บทที่ 3 : วิศวกรรมกู้ซาก
หลังจากพาพ่อไปพักผ่อนที่ห้องทำงานและกำชับเลขาให้หายาแก้เครียดให้กิน ลินดาก็เดินลงมาที่ชั้นล่าง โดยมีกล้าหาญเดินตามมาเงียบๆ
"คุณลิน..." กล้าหาญเอ่ยขึ้นหลังจากเงียบมานาน "ที่คุณพูดกับไอ้เสี่ยเฉินเมื่อกี้... เท่ชะมัดเลยครับ ผมนึกว่าคุณจะกลัวจนร้องไห้ซะอีก"
ลินดายิ้มบางๆ "ร้องไห้ไปก็ไม่ได้ตังค์หรอกพี่กล้า... ตอนนี้สถานการณ์โรงงานเราเป็ไงบ้าง? เอาแบบเนื้อๆ ไม่ต้องเกรงใจ"
กล้าหาญเกาหัวแกรกๆ ปรับโหมดจากลูกน้องเป็โฟร์แมน "เละครับ... เครื่องจักร 5 ตัวเสียรออะไหล่มา 3 เดือนแล้ว คนงาน 50 คนตอนนี้แทบไม่มีงานทำเพราะรอวัตถุดิบ เงินเดือนเดือนนี้ยังไม่รู้จะออกตรงเวลาไหม... พนักงานเริ่มลือกันว่าจะประท้วงแล้วครับ"
"เครื่องเสีย? ทำไมไม่ซ่อม?"
"ซ่อมไม่ได้ครับ ช่างศูนย์ฯ คิดค่ามาดูครั้งละ 5,000 ไม่รวมค่าอะไหล่ เถ้าแก่แกไม่มีเงินจ้าง ผมพยายามแกะดูแล้วแต่มันเป็บอร์ดอิเล็กทรอนิกส์ ผมจบแค่ช่างไฟ ดูไม่รู้เื่หรอกครับ"
ลินดาพยักหน้า นี่คือปัญหาคลาสสิกของ SME ไทย ซื้อเครื่องจักรแพงแต่ไม่มีงบดูแลรักษา เธอเดินตรงไปที่เครื่องฉีดพลาสติก (Injection Molding) ขนาดใหญ่ที่จอดสนิท มีป้าย "ห้ามใช้ - รอซ่อม" แขวนอยู่
[เปิดใช้งาน: Waste Scanner]
สายตาของลินดาเปลี่ยนไป โลกตรงหน้าถูกซ้อนทับด้วยเส้นสายสีเขียวและแดง ข้อมูลทางเทคนิคไหลผ่านดวงตา
[Machine: Toshiba IS-100] [Status: Breakdown] [Error Code: Heater Band Zone 2 Failure] [Root Cause: ขั้วต่อสายไฟหลวมทำให้เกิดความร้อนสะสมจนฟิวส์ขาด] [Repair Cost: 20 บาท (ค่าฟิวส์และกระดาษทรายขัดขั้ว)]
ลินดาเลิกคิ้ว "แค่ขั้วหลวมเนี่ยนะ?"
"ครับ?" กล้าหาญงง
"พี่กล้า ไปเอาเครื่องมือมา... ไขควงแฉก กระดาษทราย แล้วก็มัลติมิเตอร์"
"คุณลินจะทำอะไรครับ? เครื่องนี้ไฟแรงสูงนะ อันตราย!"
"ไปเอามาเถอะน่า!"
สิบนาทีต่อมา พนักงานในไลน์ผลิตเริ่มจับกลุ่มมุงดูด้วยความประหลาดใจ ลูกสาวเถ้าแก่ที่เพิ่งกลับจากเมืองนอก สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวราคาแพง กำลังถลกแขนเสื้อ มุดเข้าไปในตู้คอนโทรลเครื่องจักรที่เปื้อนคราบน้ำมัน
"ส่องไฟตรงนี้พี่กล้า... เห็นรอยไหม้ดำๆ นั่นไหม?" ลินดาชี้ไปที่ขั้วต่อสายฮีตเตอร์
"โห... ไหม้เกรียมเลย มิน่าไฟไม่เข้า" กล้าหาญร้องทัก
"มันไม่ได้พัง แค่สกปรก... พี่เอากระดาษทรายขัดให้เห็นเนื้อทองแดง แล้วขันน็อตให้แน่น เปลี่ยนฟิวส์ตัวนั้นซะ"
กล้าหาญทำตามอย่างงงๆ เขาเป็ช่างไฟโรงงานก็จริง แต่ไม่เคยกล้าแตะต้องเครื่องจักรราคาแพงพวกนี้เพราะกลัวทำพังเพิ่ม
เมื่อขันน็อตเสร็จ ลินดาสั่งให้สับเบรกเกอร์ ตึ้ง! ไฟสถานะหน้าเครื่องเปลี่ยนจากสีแดงเป็สีเขียว เสียงพัดลมระบายความร้อนดังกระหึ่มขึ้น พร้อมกับอุณหภูมิที่หน้าจอดิจิทัลเริ่มขยับขึ้น
"เฮ้ย! ติดแล้ว! เครื่องฉีดเบอร์ 3 ติดแล้วโว้ย!" คนงานคุมเครื่องะโลั่น
กล้าหาญมองลินดาตาค้าง "คุณลิน... คุณรู้ได้ไง? ช่างศูนย์ฯ บอกต้องเปลี่ยนบอร์ดยกชุด 3 หมื่นบาทนะ!"
ลินดาปัดฝุ่นออกจากมือ "ช่างศูนย์เขาก็อยากขายอะไหล่สิพี่... บางทีวิศวกรรมมันก็แค่เส้นผมบังูเา"
เธอหันกลับมามองกล้าหาญและพนักงานที่ยืนมุงดู "เครื่องนี้ทำงานได้แล้ว... แต่เราไม่มีเม็ดพลาสติกจะฉีด ใช่ไหม?"
ทุกคนพยักหน้าเงียบกริบ
ลินดากวาดสายตามองไปรอบโรงงาน ระบบ Waste Scanner ทำงานอีกครั้ง คราวนี้เธอมองหา "เงิน"
[Target Detected: กองแม่พิมพ์เหล็กเก่าหลังโรงงาน] [Material: เหล็ก SKD11] [Weight: 2,500 kg] [Market Price (Scrap): 5 บาท/กก.] [Total Value: 12,500 บาท]
[Target Detected: เศษสายไฟทองแดงในถังขยะ] [Total Value: 5,000 บาท]
[Target Detected: สต็อกสินค้าค้างปี (Dead Stock) - วิทยุรุ่นเก่า] [Total Value: 200,000 บาท (ถ้าซ่อมแซม)]
"พี่กล้า..." ลินดาเรียก
"ครับลูกพี่! เอ้ย คุณลิน!" ตอนนี้สายตาของกล้าหาญเปลี่ยนไปแล้ว จากมองเด็กสาวกลายเป็มอง 'ผู้รู้จริง'
"พรุ่งนี้เช้า สั่งหยุดไลน์ผลิตทั้งหมด... เราจะทำ Big Cleaning Day"
"หา? ทำความสะอาดเหรอครับ? ตอนนี้เนี่ยนะ?"
"ใช่... เราจะรื้อขยะทุกชิ้นในโรงงานออกมาแยกประเภท อันไหนขายเป็ของเก่าได้ ขาย! อันไหนซ่อมได้ ซ่อม!"
ลินดายิ้มมุมปาก รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความหวัง "เงินเดือนของพวกพี่เดือนนี้... มันซ่อนอยู่ในกองขยะพวกนั้นแหละ!"
