บนถนนสายใหญ่ที่เสียงดังอึกทึกครึกโครม สตรีนางหนึ่งจับหญิงผู้หนึ่งเอาไว้ และกล่าวด้วยสีหน้าร้อนใจเป็อย่างมาก "เห็นเด็กชายคนหนึ่งหรือไม่ อายุแค่ห้าปี สูงประมาณนี้..."
สตรีนางนั้นทำท่าทางเปรียบเทียบความสูง ั์ตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความร้อนรนและภาวนาวิงวอน
หญิงนางนั้นผลักนางออกไปอย่างหมดความอดทน พลางกล่าวว่า “ไม่เคยเห็น ไม่เคยเห็น อย่ามาขวางทาง”
นางยังคงหาต่อไป สอบถามผู้คนที่สัญจรผ่านไปมาครั้งแล้วครั้งเล่า คำตอบที่ได้ล้วนคือไม่เคยเห็น เช่นนี้จึงทำให้ใบหน้าเหลืองซีดนั้นยิ่งขาวซีดลงเรื่อยๆ บนใบหน้าซีดเผือดเต็มไปด้วยคราบน้ำตา
"เฉิงเอ๋อร์… เฉิงเอ๋อร์… เ้าอยู่ที่ใด? เ้าอย่าทำให้แม่กลัว..."
ชาวบ้านที่ผ่านไปมาต่างพากันพูดถึงนาง
“ช่างเป็มารดาที่ไม่เอาใจใส่จริงๆ บุตรชายหายไปก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ” มีคนหัวเราะเยาะแล้วกล่าวว่า “่หลายปีมานี้พวกลักขโมยเด็กยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าหากถูกพวกลักขโมยเด็กหมายตาเอาไว้แล้ว ก็อย่าได้หวังว่าจะสามารถตามกลับมาได้ ”
“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว นางกังวลใจมากแล้ว”
“กังวลแล้วจะมีประโยชน์อันใด? เด็กเล็กขนาดนี้จะพาเข้าเมืองมาทำสิ่งใดกัน? ดูจากลักษณะท่าทางของนางแล้วก็ไม่เหมือนกับคนมีเงิน คงไม่ใช่ว่าพาลูกเข้ามาเที่ยวเล่นหรอกกระมัง? หากไม่ใช่มาเที่ยวเล่น ไม่สู้ทิ้งเด็กให้อยู่ในบ้านให้ผู้าุโดูแลยังดีกว่า นั่นดีกว่านั่งรถสั่นโคลงเคลงตามเข้ามาในเมืองมากนัก! ”
“พอแล้ว เื่ของคนอื่น เ้าใส่ใจให้มากมายอะไรขนาดนั้น ไปกันได้แล้ว!”
สตรีนางนั้นหาไปตลอดทาง ทุกคนล้วนบอกว่าไม่เคยเห็นเด็กคนนั้น นางร้องไห้โฮ “เฉิงเอ๋อร์...”
“แม่เฉิงเอ๋อร์...” หญิงนางหนึ่งจากหมู่บ้านเดียวกันเห็นนางนั่งร้องห่มร้องไห้อยู่บนพื้น ดวงตาฉายประกายประหลาดใจ "เ้ามาทำอันใดอยู่ที่นี่เล่า? เฉิงเอ๋อร์บ้านเ้าเดินไปทั่วทุกสารทิศ เหตุใดเ้าถึงไม่ดูเขา?"
ครั้นสตรีที่นั่งอยู่บนพื้นได้ยิน เสียงร้องไห้ก็หยุดชะงักลงทันที นางปาดน้ำตาแล้วหยัดกายลุกขึ้น คว้าหญิงนางนั้นเอาไว้พลางกล่าวว่า “อาสะใภ้ ท่านเคยเห็นเฉิงเอ๋อร์ของข้าหรือ? ”
“เคยเห็นน่ะสิ! เมื่อครู่ต้าโก่วจื่อของหมู่บ้านพวกเราผ่านมาที่นี่ ยามปกติเฉิงเอ๋อร์ชอบเล่นกับเขาเป็ที่สุด ทันทีที่เห็นเขาก็วิ่งตามเขาไปแล้ว ตอนนี้เด็กทั้งสองคนไปที่ร้านของบ้านเ้าสามของพวกเ้าแล้ว"
"ร้านของบ้านสาม? ท่านอาสาม? พวกเขาเปิดร้านค้าที่นี่หรือ? " สตรีนางนั้นกล่าวด้วยความประหลาดใจ ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ว่านี่ไม่ใช่เื่ที่ควรสนใจ นางกล่าวขอบคุณหญิงนางนั้น จากนั้นจึงมุ่งไปยังทิศทางของเหลาอาหารสกุลหลิงตามการชี้แนะของหญิงผู้นั้น
เหลาอาหารสกุลหลิง
เป็ดังที่หลิงมู่เอ๋อร์คาดเดา ลูกค้าของวันนี้น้อยลงมาก มีลูกค้าไม่ถึงครึ่งหนึ่งของเมื่อวาน ทว่าราคาอาหารของวันนี้ปรับขึ้นแล้ว ดังนั้นกำไรก็คงไม่น้อย สิ่งที่นางต้องทำในตอนนี้คือทำให้ฐานลูกค้าในวันนี้มั่นคง ให้ลูกค้าเหล่านี้โหยหาอาหารของร้านพวกเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ด้วยวิธีนี้จะทำให้การค้าของพวกเขาสามารถดำเนินต่อไปได้
"ลูกค้าทุกท่าน ขอบคุณทุกท่านที่มาในวันนี้เ้าค่ะ แม้ว่าราคาของวันนี้จะกลับสู่ราคาปกติ แต่ว่าร้านอาหารสกุลหลิงของพวกเราก็ไม่ได้จิตใจคับแคบ ลูกค้าทุกท่านจะได้รับของกำนัลจากสกุลหลิงของพวกเรา" หลิงมู่เอ๋อร์หยิบขวดขนาดเล็กออกมาหนึ่งขวด ซึ่งภายในบรรจุเครื่องปรุงรสพิเศษหนึ่งอย่าง นั่นเป็เครื่องปรุงรสที่นางใช้ปลาและกุ้งตัวเล็กในมิติทำออกมา "นี่คือเครื่องปรุงรสของสกุลหลิงของพวกเรา ตอนที่พวกท่านทานบะหมี่ให้หยอดลงไปหนึ่งหยด บะหมี่ก็จะส่งกลิ่นหอมกรุ่น อย่าได้มองว่าแค่ขวดเล็กๆ หนึ่งขวดเท่านี้ แต่ราคาของมันมีอย่างน้อยสองตำลึงเงินเชียวนะเ้าคะ นี่คือสิ่งที่ทำขึ้นด้วยสูตรลับที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษตระกูลหลิงของพวกเรา และพวกข้าไม่กล้าที่จะมอบของสิ่งนี้ให้ในทุกๆ วัน ไม่เช่นนั้นเกรงว่าอีกไม่กี่วันพวกท่านอาจจะได้เห็นร้านของพวกข้าปิดกิจการไป ของกำนัลนี้มีเฉพาะวันนี้เพียงเท่านั้น ส่วนพรุ่งนี้… เื่ของวันพรุ่งนี้ผู้ใดจะบอกได้แน่ชัดว่าจะเป็อย่างไร พวกท่านว่าจริงหรือไม่เ้าคะ? "
“เถ้าแก่น้อย นี่เ้าจงใจยั่วความอยากอาหารของกระเพาะพวกข้านี่! เพื่อที่จะได้รู้ว่าวันพรุ่งนี้เ้าจะมีลูกไม้อันใดอีก พรุ่งนี้พวกข้าจะต้องมาที่นี่! ” มีคนเอ่ยเย้าแหย่
"ถูกต้องเ้าค่ะ ถึงอย่างไรสกุลหลิงของพวกเราก็ไม่ใช่คนตระหนี่ หลังจากนี้อาจจะมีของกำนัลทุกวันก็เป็ได้ เพียงแต่ว่าของกำนัลในแต่ละวันจะไม่เหมือนเดิม หรือบางทีของกำนัลอาจจะไม่ใช่ของที่มีราคาค่างวดมากนัก แต่สิ่งสำคัญคือน้ำใจของพวกเรา พวกเราหวังว่าทุกครั้งแขกจะรู้สึกเสมือนอยู่ที่บ้าน ดังนั้นจึงอยากแบ่งปันความสุขในการลิ้มรสชาติที่ดียิ่งขึ้นไปอีกให้กับพวกท่านเ้าค่ะ"
“เถ้าแก่น้อยช่างรู้จักพูดเกินไปแล้ว ด้วยความตั้งใจของเ้า ต่อไปพวกข้าก็จะมาที่นี่”
"ใช่ ใช่!"
ลูกค้าของวันนี้ไม่เยอะเท่าเมื่อวาน ภายในร้านค้าดูเป็ระเบียบเรียบร้อย หลิงมู่เอ๋อร์ก็ยังมีเวลาว่างได้ออกมาสูดอากาศ
ทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่าถ้าหากจะต้องอยู่แต่ในครัวทุกวัน เช่นนั้นก็จะไม่อาจทำสิ่งอื่นได้ หรือว่าชีวิตหลังจากนี้ของนางจะต้องอยู่แต่ในครัวอย่างนั้นหรือ? นี่ช่างเป็เื่ที่น่ากลัวยิ่ง ไม่ได้ นางไม่อยากใช้ชีวิตเช่นนี้ทุกวัน
รอให้่ยุ่งๆ ระยะนี้ผ่านไป นางจะต้องไปซื้อคนที่รู้วิธีทำอาหารสักสามคน จากนั้นส่งต่อสูตรลับของตนเองให้พวกเขา เช่นนี้นางก็สามารถเป็เ้าของร้านได้โดยไม่ต้องอยู่แต่ในร้านค้าทุกวัน
นางไม่อยากอยู่เฝ้าร้านนี้ไปตลอดชีวิต ความปรารถนาสูงสุดของนาง คือเป็แพทย์ออกรักษาไปทั่วใต้หล้า
"เฉิงเอ๋อร์..." หลิงต้าจื้อเห็นเด็กชายตัวเล็กยืนอยู่หน้าประตู จึงเดินออกมาด้วยความประหลาดใจ "เหตุใดเ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้? "
“ยังมีข้าขอรับ...” เด็กผู้ชายอีกคนยืนอยู่ด้านข้างๆ เด็กชายผู้นั้นอายุมากกว่าเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยโคลนเปรอะเปื้อน ราวกับว่าเพิ่งขึ้นมาจากการคลุกโคลน
หลิงต้าจื้อเห็นเด็กชายตัวเล็กมองตนเองอย่างหวาดกลัว พร้อมทั้งจับมือของเด็กผู้ชายอีกคนเอาไว้แน่น
"ต้าโก่วจื่อ เหตุใดเ้าถึงพาเฉิงเอ๋อร์วิ่งเล่นไปทั่วเล่า? " เฉิงเอ๋อร์ก็คือหลิงจื่อเฉิง ลูกชายของหลิงหลินน้องชายคนเล็กของเขา ปีนี้อายุได้ห้าขวบแล้ว
“ข้าไม่ได้พาเฉิงเอ๋อร์วิ่งเล่นขอรับ” ต้าโก่วจื่อสูดจมูก “ข้าหิวแล้ว ท่านแม่ข้าบอกให้ข้ารอนางที่ใต้ชายคาบ้าน แต่ว่ารออยู่นานมาก รอจนข้าหิวไปหมดแล้ว นางก็ยังไม่กลับมา ข้าได้กลิ่นหอมนี้จึงตามกลิ่นมา เฉิงเอ๋อร์อยากตามข้ามา ข้าก็ไม่ไม่มีทางเลือกขอรับ"
“ในเมื่อหิวแล้ว ลุงก็จะเลี้ยงอาหารพวกเ้าก็แล้วกัน!” หลิงต้าจื้อลูบศีรษะของหลิงจื่อเฉิง "ดีหรือไม่?"
หลิงจื่อเฉิงมองไปที่หลิงต้าจื้ออย่างระแวดระวัง และพยักหน้าเบาๆ
ท่านแม่บอกว่าห้ามกินสิ่งของของผู้อื่นอย่างส่งเดช แต่ว่าคนผู้นี้คือท่านลุงสามของเขา น่าจะไม่เป็อันใดกระมัง! นอกจากนี้แล้ว กลิ่นช่างหอมจริงๆ เขาอยากกินมากๆ
“ท่านลุง นี่คือร้านของบ้านพวกท่านหรือ?” ต้าโก่วจื่อเป็เด็กจากหมู่บ้าน ยามปกติก็ฉลาดซุกซนคล้ายกับลิง ตอนนี้ดวงตากลมโตคู่หนึ่งหมุนไปรอบๆ ดูแล้วฉลาดเฉียบแหลมเป็อย่างยิ่ง
เขารู้จักหลิงต้าจื้อ และรู้ว่าเขาไม่ใช่คนเลว ทันทีที่หลิงต้าจื้อเอ่ยปากเลี้ยงอาหารพวกเขา เขาก็จูงมือหลิงจื่อเฉิงเข้าไปในร้านอย่างไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย หาที่ว่างได้พบแล้วจึงนั่งลง
หลิงจื่อเฉิงเป็หลานชายแท้ๆ ของหลิงต้าจื้อ ปกติแล้วทั้งสองครอบครัวไปมาหาสู่กันน้อยมาก ทั้งหลิงจื่อเฉิงมักจะถูกขังไว้อยู่ในห้อง ดังนั้นเขาจึงขี้อายมากกว่าต้าโก่วจื่อ
ทว่า ท่านแม่เคยบอกไว้ว่า ครอบครัวของท่านลุงสามนั้นดีมาก ดีกว่าครอบครัวของท่านลุงรอง พวกเขาจะไม่รังแกตนเอง แต่ว่าในตอนนี้หลิงจื่อเฉิงแค่ขี้อายอยู่บ้างก็เท่านั้น
"เฉิงเอ๋อร์มาหรือ? " หยางซื่อเห็นหลิงจื่อเฉิง แล้วกล่าวอย่างดีใจ "อยากกินสิ่งใด ป้าสะใภ้สามจะตักให้เ้า"
"ข้า...ข้า..." ถึงอย่างไรหลิงจื่อเฉิงก็อายุเพียงห้าขวบเท่านั้น ตอนนี้สามารถถนั่งอยู่ที่นี่โดยไม่ถูกทำให้กลัวจนวิ่งหนีเตลิดไปก็ไม่เลวแล้ว ไหนเลยจะรู้ว่าอยากกินสิ่งใด?
“ข้ารู้...” ต้าโก่วจื่อยกแขนขึ้น “เขาอยากกินช่วนช่วนของร้านพวกท่าน กลิ่นหอมมากขอรับ! ”
เขาเห็นอยู่ที่หน้าประตูเมื่อครู่ พี่ใหญ่หน้าตาดีผู้นั้นกำลังขายช่วนช่วนอยู่ ในนั้นมีเนื้อชิ้นเล็กๆ มากมาย กลิ่นหอมเป็อย่างยิ่ง
เสียงกล่าวของต้าโก่วจื่อเพิ่งจะจบลง ก็เห็นจานหนึ่งใบใหญ่วางอยู่ตรงหน้า ภายในจานวางช่วนช่วนอยู่หลายสิบไม้
ต้าโก่วจื่อเงยหน้าขึ้นมอง เห็นชายร่างสูงใหญ่ผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงหน้า ชายผู้นั้นสูงกว่าท่านพ่อของเขา และใบหน้าไร้อารมณ์ ท่าทางดุร้ายยิ่งนัก เขาใกลัวจนตัวสั่น
ในขณะนั้นหยางซื่อได้ไปที่ห้องครัวเพื่อบอกกล่าวแก่หลิงมู่เอ๋อร์ หลิงมู่เอ๋อร์ได้ยินว่าหลิงจื่อเฉิงอยู่ที่นี่ และเด็กคนนี้เกิดจากหลานซื่อ และมีนิสัยตามแม่ของเขา
"ท่านแม่ ต้มเกี๊ยวให้พวกเขาสักหน่อยเถิดเ้าค่ะ! " หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวกับหยางซื่อ "พวกเขาชอบกินช่วนช่วน ก็ให้พวกเขากินตามที่อยากกิน อีกสักพักก็คงมาตามหากันเ้าค่ะ"
หยางซื่อรู้ว่ายามปกติหลานซื่อจะดูแลหลิงจื่อเฉิงอย่างใกล้ชิด แทบจะเป็นางที่ดูแลลูกด้วยตนเองทั้งหมด ไม่ยินยอมให้หวังซื่อยื่นมือเข้ามาแทรกในเื่ของหลิงจื่อเฉิงเลย หลานซื่อเป็คนที่มีจิตใจเป็ธรรมในบ้าน นางไม่ยอมให้บุตรของตนเองกลายเป็คนอย่างเช่นหวังซื่อ ด้วยเหตุนี้ ั้แ่เล็กจนใหญ่ หลิงจื่อเฉิงล้วนเป็หลานซื่อที่ดูแลจนเติบใหญ่ หลิงหลินเป็พ่อเพียงในนามเท่านั้น
หลิงมู่เอ๋อร์เห็นหลิงหลินทุบตีและเตะบุตรชายของตนเองด้วยตาของนาง คนผู้นั้นมีนิสัยอย่างเช่นมารดาของเขา ในท้องเต็มไปด้วยชายโฉดหญิงชั่ว น่ารังเกียจจริงๆ
คนทั้งหลายในบ้านหลังเก่า นอกจากครอบครัวของท่านลุงใหญ่ ก็เป็หลานซื่อและเฉิงเอ๋อร์ที่ยังนับว่าไม่ได้เลว นางมีความคิดที่จะช่วยครอบครัวของท่านลุงใหญ่ แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่ได้แยกบ้าน ครอบครัวท่านลุงใหญ่ยังอยู่ในการดูแลของหวังซื่อ ถึงแม้ว่านางจะให้ความช่วยเหลือ แต่ท้ายที่สุดเงินที่ท่านลุงใหญ่หามาได้ก็จะตกไปอยู่ในมือของหวังซื่อ ดังนั้น นางจึงหยุดความคิดนั้นทันที
"เสี่ยวเฉิงเอ๋อร์..." หลิงจื่ออวี้และหยางเสี่ยวหู่เดินออกมา และเห็นหลิงจื่อเฉิงนั่งอยู่ตรงนั้น ทั้งสองคนนั่งอยู่ตรงข้ามของหลิงจื่อเฉิง
ครั้นต้าโก่วจื่อเห็นหลิงจื่ออวี้ ั์ตาก็กลอกไปมา ยิ้มเผยฟันสีเหลืองออกมา ยื่นช่วนช่วนหนึ่งไม้ไปให้ "อวี้เอ๋อร์ ให้เ้ากิน"
หลิงจื่ออวี้ไม่เข้าใจความคิดของต้าโก่วจื่อ เขาจึงรับช่วนช่วนมาพลางกล่าว "ขอบคุณ เ้ากินเถิด! ถ้าข้าอยากกิน พี่สาวของข้าจะทำให้กินเอง"
“อิจฉาเ้าจริงๆ ตอนนี้สามารถกินอาหารอร่อยๆ ได้ทุกวัน” ต้าโก่วจื่อทอดถอนหายใจพลางเอ่ย “เมื่อก่อนแม้แต่ข้าวเ้าก็ไม่มีโอกาสที่จะกินเลยด้วยซ้ำ”
หลิงจื่ออวี้หน้าแดงด้วยความอาย เขามองไปที่หลิงจื่อเฉิง พลางกล่าวว่า "เสี่ยวเฉิงเอ๋อร์ เหตุใดเ้าถึงไม่กินเล่า? "
"ข้าอยากเก็บไว้ให้ท่านแม่ขอรับ... " หลิงจื่อเฉิงพูดอย่างอ่อนแรง
ในเวลานี้ เสียงกระวนกระวายดังเข้ามาจากด้านนอก "เฉิงเอ๋อร์..."
"ท่านแม่..." หลิงจื่อเฉิงหยัดกายลุกขึ้นทันที
หลานซื่อพบหลิงจื่อเฉิงแล้ว หลิงจื่อเฉิงนั่งอยู่ที่ด้านหน้าของโต๊ะ ด้านหน้ามีอาหารมากมายวางไว้ ในเวลานั้นน้ำตาของหลานซื่อก็ไม่อาจหยุดยั้งได้
นางสาวเท้าก้าวใหญ่วิ่งเข้ามา ตระกองกอดเขาเอาไว้ แล้วตีก้นของเขาอย่างแรง "เ้าเด็กตัวเหม็นคนนี้ เหตุใดถึงวิ่งเล่นทั่วได้แบบนี้กัน? ข้ากังวลเจียนจะตายแล้ว"
หลิงจื่อเฉิงถูกตี ก้นของเขาเจ็บมาก เขาทำปากยื่นอย่างน้อยใจ แต่กลับไม่ได้ร้องไห้ออกมา
หยางซื่อยกเกี๊ยวที่ต้มสุกแล้วเดินออกมา นางเห็นหลานซื่อ กล่าวว่า "น้องสะใภ้สี่ เด็กอยู่กับเราที่นี่ เ้าอย่าได้กังวล แล้วก็อย่าทำให้เด็กใกลัวเลย"
ครั้นหลานซื่อเห็นหยางซื่อ ก็กล่าวอย่างไม่สบายใจ "พี่สะใภ้สาม เ้าเด็กคนนี้วิ่งไปทั่ว ทำเอาข้าใจนตามหาไปทั่วถนน ข้ากลัวแทบตายแล้วเ้าค่ะ"
"เมื่อครู่พวกข้าได้ถามพวกเขาแล้ว ต้าโก่วจื่อกล่าวว่าเฉิงเอ๋อร์เดินตามเขามา ต้าโก่วจื่อเ้าเด็กคนนี้เฉลียวฉลาดมาก มีเขาอยู่ด้วยย่อมไม่เกิดเื่อย่างแน่นอน" หยางซื่อเหลือบมองต้าโก่วจื่อหนึ่งที “ภายหลังหากเ้าจะพาเสี่ยวเฉิงเอ๋อร์ไปเที่ยวเล่นที่อื่น จะต้องบอกกล่าวกับผู้ใหญ่เสียก่อน วันนี้ทำให้อาสะใภ้เ้าใกลัวจะแย่แล้วจริงๆ เ้าเด็กตัวเหม็น ยังไม่สำนึกผิดอีก? ”
ต้าโก่วจื่อกินช่วนช่วนไปพลางกล่าวไปพลาง "ขอรับขอรับ เป็ความผิดของข้าเอง อาสะใภ้ทุกท่าน พวกท่านอย่าได้ดุข้าเลยขอรับ"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้