ทุกๆคนต่างพยายามอย่างหนักที่จะปีนขึ้นด้วยกำลังทั้งหมดของพวกเขา ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถขึ้นสู่ศิษย์สามสิบอันดับแรกได้ พวกเขาไม่้าให้ตัวเองต้องอับอายขายหน้า โดยเฉพาะตอนนี้ที่บรรดาศิษย์จากสี่นิกายใหญ่อยู่ที่นี่ ไม่มีผู้ใด้าเป็ภาระในการแข่งขันระหว่างนิกายเช่นนี้ การที่พ่ายแพ้แก่ศิษย์จากนิกายเดียวกันนั้นไม่ได้เป็เื่ที่น่าอับอายหากได้แพ้แก่ผู้ที่ไม่ได้มาจากนิกายเดียวกัน ตอนนั้นคือสิ่งที่น่าอับอาย
"ฮ่าฮ่า เ้าพวกนิกายเทียนเจี้ยนนี่มันสวะจริงๆ ดูสีหน้าที่น่าสมเพชของเ้าสิ! ข้าแน่ใจว่าพวกเ้าจะได้ที่โหล่อย่างแน่นอน!"
ศิษย์จากนิกายเซวียนอี้ได้หันมาบอกแก่ศิษย์นิกายเทียนเจี้ยนที่อยู่ด้านหลังเขา ขณะที่หัวเราะออกมาเสียงดัง ทั้งเย้ยหยันทั้งหัวเราะเยาะ
"หุบปากซะ! พวกเ้านิกายเซวียนอี้นั่นแหละสวะ! ผู้ที่จะได้อันดับหนึ่งในปีนี้จะต้องเป็ศิษย์พี่หลี่หวู่ซวงอย่างแน่นอน าาปีศาจน้อยอะไรนั่นไม่มีทางที่จะเอาชนะเขาได้หรอก! คอยดูแล้วกัน!"
ศิษย์นิกายเทียนเจี้ยนไม่ยอมน้อยหน้า ได้สวนกลับไปทันที
"ไสหัวไปซะ เ้าพวกขยะจากนิกายอัคคีผลาญฟ้า เลิกชนข้าซะที!"
"หลีกมารดาเ้าสิ! เ้าพวกนิกายเซวียนอี้หลบไปซะ! หากเ้ากล้าเบียดมาอีก ข้าจะฆ่าเ้า!"
"ฮี่ๆ ศิษย์น้องจากหุบเขาสุขสันต์จ๋า ไว้พวกเรามามีปฎิสัมพันธ์กันหลังจากนี้นะ!"
เส้นทางสู่์นั้นตกสู่ความยุ่งเหยิง คนจำนวนมากเป็เพียงแค่ก้อนหินไว้สำหรับเหยียบข้ามไป ทั้งผลักทั้งกระแทกกันและกัน พวกเขาทั้งหมดต่างกัดฟันแน่น หากไม่ใช่เพราะว่าการต่อสู้นั้นได้ถูกห้ามไว้บนเส้นทางสู่์ สถานที่แห่งนี้คงเป็สนามรบ
การแข่งขันนั้นไม่อนุญาตให้ใช้กำลังในการต่อสู้ ดังนั้นจึงมีศิษย์จำนวนมากที่ได้ยั่วยุผู้ที่อยู่ถัดจากพวกเขา และศิษย์หยาบช้าบางคนมีแม้กระทั่งต่อว่าถึงบรรพบุรุษของอีกฝ่ายโดยไม่สนถึงภาพลักษณ์ของนิกายตนเอง
สำหรับผู้ที่มีความสามารถอย่างแท้จริง พวกเขาทุกคนต่างปิดปากของตัวเองขณะที่พวกเขากำลังปีนขึ้นด้วยความพยายามทั้งหมดของพวกเขา ระยะห่างจากกลุ่มผู้นำอยู่กว้างมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อเวลาได้ผ่านไป นี่เป็ช่องว่างที่กว้างใหญ่ระหว่างผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้มนุษย์ที่แข็งแกร่งและคนอื่นๆ
ที่น่ากลัวที่สุดยังคงเป็าาปีศาจน้อย หลี่หวู่ซวงและอีกสองคน ทั้งสี่พุ่งตรงไปเหมือนจรวด พวกเขาได้ไปถึงหินขั้นที่ห้าสิบและยังคงพุ่งตรงไปโดยที่ไม่แสดงความอ่อนแอออกมา
เมื่อศิษย์ทั้งสี่ไปถึงบันไดหินขั้นที่ 60 อาการของพวกเขาได้เปลี่ยนไปและความเร็วของพวกเขาช้าลง แรงกดดันบนหินขั้นถัดไปเพิ่มขึ้นทวีคูณ แม้ว่าคนอย่างาาปีศาจน้อยยังไม่สามารถก้าวอย่างมั่นคงได้ภายใต้แรงกดดันของหนานเป่ยเฉาและอีกสามคน
ขณะนั้นชายหนุ่มชุดขาวได้ก้าวสู่เส้นทางสู่์ ท่าทีของเขาดูสงบนิ่งและด้วยเพียงก้าวเดียวของเขาเขาได้ไปถึงหินชั้นที่สาม และเขาพุ่งไปอีกสามก้าวเขาไปถึงขั้นที่สิบ เขาเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยดั่งนกนางแอ่นเพียงพริบตาเดียวเขาไปถึงขั้นที่ยี่สิบ หน้าของเขามีรอยยิ้มที่อบอุ่น มันเหมือนกับว่าแรงกดดันจากเส้นทางสู่์เป็เพียงแค่สายลมอันอ่อนโยน
"ดูนั่น! ชายหนุ่มคนนั้นเป็ใครกัน?! ความเร็วของเขาน่าเหลือเชื่อมาก!"
"มีคนนอกที่ไม่ได้มาจากนิกายใหญ่ทั้งสี่กล้าที่จะเข้าร่วมการแข่งด้วย! แต่ชายหนุ่มผู้นี้ดูเหมือนว่าเขาจะเป็คนที่มีความสามารถอยู่บ้างนะ.....ข้าสงสัยว่าเขาจะขึ้นไปได้สักกี่ขั้น?"
หลายคนได้ให้ความสนใจกับเจียงเฉิน โดยทั่วๆไปแล้วจะไม่มีผู้ใดที่อยู่ด้านล่างของเส้นทางสู่์ ดังนั้นการปรากฏตัวของเจียงเฉินจึงเห็นได้ชัดเจน
เหล่าผู้ที่เดิมพันกับหวงต้าต่างรอชมการแสดงความโง่ของเขาต่างตื่นตระหนก โดยเฉพาะผู้ที่คิดว่าเจียงเฉินไปได้เพียงแค่ขั้นที่สิบหรือยี่สิบ พวกเขาเริ่มสงสัยในการตัดสินใจของพวกเขาเมื่อเห็นเจียงเฉินได้แสดงออกอย่างโดดเด่นเช่นนี้
"ข้าไม่เคยคาดว่าเ้าเด็กนั่นจะมีความสามารถอยู่บ้าง.....มันดูเหมือนว่าเขาไม่ได้โม้"
"ในยี่สิบขั้นแรกราวกับไม่มีแรงกดดันใดๆต่อเขา มันดูพอใช้ได้สำหรับเขานะ....ข้าคาดว่าเขาจะหยุดที่ขั้นที่สี่สิบ!"
เมื่อคำพูดได้ออกมาจากปาก เจียงเฉินะโขึ้นอย่างใจเย็นสู่อากาศขึ้นไปอีกสิบขั้นไปถึงขั้นที่สามสิบ ที่จุดนั้น ศิษย์จำนวนมากจากนิกายใหญ่ทั้งสี่ที่กำลังปีนด้วยทั้งมือทั้งเท้า อย่างไรก็ตาม เจียงเฉินยังสามารถยืนอยู่ได้อย่างเฉยเมยด้วยแขนข้างหนึ่งอยู่ด้านหลังเขา ใบหน้าของเขาไม่แสดงออกถึงความตึงเครียดใดๆ
"บัดซบ!"
ผู้ที่พูดว่าเจียงเฉินสามารถไปหยุดขั้นที่สี่สิบ แทบกระอักเืออกมา หลายๆคนที่ได้พนันกับหวงต้า ทันใดนั้นหัวใจของพวกเขาได้เต้นถี่ขึ้น
ตึก!
เจียงเฉินเริ่มเดินอีกครั้ง เขาได้ไปถึงขั้นที่สามสิบห้า และความเร็วขอเขารวดเร็วอย่างมากดั่งพยัคฆ์กำลังล่าเหยื่อ
"บัดซบ! เ้าหมอนั่นเป็ใครกัน? เขารวดเร็วเช่นนั้นได้อย่างไร?"
"ชายผู้นี้มาจากที่ใดกัน? เขามานี่เพื่อเอาชนะพวกเราทั้งหมด? เขาไม่ได้มาจากนิกายใหญ่ทั้งสี่ และข้าไม่เคยพบเขามาก่อนด้วย"
"คนนอกที่ไม่ใช่คนจากนิกายใหญ่ทั้งสี่ ข้าต้องรีบไล่ตามแล้วสิ พ่ายแพ้แก่คนนอกนี่มันน่าอับอายยิ่ง"
ทันทีที่เจียงเฉินได้ปรากฏตัวได้เกิดความวุ่นวายบนเส้นทางสู่์ มีหลายต่อหลายคนที่ต้องกัดฟันของพวกเขา ขณะที่ไล่ตามเขา น่าเศร้าที่ แรงกดดันนั้นรุนแรงมากและพวกเขาก็ถึงขีดจำกัดแล้ว พวกเขาทำได้เพียงแค่ดูด้วยตาตัวเองว่าเจียงเฉินได้ขึ้นไปก้าวเดียวรอบนี้
เจียงเฉินหันไปและยิ้มให้ผู้ที่อยู่ด้านหลังเขา หน้าของพวกเขาแข็งค้างในเวลาเดียวกัน
"มารดามันเถอะ! ศัตรูมักพบพานในหนทางที่คับแคบเสียจริง"
เจียงเฉิน้าจริงๆที่จะถีบหน้าคนส่งตัวเขาบินขึ้นไปที่เส้นทางสู่์
"เป็เ้า? เป็เ้าจริงๆงั้นรึ?"
ชายคนหนึ่งะโออกมาและชี้นิ้วไปที่เจียงเฉิน เขาได้สั่นไปทั้งตัว เขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากศิษย์จากนิกายเทียนเจี้ยนที่เจียงเฉินปล่อยไปทีู่เาต้นกำเนิด
เจียงเฉินไม่เคยคาดมาก่อนว่าเขาจะพบชายคนนี้ที่นี่ วันที่เขาได้อนุญาตให้ชายคนนี้หลบหนี พวกเขาได้ออกจากเขาต้นกำเนิดในเวลาเดียวกัน และแม้ว่าพวกเขาเสียเวลาที่เมืองหยินเยว่บ้าง แต่ความเร็วของเขาไม่ใช่สิ่งที่ชายคนนี้จะสามารถเทียบได้ เจียงเฉินได้มาถึงเมื่อวาน อย่างไรก็ตามชายคนนี้ถึงช้ากว่า ได้เข้าร่วมการแข่งขัน และมีแนวโน้มว่าจะมาถึงก่อนเขา นั่นทำให้เขาใจริงๆ
แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่อธิบายได้ไม่ยาก นิกายเทียนเจี้ยนมีสาขาอยู่ทั่วแคว้นฉี และศิษย์จากนิกายเทียนเจี้ยนไม่ว่าเขาจะไปยังที่แห่งใด เขาก็จะได้รับการสนับสนุน การสนับสนุนง่ายที่สุดคือสัตว์อสูรสายวิหคได้
"จางหลิน เ้ารู้จักชายผู้นี้ด้วยรึ?"
ศิษย์นิกายเทียนเจี้ยนอีกคนถาม
"ไม่เพียงแค่รู้จักชายคนนี้ ศิษย์พี่เหลียงตงและเฉินซวงต่างถูกเขาสังหาร! เขาและเ้าหมาเหลืองนั่นเป็สหายกัน"
ชายคนนี้มีนามว่าจางหลิน เมื่อเขาเห็นหน้าของเจียงเฉิน เขาได้บอกศิษย์คนอื่นทันทีเกี่ยวกับเขาขณะที่กัดฟันตัวเอง เขากว่าจะลืมความอับอายขณะที่ได้คุกเข่าและปัสสาวะรดกางเกงต่อหน้าเจียงเฉินในวันนั้นทีู่เาต้นกำเนิด
"อะไรนะ! เป็มันงั้นรึ?มันช่างกล้าจริงๆ มันกล้าดีอย่างไรมาเข้าร่วมการแข่งขันในวันนี้? วันนี้พวกเราจะสับมันให้เป็ชิ้นๆ"
สถานะของเจียงเฉินได้ถูกเปิดเผย ทำให้ดึงดูดสายตาเกลียดชังจากศิษย์นิกายเทียนเจี้ยนทันที
เฮ้อ.......
เจียงเฉินส่ายหัวของเขาและถอนหายใจออกมาในขณะที่คิดว่าวันนี้เป็วันที่แย่ แต่เขาไม่ได้เกรงกลัวใดๆ วันนี้แตกต่างกัน มันเป็การแข่งขันระหว่างนิกายใหญ่ทั้งสี่ ไม่ใช่สถานที่ที่นิกายเทียนเจี้ยนสามารถทำอะไรได้ตามใจชอบ
เจียงเฉินโชว์นิ้วกลางให้แก่เหล่าศิษย์นิกายเทียนเจี้ยนและหันกลับไปปีนต่อ
"มารดามันเถอะ! เ้าเด็กนี่กล้าดีอย่างไรมาเหยียดหยามพวกเรานิกายเทียนเจี้ยน?! ฆ่ามัน! พวกเราต้องฆ่ามัน!"
"มันช่างกล้าจริงๆ ไม่มีผู้ใดกล้าดูิ่นิกายเทียนเจี้ยนและสังหารศิษย์นิกายเทียนเจี้ยน?ไม่ว่ามันจะไปที่ใด มันก็เป็ทางตันสำหรับเขา"
"ฮ่าฮ่า นิกายเทียนเจี้ยนของพวกเ้าจบแล้วล่ะ! แม้ว่าไม่มีใครไปดูถูกเ้าก็ตาม!"
"ข้าเห็นด้วย ชายหนุ่มคนนี้ใช้ได้เลย! ข้าชักถูกใจเข้าแล้วสิ!"
เหล่าศิษย์จากนิกายเทียนเจี้ยนต่างเดือดดาล แต่ทว่าศิษย์จากนิกายเซวียนอี้ต่างหัวเราะปิติยินดีและเห็นว่าน่าพอใจมาก ศัตรูของศัตรูคือมิตรและเหล่าศิษย์จากนิกายเซวียนอี้ได้เห็นว่าเจียงเฉินเป็ที่ชื่นชอบในสายตาพวกเขา
ในขณะนั้น าาปีศาจน้อยและคนอื่นๆได้ก้าวถึงขั้นที่เจ็ดสิบ ที่จุดนั้นๆพวกเขามีเหงื่อท่วมทุกๆก้าวนั้นต้องใช้ความพยายามอย่างมากและใช้เวลามากแรงกดดันจากเหล่าอัจฉริยะแก่นแท้์ทั้งสี่ทำให้พวกเขาตัวสั่น
จริงอยู่ว่าศักยภาพและพร์ของพวกเขาไม่ด้อยกว่าทั้งสี่ที่อยู่้าสุด ยังสามารถที่จะไล่ตามทันได้สักวันหนึ่ง หรืออาจจะเหนือกว่าพวกเขา แต่ว่าตอนนี้การบ่มเพาะของพวกเขานั้นยังด้อยกว่า
ตึก...
าาปีศาจน้อยและหลี่หวู่ซวงได้ปีนขึ้นมาอีกขั้นในเวลาเดียวกัน แต่ในตอนนั้นฉิงจื่อและหลิงอ้าวทั้งคู่ช้ากว่า ความแตกต่างนี้ชัดเจนมาก
ฟิ้ววว ฟิ้วววว....
ในตอนนั้นเอง ทั้งสี่ต่างรู้สึกถึงสายลมพัดมาจากด้านหลังของพวกเขา ช่วยไม่ได้ที่พวกเขาจะหันหลังไปดู สิ่งที่พวกเขาเห็นคือชายหนุ่มในชุดสีขาวได้ตรงมายังพวกเขาด้วยความรวดเร็วดั่งสายลม ความเร็วของเขาสุดยอดมาก และดูเหมือนว่าเขาจะต้านทานแรงกดดันใดๆอีกด้วย
เพียงแค่พริบตาเดียว เจียงเฉินมาถึงตรงหน้าราชันย์ปีศาจน้อยฮันหยาน เขายิ้มและกุมมือต่อฮันหยาน
"พี่ฮัน ไม่ได้พบกันเสียนาน"
"น้องชาย เ้าช่างแข็งแกร่งนัก ข้าขอทราบนามเ้าได้ไหม?"
ฮันหยานถามอย่างกระหืดกระหอบ เมื่อเขาเห็นเจียงเฉินสงบ เขาได้รู้สึกด้อยกว่าครั้งแรก แม้ว่าเขาจะสังเกตเห็นถึงความโดดเด่นของเจียงเฉิน เขาไม่เคยคาดว่ามันจะเกินกว่าที่เขาได้จินตนาการเอาไว้ เมื่อเขาได้ช่วยเหลือเจียงเฉินในวันนั้น มันอยู่ใน่ที่ต้องรีบร้อนและเขาไม่ได้ถามนามของเจียงเฉิน ตอนนี้เท่านั้นที่เขาได้เห็นเจียงเฉินได้ไล่ตามจากด้านหลัง เขาได้ให้ความสนใจกับเจียงเฉินอย่างแท้จริงและถามถึงนามของเขา
"เจียงเฉิน"
เจียงเฉินเอามือวางบนบ่าของฮันหยานและพูด
"พี่ฮันเ้าค่อยๆปีนก็ได้ ข้าขอล่วงหน้าก่อน"
หลังจากพูดคำนี้ไป เจียงเฉินก็หมุนตัวกลับไปะโต่ออีกครั้ง แรงกดดันไม่ส่งผลใดๆต่อเขาเลย
"นี่ มันเป็ไปได้อย่างไร"
ดวงตาของหลี่หวู่ซวงเบิกกว้าง ใบหน้าของเขาแสดงว่าไม่อยากจะเชื่อเลย
"เ้าเด็กนั่นเป็ใครกันแน่? พลังหยวนของเขาเพียงแค่แก่นแท้มนุษย์ขั้นต้นเท่านั้นเอง เขาทนแรงกดดันนั่นได้อย่างไร"
"เขาไม่ได้เป็คนของนิกายใหญ่ทั้งสี่นี่ กลับเหนือกว่าพวกเรานี่ช่างน่าทึ่งนัก"
แม้กระทั่งฉิงจื่อกับหลิงอ้าวต่างมองไปยังเขา
"ฮึ่ม! หลี่หวู่ซวง รู้ไว้ซะว่าภายนอกมีคนแข็งแกร่งกว่าเ้าอยู่มากมาย เก็บใบหน้าอันหยิ่งผยองของเ้าซะ ถ้าไม่อยากทำให้ผู้คนเกลียดชังเ้า"
ฮันหยานแค่นเสียงเ็า บอกหลี่หวู่ซวงอย่างไม่ไว้หน้า
"ก็แค่ผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้มนุษย์ขั้นต้น ข้าไม่รู้ว่ามันใช้กลโกงอันใด ถ้าข้าเจอมันในการต่อสู้รอบสองละก็ ข้าสามารถบดขยี้มันให้เละด้วยนิ้วของข้า"
ใบหน้าของหลี่หวู่ซวงปกคลุมไปด้วยความหยิ่งผยองอีกครั้ง
"ปีนต่อไปสิ ถ้าเ้าเจ๋งจริงละก็นะ"
ฮันหยานยิ้มเยาะ เขาหันตัวกลับไปและไปต่อข้างหน้า เพียงแค่เห็นเจียงเฉินะโไปอย่างสบายๆถึงขั้นที่แปดสิบ เขารู้สึกว่าตัวเองตกต่ำและอยากเอาหัวของเขาโขกกับบันไดหินนี่ เขาอดที่จะพูดไม่ได้ว่า
"ไม่ธรรมดาทีเดียว!"
"ดูนั่น! เ้าคนใหม่นั่นเป็อันดับหนึ่งแล้ว! เขาไปได้สูงกว่าาาปีศาจน้อยและหลี่หวู่ซวง และเขายังปีนขึ้นไปด้วยความเร็วสูงอีก!"
"์ นี่มันเื่จริงหรือ?! ชายหนุ่มผู้นี้เป็ใครกัน? และเขารวดเร็วเช่นนี้ได้อย่างไร?"
"ม้ามืดอีกตัวได้ปรากฏขึ้นแล้ว! ระหว่างการแข่งขันภายใน ก็มีม้ามืดและข้าไม่เคยคาดคิดว่าจะเจออีกหนึ่งในวันนี้! เขาไม่แม้จะมาจากนิกายใหญ่ทั้งสี่อีกด้วย!"
หลายต่อหลายคนะโขึ้นด้วยความประหลาดใจ ทันใดนั้นเจียงเฉินได้เป็ศูนย์กลางของความสนใจ จะมีผู้ใดที่จะคิดว่าจะมีม้ามืดได้ปรากฎขึ้นที่การแข่งขันภายนอก? และม้ามืดตัวนี้ยอดเยี่ยมกว่าหนานเป่ยเฉา หนานเป่ยเฉาเป็อัจฉริยะจากนิกายใหญ่ทั้งสี่ แต่ชายหนุ่มตรงหน้าทุกๆคนไม่เคยพบที่ไหนมาก่อน
