จุดเริ่มต้นของโครงการนิรวาน คือการค้นหาขีดจำกัดอันยิ่งใหญ่ของร่างกายมนุษย์ มีผู้เข้าร่วมโครงการจากทั่วทุกมุมโลก ใน่เวลานิรวาน พวกเขาจะไม่หยุดสำรวจจุดสูงสุดของตนเอง แม้ว่ามันจะไม่ได้แตะขีดจำกัดของมนุษย์โดยสมบูรณ์ แต่สิ่งที่ทุกคนต้องรู้ก็คือ… เครื่องจักรเป็ยาพิษอันใหญ่หลวงต่อวิวัฒนาการของมนุษย์
ระบบ Exoskeletons ก็เป็ยาพิษร้ายแรงเช่นกัน เมื่อความแข็งแกร่งของทหารมาจากมอเตอร์ ใครกันเล่าจะฝึกฝนกล้ามเนื้อ? เมื่อนักแม่นปืนชั้นเยี่ยมเกิดจากการคำนวณค่าทางคอมพิวเตอร์ ใครเล่าจะซ้อมยิงเป้าให้ลำบาก?
เมื่อภัยคุกคามจากความตายถูกปิดกั้นไว้ที่ด้านหลังชุดเกราะ ใครเล่าจะเข้าใจถึงความน่ากลัวของความตาย? ใครเล่าจะมีความเมตตาต่อสรรพสัตว์?
นักวิทยาศาสตร์คงจะลืมไปว่า สิ่งที่ทรงพลังที่สุดในสนามรบหาใช่รถถังไม่ หาใช่เครื่องบินรบไม่ แต่เป็ร่างกายของมนุษย์ต่างหาก ประสบการณ์และทักษะที่ได้รับผ่านเื ผ่านเนื้อหนัง เทคโนโลยีใดก็แล้วแต่ล้วนมีข้อบกพร่องร้ายแรง มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับทุกสภาวะแวดล้อมได้ อยู่รอดได้ และสู้ต่อไปได้
เครื่องจักรจะหยุดเมื่อมันพัง แต่มนุษย์ ต่อให้มือเท้าขาดก็ยังสู้ต่อ ขอเพียงเขาฝึกฝนตนเองให้มีความสงบนิ่งและทรงประสิทธิภาพดังเช่นเครื่องจักร
ระบบที่เรียกว่า Exoskeletons เสิ่นิเคยััมันั้แ่สมัยที่อยู่ในนิรวานแล้ว แต่สิ่งที่ทุกคนศึกษานั้นไม่ใช่ทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่ทำอย่างไรให้ยับยั้งมันได้
ในที่สุดทุกคนก็ยิ้มออกและบรรลุฉันทามติ นั่นคือระบบ Exoskeletons ในปัจจุบัน ไม่ว่าสินค้าจะผลิตขึ้นจากประเทศใดก็ตามแต่ ล้วนอยู่ใน่ที่น่าขบขัน ไม่ต้องพูดถึงว่าแบตเตอรี่ที่สะพายอยู่ที่ด้านหลังซึ่งเป็เหมือนกับะเิเวลาสำหรับผู้สวมใส่อุปกรณ์ เสียงของมันเด่นชัดเกินไปในขณะที่เครื่องกลทำงาน เป็การเปิดเผยร่องรอยก่อนการโจมตี ในการต่อสู้ในระยะประชิด เมื่อฝ่ายตรงกันข้ามรู้จังหวะของ Exoskeletons แล้ว ก็ขอแสดงความยินดีด้วย ศัตรูเอาคุณถึงตายได้แน่ๆ
แน่นอนว่าเหล่านิรวานจะจัดอันดับศัตรูของเหล่านิรวานไว้ ด้วยวิธีนี้จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับชาวนิรวานได้
วิธีที่เสิ่นิใช้จัดการกับนิคผู้พี่นั้นเรียบง่ายมาก ระหว่างที่ออกกำลังกายกับระบบ Exoskeletons X นั้นเหมือนกับการเต้นรำกับหุ่นไม้ ไม่จำเป็ต้องเคลื่อนไหวถึงสองครั้ง
“เมื่อครู่นี้นายทำอะไรน่ะ? ใช่มวยจีนหรือเปล่า?” เมาส์อุทาน
“ดูท่าว่านายจะดูละครทีวีมากเกินไปแล้วนะ...” เสิ่นิกุมท้องของตัวเอง ถึงจะมีเกราะป้องกัน แต่ฝีเท้าของนิคผู้พี่เมื่อครู่นี้ก็น่าสยดสยองเป็ที่สุด เสิ่นิรู้ว่าเขามีอาการเืคั่งภายใน นี่ยังไม่ถึงศึกสุดท้ายก็ได้รับความบอบช้ำไปทั่วร่างกายแล้ว นั่นไม่ใช่สัญญาณที่ดีเลย
เขาหันหลังไปยังทางที่เขาทิ้งอาวุธไว้บนพื้น ในขณะที่โน้มตัวลงและยื่นมือออกไปหยิบ ที่กำแพงก็เกิดเสียงกระแทกดังขึ้น ปัง นิคผู้น้องกวัดแกว่งดาบยาว 1.5 เมตร ร่ำไห้เดินมาตามทาง
เสิ่นิตีลังกาถอยห่างออกไป 3 เมตร ไม่ต้องพูดถึงปืน เขามีเวลาพอที่จะดึงดาบผู้บัญชาการออกมาจากแบตเตอรี่ด้านหลังของนิคผู้พี่เพียงเท่านั้น
“ห้ามแกรังแกพี่ชายฉัน! แกไม่ได้รับอนุญาตให้รังแกพี่ชายฉัน!” นิคผู้น้องเหมือนกับเด็กเอาแต่ใจ เขาโบกมีดเล่มใหญ่ในมือไม่เป็ท่า ตัดพื้นหั่นกำแพงไปทั่ว ไล่ตามมาอย่างคลุ้มคลั่ง
เสิ่นิหันหนี ไม่มีใครคิดว่าสัตว์ประหลาดที่คล้ายมนุษย์ตนนี้จะเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่ว หนึ่งก้าวของมันเท่ากับหนึ่งก้าวครึ่งของเสิ่นิ น้ำหนักเกือบ 150 กิโลกกรัมแต่กลับตามมาติดๆ
ฟันไปสะอื้นไป จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงแกรก ฝ่าเท้าที่ยาว 38 เิเของนิคผู้น้องเหยียบลงบนนิคผู้พี่ ชิ้นส่วนของเกราะถูกบดขยี้ ไม่ต้องบรรยายถึงเนื้อหนัง ชิ้นส่วนแตกกระจาย
ดีที่นิคผู้พี่หมดสติอยู่ ไม่ต้องรับรู้ถึงความเ็ปก็ตายไปทั้งอย่างนั้น
“พี่ชาย! พี่ชาย! ถูกไอ้ชั่วนั่นฆ่าตายไปแล้วเหรอ? พูดอะไรกับน้องหน่อย!” น้ำตาของนิคผู้น้องไหลรินดั่งสายฝน เขายกศีรษะของพี่ชายขึ้นจากพื้น
“พูดไปเรื่อย พี่ชายแกถูกแกเหยียบตาย เกี่ยวอะไรกับฉัน” เสิ่นิฉวยโอกาสนี้ตีห่างออกไป 6 เมตร เขารู้สึกปวดที่บริเวณช่องท้องจากการเคลื่อนไหวอย่างหนัก
“พี่ชาย วางใจเถอะ น้องจะแก้แค้นให้พี่เอง! น้องจะบีบหัวไอ้สารเลวนั่นให้เละเลย!” นิคผู้น้องตะเบ็งเสียงและทุบศีรษะของพี่ชายด้วยมือข้างเดียว เขาใช้ฝ่ามือที่ชุ่มเืยกมีดขึ้นมาอีกครั้งและไล่ตามไป
ทางเดินไม่เอื้อกับเสิ่นิ ร่างกายอันมโหฬารของนิคผู้น้อง พร้อมด้วยมีดอิโต้ เขาตวัดแขนเพียงครั้งเดียวก็สามารถเก็บได้ทุกซอกทุกมุม เขาต้องพักผ่อน ศึกครั้งนี้ยังอีกยาวไกล
เสิ่นิรีบถอยร่น อดทนต่อความเ็ปในช่องท้อง และเมื่อเขาเปิดบานประตูใหญ่ออกก็ราวกับ์ปรากฏสู่สายตา กลางสถานที่จัดงานขนาดใหญ่และหรูหรา เวทีมวยซึ่งมีกรงเหล็กตั้งอยู่นั้น รอบๆ กรงมีขอบเหล็กบัดกรีโลหะ เหมือนกับกรงขังสัตว์อันตรายในสวนสัตว์
“ทำเลดี” เสิ่นิเร่งฝีเท้าไปตามทางเดินและคิดที่จะขึ้นไปบนเวที
“คุณคิดจะทำอะไรน่ะ?” เมาส์ดูภาพแบบเรียลไทม์ผ่านกล้องวงจรปิด แต่เขาไม่เข้าใจเจตนาของเสิ่นิเลยสักนิด
“แน่นอนว่าสู้ในกรง!” เสิ่นิะโขึ้นไปบนเวทีก่อนแล้ว ภายใต้แสงไฟขนาดั์ เสิ่นิถอดอาวุธอันหนักอึ้งไว้ที่ข้างหนึ่ง เผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ เม็ดเหงื่อเปล่งประกายภายใต้สปอตไลต์ ราวกับว่าเขามีคริสตัลประดับอยู่ทั่วร่าง
สัตว์ประหลาดอย่างนิคผู้น้องก็เข้ามาร่วมวงด้วย เขาใช้มือบีบทำลายแม่กุญแจจนสลักบิดเบี้ยว เป็ไปไม่ได้แล้วที่จะหลบหนี
การยืนอยู่ใต้แสงไฟเท่านั้นที่จะทำให้เข้าใจได้ว่านิคผู้น้องนั้นน่าหวั่นเกรงมากเพียงใด ด้วยความสูง 2.3 เมตรแขนขาของนิคผู้น้องจึงยาวกว่ามนุษย์ทั่วไป หัวโล้นของเขามีขนาดมหึมา สวมหน้ากากเหล็กฮอกกี้ เขาดูเหมือนไม่มีคอ มีแต่ศีรษะที่ตั้งต่อจากไหล่กว้าง กล้ามเนื้ออันแข็งแกร่งถูกห่อหุ้มไว้ด้วยชั้นไขมันหนา มั่นใจได้ว่าความแข็งแกร่งของเขาไม่มีตก ทนทานต่อการถูกจู่โจม
พระเ้าเท่านั้นที่จะรู้ว่าพ่อแม่เลี้ยงดูพวกเขามาอย่างไร จึงสร้างสัตว์ประหลาดร่างั์เช่นนี้ขึ้นมาได้ มีดขนาดใหญ่หลายสิบกิโลกรัมโบกสะบัดอยู่ในมืออย่างง่ายดาย ราวกับการแกว่งพัด
เมื่อเทียบกับพี่ใหญ่แล้ว นิคผู้น้องทำให้เสิ่นิปวดหัวกว่ามาก เพราะนี่คือสัตว์ประหลาดที่สร้างจากเนื้อหนังโดยแท้จริง ไม่มีแบตเตอรี่ให้เสิ่นิจ้วงแทง
“คำพูดของแกเหมือนกับเด็กที่ยังไม่โต เอาอย่างนี้ไหม ถ้าแกไม่ทำร้ายฉัน ฉันก็จะไม่ทำร้ายแก” เสิ่นิห่วงว่านิคผู้น้องซึ่งเพิ่งจะเหยียบท้องของคนอื่นมาจะปอดแหก จึงลองใช้จินตนาการดู
“ฉันจะฆ่าแก ฉันจะล้างแค้นให้พี่ชาย!” นิคผู้น้องไม่ใช่เด็ก ไม่อย่างนั้นก็คงจะปัญญาอ่อน เห็นได้ชัดว่าเขายังมีชิ้นเนื้อของพี่ชายติดอยู่ที่เท้า แต่กลับจะคิดบัญชีเอากับศีรษะของเสิ่นิ รูม่านตาทั้งสองข้างภายใต้หน้ากากนั้นแสนโกรธแค้น กระทั่งเต็มไปด้วยเื เขาเกลียดเข้ากระแสเื
“ในเมื่อเป็อย่างนั้น ก็เข้ามาเลย!” เสิ่นิถือมีดไว้ด้วยมือเดียวก่อนจะเป็ฝ่ายพุ่งเข้าหา เมื่อนิคผู้น้องเห็นสิ่งผิดปกติหล่นมาจากฟากฟ้า ชั่วพริบตาเดียว เสิ่นิก็ฟาดกำปั้นลงไปที่ด้านหลังของเขา เวทีคอนกรีตถูกโค่นจนยุบตัวลง
เสิ่นิคว้ามีดและพลิกแพลงไปมาที่รอบแขนของนิคผู้น้อง เพียงแค่ 1 วินาที เขาได้สร้างาแไว้ทั้งหมด 8 แผล เืพุ่งออกจากชั้นไขมันใต้ิั ชายร่างั์กลับกลายเป็คนธรรมดาในทันใด
แต่นิคผู้น้องกลับไม่รู้สึกเ็ปเลยสักนิด เขาดึงดาบที่ปักอยู่ในแขนออกและต่อสู้อีกครั้ง! เสิ่นิถูกกดดันให้ถอยห่างออกไป 2 เมตร จนเกือบจะติดกับเหล็กแหลม
“หมอนี่ใช่คนหรือเปล่า? โดนสับแบบนั้น ยังไม่เป็ไรอะไรอีกเหรอ?” เมาส์ตกตะลึง เืไหลอาบทั้งแขนขวาของนิคผู้น้อง แต่มือที่จับมีดอยู่นั้นกลับไม่คลายออกเลยสักนิด
“ชั้นไขมันและกล้ามเนื้อหนาเกินไป ตัดเส้นเอ็นไม่ขาด ส่วนเื่ที่ไม่เจ็บเลย...น่าจะเป็เพราะความบกพร่องทางร่างกายั้แ่กำเนิดมั้ง?” เสิ่นิยกดาบขึ้นและสะบัดหยดเืไปบนเวที
“ตายซะ!” นิคผู้น้องคำรามพร้อมกับพุ่งตัวไป มีดในมือเคลื่อนไหวอย่างไร้กระบวนท่า เขาอาศัยความแข็งแกร่งและความว่องไวล้วนๆ
เสิ่นิดูผิดสังเกตไป เขายืนนิ่งไม่ขยับ ในขณะที่เมาส์คิดว่านี่คือการปิดฉากอันสง่างาม เสียงดัง ตึง ดาบของนิคผู้น้องถูกคานของกรงเหล็กสกัดกั้นไว้ ลอยเคว้งอยู่ที่เหนือศีรษะของเสิ่นิ
“ตาฉันแล้ว” เสิ่นิสะบัดดาบในมือ เขาแทงเข้าไปที่หน้าท้องของนิคผู้น้อง โดยที่ไม่รอให้นิคผู้น้องดึงดาบออก เสิ่นิก็เตะเข้าไปที่ใบมีดบนหน้าท้องของนิคผู้น้องอย่างเต็มแรง อาจจะไม่ทะลุถึงตับและลำไส้ของนิคผู้น้อง แต่เืที่ออกมาจากภายในคงพอที่จะทำให้สัตว์ประหลาดเฉกเช่นเขาสูญเสียพละกำลังไปได้บ้าง
การจู่โจมของเสิ่นิยังคงดำเนินต่อไป เขาพลิกตัวะโ เหยียบบนหลังมีดของนิคผู้น้อง ลอยตัวสูงขึ้นเกือบ 3 เมตร การเคลื่อนไหวภายใต้การควบคุมของกล้ามเนื้อ เขาเตะเข้าที่กลางใบหน้า หน้ากากเหล็กยุบเข้าไป เืพุ่งออกมาจากโพรงโดยรอบ ทั้งด้านหน้าและ้า
นิคผู้น้องเหมือนกับูเาที่ล้มตัวลงบนเวทีแห่งความรักและการสังหาร ชายร่างั์หายใจหืดหอบและติดขัด
และนั่นนับว่า สองพี่น้องนิคเป็อันสยบแทบเท้าเสิ่นิ ไม่สิ นิคผู้พี่นั้นสยบแทบเท้านิคผู้น้องต่างหาก...
“ไม่จริงมั้ง ผมจำโพรไฟล์คุณได้ คุณเป็ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการซุ่มยิงไม่ใช่หรือ? ทำไมตอนนี้ถึงกลายเป็ว่าการต่อสู้ในระยะประชิด ไม่มีใครเทียบคุณได้?” เมาส์กล่าวด้วยความสงสัย
“่เวลาในนิรวานนั้นช่างยาวนาน จะไม่ให้คนเขาสะสมแต้มทักษะอย่างอื่นกันบ้างเลยหรือไง?” เสิ่นิพูดพลางเปิดประตูด้วยดาบของนิคผู้น้อง ก่อนจะออกจากเวทีมวยใต้ดินไป