อวิ๋นอี้รู้สึกร้อนรุ่มไปทั่วตัว นอกจากจะร้อนแล้ว นางยังรู้สึกไร้เรี่ยวแรง ความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคยจู่โจมนางครั้งแล้วครั้งเล่า หญิงสาวทำได้เพียงหอบหายใจแรงเอนตัวพิงอกของบุรุษผู้นั้น
ราวกับถูกไฟแผดเผา นางรู้สึกร้อนจนแทบละลาย
อวิ๋นอี้ร้องออกมาเบาๆ นางรู้สึกว่าบุรุษผู้นั้นแนบเข้ามาใกล้นาง จึงทำให้นางแข็งทื่อไปทั้งตัว
สติที่เหลืออยู่บอกนางว่า นางควรจะออกห่างเขา แต่นางกลับยื่นมือออกไปพยายามขอร้องเขา
"ร้อน...ช่วยข้าด้วย..."
ลู่จงเฉิงสีหน้าย่ำแย่ แม้ว่าเขาจะไม่เคยผ่านแม่น้ำลำธารมาก่อน [1] แต่ก็มองออกว่า อวิ๋นอี้เป็กระไรไป
ใบหน้าของเขาที่ไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ มาโดยตลอด เพลานี้กลับขมวดคิ้วลงอย่างที่ไม่เคยเป็
เหตุใดทุกครั้งที่เจอกับอวิ๋นอี้ นางถึงได้กำลังตกน้ำลุยไฟอยู่ตลอด นี่นางต้องเป็สตรีที่โชคร้ายเพียงใดกัน?
เพลานี้ทำการใดมิได้มาก ลู่จงเฉิงกลับมามีสติอีกครั้ง
เขาเหลือบมองไปรอบๆ ทางเส้นนี้เป็ทางเดียวที่จะไปท่าได้ อวิ๋นอี้เป็สตรีที่แต่งงานแล้ว กอดเขาอยู่เช่นนี้ หากถูกผู้คนพบเห็นเข้า ไม่รู้ว่าจะนำไปพูดมั่วเช่นไรบ้าง
ต้องออกไปจากที่นี่ก่อน!
ลู่จงเฉิงอุ้มอวิ๋นอี้ขึ้นและก้าวออกจากวังไปอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าไปยังกระโจมที่พักภายใต้ค่ำคืนที่มืดมิด
หลังจากที่เขาวางอวิ๋นอี้ลงบนเบาะ เขาก็หันหลังเดินออกไป แต่กลับถูกมือของนางจับเอาไว้
อวิ๋นอี้ที่แทบจะหมดสติไปนั้น รู้สึกอ่อนแรง นางพึมพำกระไรอยู่ในปาก ราวกับว่าััได้ถึงการมีอยู่ของเขา จู่ๆ นางก็ขยับเข้าไปเกี่ยวตัวเขาให้ล้มลง
"......"
ลู่จงเฉิงผลักนางออก มัดมือและเท้าของนางไว้ที่มุมด้วยเข็มขัดแล้วรีบจากไป
แม้ว่าเขาจะเ็า แต่เขาก็ยังเป็บุรุษธรรมดา
หลังจากก้าวออกจากกระโจมที่พักมา ลู่จงเฉิงถึงจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เขาหันกลับไปมอง ภายใต้แสงจันทร์เย็นเยียบ แววตาของเขามืดมนเรื่อยๆ
ลู่จงเฉิงรีบกลับไปที่งานเลี้ยง พอดีกับที่ฮ่องเต้อวี่ซวนกำลังจะออกไป ภายในงานเลี้ยงครื้นเครงยิ่งนัก เทศกาลล่าสัตว์สิ้นสุดลงแล้ว ทุกคนจึงดื่มกันอย่างเต็มที่ มีคนเมา มีคนพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน เขาเดินผ่านฝูงชนก็หาหรงซิวจนเจอ
ทว่าข้างกายหรงซิวกลับมีสตรีอ้อนแอ้นอยู่ผู้หนึ่ง
ลู่จงเฉิง จำได้ว่านี่คือซูเมี่ยวเออร์ ราชีนีข่าวคราวของราชวงศ์ต้าอวี่
ก่อนหน้านี้ที่เขาอยู่เจียงหนาน แม้ว่าจะมิได้ออกจากเรือน แต่ก็ได้ยินเื่เกี่ยวกับนางอยู่เสมอ เมื่อมาถึงเมืองหลวง ก็ยิ่งได้ยินเื่นางจนเอือม อย่างไรก็ตาม เขาปฏิบัติกับสตรีทุกคนเช่นเดียวกัน—
ไม่ว่าจะงดงามเพียงใด หรือมีพร์ที่โดดเด่นเพียงใด เขาก็ไม่สนใจ
ไม่สนใจการมีอยู่ของซูเมี่ยวเออร์ เขาจึงเดินตรงเข้าไป ยืนอยู่หน้าหรงซิว
ทันใดนั้น เงาที่ปกคลุมั้แ่หัวจรดเท้า คนสองคนก็มองมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย เมื่อเห็นชัดว่าเป็ลู่จงเฉิง ซูเมี่ยวเออร์ก็วางมือที่เอวและย่อลงทำความเคารพ "คารวะท่านมหาเสนาบดี!"
ลู่จงเฉิงไม่ค่อยให้ความสนใจสตรี ถึงแม้ว่าจะเป็ซูเมี่ยวเออร์ ราวกับว่ามองไม่เห็นนาง เขารีบพูดกับหรงซิวว่า “ฝ่าาสะดวกออกมาคุยกับข้าหรือไม่ขอรับ?”
“มีการใดก็พูดตรงนี้เถิด” หรงซิวหยุดพูด ยังคงไม่ลืมว่าบุรุษตรงหน้า เป็คนที่อวิ๋นอี้สนใจ เขาพูดเสริมว่า “อวิ๋นเออร์ยังไม่กลับมา ข้ากำลังรอนางอยู่"
ลู่จงเฉิงเลิกคิ้ว โน้มตัวไปข้างหน้า แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ได้ยินกันเพียงแค่สองคนเท่านั้น "เมื่อครู่ข้าเห็นว่านางถูกคน..."
ยังไม่ทันพูดจบ ก็ได้ยินเสียงดังปั้ง ทุกคนหันมามองอย่างตกตะลึง
หรงซิวตบโต๊ะ ยืนขึ้นด้วยใบหน้ามืดมน เขาไม่ลังเล รีบพูดทันที "พาข้าไป!"
บุรุษทั้งสองคนต่างเอวบางขายาว เดินทีราวกับทำให้เกิดลม เมื่อซูเมี่ยวเออร์เห็นเช่นนั้น ก็รีบเดินตามมา ร้องเรียกถาม "ท่านพี่ซิว จะไปแห่งใดเพคะ? ข้าจะไปด้วย!"
"หยุดอยู่ตรงนั้น!" หรงซิวพูดอย่างไม่แม้จะหันหลังกลับ "ซูเมี่ยวเออร์ ไม่ต้องตามข้ามา!"
ระหว่างทาง ลู่จงเฉิงเล่าเื่ที่เกิดขึ้นให้หรงซิวฟังคร่าวๆ
แม้ว่าเขาจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่เมื่อเขามาถึงอย่างเร่งรีบ ร้อนรนกับภาพที่เห็นตรงหน้า
บนเบาะนุ่ม มือและเท้าของนางถูกมัด และเสื้อผ้าที่นางสวมก่อนหน้านี้ก็กระจัดกระจายอยู่ใต้แสงสลัว ความงามของนางปรากฏออกมาทำให้ผู้คนคลั่งไคล้
หรงซิวแอบสบถ หันกลับไปมองทันที โล่งใจที่พบว่าลู่จงเฉิง มิได้ตามเข้ามา
เขาเดินเข้าไปหาอวิ๋นอี้ ค่อยๆ ย่องเข้าไป
เมื่อเข้าไปอยู่ข้างหน้านาง ก็ใจนเหงื่อท่วมหลัง
หรงซิวรู้ดีถึงความเปลี่ยนแปลงในร่างกายเขาแล้ว เขามิเคยรู้มาก่อนว่าสตรีที่อยู่กับเขามาสามปีจะทำให้เขาทิ้งเกราะ [2] ลงในสักวันหนึ่ง
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ และนั่งลงข้างนาง ร่างกายของเขากำลังเดือดดาล แต่หัวใจของเขากลับเ็าและมีสติ เขาพยายามจัดการมันอย่างรวดเร็ว
นางที่หมดสติไป ไม่รู้ว่าผู้ใดกำลังเข้ามา นางแค่รู้สึกถึงลมหายใจของเขาและส่งสายตาไปที่เขาอย่างไม่รู้ตัว
พระเ้า!
หรงซิวควบคุมตัวเองไม่ได้ เขาจึงก้มหน้าลงจูบนาง จูบนี้เป็เหมือนกับการจุดไฟในดินแดนรกร้าง มันควบคุมไม่ได้ ทั้งที่รู้ว่าไม่ได้ อย่างน้อยก็ไม่ควรจะเป็เพลานี้ แต่สตรีผู้นี้ ทันทีที่ได้ััก็แทบรอไม่ไหวที่จะได้กลืนกินเขา...
เขาผลักนางออกไปด้วยใบหน้าเ็า แล้วลุกขึ้นยืนอย่างเงียบๆ ข้างนาง
พูดจากก้นบึ้งของหัวใจของเขา เขาอยากจะทำกับนางเพลานี้เสียจริง ผู้ใดจะทนต่อการยั่วยวนอันร้อนแรงเช่นนี้ได้?
แต่เมื่อคิดถึงตอนที่นางตื่นขึ้นและพูดถึงเื่สัญญาระหว่างเราทั้งสองขึ้นมา หากนางว่าเขาผิดสัญญาแล้วจากไปเล่าจะทำเช่นไรเล่า?
ความคิดที่วนเวียนอยู่ค่อยๆ หายไป เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ฟื้นคืนสติจากความคิดของเขา ตัดสินใจช่วยนางด้วยวิธีอื่น
ไม่ทันที่เขาจะได้เคลื่อนไหว เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้ามาจากทั้งใกล้และไกลจากนอกกระโจมที่พัก
ไม่ใช่ผู้เดียว แต่มาเป็กลุ่ม
หรงซิวมีแววตาเยื่อกเย็น ใช้มือบั้งคออวิ๋นอี้ให้สลบไป
ผู้ที่มานำด้วยไทเฮา และตามด้วยซูเมี่ยวเออร์ ส่วนคนที่เหลือ้ามาสอดรู้เพียงเท่านั้น
หรงซิวเหลือบมองไปอย่างนิ่งๆ กล่าวทักทายไทเฮาว่า "ท่านย่า เพลาดึกเยี่ยงนี้แล้วมาเพื่อการใดขอรับ?"
“ก็เพราะนางคนนี้น่ะสิ!” ไทเฮาสีหน้าไม่ดี นางค้ำไม้เท้า แล้วสั่งให้สาวใช้คนหนึ่งเดินออกมาจากฝูงชนด้วยน้ำเสียงเ็า นางฟุบลงกับพื้นนั่งตัวสั่นเทา
ไทเฮาดุด้วยความรุนแรง “สั่นกระไร! บอกมาสิว่าเ้าไปเห็นอันใดมา!”
สาวใช้จะกล้าขัดขืนได้เช่นไร นางสะอื้นเสียงสั่น “ข้า...ข้า...เมื่อครู่ข้าไปเข้าห้องน้ำแล้วพบกับพระชายาเจ็ดกับบุรุษผู้หนึ่งโดยบังเอิญเพคะ...จากนั้นบุรุษผู้นั้นก็อุ้มนางขึ้น...ข้าไม่รู้ว่าไปแห่งใด!"
กลางคืนดึกดื่น บุรุษสตรีสองต่อสอง ทั้งยังมีการกระทำแนบชิด คำใบ้พวกนี้ชัดเจนนัก
ทุกคนมองหรงซิวด้วยสีหน้าที่แตกต่างกันไป
ต่างก็รู้ดีว่าคู่ของพวกเขามีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง เกิดเื่เช่นนี้ นี่มันเป็การสวมหมวกเขียวให้เขามิใช่หรือ?
หรงซิวหัวเราะในใจ แต่กลับเม้มริมฝีปากแน่น เขามองไปที่สาวใช้ ถามอย่างกดดัน "เ้าพูดเื่อันใด!"
"พระชายาเจ็ด...พบกับบุรุษ...ลับๆ" ภายใต้แรงกดดัน สาวใช้พูดอย่างตะกุกตะกักจนจบประโยค
“เ้าเห็นเองกับตาหรือ?”
“ข้าเห็นกับตาเพคะ” สาวใช้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง กัดฟันพูดว่า “เพลานั้นยังมีอีกหลายคนที่เห็นเช่นเดียวกันเพคะ”
หรงซิวเหวี่ยงแขนเสื้อขึ้นด้วยความโกรธ “พาข้าไปดู!”
เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้น นี่ถือว่ากำลังจะไปจับคนล่วงประเวณี ข่าวใหญ่เช่นนี้ พวกเขาย่อมต้องไปดูด้วย!
สาวใช้เดินอยู่ข้างหน้า หรงซิวเดินตามหลังจากนั้นก็ตามด้วยกลุ่มคน เดินออกไปข้างนอกอย่างอึกทึก
เมื่อเข้าไปในวังแล้ว พวกเขาก็มาถึงหน้าห้องหนึ่ง สาวใช้ก็หยุดชี้ไปที่ประตู “เพลานั้นข้าเห็นพวกเขาเข้ามาในนี้”
หรงซิวมาข้างหน้าด้วยใบหน้าครึ้ม ทันทีที่เดินเข้ามา เขาก็ได้ยินเสียงหอบของบุรุษสตรี
ไทเฮาทนไม่ไหว สั่งให้คนมาเปิดประตู!
ซูเมี่ยวเออร์ที่อยู่ข้างๆ ก็เอามือปิดปาก สีหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ “คงจะมิใช่พระชายาเจ็ดหรอกเพคะ...พระชายาเจ็ดจะทำเยี่ยงนี้ได้อย่างไรกัน? นางรู้ทั้งรู้ว่าท่านพี่ซิวเป็ห่วงนาง...เพียงไร!”
ขณะพูด ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที นางก็น้ำตาไหลออกมาอีก
ผู้คนมากมายนับว่าซูเมี่ยวเออร์แสดงเก่งสุด ไม่มีผู้ใดตอบนาง นางจึงปาดน้ำตาแล้วพูดต่อ "ท่านพี่ซิวน่าสงสารนัก..."
พร้อมกันกับเสียงสะอื้น เสียงผลักประตูอย่างแรงก็หยุดลง
หรงซิวอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว คนอื่นๆ ก็เดินตาม ซูเมี่ยวเออร์ค่อยๆ ดึงผ้าเช็ดหน้าออก มีรอยยิ้มวาดขึ้นที่มุมปากของนาง
นางไม่เชื่อว่าจะมีบุรุษผู้ใดเห็นสตรีของตนทำเื่เช่นนี้แล้ว จะยังทนไหว?
แต่เมื่อเข้าไปถึงห้อง ซูเมี่ยวเออร์ก็ต้องอึ้ง
เห็นเพียงสตรีบุรุษคู่หนึ่ง บุรุษคือทหารที่นางซื้อไว้ ส่วนสตรี... เป็สาวใช้ข้างกายของนางเอง
เป็ไปได้อย่างไร?
ไม่ใช่อวิ๋นอี้หรอกหรือ?
สาวใช้บอกนางอย่างชัดเจนว่าเื่สำเร็จแล้ว เพลานี้กลับเป็เื่บ้าบอเช่นนี้ไปได้อย่างไรกัน!
เกิดอันใดขึ้นกันแน่!
ซูเมี่ยวเออร์โกรธจะตายแล้ว เมื่อครู่นางยังพูดคำพูดโง่เขลาเ่าั้ออกไปอีก คิดว่าแสดงได้อย่างชาญฉลาดแล้ว กลับกลายเป็ที่ตรงนี้ไม่มีเงินสามร้อยตำลึง [3] มิใช่หรือ?
นางมองไปที่หรงซิวอย่างตื่นตระหนก เห็นเขายิ้ม ถามสาวใช้ว่า “สร้างข่าวลือเื่เ้านาย ควรจะรับโทษอันใด?”
“ข้ามิได้สร้างข่าวลือนะเพคะ! ข้าก็ไม่รู้เช่นกันว่าเหตุใดจึงเป็เช่นนี้ไปได้!” สาวใช้จะทนคำถามนี้ของหรงซิวได้เช่นไร ขาทั้งสองข้างอ่อนแรงลงจนควบคุมไม่ได้ ล้มลงกับพื้น
หรงซิวถีบนางเข้าที่ท้อง สาวใช้ก็ปลิวไปจนสุดทาง กระแทกลงกับพื้น กระอักเืออกมาเต็มปาก
มิมีผู้ใดเอ่ยปากอีก ทุกคนเงียบ ซูเมี่ยวเออร์ที่แผนการล้มเหลว ก็ใกลัวยิ่งขึ้นในเพลานี้จนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมอง
ไทเฮาก็หน้าแตกไปตามกัน นางกระแอมเบาๆ เตรียมที่จะพูด
ไม่คิดว่าหรงซิวจะแย่งพูดก่อน "เื่นี้ยังไม่จบ"
หรงซิวเดินเข้าไปคว้าไหล่ของทหารแล้วโยนเขาลงไปที่พื้นทันที
ทันใดนั้น แรงกดดันอันเย็นะเืก็ปรากฏขึ้น ดาบยาวถูกดึงออกจากฝัก หรงซิวก็ฟาดเข้าที่เอวของเขา บุรุษผู้นั้นตัวสั่น เมื่อเห็นเื เขาก็มีสติกลับมาทันที
เมื่อรู้ว่าตัวเองอยู่ที่ใด ยามหันไปมองผู้คนรอบๆ ก็แทบจะหมดสติไป
หรงซิวไม่ได้ให้โอกาส ชี้ดาบไปที่ลูกกระเดือกของเขา "พูดมา ผู้ใดวางยาเ้า ผู้ใดให้เ้ามาที่นี่ แผนเดิมคืออันใด?"
ทหารมีสติดี พูดปัดว่าไม่มีแผนใด เขากับสาวใช้รักกัน
อย่างไรเสียก็ดี การแอบรักกับสาวใช้เป็เพียงความผิดเล็กๆ น้อยๆ แต่หากมีความคิดจะสร้างมลทินให้พระชายา โทษใหญ่ถึงกับต้องโดนตัดหัว
“ไม่เห็นโลงศพไม่หลังน้ำตา” หรงซิวพูดอย่างเ็า เขาหันหลังให้ฝูงชน และยกดาบขึ้น ได้ยินเพียงเสียงร้องครวญดังไม่ทันไรทหารผู้นั้นก็ล้มลงกับพื้น เืกระเด็นออกไปถึงสามฉื่อ [4]
เชิงอรรถ
[1] ผ่านน้ำผ่านลำธาร 经历过江湖 หมายถึง มีประสบการณ์ด้านนั้นๆ
[2] ทิ้งเกราะ 丢盔弃甲 หมายถึง แพ้ราบคาบ ยอมสิ้นทุกสิ่ง
[3] ที่ตรงนี้ไม่มีเงินสามร้อยตำลึง 此地无银三百两 หมายถึง สิ่งที่อยากปกปิดซ่อนเร้น แต่กลับกลายเป็เปิดเผยให้โลกรู้
[4] ฉื่อ 尺 หมายถึงหน่วยวัดความยาวของจีน 1ฉื่อ มีความยาว 33.33เิเ