ผู้คนภายในงานทำเหมือนอยากให้เหตุการณ์ระทึกเกิดขึ้นจริงๆพวกเขาเริ่มร้องะโอยู่ในใจอย่างบ้าคลั่ง สายตาเริ่มมองอย่างดุเดือด เวลานี้ผู้ชมยังดูบ้าคลั่งยิ่งกว่าคนที่ลงมือแข่งกันเสียอีก
ครั้งนี้ก็ถึงคราวที่จวงเมิ่งเตี๋ยขมวดคิ้วแต่ทว่าเพียงไม่นานเธอก็เริ่มยิ้มอย่างเ็าตรงมุมปากหลังจากนั้นเธอจึงหันหน้าไปหาคุณปู่ของตนเองแล้วพูดขึ้น “คุณปู่คะหนูจำได้ว่าคุณปู่ยังติดของขวัญที่ต้องให้หนูอยู่หนึ่งชิ้น”
“อืม”
จวงตงเฟิงพูด “อืม” อย่างไม่เต็มใจเลยสักนิด
เรียกว่า “ติด” ได้ยังไง เห็นกันชัดๆว่าเป็การบังคับขอไปดื้อๆ มากกว่า
“ถ้าอย่างนั้นหนูไม่เอาของขวัญแล้ว ให้หนู 1ล้านก็พอค่ะ”
“จริงหรอ?”
เมื่อจวงตงเฟิงได้ยินเช่นนี้ดวงตาของเขาก็เป็ประกายขึ้นทันที ติดของขวัญหลานสาวหนึ่งชิ้นแบบนี้เขายังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะสร้างความลำบากใจให้เขาถึงขนาดไหน แต่ถ้าเป็แบบนี้ก็สบายเลยใช้เงินเปลี่ยนกับของขวัญ จะได้ไม่ต้องติดค้างอีก ไม่อย่างนั้นเขาต้องเอาแต่กังวลตลอดเวลา
แต่ทว่าจวงตงเฟิงก็รู้สึกว่าเหตุการณ์นี้มันดูไม่ค่อยปกติใบหน้าที่เต็มไปด้วยความยินดีของเขาจึงหายไปจนหมดและสิ่งที่เข้ามาแทนที่ก็คือความสงสัย ครั้งนี้หลานสาวของเขาทำไมถึงได้ว่าง่ายแบบนี้ล่ะ?หรือว่ามันจะมีเหตุผลอะไรซ่อนอยู่
จวงตงเฟิงมองสายตาที่เต็มไปด้วยความเอาจริงเอาจังของหลานสาวและสายตาของเธอในตอนนี้มีความโกรธแค้นแฝงอยู่ด้วย เขาจึงเข้าใจได้ในทันทีเธอ้าใช้เงินก้อนนี้มาเพื่อทำให้ราคามีดแกะสลักเล่มนั้นเพิ่มสูงขึ้น
เธอมีเพียง 3 ล้านหยวน จึงไม่สามารถประมูลแข่งกับหลินเยว่ที่เธอยังไม่รู้ว่าเขามีเงินอยู่เท่าไรดังนั้น เธอจึงคิดวิธีการนี้ออกมา
เมื่อจวงตงเฟิงคิดได้เช่นนี้เขาจึงทำเป็กระแอมไอเล็กน้อย แกล้งทำท่าครุ่นคิดแล้วพูดต่อ “ไม่เปลี่ยนแล้วดีกว่าเดี๋ยวปู่หาของขวัญอย่างอื่นให้หลานแทนก็แล้วกัน”
“หนูจะเอาเครื่องเคลือบจากเตาเผาไฉ”
จวงเมิ่งเตี๋ยเหลือบมองคุณปู่ของตนชั่วครู่แล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“อะไรนะ???”
จวงตงเฟิงแทบจะตกลงจากเก้าอี้เขารีบทำท่าปาดเหงื่อบนศีรษะ หลังจากนั้นจึงพูดอย่างเด็ดขาด “เปลี่ยนเลย 1 ล้านหยวน ตกลง!”
เมื่อพูดจบ เขายังกลัวว่าจวงเมิ่งเตี๋ยจะกลับคำเขาจึงรีบหยิบเช็คออกมาจากในกระเป๋าแล้วเขียนจำนวนเงิน 1 ล้านหยวนลงไปทันทีหลังจากนั้นจึงเซ็นชื่อแล้วยื่นให้กับจวงเมิ่งเตี๋ยอย่างรวดเร็วพร้อมพูดขึ้น“เรียบร้อยแล้ว ปู่ให้ของขวัญหลานแล้วนะ ไม่ต้องมาขอจากปู่อีกล่ะ”
เมื่อเห็นเช็คในมือของจวงตงเฟิงสายตาของจวงเมิ่งเตี๋ยจึงเกิดประกายตื่นเต้นอยู่ชั่วขณะหลังจากนั้นเธอจึงพยักหน้าและรับเช็คใบนั้นไปพร้อมพูดขึ้น “2.5 ล้าน”
ฮะ?
เพิ่มขึ้นถึง 5 แสนหยวนในครั้งเดียว?
ยัยหนูคนนี้บ้าไปแล้วหรือเปล่า?
ณ เวลานี้ สำหรับผู้คนที่อยู่ในงานแล้วมีดแกะสลักเล่มนั้นกลายเป็เพียงตัวประกอบเท่านั้น เพราะนักแสดงหลักจริงๆก็คือจวงเมิ่งเตี๋ยและหลินเยว่และการแข่งกันระหว่างสองคนนี้ไม่ได้ทำเพื่อมีดแกะสลักเล่มหนึ่งแล้ว แต่เป็การแข่งกันเื่ศักดิ์ศรีมากกว่าและไม่มีใครยอมใคร
จวงตงเฟิงเห็นสีหน้าที่กำลังใส่อารมณ์ของหลานสาวตนเองเขาจึงได้แต่ลอบถอนหายใจ
เครื่องเคลือบจากเตาเผาไฉ?
หลานคิดจะเอาชีวิตของปู่ไปเลยหรือเปล่าเนี่ย!
เตาเผาไฉ และเตาเผาหรู่ เตาเผากวน เตาเผาเกอ เตาเผาจวิน เตาเผาติ้ง ได้ชื่อว่าเป็“หกสุดยอดเตาเผาที่มีชื่อเสียง” และเตาเผาไฉถือเป็เตาเผาอันดับหนึ่งใน “หกสุดยอดเตาเผาที่มีชื่อเสียง”เป็ “เตาเผาหลวงในสมัยราชวงศ์โจวยุคหลัง” ใน่ห้าราชวงศ์สิบแคว้นของประเทศจีนแต่ภายหลังจากสมัยราชวงศ์ิเป็ต้นมา เตาเผาไฉก็สาบสูญไปจากโลกใบนี้ไม่มีใครเคยเห็นเครื่องเคลือบจากเตาเผาไฉมาก่อน ต่อมาภายหลังบันทึกเกี่ยวกับเตาเผาไฉก็หายไปด้วยเช่นกันหลังจากนั้นผู้คนจึงถกเถียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเตาเผาไฉกันอย่างต่อเนื่องไม่มีหยุด
ในบรรดาฝีมือจากเตาเผาโบราณของประเทศจีน เครื่องเคลือบจากเตาเผาไฉถูกกล่าวไว้ว่า“เพียงแผ่นเครื่องเคลือบไฉย่อมมีมูลค่ามหาศาล” ตามบันทึก “ศิลปวิจักษ์”ในสมัยราชวงศ์ิได้บันทึกไว้ว่าลักษณะเฉพาะของเครื่องเคลือบจากเตาเผาไฉคือ“ฟ้าราวกับท้องฟ้า ใสราวกับกระจก บางราวกับกระดาษ เสียงไพเราะราวกับชิ่ง*” กลอนโบราณได้พรรณนาเครื่องเคลือบจากเตาเผาไฉไว้ว่า“ฟ้าใสหลังฝนตกแสงอาทิตย์สาดส่องผ่านกลุ่มเมฆา สีสันงามเช่นนี้ถูกทำออกมา”ด้วยเหตุนี้ เครื่องเคลือบเตาเผาไฉจึงเป็ของล้ำค่าไม่ธรรมดา
อันที่จริง เื่ความล้ำค่าไม่ได้เป็ปัญหาสักเท่าไรหากมีเงินก็สามารถหาซื้อได้แต่ที่สำคัญคือเครื่องเคลือบเตาเผาไฉได้สาบสูญไปหมดแล้ว แบบนี้จวงตงเฟิงจะไปหามันมาจากไหนได้ล่ะดังนั้น เขาจึงจ่ายเงิน 1 ล้านหยวนอย่างไม่ลังเล
หากเขาไม่รับปากและเขาก็ไม่มีทางหาเครื่องเคลือบเตาเผาไฉได้เลย ดังนั้น เมื่อกลับไปแล้ว ไม่รู้ว่าจวงเมิ่งเตี๋ยจะเล่นงานเขาอย่างไรบ้างของขวัญ 1 ชิ้นอาจจะกลายเป็100 ชิ้นเลยก็ได้เขาจึงใช้เงิน 1 ล้านหยวนนี้ซื้อความสงบให้กับตัวเอง
ตาแก่เฮ่อ ขอโทษด้วยนะขอให้ลูกศิษย์ของคุณโชคดีก็แล้วกัน
ดังนั้นจวงตงเฟิงจึงนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ตามเดิม เขาเตรียมชมละครฉากใหญ่
2.5 ล้านหยวน?
ในสมองของหลินเยว่พลันเกิดภาพๆ หนึ่งขึ้นมาทันทีเขาจำได้ว่าตอนที่ประมูลหยกหงส์ัคู่นั้นจากสายตาของจวงเมิ่งเตี๋ยทำให้รู้ว่าเธอชอบหยกหงส์ัคู่นั้นมากจริงๆแต่ทว่าเธอกลับยอมปล่อยมือตอนที่หลี่เฉียนโจวเสนอราคาที่ 3 ล้านหยวน นี่มันหมายความว่าอะไรหรือ?มันก็หมายความว่า 3 ล้านหยวนเป็เงินทั้งหมดของเธอแล้วนั่นเอง
ยามผู้หญิงพบของที่ตนเองชอบเธอจะไม่เคยเสียดายเงินสำหรับของสิ่งนั้นเลยแต่จวงเมิ่งเตี๋ยกลับไม่เสนอราคาที่สูงกว่า 3 ล้านหยวน ดังนั้นหลินเยว่จึงมั่นใจว่าการคาดการณ์ของเขาต้องไม่ผิดอย่างแน่นอน
เมื่อเขาคาดการณ์ออกมาแบบนี้ในใจของหลินเยว่ก็เริ่มตื่นเต้นขึ้นมา
ก็แค่ 3 ล้านหยวนไม่ใช่หรอ?ผมยอมเล่นเกมเป็เพื่อนเธอก็ได้!
หลินเยว่พลันยกมือขวาพร้อมพูดขึ้น “3 ล้าน”
สู้แล้ว!
และก็เพิ่มตามอีก 5 แสนหยวน!
ความใจเด็ดของเด็กหนุ่มคนนี้ก็ไม่น้อยเลยจริงๆ!
ณ เวลานี้สายตาของผู้คนภายในงานที่มองหลินเยว่ก็เปลี่ยนไปจากเดิม ไม่ได้ใช้สายตาที่มองลูกคนรวยมองเขาและก็ไม่ได้เป็การมองว่าเด็กหนุ่มคนนี้ดูมีอนาคตไกลแต่เป็การมองเพราะการยอมรับถึงความสำเร็จของคนคนหนึ่ง นี่เป็สายตาแห่งการยอมรับของคนที่มีความเสมอภาคกัน
เป็การยอมรับอย่างแท้จริง!
ทุกคนต่างมองหลินเยว่ด้วยสายตาเช่นนี้ ซึ่งถือว่าเป็การชื่นชมหลินเยว่อย่างจริงแท้ที่สุด
หลังจากเอ่ยออกมาแล้วหลินเยว่จึงมองไปทางจวงเมิ่งเตี๋ย แต่เขากลับพบว่าจวงเมิ่งเตี๋ยยังคงนิ่งเฉยเหมือนเช่นเคยเมื่อเป็เช่นนี้ จึงทำให้เขารู้สึกข้องใจยิ่งนัก หรือว่าเขาคาดการณ์ผิดไป?
ราวกับว่าจวงเมิ่งเตี๋ยััได้กับสายตาของหลินเยว่เธอก็หันมามองหลินเยว่เช่นกัน มุมปากของเธอปรากฏเป็รอยยิ้มของคนที่เหนือกว่าในขณะเดียวกันสายตาของเธอก็มองเขาอย่างท้าทาย
ท่ามกลางสายตาของหลินเยว่ที่มองมา เธอจึงค่อยๆยกมือขวาขึ้นอย่างช้าๆ และพูดขึ้น “4 ล้าน”
เมื่อราคานี้ถูกเสนอออกมาก็ทำให้ทุกคนถึงกับตกตะลึง
เพิ่มราคาถึง 1 ล้านหยวนในครั้งเดียว!
นี่เป็เงินถึง 1 ล้านหยวนเลยนะ!
คนรุ่นาุโเพิ่มราคาทีละ 1.5 ล้านหยวนก็ถือว่าเป็ความใจกล้ามากแล้วแต่คาดไม่ถึงว่าคนรุ่นเด็กก็ไม่ยอมน้อยหน้าเช่นกัน ถึงแม้ว่าจะเป็เงินที่น้อยกว่า1.5 ล้านหยวนแต่ทว่าความใจกล้าของคนรุ่นเด็กก็ไม่ได้น้อยไปกว่ารุ่นาุโเลยโดยเฉพาะอย่างยิ่งราคานี้ยังเป็ราคาที่เสนอโดยสาวน้อยแสนสวยที่ดูบอบบางน่าทะนุถนอมคนหนึ่ง
เมื่อมองจวงเมิ่งเตี๋ยที่เพิ่งเสนอราคา 4 ล้านหยวนโดยที่สีหน้าของเธอไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยสักนิดทำให้ชายหนุ่มหลายคนภายในงานถึงกับต้องก้มหน้าลงอย่างยอมแพ้
เพราะพวกเขาสู้ไม่ได้แม้กระทั่งหญิงสาวคนหนึ่ง
แต่ทว่าเพียงไม่นานสายตาของทุกคนต่างรวมไปที่ตัวหลินเยว่เพียงจุดเดียวพวกเขามองหลินเยว่อย่างคาดหวัง ้าให้เขาฮึดสู้ขึ้นหน่อย เพราะตอนนี้เขาเป็ตัวแทนฝ่ายชายในการต่อสู้ครั้งนี้
เมื่อจวงเมิ่งเตี๋ยเสนอราคาเสร็จเธอจึงอดไม่ได้ที่จะหันไปมองหลินเยว่ด้วยสายตาท้าทาย สายตาของเธอราวกับพูดว่า“นายน่ะไม่ได้เื่!”
หลินเยว่เห็นเช่นนี้ คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นทันที
4 ล้านหยวน?
เธอมีเงินแค่ 3 ล้านหยวนไม่ใช่หรอ?แล้วทำไมตอนนี้ถึงมีเพิ่มขึ้นมาอีก 1 ล้านหยวนล่ะ?
ถ้ามีเงินอยู่ 4 ล้านหยวนอยู่แล้วแล้วเมื่อตะกี๊ตอนที่ประมูลหยกหงส์ัคู่นั้น ทำไมเธอถึงไม่ได้เสนอราคาต่อล่ะ?หรือว่าเธอจะไม่ชอบ?
หลินเยว่กำลังสงสัยกับการคาดการณ์ของตนเองจวงเมิ่งเตี๋ยมีเงินเพียง 3 ล้านหยวนจริงๆแต่ทำไมข้อมูลหลายๆ อย่างถึงได้ขัดแย้งกัน เขาจึงรู้สึกข้องใจยิ่งนักคิ้วของเขาจึงขมวดเป็ร่องลึกยิ่งกว่าเดิม
ขณะที่หลินเยว่กำลังขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่นั้นผู้คนรอบๆ ตัวต่างฮือฮาออกมาทันที
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
หรือว่าไม่คิดจะเสนอราคาสู้อีกแล้ว?
หากไม่ได้เป็เพราะนั่งค่อนข้างไกลจากหลินเยว่พวกเขาอาจจะรีบเข้าไปเตือนถึงตัวของหลินเยว่ บอกเขาว่าเลิกคิดได้แล้วรีบเสนอราคาเถอะ แต่เนื่องจากภายในงานประมูลไม่สามารถลุกขึ้นเดินได้อย่างอิสระดังนั้น พวกเขาจึงได้แต่นั่งร้อนใจอยู่กับที่
* ชิ่ง (磬) เป็เครื่องดนตรีโบราณประเภทตีของจีนทำจากหินหรือหยก มีลักษณะคล้ายไม้ฉาก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้