“เ้าพูดไร้สาระอะไร ข้าจะมีความลับอะไรได้” ใบหน้าของฟางซื่อแดงก่ำ พูดอย่างอ้ำอึ้งตะกุกตะกัก ใบหน้าของนางน่าเกลียดราวกับนรก “เ้าหยุดพูดจาเหลวไหล”
ซ่งซื่อยืนดูละครปาหี่อยู่ห่างๆ
สำหรับเื่ของวันนี้ นางสวมบทเฝ้าดูละครปาหี่ั้แ่เริ่มจนถึงตอนนี้
เ้ารองกำลังต่อสู้กับเ้าสาม นางไม่ช่วยใครเลย แต่จะยืนดูละครปาหี่อยู่ตรงนี้
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ มุมริมฝีปากของซ่งซื่อก็อดไม่ได้ที่จะกระดกเป็รอยโค้ง
วันนี้ฟางซื่อต้องไม่มีชีวิตที่ดีอย่างแน่นอน
ซ่งซื่อเห็นอย่างกระจ่างชัดว่า ในวันนี้ภรรยาของเ้าสามจะไม่ปล่อยใครอย่างแน่นอน นอกจากแม่หมอซาและฟางซื่อแล้ว คาดว่าภรรยาเ้าสามคงเห็นแก่ฉือหางย่อมไม่ทำอะไรโจวซื่อมากมาย
หลินกู๋หยู่หันศีรษะมองไปที่แม่หมอซาซึ่งคุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยความตื่นตระหนก พูดอย่างกังขา "ไหนบอกว่าเ้าให้เงินสิบตำลึงกับนางเพื่อใส่ความว่าข้าเป็จิ้งจอกไม่ใช่หรือ?"
"ถ้าเช่นนั้นใคร้าฆ่าใครกันแน่?” หลินกู๋หยู่เหลือบมองแม่หมอซาจากนั้นมองไปที่ฟางซื่อและพูดอย่างเคร่งขรึม "หรือพวกเ้าทั้งคู่้าฆ่าข้า?"
ตราบใดที่ถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม ไม่แน่ว่าในชีวิตนี้คนคนนั้นอาจถูกเรียกว่าฆาตกรทั้งชีวิต
ในชนบทที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายเช่นนี้ เป็เื่ปกติที่จะทะเลาะวิวาทกันระหว่างเพื่อนบ้าน แต่เมื่อเป็เื่ของการฆาตกรรมย่อมไม่ใช่เื่ง่ายเช่นนั้น
ด้วยคำพูดเบาหวิวสองสามคำของหลินกู๋หยู่ทำให้เืบนใบหน้าของแม่หมอซาค่อยๆ จางหายไป
แม่หมอซารีบหยิบเงินสิบตำลึงในแขนเสื้อออกมาอย่างร้อนรน วางลงบนพื้น "นี่คือเงินที่นางให้ข้า"
หลินกู๋หยู่มองไปที่แม่หมอซาด้วยรอยยิ้ม จากนั้นแววตาก็สบเข้ากับใบหน้าของฟางซื่อ
ใบหน้าของฟางซื่อย่ำแย่ ผู้ใหญ่บ้านจ้าวอดไม่ได้ที่จะพูดว่า "ทุกคนแยกย้าย เหตุการณ์ในวันนี้จบลงแล้ว อย่ามุง อย่ามุง!"
เมื่อได้ยินสิ่งที่ผู้ใหญ่บ้านจ้าวพูด คนฉลาดสองสามคนก็รีบช่วยขับไล่ทุกคนออกไป
ผู้ใหญ่บ้านจ้าวเดินเข้าไปหาหลินกู๋หยู่และพูดด้วยเสียงต่ำว่า "แม่ของโต้ซา ข้ารู้ว่าวันนี้เ้าเสียใจ แต่เื่ในวันนี้ก็จบลงแล้ว"
"จบลงแล้ว?” หลินกู๋หยู่เลิกคิ้วด้วยความไม่พอใจ มองไปที่ผู้ใหญ่บ้านจ้าวอย่างเ็า "แล้วขณะที่ข้าถูกมัดอยู่้า ทำไมเ้าไม่ปล่อยให้พวกเขาปล่อยตัวข้า"
ผู้คนในชนบท เพียงเพราะคำพูดสองสามคำของแม่หมอซา นางเกือบจะถูกไฟคลอกตาย
ตอนนี้นางยังไม่ได้เริ่มทำอะไรเลย ผู้ใหญ่บ้านจ้าวก็พูดเช่นนั้น
"นี่..." ผู้ใหญ่บ้านจ้าวขมวดคิ้วมากขึ้นเมื่อได้ยินหลินกู๋หยู่พูดเช่นนี้ คิดไตร่ตรองอยู่พักหนึ่ง "ตอนนี้เ้าถามอะไรได้ แม้ว่าเ้าจะถามได้ความ แล้วเ้าคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป?"
“พวกนางพยายามจะฆ่าคน” ดวงตาของหลินกู๋หยู่เป็สีแดง น้ำเสียงของนางฉายความไม่พอใจเล็กน้อย “อาชญากรรมประเภทนี้ แม้ว่าจะไม่ถึงแก่ชีวิต แต่อยู่ในคุกสักระยะเวลาหนึ่งย่อมได้"
หลินกู๋หยู่ยื่นโต้ซาให้ฉือหาง
ใบหน้าของโจวซื่อเปลี่ยนไปทันทีที่ได้ยินถ้อยคำของหลินกู๋หยู่
จะเป็อย่างไรหากขุนนางที่หลินกู๋หยู่พูดถึงนั้นมีอำนาจมากและปล่อยให้พวกนางเข้าไปในห้องขังโดยตรง
“สะใภ้สาม” แต่เดิมโจวซื่อไม่้าพูดคุยกับหลินกู๋หยู่ แต่ตอนนี้นางไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องพูด “ข้าไม่รู้เื่นี้จริงๆ ข้าก็ฟังจากลูกสะใภ้รองด้วยเช่นกัน”
โจวซื่อเป็คนเฉลียวฉลาด เมื่อนางทำผิด นางจะไม่ยอมรับผิดอย่างเด็ดขาด พร้อมทั้งแสดงจุดยืนของนางโดยอ้อม
เมื่อฟางซื่อได้ยินสิ่งที่โจวซื่อพูด เืบนใบหน้าของนางก็ค่อยๆ เหือดหายไป
“น้องสะใภ้สาม” เสียงของฟางซื่อสั่นเครือเล็กน้อย และเดินช้าๆ ไปหาหลินกู๋หยู่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพูดด้วยเสียงเบา “ข้าก็แค่พูดไปงั้น เ้าอย่าได้คิดจริงจัง"
“ในเมื่อเ้ายอมรับแล้ว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เ้าสมควรที่จะเข้าคุก” หลินกู๋หยู่พูดเสียงเรียบ และเหลือบมองผู้คนที่เหลือ “พี่สะใภ้รอง ข้าจะเข้าไปในเมืองตอนนี้ พี่สามารถเลือกที่จะอยู่บ้านรอคนเ่าั้ หรือเลือกที่จะไปที่นั่นกับข้าและมอบตัว”
“เ้าฝันไปเถอะ!” การแสดงออกบนใบหน้าของฟางซื่อน่าเกลียดไม่มีชิ้นดี ราวกับนางตัดสินใจตายเอาดาบหน้า ชี้ไปที่ปลายจมูกของหลินกู๋หยู่ก่นด่าว่า “เ้าเป็ตัวอะไร? ข้าจะฆ่าเ้าหรือ อย่างกับเป็เื่เล่นไปได้ แต่งตัวสวยทั้งวันก็เพราะคิดยั่วยวนคนในโรงหมอ..."
เมื่อเขาได้ยินคำท้าย ใบหน้าของฉือหางก็น่าเกลียดมาก
เพียะ!
หลินกู๋หยู่ดึงมือของตนเองออกอย่างช้าๆ อย่างเป็ธรรมชาติ "คนไร้ยางอาย เ้าคิดว่าคนอื่นจะเป็เหมือนเ้าหรือ?"
รอยนิ้วมือสีแดงประทับบนใบหน้าของฟางซื่อ ทั้งใบหน้าของนางก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็สีแดง
“เ้ากล้าตบข้า?” ฟางซื่อมองไปที่หลินกู๋หยู่ด้วยความไม่เชื่อ
เมื่อเห็นท่าทีของฟางซื่อ หลินกู๋หยู่ก็คิดว่าจะเป็การดีที่สุดที่ขังฟางซื่อในคุกสักหนึ่งปีหรือสองปี เพื่อที่นางจะได้มีชีวิตที่สงบสุข
้าขายโต้ซาให้กับแม่ค้ามนุษย์
ไม่พอยังทุบตีนางและขายให้แม่ค้าคนกลางค้ามนุษย์
ตอนนี้นางยังคง้าที่จะเผานางให้ตาย
ไม่ว่าจะข้อใด สิ่งที่ฟางซื่อทำนั้นเกินไปจริงๆ
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ หลินกู๋หยู่ก็ลดสายตาลงช้าๆ ดวงตาของนางเย็นลงกว่าเดิม นางหันหลังกลับเพื่อจากไป
ฟางซื่อเป็คนพูดจาคล่องแคล่วฝีปากเก่งแต่ไหนแต่ไร ค่อนข้างมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนบ้าน
ความปากจัดของนางเรียกได้ว่าขึ้นชื่อ หากใครไม่เห็นด้วยกับนาง ฟางซื่อจะพูดจนกว่าคนคนนั้นพูดไม่ออก
“ข้าจะทุบเ้าให้ตายเดี๋ยวนี้!” นางถูกตบต่อหน้าธารกำนัล ฟางซื่อทนไม่ได้จริงๆ
เมื่อเห็นด้านหลังของหลินกู๋หยู่ที่เดินออกไป ฟางซื่อก็ะโขึ้นทันที เอื้อมมือไปจับผมของหลินกู๋หยู่
ตราบใดที่ถูกจับผม คนถูกจับย่อมไม่เคลื่อนไหวมากนักเพราะกลัวว่าจะปวดศีรษะ
ฟางซื่อเฝ้าดูมือของตนเองเลื่อนไปที่ไหล่ของหลินกู๋หยู่ แต่ก่อนที่นางจะทันได้ตอบสนอง มือของนางก็ถูกคว้าไว้ในทันใด
หลินกู๋หยู่ผลักไหล่ฟางซื่อโดยไม่ลังเล
บูม!
น้ำโคลนบนพื้นสาดกระเซ็นขึ้น
แม่หมอซาที่กำลังจะยืนขึ้นในตอนนี้ พอเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ขาทั้งสองข้างของนางก็อ่อนยวบและนางอดไม่ได้ที่จะคุกเข่าลงกับพื้น
ฟางซื่อยื่นมือไปประคองเอว ใบหน้าเต็มไปด้วยความเ็ป
รองเท้าปักลายบุปผาสีขาวคู่หนึ่งเดินมาถึงตรงหน้าฟางซื่อ เมื่อเหม่อมองขึ้นไปตามรองเท้าคู่นั้น สีหน้าของฟางซื่อ ก็ตื่นใเล็กน้อย
“พี่สะใภ้รอง” หลินกู๋หยู่มองลงไปที่ฟางซื่อ คิดพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเอ่ยอย่างเสียใจ “เดิมทีข้าแค่ขู่เพื่อให้พี่กลัวเท่านั้น แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าถ้าข้าไม่ทำเช่นนั้น ในภายภาคหน้าข้าไม่อาจมีชีวิตที่ดีได้แล้ว"
ฟางซื่อตื่นตระหนก นางไม่สนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้า พร่ำร้องขอ "น้องสะใภ้สาม เ้าเห็นแก่เราสองคนมีศักดิ์เป็พี่สะใภ้และน้องสะใภ้เถอะ ได้โปรดยกโทษให้ข้าสักครั้ง!"
เวลานี้ ความนิ่งสงบของฟางซื่อเหือดหายไปแล้ว นางไม่เกรงกลัวต่อความเ็ปอีกต่อไป นางลุกขึ้นจากพื้น โขกศีรษะให้หลินกู๋หยู่ พร่ำพูดด้วยเสียงร้องไห้ในเวลาเดียวกัน "ข้าขอร้องล่ะ ถือเสียว่าข้าขอร้องเ้า..."
หลินกู๋หยู่เตะฟางซื่อออกไป จับแขนของฉือหางและเดินตรงไปที่บ้าน
เสื้อผ้าของพวกเขาสองคนสกปรกแล้ว พวกเขาไม่สามารถออกไปข้างนอกได้ในสภาพนี้
พอกลับถึงบ้าน หลินกู๋หยู่หยิบเสื้อคลุมด้านนอกตัวใหม่ออกมาสวม
หลังจากฉือหางเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว เขาก็มองไปที่หลินกู๋หยู่อย่างสงสัยและถามอย่างกังขา "เ้าจะฟ้องร้องพี่สะใภ้รองจริงๆ หรือ?"
หลินกู๋หยู่เงยหน้าขึ้นมองฉือหางปราดหนึ่ง ขมวดคิ้วไม่พูดไม่จา
เมื่อเห็นท่าทีของหลินกู๋หยู่ ฉือหางก็วิตกกังวลเล็กน้อย คิดไตร่ตรองอยู่พักหนึ่ง "ข้ารู้ว่าเ้าอาจไม่ชอบฟังในสิ่งที่ข้าพูด หากเื่นี้ลามไปจนถึงศาลาที่ว่าการ เดิมทีเื่นี้ไม่ใช่ความผิดของเรา แต่มันจะกลายเป็ความผิดของเรา เพราะท้ายที่สุดแล้ว พี่น้องหรือคนในหมู่บ้านทะเลาะเบาะแว้งกันนั้นเป็ธรรมดา"
“ข้ารู้” หลินกู๋หยู่พูดลอยๆ
เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ นางยังคงรู้สึกหวาดกลัวไม่หาย
หากฉือหางไม่เข้าไปช่วยนางทันเวลา นางจะถูกไฟคลอกตายจริงหรือไม่?
ฉือหางยืนอยู่ข้างโต๊ะ ในขณะผูกเสื้อผ้าของตนเอง จู่ๆ ก็มีอ้อมกอดอันอบอุ่นแนบอยู่ข้างหลังเขา
มือที่กำลังผูกสายรัดเอวก็หยุดพลัน ฉือหางหันศีรษะเล็กน้อย รู้สึกถึงการสั่นไหวอันอบอุ่นของนางที่ทาบอยู่บนแผ่นหลังของเขา จังหวะการเต้นของหัวใจของเขาก็วุ่นวายอย่างควบคุมไม่ได้
"เกิด เกิดอะไรขึ้น?” ฉือหางรู้สึกกระวนกระวายใจจนไม่รู้ว่าจะหายใจอย่างไร
"พวกเราย้ายออกไปจากที่นี่ ดีหรือไม่?" แม้ว่าหลินกู๋หยู่้าลากคอฟางซื่อเข้าตารางจริงๆ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ฟางซื่อจะยอมจำนนอย่างสิ้นเชิง และเนางคุกเข่าลงแทบเท้าของนาง พร้อมขอร้องโดยไม่เหลือซึ่งภาพพจน์ใดๆ
แม้ว่าฟางซื่อจะถูกฟ้องร้อง แล้วอย่างไรต่อ เนื่องจากไม่มีหลักฐานแน่ชัดเกี่ยวกับการก่ออาชญากรรม ย่อมไม่สามารถทำอะไรนางได้
ในเวลานั้น ฟางซื่อทั้งกังวลทั้งลนลาน นั่นเป็สาเหตุที่ทำให้นางตื่นตระหนกและหวาดกลัวจนพูดออกไปโดยไม่คิด
"ตกลง” ฉือหางก้มศีรษะลง รัดสายรัดเอวที่ลำตัว หันศีรษะไปมองหลินกู๋หยู่ และพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นหลายส่วน "ไม่เป็ไร ข้ายังอยู่ที่นี่"
หัวใจของนางค่อยๆ อุ่นขึ้น หลินกู๋หยู่ยกมือขึ้นเพื่อกอดเขาจากด้านหลัง
การมีบุรุษผู้นี้อยู่เคียงข้างนั้นทำให้นางมีความสุขมาก
ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังจากด้านนอก
หลินกู๋หยู่ยืดตัวขึ้นทันทีและปล่อยมือที่กอดฉือหาง
"ข้าจะออกไปดู” ฉือหางพูดแล้วหันหลังเดินออกไปข้างนอก
ทันทีที่เดินออกไปข้างนอก ฉือหางก็เห็นฉือเย่ยืนอยู่ที่ประตูพร้อมกับถือบางสิ่งในมือ
"เ้าไม่มีเรียนหรือ? ทำไมเ้าถึงกลับมาในตอนนี้?” ฉือหางถามด้วยความสับสน
"พี่สาม” ฉือเย่ขมวดคิ้วเบาๆ อย่างผิดหวัง "เพื่อนร่วมชั้นกำลังเตรียมตัวไปสอบแล้ว ดังนั้นข้าจึงกลับมา"
"อะไรนะ?” ฉือหางรู้สึกงงงวยมากขึ้นและพูดด้วยความงุนงง "แล้วทำไมเ้าไม่ไป?"
หลินกู๋หยู่เดินออกมาจากข้างในและยืนอยู่ข้างฉือหาง
ฉือเย่มองที่ร่างของหลินกู๋หยู่ครู่หนึ่ง ส่ายศีรษะเบาๆ โดยไม่พูดไม่จา
เมื่อเห็นฉือเย่เช่นนี้ ฉือหางก็ยิ่งงงงวยมากขึ้น "เกิดอะไรขึ้น หรือท่านอาจารย์ของเ้าไม่ให้เ้าไปสอบ?"
"ไม่” ฉือเย่เอ่ย นึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งได้ยินสักพักก่อน แววตาทอดมองไปที่ดวงตาสีแดงของหลินกู๋หยู่ เขาพูดด้วยความไม่มั่นใจ "พี่สะใภ้สาม ในระหว่างที่ข้ากลับมาที่นี่ ข้าได้ยินถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับพี่สะใภ้เมื่อเช้า"
"ข้าไม่เป็ไร” หลินกู๋หยู่กล่าวพลาง มองไปที่ฉือหางข้างๆ ด้วยสายตาอบอุ่น ราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ยกมุมริมฝีปากโค้ง แล้วค่อยๆ หรี่ตาลงมองฉือเย่ "เป็เพราะเงินไม่เพียงพอหรือ?”
ใบหน้าของฉือเย่อดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนเป็สีแดงก่ำ