“เ้ารู้หรือไม่ว่าคุณหนูลู่เป็ใคร นางคือหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งชิงโจว มีชายหนุ่มมากมายไล่ตามนาง ในนั้นมีอัจฉริยะมากฝีมือไม่ขาดสาย เ้าคิดว่าเ้าจะแต่งกับลูกข้าได้งั้นหรือ?”
ดวงตาของลู่ตงเผยประกายคมกริบ ก่อนจะซักถามหนานกงอวี่เช่นนั้น
ผู้คนได้ยินสิ่งที่ลู่ตงพูดต่างก็หันไปมองหนานกงอวี่ พร้อมแสยะยิ้มอย่างดูถูก โดยเฉพาะชายหนุ่มที่ชื่นชอบลู่เหยาเ่าั้ กระทั่งมีหลายคนแค่นเสียงเ็า
หนานกงอวี่หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย แต่เขากลับไม่ท้อแท้ พร้อมกล่าวกับลู่ตงว่า “หากคนคนหนึ่งไม่มีความมั่นใจในตนเอง เช่นนั้นคนคนนั้นก็ไม่มีทางประสบความสำเร็จ ข้าและศิษย์น้องลู่ต่างมีใจให้กันและกัน แม้ตอนนี้ข้ายังไม่โดดเด่นมากพอ แต่ข้ากล้ารับประกันว่าข้าในอีกสิบปีให้หลังจะดีขึ้นกว่าตอนนี้อย่างแน่นอน”
ถ้อยคำของหนานกงอวี่ดูมั่นใจเป็อย่างมาก เพื่อที่จะได้อยู่กับลู่เหยาแล้ว เขาย่อมไม่ลังเลต่อสิ่งใด
ด้านลู่เหยา นางกำมือแน่น กลัวว่าคำพูดของหนานกงอวี่จะทำให้บิดานางเกิดโทสะ หากเป็เช่นนั้น ไม่เพียงแต่งานแต่งของพวกเขาจะล้มเหลว แต่ความปลอดภัยของหนานกงอวี่และเย่เฟิงก็ยากที่จะรับประกัน
“หือ?”
เป็ไปตามคาด ลู่ตงได้ยินเช่นนั้นก็เผยสีหน้าอึมครึม คล้ายดูไม่พอใจ
“เหิมเกริม!”
ขณะเดียวกันมีเสียงตวาดดังขึ้น ทุกคนจึงหันไปมองตามต้นเสียง พวกเขาพบว่าสิ้นเสียงหนานกงอวี่ ลู่หว่านก็ลุกพรวดจากที่นั่งและมองหนานกงอวี่ด้วยสายตาเย็นเยือก “เ้าเป็ใครมีฐานะอะไร แล้วกล้าดียังไงมาพูดจาเช่นนี้กับท่านพ่อข้า? สมควรตาย!”
ดวงตาของลู่หว่านเผยประกายคมกริบ ทั้งยังเชิดหน้าด้วยท่าทียโสโอหัง ก่อนจะพูดต่อไปว่า “ก่อความวุ่นวายในงานวันเกิดของท่านพ่อข้า เ้าว่าข้าควรจัดการเ้าอย่างไรดี?”
“ข้าแค่พูดความจริง ไม่ทราบว่าข้าทำสิ่งใดผิดไป?” หนานกงอวี่กล่าวขณะมองลู่หว่าน พร้อมเผยสีหน้าไม่สู้ดี
“สวะขั้นรวมชี่ เ้ามีสิทธิ์อะไรมาพูดจาเยี่ยงนี้? ตบปากตัวเอง 20 ทีเดี๋ยวนี้!” ลู่หว่านกล่าวเช่นนั้น
“หมอนี่ช่างไม่เจียมตัวเสียเลย ไร้ซึ่งฐานะ ซ้ำยังอยู่ขั้นรวมชี่ ไม่นึกว่าจะกล้ามีหน้ามาสู่ขอถึงที่นี่ หวังอยากให้คุณหนูลู่แต่งกับเขา ถึงขั้นเถียงผู้นำลู่เช่นนี้ ตบปากตัวเองน่ะสมควรแล้ว!”
ผู้คนได้ยินคำพูดของลู่หว่านต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย ทั้งยังมองหนานกงอวี่ด้วยสายตาดูแคลน ในความคิดของพวกเขา หนานกงอวี่กำเริบเสิบสานมากเกินไป จึงควรถูกลงโทษเช่นนี้
“ข้าอายุ 19 ปี ตบะขั้นรวมชี่ที่ 9 แล้วเป็สวะ แต่ท่านอายุ 22 ปี ตบะขั้นรวมชี่ที่ 8 นี่นับเป็สิ่งใดกัน?”
หนานกงอวี่เห็นลู่หว่านจงใจดูถูกเหยียดหยามเขา เขาจึงกล่าวออกมาเช่นนั้นเพราะรู้สึกโมโหเป็อย่างมาก
ซึ่งเป็อย่างที่หนานกงอวี่กล่าวมาจริง ๆ พร์ของลู่หว่านนั้นธรรมดา ไม่พัฒนามาหลายปีแล้ว หลังจากแต่งงานกับเฉียนหง นางก็ไม่ได้สนใจการบำเพ็ญตบะอีกเลย จึงทำให้ตบะของนางในตอนนี้ยังอยู่ขั้นรวมชี่ที่ 8 แต่สิ่งที่น่าขันที่สุดคือตบะของลู่หว่านอยู่ขั้นรวมชี่ที่ 8 อย่างเห็นได้ชัด แต่กลับเยาะเย้ยหนานกงอวี่ที่มีตบะต่ำต้อย นี่เท่ากับตบหน้าตัวเองชัด ๆ
“เ้า!” ลู่หว่านได้ยินเช่นนั้นก็เผยหน้าเขียว พร้อมกับรู้สึกหน้าร้อนผ่าวราวกับถูกคนตบหน้าก็ไม่ปาน
“สวะ เ้ากล้าดียังไงมาดูถูกภรรยาข้า หรือเ้าอยากตายมากนัก?”
เมื่อเฉียนหงเห็นลู่หว่านกำลังเสียเปรียบก็ลุกพรวดจากที่นั่ง พร้อมกับไอสังหารปะทุออกจากร่าง
“ข้าแค่พูดความจริงก็เท่านั้น ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ ข้ากับศิษย์น้องลู่เหยามีใจให้กันและกัน พวกท่านในฐานะพี่สาวพี่เขยกลับไม่ยินดี แต่เหตุใดต้องปากร้ายเช่นนี้ด้วยเล่า? จิตใจของพวกท่านทำด้วยอะไรกันแน่?”
หนานกงอวี่กล่าวอย่างไม่เกรงกลัวขณะมองเฉียนหง ในฐานะลูกผู้ชาย แม้หนานกงอวี่มีนิสัยอ่อนโยน แต่ก็เป็ผู้ชายที่มีเืเนื้อ ก่อนหน้านี้ที่ลู่หว่านดูถูกลู่เหยา หนานกงอวี่ก็ค่อนข้างไม่พอใจ แต่ตอนนั้นเขาคิดว่าพวกนางเป็พี่น้องกัน เขาจึงไม่ได้เก็บมาใส่ใจ
แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้สามีภรรยาคู่นี้จะไม่สนใจลู่เหยาแม้แต่นิดเดียว พวกเขาพยายามทำตัวเด่นเพื่อให้ได้รับความสนใจจากผู้นำลู่และผู้คนของตระกูลลู่ ในเมื่อเป็เช่นนี้ หนานกงอวี่ก็จะไม่อดทนอีกต่อไป
“เ้าเป็ใคร? กล้าดียังไงมากังขาข้า? ข้าจะทำลายตบะเ้าเสียตอนนี้ ในข้อหาไม่เคารพท่านพ่อตาข้า!”
เฉียนหงกล่าวด้วยโทสะ เขามีฐานะสูงส่ง ทุกคนในเมืองชิงโจวต่างเคารพนับถือเขา แล้วนับประสาอะไรกับสวะที่เพิ่งบรรลุขั้นรวมชี่ที่ 9 เมื่อสิ้นเสียงเขาก็ะเิพลังปราณออกมา หมายลงมือจัดการหนานกงอวี่
“พอได้แล้ว!” ขณะนั้นมีเสียงหนึ่งดังขึ้น ทำให้เฉียนหงหยุดชะงักเล็กน้อย ซึ่งผู้พูดก็คือลู่เหยาที่นิ่งเงียบมาตลอด แล้วยังเห็นลู่เหยามองเฉียนหงและลู่หว่านด้วยสายตาเย็นเยือก
“พวกท่านไม่จำเป็ต้องยุ่งเื่ของข้ากับศิษย์พี่ ทางที่ดีจัดการเื่ของตัวเองให้รอดก่อน” ลู่เหยากล่าวเสียงเย็น วันนี้นางผิดหวังกับพี่สาวและพี่เขยเป็อย่างมาก พี่เขยเฉียนหงพยายามลงมือจัดการหนานกงอวี่ จึงยิ่งทำให้ลู่เหยาไม่พอใจ
“ฮ่า ๆ ๆ!” ลู่หว่านเห็นลู่เหยาพูดจากับเฉียนหงอย่างไม่เกรงใจก็แค่นเสียงหัวเราะอย่างเ็า “น้องเล็ก เ้านี่ใช้ได้เลยนะ เพื่อคนไร้ค่าแค่คนหนึ่ง ถึงกับพูดจาเช่นนี้กับพี่เขยเ้าเลยงั้นหรือ?”
“สาเหตุที่ตระกูลลู่รุ่งเรืองตลอดหลายปีที่ผ่านมา ล้วนเกี่ยวกับพี่เขยเ้าทั้งนั้น เพราะฉะนั้นข้าในฐานะพี่สาวเ้าจึงไม่เห็นด้วยกับการที่เ้าคบหากับคนไม่ได้เื่”
เสียงของลู่หว่านดังกึกก้อง ในฐานะบุตรสาวคนโตของผู้นำลู่ นางจึงแต่งกับเฉียนหงบุตรเ้าเมือง นำพาเกียรติยศมาสู่วงศ์ตระกูล ดังนั้นถ้อยคำเหล่านี้จึงเต็มไปด้วยความมั่นใจ
“พ่อตา ท่านอายุครบ 60 ปี ผู้ฝึกยุทธ์ทั่วทั้งเมืองชิงโจวต่างมาร่วมแสดงความอวยพรที่นี่ ไยไม่ใช้โอกาสนี้หาสามีสักคนให้น้องลู่เหยาเล่า?” เฉียนหงกล่าวกับลู่ตง
“ข้าว่าเฉียนเปียวลูกผู้น้องของลูกเขยก็ไม่เลว อายุเพียง 20 ปีก็อยู่ขั้นยุทธ์แท้แล้ว ในอนาคตต้องรุ่งโรจน์เป็แน่ หากน้องเล็กได้สานสัมพันธ์กับน้องเฉียนเปียวคงจะดีมิใช่น้อย!” เฉียนหงกล่าวโดยไม่รอให้ลู่ตงกล่าวใด ๆ พร้อมกับมองไปที่ชายหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่ทางฝั่งจวนเ้าเมือง
ชายผู้นี้คือเฉียนเปียวที่เฉียนหงเอ่ยถึง เนื่องจากมารดาของเฉียนหงจากโลกไปเร็ว มารดาของเฉียนเปียวจึงดูแลเขามาโดยตลอด ดังนั้นสายสัมพันธ์ของสองพี่น้องจึงสนิทแน่นแฟ้น แม้ไม่ใช่พี่น้องแท้ ๆ แต่ก็เปรียบเสมือนพี่น้องแท้ ๆ เลยก็ว่าได้
เฉียวเปียวนั้นสนใจลู่เหยามาโดยตลอด กระทั่งพยายามใช้บารมีของจวนเ้าเมืองตีสนิทลู่เหยา แต่กลับถูกปฏิเสธหลายครั้งหลายครา ดังนั้นเฉียนเปียวจึงอยากใช้สายสัมพันธ์ที่มีต่อเฉียนหงเข้าใกล้ลู่เหยา แม้แต่เฉียนหงยังให้ความใส่ใจกับคำฝากฝังของลูกผู้น้อง จึงหาโอกาสที่จะให้เฉียนเปียวเข้าใกล้ลู่เหยามาตลอด
ขณะนั้นเฉียนเปียวยิ้มให้เฉียนหงด้วยท่าทีดีใจ พอลูกผู้พี่เอ่ยถึงเขา เฉียนเปียวก็ลุกพรวดจากที่นั่งทันที ก่อนจะเดินไปยังใจกลางโถงใหญ่ด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม
“เฉียนเปียว ไม่เลวเลย!” ลู่ตงเห็นเฉียนเปียวก็เอ่ยปากชมทันที ดูเหมือนจะถูกใจเฉียนเปียวมาก
“หลิวฉงจากตระกูลหลิว อายุ 19 ปี ตบะขั้นรวมชี่สูงสุด ปลุกิญญาาขั้นเขียว เป็อัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดในตระกูล ข้าเองก็สนใจคุณหนูลู่เหยาเช่นกัน”
หลังจากเฉียนเปียวเดินออกมาข้างหน้า จู่ ๆ ชายหนุ่มหลายคนต่างลุกพรวดจากที่นั่งและเดินมาที่ใจกลางโถงใหญ่เช่นกัน คนเหล่านี้ล้วนเป็อัจฉริยะมากฝีมือจากกองกำลังต่าง ๆ ในเมืองชิงโจว อีกอย่างอายุก็ยังไม่เกิน 20 ปี พวกเขาเหมือนกับเฉียนเปียวที่ชื่นชอบลู่เหยา เมื่อเห็นเฉียนหงเสนอให้หาสามีลู่เหยา มีหรือพวกเขาจะพลาดโอกาสนี้และปล่อยให้เฉียนเปียวคว้าไปได้?
“ช่างน่าสนใจจริง ๆ ไม่คิดว่างานวันเกิดของผู้นำลู่จะมาถึงจุดที่หาสามีให้คุณหนูลู่เหยา ชายหนุ่มเหล่านี้ล้วนแต่เป็ผู้ชื่นชอบนางทั้งสิ้น ผู้นำลู่ท่านโชคดีแล้ว!” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าวกับลู่ตงขณะมองชายหนุ่มเ่าั้ด้วยความสนใจ
“ใช่ คุณหนูลู่สวยราวนางฟ้า มีเพียงอัจฉริยะชั้นยอดเหล่านี้ของเมืองชิงโจวจึงจะคู่ควรกับนาง แต่มีคนเยอะขนาดนี้ ไม่ทราบว่าผู้นำลู่จะเลือกอย่างไร?” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าวเสริม ส่วนคนอื่น ๆ ต่างก็เผยสีหน้าสนใจ
แต่ลู่เหยาที่อยู่ข้าง ๆ กลับมีสีหน้าไม่สู้ดี กระทั่งซีดเผือดเล็กน้อย นางรู้ว่าคนเหล่านี้มีฝีมือ เป็อัจฉริยะที่โดดเด่นในหมู่คนรุ่นเยาว์ต่ำกว่าอายุ 20 ปี ส่วนศิษย์พี่ของนางเป็เพียงศิษย์สายนอกสำนัก เขาจะเทียบกับคนเหล่านี้ได้อย่างไร?
“โลกแห่งการบำเพ็ญย่อมมีการต่อสู้เป็หลัก ใครแข็งแกร่งที่สุด ผู้นั้นจะมีสิทธิ์คบหากับลูกสาวข้า” ลู่ตงกล่าวขึ้น
“สวะ เมื่อครู่เ้าบอกว่าจะแต่งกับน้องเล็กข้าไม่ใช่หรือ? หากเ้ามั่นใจพอก็จงขึ้นเวที แต่หากเ้าไม่กล้าก็จงไสหัวออกไปจากตระกูลลู่ซะ!” จู่ ๆ ลู่หว่านปรากฏตัวที่เบื้องหน้าของเย่เฟิงและหนานกงอวี่ พร้อมกับกล่าวเช่นนั้น
หนานกงอวี่หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อยคล้ายไม่มั่นใจในพลังของตนเอง แต่ขณะนั้นเขาเหลือบมองไปที่เย่เฟิงที่นั่งดื่มอยู่คนเดียว เหมือนกำลังขอความเห็นจากเย่เฟิง
ฉากนี้ทำให้ลู่หว่านแปลกใจเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ลู่หว่านคิดมาตลอดว่าเย่เฟิงมีสถานะต่ำต้อยกว่าหนานกงอวี่ แต่ตอนนี้สายตาที่หนานกงอวี่มองเย่เฟิงทำให้ลู่หว่านสงสัยในความสัมพันธ์ของสองคนนี้
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนอยู่ในสายตาของเย่เฟิง การเผชิญหน้าของหนานกงอวี่อาจเป็สิ่งที่คนต่ำต้อยต้องเจอ หากไร้ซึ่งความแข็งแกร่งและฐานะ เช่นนั้นก็ไม่มีสิทธิ์ได้รับความเป็ธรรม กระทั่งผู้ที่ชื่นชอบก็ไม่มีวันได้สมหวัง แต่บางทีหนานกงอวี่อาจโชคดี เพราะเขามีเย่เฟิงอยู่ข้างกาย
เมื่อเย่เฟิงเห็นหนานกงอวี่มองเขาด้วยสายตาเช่นนั้นยิ้มจาง ๆ “ไปเถอะ ข้ายังดื่มสุราของที่นี่ยังไม่หนำใจเลย!”
น้ำเสียงของเย่เฟิงดูเกียจคร้านราวกับว่าเขาเป็ขี้เมาที่ติดสุรา
ผู้คนรอบข้างได้ยินคำพูดของเย่เฟิงต่างก็มองมาที่เขาด้วยสายตาดูแคลน ลู่เหยาก็เช่นกัน จากนั้นนางพูดขึ้นว่า “อ่อนหัดยิ่งนัก ไว้สวะนี่ถูกทำลายตบะเมื่อไร ดูซิว่าเ้าจะยังนิ่งเฉยเช่นนี้ได้อยู่ไหม?”
