเข้าไปดูได้หรือไม่เพคะ?” อวิ๋นอี้ถามอย่างออดอ้อน
หรงซิวเมินรอยยิ้มประจบสอพลอของนาง ถามเพียงว่า “เมื่อวานข้ามิได้ให้เครื่องประดับเ้าไปกล่องหนึ่งแล้วหรือ?"
“จะมีสตรีคนใดกลัวว่าจะมีเครื่องประดับเยอะเกินเล่าเพคะ” อวิ๋นอี้หน้ามุ่ย “ฝ่าาพร่ำพูดว่ารักข้า แต่พอข้าจะดูเครื่องประดับ พระองค์กลับ..."
"ซื้อให้เ้า" หรงซิวขัดจังหวะนาง ยกมือเล็กๆ ของนางขึ้นมาจูบ “เ้าชอบสิ่งใดข้าจะซื้อให้หมดเลย”
“จริงหรือเพคะ?” อวี๋นอี้ฉายแววดีใจ
“จริงสิ"
ทั้งสองคนเดินเข้าไปอย่างอกผายไหล่ผึ่ง อวิ๋นอี้เตรียมจะซื้อให้แหลก ก่อนจะได้ยินหรงซิวเอ่ยเสียงดัง "เรียกเ้าของร้านของพวกเ้าออกมา ร้านนี้ข้าซื้อแล้ว"
“......”
อวิ๋นอี้ใจนเข่าอ่อน เกือบจะยืนมิไหว
นางมองหรงซิวอย่างสั่นๆ ดึงแขนเสื้อเขา “ฝ่าาจะมาซื้อของหรือจะมาเซ้งร้านเพคะ?”
“อวิ๋นเออร์ชอบ ข้าก็แค่ซื้อร้านนี้ไว้ให้ก็เท่านั้น เ้าวางใจรับไว้เถิด” หรงซิวกล่าว
นางไม่รู้จะพูดอย่างไรถึงจะดี คนทั้งคนยืนงงอยู่ในดงหมอก อวิ๋นอี้ยังคงรู้สึกเหมือนฝัน จนกระทั่งเ้าของร้านมอบโฉนดร้านให้กับนาง
หรงซิวมองดูท่าทีมึนงงของนาง ก็เอียงหน้ามาจูบเบาๆ ที่หูของนาง "เป็อันใดไป? ดีใจจนเสียสติไปแล้วหรือ? ข้ายินดีมอบให้เ้า เ้ารักษามันไว้ให้ดีก็แล้วกัน"
“......”
อย่าทำเช่นนี้สิ!
อย่าใช้เงินมาทำลายหัวใจที่แน่วแน่ของนางเช่นนี้!
อวิ๋นอี้อึกอักเล็กน้อยแล้วเก็บโฉนดไว้ในกระเป๋า หรงซิวเห็นเช่นนั้นก็อมยิ้มเบาๆ
เมื่อทั้งสองออกไปซื้อของเสร็จ ฟ้าก็มืด หรงซิวได้จองโรงเตี๊ยมที่ดีที่สุดไว้แล้ว หลังจากทานอาหารค่ำ เขาก็พานางตรงไปทางแม่น้ำ
“ทำอันใดเพคะ?” อวิ๋นอี้ถามอย่างหมดคำพูด
แม้ว่าจะเข้าวสันตฤดูแล้ว แต่ในยามแรม ความหนาวเย็นก็ยังคงพัดผ่านเข้ามาในกระดูกอยู่ รู้สึกหนาวเหน็บจนทำให้ขนลุก
อวิ๋นอี้ลูบแขนแล้วมองหรงซิว เขากำลังขนอันใดบางอย่างไปที่แม่น้ำ
นางหรี่ตาลงครึ่งหนึ่ง มองอย่างตั้งใจ หรงซิวนั่งลงพอดี เขาจุดคบเพลิงที่อยู่บนพื้น จากนั้นก็สาวเท้าก้าวยาวๆ วิ่งเข้ามาหานาง
คืนที่มืดมิดสว่างวาบด้วยประกายไฟ ดอกไม้ไฟพุ่งขึ้นบนฟ้า ะเิแสงกระจัดกระจาย เปล่งแสงระยิบระยับออกมานับไม่ถ้วน ประดับประดาคืนมืดมิดให้สว่างไสวงดงาม
ชายร่างสูงชุดดำเอื้อมมือไปหานางและโอบกอดนางไว้ภายใต้ฉากหลังอันงดงาม ลมหายใจของชายหนุ่มรินรดััที่ปลายจมูกของนาง อวิ๋นอี้ม้วนตัวออกมาจากอ้อมแขนของเขานิ่งๆ อยากจะเขม่นเขา แต่ดันเผลอไปสบตาที่เหมือนวังน้ำวนของเขาเข้าเสียก่อน
“อวิ๋นเออร์” เขากระซิบเรียกชื่อนาง “ชอบหรือไม่?"
สุดเสน่หา ไม่อาจจะต้านทานได้ อวิ๋นอี้มองดูดาวที่เต็มท้องฟ้า พลางมองดอกไม้ไฟที่สว่างไสวงดงามตรงหน้า ดวงหน้างามพยักขึ้นลง
ไม่รู้ว่าหรงซิวเตรียมดอกไม้ไฟไว้เท่าใด แต่ใช้เวลาจุดราวหนึ่งชั่วยามเต็มๆ ผู้คนที่ล้อมรอบแม่น้ำหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ บางคนดูเหมือนจะจำทั้งสองคนได้ ต่างพูดคุยกันอยู่พักหนึ่งเลยทีเดียว
อวิ๋นอี้เคยเจอเื่เช่นนี้ที่ใดกัน?
หน้าบางๆของนางร้อนผ่าว ในที่สุดก็รอให้ดอกไม้ไฟจุดจนหมดแล้วคว้าแขนของหรงซิววิ่งออกไปข้างนอกทันที ทั้งสองวิ่งมาไกลสุดทางภายในลมหายใจเดียว จนกระทั่งก้าวขาไม่ออก นางถึงหยุดลง ในคืนที่มืดมิด แต่เดิมที่มีเสียงลมที่พัดผ่าน ยามนี้กลับมีเสียงหอบหายใจของนาง
หรงซิวมองนางแล้วหัวเราะ
เขาโอบนางไว้ ในตอนที่นางกำลังมึนงง พลันถามว่า “เหนื่อยหรือ?”
อวิ๋นอี้จ้องเขาเขม็ง พูดติดขัดพลางหอบ "ยังต้องถามอีกหรือเพคะ! วิ่งมาไกลขนาดนี้ฝ่าาไม่เหนื่อยหรือ!"
"ดูเหมือนต่อไปนี้อวิ๋นเออร์ต้องออกกำลังให้มากขึ้นสินะ” หรงซิวตาหยีด้วยรอยยิ้ม พูดเป็นัย
“......”
นางผลักเขาออกไปโดยไร้รอยยิ้ม แล้วถูกเขากอดเข้าไว้ในอ้อมแขนอีกครั้ง "เ้าเหนื่อยมิใช่หรือ? ในฐานะสวามีข้าจะอุ้มเ้ากลับเอง"
"ผู้ใด้าเพคะ!" อวิ๋นอี้มุ่ยหน้า วินาทีถัดมาก็ถูกเขาอุ้มขึ้น ยามที่แบกขึ้นอย่างทุลักทุเล นางก็กอดคอเขาอย่างตื่นตระหนก
รอยยิ้มของชายหนุ่มกว้างขึ้น สายลมอ่อนๆ ยังััได้ถึงความได้ใจของเขา
อวิ๋นอี้เหนื่อยแล้วจริงๆ
หรงซิวมีแขนที่แข็งแรง อุ้มนางอยู่แต่กลับเดินสบายเหมือนเดินตัวเปล่า ลมหายใจแรงสักเสี้ยวก็หาได้มีไม่
นางได้ยินเสียงหัวใจเต้นดังในอกครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่นานนางก็คอเอียงผล็อยหลับไป
แม่สาวตัวน้อยเอ๋ย
หรงซิวเดินอยู่ท่ามกลางสายลมด้วยแววตาเปี่ยมรอยยิ้ม ความทุกข์ใจในก้นลึกถูกเขากดเอาไว้ ตลอดทางที่อุ้มนางกลับจนถึงจวน นางหลับลึกราวกับเป็หมู จนกระทั่งหรงซิววางนางลงบนเตียง ถึงจะทำเสียงไม่พอใจออกมาบ้าง แต่ในชั่วพริบตา ก็เปลี่ยนท่าแล้วนอนต่อ
หรงซิวยืนอยู่ข้างเตียง เขาไม่ยักรู้ว่านางนอนเก่งถึงเพียงนี้?
นางในอดีตนั้น...เขาอภิเษกกับนางก็เพื่อเื่นั้น นางคนที่ซื่อๆ บื้อๆ ทำให้เขาไม่สนใจมากนัก ไม่มีความประทับใจใดๆ
แต่ก็ช่างเถิด
ดูเหมือนว่าความจำเสื่อมจะเป็เื่ดี อย่างน้อยตอนนี้นางก็ไร้ความรู้สึกใดๆ มีความสุขได้ในทุกวัน กระตุ้นความสนใจของเขา
เขาจะล่านางเสมือนล่าสัตว์
ดึกมากแล้ว เขาปัดเป่าความคิดออกไปในทันที สั่งให้สาวใช้ต้มน้ำทำความสะอาดร่างกาย ท้ายสุดก็เข้ามานอนด้วย
คืนนี้หรงซิวหลับไม่ค่อยสบายนัก
ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่อยู่ในอ้อมแขนไม่รู้ว่าฝันร้ายหรืออย่างไร นางก่อกวนทั้ง่หลังกลางดึก บางครานางก็โบกมือไปมา หรงซิวถูกทำให้หงุดหงิด จึงเหยียดแขนยาวออกไปกอดแขนนางเอาไว้ ขายาวทั้งสองข้างของเขาก็ใช้ประโยชน์ได้ดี ยึดขาของนางเอาไว้ได้แน่น
เมื่อไม่สามารถดิ้นรนได้ อวิ๋นอี้จึงค่อยๆ สงบลง
ในที่สุดหรงซิวก็มีเวลาได้หลับตานอน เมื่อถึงรุ่งสาง เขารู้สึกไม่ใคร่จะสบายตัวนัก
ชายหนุ่มค่อยๆ ลืมตาขึ้น มองไปที่แสงแดดอบอุ่นยามเช้า เขาก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที
หรงซิวอดมิได้ที่จะสบถ ให้ตายสิสตรีผู้นี้ นางกำลังเล่นกับไฟ!
เชิงอรรถ
[1] ลูกท้อเน่า 烂桃花 หมายถึง ความสัมพันธ์ของเชิงชู้สาวที่เกิดปัญหา เช่น รักสามเส้า ภรรยาน้อย คู่นอนที่ไม่ได้เกิดจากความรัก การจับปลาสองมือ ฯลฯ
[2] ปวดไข่ 蛋疼 เป็คำสแลงบนอินเทอร์เน็ต มาจาก 扯蛋 chě dàn หมายความว่า พูดเื่ที่น่าเบื่อมาก พูดไปเรื่อย
[3] เผ็ดขึ้นตา 辣眼睛 หมายถึง เห็นอะไรที่เกินจะรับไหวทำให้ไม่สบายตา (จิตใจ)