ภายในบ้านที่สร้างหยาบๆอย่างเรียบง่ายในหมู่บ้านไป๋หยุนเฟยนั่งขัดสมาธิบนเตียงฟื้นฟูพลังิญญาที่ใช้ในการต่อสู้เมื่อครู่ ขณะเดียวกันก็ใคร่ครวญถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
เื่จัดการซากศพของพวกโจรมันมอบให้ชาวบ้านไปจัดการแล้ว ชาวบ้านหลายคนรวมทั้งผู้ใหญ่บ้านาเ็สาหัสแต่โชคดีที่ไม่มีใครถูกฆ่าตาย
ยามที่ชายหนุ่มชื่อเสี่ยวเฟิงรู้สึกตัวก็เห็นซากศพเกลื่อนกลาดรอบกาย หลังจากทราบว่าทั้งหมดล้วนถูกมันฆ่าตายก็อาเจียนไม่หยุดอยู่ชั่วน้ำเดือด แม้แต่ไป๋หยุนเฟยเมื่อเห็นซากศพที่ถูกมันกระหน่ำฟันจนเลอะเลือนยังลอบสยดสยองในใจ
แต่ชายหนุ่มไม่ได้สำนึกเสียใจที่ลงมือฆ่าพวกโจรไปแม้แต่น้อย หลังจากอาเจียนออกมามันยังคงมองซากศพเ่าั้อย่างเฉยเมย ไป๋หยุนเฟยจึงได้ทราบว่ามันเกลียดชังพวกโจรอย่างลึกล้ำสุดจะหยั่งได้
ชายหนุ่มนั้นนามหลี่เฉิงเฟิง เดิมทีมันอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านเล็กๆใกล้ภูไม้ดำ แต่ภายหลังถูกพวกโจรบุกเข้าปล้นชิง ฆ่าคนวางเพลิง มันถูกพวกโจรชั่วช้าจับแขวนเอาไว้และทำได้เพียงเบิ่งตาดูครอบครัวถูกฆ่าทีละคน น้องสาวมันถูกย่ำยีจนตาย พวกโจรกลับไม่ฆ่ามันแต่ปล่อยให้มีชีวิตอย่างทนทุกข์ทรมาน
ครึ่งปีก่อนมันเดินทางมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ หลังจากพบรักกับหลิงเอ๋อร์จึงค่อยๆหลุดพ้นจากเงาของความปวดร้าวและเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ดูเหมือนจะกระตุ้นความปวดร้าวของมันกำเริบขึ้น จนจมลึกสู่สภาพคลุ้มคลั่งด้วยความเกลียดชัง ถึงกับฆ่าพวกโจรที่ไป๋หยุนเฟยสยบไว้จนหมดสิ้น
หลังจากทราบเื่ราวเหล่านี้จากชาวบ้าน ไป๋หยุนเฟยก็ะเืใจไม่น้อยเช่นกัน ไม่แปลกที่แม้ยามนั้นชาวบ้านจะหวาดกลัวมันแต่ภายหลังก็ไม่ได้แสดงปฏิกิริยาต่อต้านอันใดต่อมัน พวกโจรชั่วเหล่านี้ล้วนไม่มีค่าพอให้เวทนา คนเช่นพวกมันไม่แยแสว่าฆ่าคนไปเท่าใด กี่ครอบครัวอันอบอุ่นที่ถูกทำลายในเงื้อมมือพวกมัน
เสียงเคาะประตูพลันดังขึ้นขัดจังหวะไป๋หยุนเฟย มันจึงเงยหน้าขึ้นกล่าว “เข้ามา”
หลังจากมองเห็นผู้มา ดวงตาไป๋หยุนเฟยทอประกายความรู้สึกยากบรรยายวูบหนึ่ง มันกล่าวอย่างเรียบเฉย “มาหาข้ามีธุระอันใด?”
ผู้มาอายุรุ่นราวคราวเดียวกับไป๋หยุนเฟย เส้นผมที่ยาวประบ่าของมันสมควรยาวสลวยแต่ยามนี้กลับยุ่งเหยิงอยู่บ้าง ใบหน้าคมคายของมันปรากฏร่องรอยความโศกเศร้าอย่างลึกซึ้งและดวงตาของมันยังซุกซ่อนความเกลียดชังเอาไว้ไม่เปลี่ยนแปลง เนื่องเพราะมันได้รับาเ็ใบหน้าจึงซีดเซียวไปเล็กน้อย --- จะเป็ใครหากไม่ใช่หลี่เฉิงเฟิง
หลังจากเข้ามาในห้องมันก็ยืนที่หน้าประตูกล่าวกับไป๋หยุนเฟย ”จอมยุทธ์ไป๋ โจรที่ท่านนำกลับมา มันฟื้นแล้ว พวกเราสอบปากคำได้ความว่าพวกมันมาจากค่ายไม้ดำบนภูไม้ดำ ยังมีพวกมันอีกยี่สิบสามสิบคนอยู่ที่ป่าละเมาะด้านตะวันตกของหมู่บ้าน หากพวกมันทราบเื่จะต้องบุกจู่โจมหมู่บ้านเราเป็แน่ ผู้ใหญ่บ้านให้ข้ามาถามท่านว่ามีหนทางใด...”
ไป๋หยุนเฟยนิ่งงันไป มันไม่ได้คาดคิดว่ายังมีพวกโจรหลงเหลืออีกทั้งยังมีมากกว่ายี่สิบคนด้วยซ้ำ
“พวกมันเข้มแข็งหรือไม่?” ไป๋หยุนเฟยถามหลังจากขบคิดชั่วครู่
“โจรนั้นกล่าวว่า หัวหน้าหอจงที่นำพวกมันมาเป็ผู้ฝึกปรือิญญาระดับปลายด่านนวกะิญญา...” กล่าวถึงตรงนี้หลี่เฉิงเฟิงดูเหมือนหวาดกลัวอยู่บ้าง
“เ้ารู้เื่ผู้ฝึกปรือิญญา?” ดูจากท่าทางของมัน เห็นได้ชัดว่ามันทราบความน่ากลัวของผู้ฝึกปรือิญญา
“ข้าทราบ... มันยังบอกอีกว่าหัวหน้าโจรแห่งค่ายไม้ดำเป็ผู้ฝึกปรือิญญาระดับกลางด่านวีรชนิญญา มีพลังมหาศาล สามารถยกกระถางเหล็ก บดศิลา แม้กระทั่งฉีกกระชากสัตว์ร้ายทั้งเป็ รองหัวหน้าค่ายอยู่ระดับปลายด่านปัจเจกิญญา และหัวหน้าหอทั้งสี่ภายใต้พวกมันล้วนแต่เป็ผู้ฝึกปรือิญญาเช่นกัน หัวหน้าหอจงที่อยู่นอกหมู่บ้านนั้นก็คือหนึ่งในพวกมันทั้งสี่” กล่าวถึงจุดนี้ดวงตาหลี่เฉิงเฟิงทอประกายความเกลียดชังอย่างล้ำลึก ”อีกทั้งหัวหน้าหอจงนั้นเป็หัวหน้ากลุ่มโจรที่บุกมาฆ่าล้างหมู่บ้านเดิมและทำลายครอบครัวของข้า!”
ไป๋หยุนเฟยครุ่นคิดหมกมุ่นอยู่บ้าง มันไม่คิดว่ากลุ่มโจรจะเข้มแข็งปานนี้ โชคดีที่มันไม่โง่พอจะบุกเข้าปะทะพวกโจรซึ่งหน้า ยามนี้แม้แต่กับการกำจัดโจรกลุ่มเล็กๆที่ลงจากภูมามันยังต้องละเอียดรอบคอบถึงที่สุด ไฉนผู้ฝึกปรือิญญาจึงแพร่หลายนัก?
อีกทั้งกระทั่งยังมีหัวหน้าหอระดับปลายด่านนวกะิญญาอยู่ไม่ไกลออกไป เมื่อเทียบกันแล้วหากสู้กันตัวต่อตัวไป๋หยุนเฟยยังไม่อาจเอาชัย และยังมีพวกโจรที่ประสบการณ์ต่อสู้โชกโชนอีก กระนั้นมันยังมีสิ่งของที่ผ่านการอัพเกรดอยู่ ดังนั้นใครจะได้ชัยยังต้องลองต่อสู้กันดู
“จอมยุทธ์ไป๋ ท่าน... ก็เป็ผู้ฝึกปรือิญญากระมัง? ท่านรับมือกลุ่มโจรที่นอกหมู่บ้านได้หรือไม่?” หลี่เฉิงเฟิงถามอย่างร้อนรน หลังจากเหตุการณ์แล้วทุกคนล้วนฝากชีวิตไว้กับชายหนุ่มลึกลับนี้ มันไม่อาจจินตนาการได้จริงๆว่าเมื่อกลุ่มโจรชั่วช้าสามานย์นี้บุกเข้าหมู่บ้านได้จะสยดสยองเพียงใด --- มันไม่อาจแบกรับการต้องสูญเสียคนที่รักได้อีกแล้ว
ไป๋หยุนเฟยเงยหน้าขึ้นมองแต่ก็ไม่ตอบคำถามมัน ดวงตามันเป็ประกายแวววาวราวกับตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว
“เ้า้าแก้แค้นด้วยมือตนเองหรือไม่? เ้า้าปกป้องคนสำคัญด้วยกำลังตนเองหรือไม่?”
“ว่ากระไร?” คำพูดเหล่านี้ไป๋หยุนเฟยกล่าวหลังจากเงียบงันเนิ่นนาน หลี่เฉิงเฟิงที่นิ่งงันพลันสั่นระริกไปทั้งร่าง มันถามด้วยท่าทีตื่นเต้นยินดี ประหลาดใจและคาดหวัง “ท่านบอกว่า...”
ไป๋หยุนเฟยพยักหน้ากล่าว”พลังิญญาของเ้าตื่นขึ้นแล้ว ข้าสามารถสอนวิธีฝึกปรือิญญาให้เ้ากลายเป็ผู้ฝึกปรือิญญาที่แท้จริง”
หลี่เฉิงเฟิงคุกเข่าโครมเบื้องหน้าไป๋หยุนเฟยเตรียมจะโขกศีรษะให้
กระนั้นเมื่อมันก้มตัวลงก็ต้องชะงัก เป็ไป๋หยุนเฟยรีบพุ่งมาหยุดยั้งการโขกศีรษะมันเอาไว้
“ข้าไม่ได้กล่าวว่าจะรับเ้าเป็ศิษย์ เ้าไม่จำเป็ต้องคำนับ ข้าไม่อาจรับได้ ข้าเพียงสอนวิธีฝึกปรือเพราะอาจต้องพึ่งพาพลังของเ้าในการต่อสู้ที่จะมาถึง อีกอย่าง... ข้าเข้าใจความรู้สึกเ้าดีดังนั้นจึงยื่นมือช่วยเหลือเล็กน้อยไม่ได้ลำบากกินแรงอันใด...”
ไป๋หยุนเฟยสะบัดข้อมือ ม้วนคัมภีร์สีเทาก็ปรากฏอยู่ในมือ มันส่งให้หลี่เฉิงเฟิงและกล่าว “ยามนี้เ้าััถึงพลังอันแปลกพิเศษในร่างได้กระมัง? นั่นคือพลังิญญา ถ่ายเทพลังิญญาเข้าสู่ม้วนคัมภีร์นี้แล้วเ้าจะสามารถเรียนรู้วิธีควบคุมิัและกล้ามเนื้อของด่านนวกะิญญา ม้วนคัมภีร์นี้ยังคงมีประโยชน์ต่อข้าอย่างยิ่ง ดังนั้นข้าไม่อาจมอบให้เ้าได้ ให้เ้านำมาคืนข้าในวันพรุ่งนี้”
เมื่อดูเห็นท่าทีของหลี่เฉิงเฟิงไป๋หยุนเฟยครุ่นคิดชั่วขณะจึงกล่าวต่อ “เ้าไปบอกชาวบ้านให้นำศพพวกโจรไปกองรวมกันหน้าหมู่บ้าน ข้าคิดว่า... อาจสามารถหยุดพวกมันไม่ให้บุกเข้ามาคืนนี้ได้ พรุ่งนี้หากเ้ามีความเข้าใจการใช้พลังิญญา พวกเราสองคนจะต่อสู้กับพวกมันร่วมกัน แต่หากมันบุกมาคืนนี้ข้าก็ไม่มีทางเลือกได้แต่สู้กับพวกมันสุดกำลัง...”
… … … …
ดวงจันทร์สุกสว่างแขวนอยู่กลางท้องฟ้าท่ามกลางหมู่ดาว ในป่าละเมาะกองไฟหลายกองทยอยมอดดับ หัวหน้าหอจงกล่าวด้วยท่าทีเคร่งขรึมขณะจับจ้องกองไฟเบื้องหน้า “ถังกุยยังไม่กลับมาอีก... หรือจะเกิดเหตุไม่คาดคิดใดขึ้น?”
พลันได้ยินเสียงฝีเท้าม้า นี่เป็ผู้ที่ถูกส่งไปสืบข่าวกลับมา หัวหน้าหอจงเงยหน้ามอง มันไม่รอให้ถูกถามก็กล่าวเสียงสั่นด้วยท่าทีหวาดกลัวอยู่บนหลังม้า “ตายแล้ว... พวกมันตายแล้ว! ถังกุยและเหล่าพี่น้องล้วนตายหมดแล้ว!”
คำพูดที่มันะโออกมาปลุกทุกคนตื่นขึ้นอย่างงุนงง พวกมันทยอยรุมล้อมเข้ามา คนผู้นั้นสูดลมหายใจและกล่าวต่อ “ศพของถังกุยกับพวกถูกกองสุมไว้หน้าหมู่บ้าน พวกมัน... พวกมันล้วนตายหมดแล้ว!”
บัดนี้ทุกคนจึงเข้าใจกระจ่าง พวกมันตื่นตระหนกแล้ว
“เ้าว่ากระไร? ทั้งสิบกว่าคนล้วนตายหมดแล้ว?”
“เ้าดูผิดหรือไม่? ถังกุยไม่ใช่คนอ่อนแอ คนทั่วไปล้วนไม่ใช่คู่มือของมัน!”
“เพียงหมู่บ้านเล็กๆ จะสามารถฆ่าพวกมันทั้งหมดได้อย่างไร?!”
“ทุกคนเตรียมอาวุธให้พร้อม! ไปชมดูหมู่บ้านนั้นกัน หากเป็จริงก็ฆ่าล้างพวกมันล้างแค้นให้ถังกุยและพี่น้อง!”
“อย่าตระหนก อาจมียอดฝีมืออยู่ที่นั่น...”
“… …”
“ล้วนหุบปากให้แก่ข้า!” หัวหน้าหอจงะโสั่งอย่างเดือดดาลเมื่อเห็นทุกผู้คนล้วนสับสนวุ่นวาย สีหน้ามันบึ้งตึงยิ่ง ทันทีที่มันะโป่าละเมาะก็ตกอยู่ในความเงียบงัน
หัวหน้าหอจงมองไปยังผู้ที่ถูกส่งไปสืบข่าวเมื่อครู่ “เ้าแน่ใจว่าเป็ศพพวกมัน? มีเหตุการณ์อันใดอีกหรือไม่?”
“เป็ศพพวกมันจริงๆ ข้า... ข้าเกรงจะเป็อันตรายจึงไม่ได้เข้าไปใกล้และไม่กล้าลงมือหุนหัน จึงรีบกลับมารายงานท่านหัวหน้าหอก่อน”
หลังจากฟังจบหัวหน้าหอจงก็ไม่กล่าวอันใด มันก้มศีรษะด้วยท่าทีครุ่นคิด “ผู้ที่สามารถฆ่าถังกุยกับพวกทั้งสิบสามคนได้ย่อมไม่ธรรมดา อาจบางที... จะเป็ผู้ฝึกปรือิญญา! เป้าหมายที่มันกองซากศพไว้คืออะไร? ยั่วยุพวกเราให้บุกจู่โจมจากนั้นซุ่มโจมตี? หรือบางทีขู่ขวัญพวกเราไม่ให้กระทำอันใดหุนหันพลันแล่น?”
ผ่านไปเนิ่นนานมันจึงเงยหน้าขึ้นกวาดตามองทุกผู้คนและกล่าว”พวกเราไม่คุ้นเคยกับที่นี่ ดังนั้นหากบุกจู่โจมยามค่ำคืนจะตกเป็ฝ่ายเสียเปรียบ คืนนี้พวกเราจะพักผ่อนออมแรง รุ่งเช้าพวกเราจะเข่นฆ่าเบิกทางเข้าหมู่บ้าน! พวกมันกล้ายั่วยุพวกเราค่ายไม้ดำ เราก็จะใช้เืล้างหมู่บ้านพวกมัน”
… … … …
เนื่องเพราะไป๋หยุนเฟยไม่ทราบว่าพวกโจรจะบุกเข้ามาเมื่อใด มันไม่กล้านอนหลับจึงนั่งฝึกปรือบนเตียงขณะเดียวกันก็เพ่งสมาธิไปยังสถานการณ์ด้านนอก สำหรับมันการไม่ได้นอนเพียงวันสองวันยังไม่ส่งผลกระทบมากนัก
ศัตรูเป็ถึงหัวหน้าหอระดับปลายด่านนวกะิญญาพร้อมด้วยสมุนโจรที่โเี้อีกยี่สิบกว่าคน หากมีเพียงไป๋หยุนเฟยย่อมไม่อาจต่อต้านพวกมันได้ หวังว่าด้วยเวลาหนึ่งคืนหลี่เฉิงเฟิงจะบรรลุหลักการใช้พลังิญญาและสามารถควบคุมิักล้ามเนื้อได้ เช่นนั้นแล้วฝั่งมันจะมีผู้ฝึกปรือิญญาถึงสองคน และหากร่วมมือกัน... พวกมันสมควรเอาชนะได้!
ขณะครุ่นคิดไป๋หยุนเฟยดึงมีดสั้นระดับ +9 ออกมาจากแหวนช่องมิติ “ข้าไม่อาจใช้พลังิญญามากเกินไป แต่หากข้ามีอาวุธที่มีผลกระทบเพิ่มเติมมากขึ้นสักชิ้น ย่อมเพิ่มโอกาสชนะอย่างใหญ่หลวง ลองอัพเกรดดูสักครั้งเถอะ”
“อัพเกรด”
“อัพเกรดสำเร็จ”
“ระดับไอเทม: ธรรมดา”
“ระดับการอัพเกรด: +10”
“พลังโจมตี: 22”
“พลังโจมตีเพิ่มเติม: 27”
“ผลกระทบเพิ่มเติมระดับ +10 : เมื่อจู่โจมมีโอกาส 2% ที่จะทำให้เป้าหมายเชื่องช้าลงเป็เวลา 10 วินาที
“สิ่งจำเป็ในการอัพเกรด: แต้มิญญา 12 แต้ม”
“สำเร็จ!” ไป๋หยุนเฟยยินดียิ่ง “ลดความเร็วลง... ผลเพิ่มเติมที่ร้ายกาจนัก”
“เช่นนั้น... มาเตรียมต้อนรับศึกแรกในชีวิตข้าเถอะ!”
… … … …
วันต่อมาเมื่อตะวันฉายแสงไป๋หยุนเฟยเรียกหาหลี่เฉิงเฟิง มันก็ฝึกปรือทั้งคืน ดูจากท่าทางคึกคักเข้มแข็งแสดงว่าการฝึกปรือของมันไปได้ดีไม่น้อย ไป๋หยุนเฟยเอยถาม “การฝึกปรือเป็อย่างไร?”
หลี่เฉิงเฟิงส่งม้วนคัมภีร์คืนอย่างนอบน้อมกล่าวว่า”ข้าจดจำเคล็ดวิชาฝึกปรือพลังิญญาและการควบคุมร่างกายเบื้องต้นไว้แล้ว หลังจากฝึกฝนทั้งคืนอาการาเ็บนร่างล้วนหายดี ข้ารวบรวมพลังในระดับต้นด่านนวกะิญญาและสามารถควบคุมิัและกล้ามเนื้อระดับพื้นฐานได้แล้ว”
จากนั้นมันเดินไปยังก้อนหินขนาดอ่างน้ำด้านข้าง ยกหมัดที่เบ่งพองขึ้นแล้วกระแทกลงอย่างหนักหน่วง ท่ามกลางเสียงแตกร้าว ก้อนหินถูกขยี้เป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อย มันหยิบเศษหินขนาดเท่าไข่ไก่ขึ้นมาบีบโดยแรง ฝุ่นผงมากมายก็ร่วงพรูลงสู่พื้น
ไป๋หยุนเฟยอัศจรรย์ใจอยู่บ้าง ชั่วข้ามคืนไม่เพียงแต่หายจากาเ็หลี่เฉิงเฟิงยังบรรลุการควบคุมร่างกายระดับพื้นฐานได้ นี่นับว่าเกินคาดนัก
“ไม่เลว ด้วยพลังในปัจจุบันพวกโจรทั่วไปล้วนไม่อาจต้านทานเ้าได้ แม้จะขาดประสบการณ์ต่อสู้จริง แต่ด้วยพลังกับความเร็วของเ้าและสิ่งที่ข้าจะมอบให้ เ้าสมควรจัดการพวกมันได้ไม่ยากเย็น
เมื่อคืนพวกมันไม่ได้บุกเข้ามา ดังนั้นหลังรุ่งสางพวกมันต้องบุกเข้ามาแน่ ยามนั้นพวกเรา...”
หลังจากอธิบายทุกอย่างโดยละเอียด ไป๋หยุนเฟยตบไหล่มันด้วยท่าทีเคร่งขรึม
“ความปลอดภัยของหมู่บ้านนี้ขึ้นอยู่กับการร่วมมือของพวกเรา”
“เช่นนั้นมาร่วมกันต่อสู้ให้สุดกำลังเถอะ”
