บทที่ 127 ลองกระบี่
ณ จวนตระกูลเสวี่ย ลานรับรองแขก
ลมยามค่ำคืนพัดผ่าน น้ำในทะเลสาบเล็กๆ เกิดระลอกคลื่น สภาพแวดล้อมงดงามตระการตา
“คุณชายใหญ่”
“คุณหนู”
พร้อมกับคำทักทายของคนรับใช้ ร่างสองร่างก้าวไปข้างหน้า หนึ่งชายหนึ่งหญิง ทั้งคู่มีรูปลักษณ์ที่งดงามและไม่ธรรมดา ทุกท่วงท่าของพวกเขาทำให้ผู้คนรู้สึกถึงสายลมยามสารทฤดู
ผู้หญิงคนนั้นย่อมเป็เสวี่ยหรูเยียน นางสวมชุดผ้าไหมยาวที่ขับเน้นรูปร่างอันงดงาม เดินเข้ามาอย่างสง่างาม แลดูเหมือนหญิงสาวแรกแย้ม
คืนนี้ เห็นได้ชัดว่านางแต่งตัวอย่างพิถีพิถัน ผิวขาวราวกับหิมะและบอบบางอย่างยิ่ง ใบหน้าอันหมดจด เปล่งประกายราวกับเทพธิดา
ผู้ชายที่เดินเคียงข้างกับเสวี่ยหรูเยียนเองก็ดูงามสง่า อ่อนโยน และค่อนข้างคล้ายคลึงกับเสวี่ยหรูเยียน เรียกได้ว่าหล่อเหลาเอาการ
โดยเฉพาะเมื่อเขาสะบัดพัดขนนกด้วยมือขวา เขาดูสงบนิ่ง ทั้งตัวดูมีรัศมีเปล่งปลั่ง ราวกับเป็ศูนย์กลางของทุกสิ่ง
แต่ชายหนุ่มคนนั้นจ้องมองฉู่อวิ๋นมาจากระยะไกลั้แ่แรก ดวงตาของเขาเป็ประกาย มุมปากยกยิ้มจางๆ ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
“คุณชายอวิ๋น ข้ารอท่านนานแล้ว คิดว่าท่านจะไม่มาแล้วเสียอีก” เสวี่ยหรูเยียนก้าวเข้ามาหาด้วยรอยยิ้ม พูดทักทายกับฉู่อวิ๋นด้วยใบหน้าที่งดงาม
“คุณหนูเสวี่ยมีน้ำใจต่อแขกมาก คนป่าเช่นข้าไหนเลยจะกล้าหลบเลี่ยง? วันหน้ายังหวังว่าคุณหนูเสวี่ยจะได้พาไปเที่ยวรอบๆ เมืองชุยเสวี่ย” ฉู่อวิ๋นตอบด้วยรอยยิ้มและน้ำเสียงที่สุภาพมากขึ้น
แม้ว่าตอนนี้ฉู่อวิ๋นจะแอบเข้าไปในจวนตระกูลเสวี่ยได้แล้ว แต่เขาแค่อยากจะใช้โอกาสนี้เพื่อสอบถามข้อมูล ไม่ได้้ามีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนที่นี่มากเกินไป
แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายปฏิบัติต่อเขาเหมือนแขก เขาก็ไม่ใช่คนเืเย็น แม้ว่าจะกังวลเกี่ยวกับฉู่ซินเหยา แต่ก็ไม่อาจปั้นหน้าได้ตลอดทั้งวัน
“ที่แท้นี่ก็คือจอมยุทธ์อวิ๋นที่ช่วยน้องสาวของข้าเอาไว้อย่างกล้าหาญ ช่างสมกับเป็จอมยุทธ์จริงๆ ข้าดีใจยิ่งนักที่ได้พบกับท่าน” ในเวลานี้ชายหนุ่มรูปงามก็ยกมือขึ้นมาประสานและทักทายฉู่อวิ๋นด้วยใบหน้าที่อ่อนโยน
เสวี่ยหรูเยียนเม้มปากยิ้มๆ แล้วแนะนำ “ท่านนี้คือเสวี่ยหานเฟย พี่ชายของข้า เขาได้ยินว่าคุณชายอวิ๋นจะมาที่จวนตระกูลเสวี่ยในฐานะแขก จึงยืนกรานที่จะมาด้วย บอกว่าอยากจะขอบคุณท่านด้วยตนเอง”
“โอ้? ถ้าเช่นนั้นก็นับได้ว่าข้าน้อยเป็ที่โปรดปรานแล้ว ยินดีที่ได้พบ” ฉู่อวิ๋นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
แม้ว่าชายหนุ่มรูปงามคนนี้จะดูมีมนุษย์สัมพันธ์ แต่ฉู่อวิ๋นก็ยังรู้สึกไม่ชอบใจอยู่บ้าง เขาบอกไม่ได้ว่าเพราะเหตุใด
“ฮ่าๆ อย่าพูดเช่นนั้นเลย คราวนี้น้องสาวของข้ารอดมาได้ก็เพราะท่าน คุณชายอวิ๋นที่เผชิญหน้าและสังหารโจรขโมยม้าอย่างกล้าหาญ”
“ครั้งนี้ข้าต้องมาขอบคุณท่านในนามของตระกูลเสวี่ยให้ได้ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็การไม่ให้เกียรติท่าน” เสวี่ยหานเฟยโบกพัดขนนกและพูดด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
หลังจากนั้นทั้งสามคนก็เริ่มพูดคุยกัน มีเพียงคำพูดที่สุภาพ ท่านชมข้า ข้าก็ชมท่าน ไม่มีความหมายอะไรเลย
ทว่าเสวี่ยหานเฟยมักจะถามฉู่อวิ๋นเกี่ยวกับชีวิตของคนเผ่าชาวป่า
ตอนแรกฉู่อวิ๋นก็ไม่ได้ใส่ใจ แต่หลังจากฉุกคิด ในที่สุดเขาก็รู้ได้ว่าอีกฝ่ายแค่หาข้ออ้างอยากทดสอบตัวตนของเขา
โชคดีที่หลังจากวันที่หลบภัยในถ้ำลับตระกูลสุนัข ฉู่อวิ๋นก็ได้เรียนรู้บางอย่างเกี่ยวกับคนป่ามาบ้าง แม้จะไม่ละเอียดมากนัก แต่เมื่อเพิ่มรายละเอียดบางอย่างเข้าไปแล้ว เขาก็สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนและสมเหตุสมผลได้
ท้ายที่สุดแล้ว ชนเผ่าชาวป่านั้นลึกลับมากและไม่ใช่ทุกคนที่จะสนใจพวกเขา โดยเฉพาะชายผู้สูงศักดิ์อย่างเสวี่ยหานเฟยที่รู้เื่พวกนี้เพียงเล็กน้อย และแค่ใช้มันเป็หัวข้อสนทนาหลังอาหารเย็น
บทสนทนาเหล่านี้อาจดูธรรมดา แต่หากฉู่อวิ๋นตอบคำถามผิด เขาจะไม่ได้รับความเชื่อใจอีกต่อไป มิหนำซ้ำอาจถูกฆ่าทิ้ง ต้องระมัดระวังในทุกฝีก้าวจริงๆ
ในท้ายที่สุด เสวี่ยหรูเยียนผู้สง่างามก็ทำให้ฉู่อวิ๋นประหลาดใจเพราะนางนำของขวัญมามอบให้เขา
“คุณชายอวิ๋น ครั้งนั้นท่านหยิบกระบี่ของนักรบหญิงเพื่อต่อสู้กับศัตรูอย่างกล้าหาญ คงขาดอาวุธที่น่าพอใจอยู่กระมัง”
“ข้าจึงตั้งใจเข้าไปในห้องสมบัติของตระกูล และเลือกกระบี่เล่มนี้อย่างระมัดระวังเพื่อหวังจะตอบแทนบุญคุณช่วยชีวิต หวังว่าท่านจะไม่ปฏิเสธ”
เสวี่ยหรูเยียนยกยิ้มอย่างอ่อนหวาน ขยับมือขาวหยกเรียกให้สาวใช้ที่อยู่ข้างๆ นำกล่องกระบี่อันวิจิตรงดงามมา แล้วเปิดมันออก
“วิ้ง!”
ทันใดนั้น พลังอันน่าทึ่งก็เล็ดลอดออกมาจากกล่องกระบี่ แสงสีแดงและสีน้ำเงินไหลตกกระทบสะท้อนซึ่งกันและกัน สลับกันทั้งเย็นและร้อน โดยมีไอสังหารจางๆ
นี่คือกระบี่ยาวเล่มหนึ่ง คมกริบน่าสะพรึงกลัว ตัวกระบี่สง่างาม แสงกระบี่วาววับ
“กระบี่ดี!” ฉู่อวิ๋นมองอย่างไม่อาจละสายตา เขาชอบกระบี่มากจนบอกได้ทันทีว่ากระบี่เล่มนี้มีความพิเศษอย่างยิ่ง
แม้ว่ามันจะด้อยกว่ากระบี่ชื่อยวน แต่กระบี่สองสีนี้ถือเป็สมบัติที่ดียิ่งแน่นอน
เมื่อเห็นว่าฉู่อวิ๋นมองดูมันด้วยความตกตะลึง เสวี่ยหรูเยียนก็ยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ดูเหมือนว่าคุณชายอวิ๋นจะชอบของขวัญชิ้นนี้ ข้าก็โล่งใจ”
“กระบี่เล่มนี้เรียกว่าหิมะย่ำรุ้ง ถูกตีขึ้นโดยช่างตีกระบี่ ใช้ทองคำแท้หลอมไฟและิญญาน้ำแข็ง ตัวกระบี่ถูกแกะสลักด้วยลายสลักาที่มีคุณสมบัติคู่ของน้ำแข็งและไฟ คมกริบและมีคุณภาพของสมบัติกระบี่”
เมื่อพูดเช่นนั้น เสวี่ยหรูเยียนก็หยิบกระบี่สะท้อนแสงเล่มนั้นออกมาแล้วมอบให้ฉู่อวิ๋นด้วยตัวเอง
“คุณหนูเสวี่ย ของขวัญชิ้นนี้มากเกินไป ข้า... ข้าเกรงว่าจะรับไว้ไม่ไหว” ฉู่อวิ๋นมองไปทางอื่นและ้าปฏิเสธ ตระกูลเสวี่ยเคลื่อนไหวหนึ่งครั้งก็กลายเป็ของขวัญชิ้นใหญ่ถึงเพียงนี้ ช่างใจกว้างจริงๆ
แม้ว่าฉู่อวิ๋นจะชอบหิมะย่ำรุ้งไม่น้อย และเขาบังเอิญไม่มีกระบี่รบอยู่ในมือพอดี แต่เขาก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาอยู่บ้างเมื่อคิดว่าเขาอาจจะเป็คนทำให้เมืองชุยเสวี่ยพลิกคว่ำในวันข้างหน้า
ยิ่งไปกว่านั้น สายตาที่เสวี่ยหรูเยียนมองดูเขานั้นผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด มันแสดงออกถึงความรัก ทั้งชื่อของกระบี่ก็คลุมเครือมาก ฉู่อวิ๋นกลัวมากว่าเขาจะทำให้นางผิดหวัง
“สิ่งที่เรียกว่ากระบี่นั้นควรมีวีรบุรุษ คุณชายอวิ๋นไม่ต้องเกรงใจ ถ้าท่านไม่ยอมรับมัน ข้าคงรู้สึกเสียใจ” เสวี่ยหรูเยียนยังคงยืนกรานจะมอบกระบี่ใช้เขา
สุดท้าย ฉู่อวิ๋นก็ถอนหายใจและหยิบกระบี่ขึ้นมา เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงความจริงที่ว่าเขาได้ช่วยเสวี่ยหรูเยียนไว้ เขาจะถือเสียว่ากระบี่เล่มนี้เป็เพียงการยืม ภายหลังค่อยเอามาคืน
“ถ้าเช่นนั้นก็ขอบคุณคุณหนูเสวี่ยแล้ว” ฉู่อวิ๋นเก็บหิมะย่ำรุ้งกลับไป
“จิ๊จิ๊ ท่านยังเรียกข้าว่าคุณหนูเสวี่ยอยู่อีกหรือ? เราผ่านทุกข์ยากมาด้วยกันแล้ว ทั้งท่านยังเคยเห็น... อะแฮ่ม คุณชายอวิ๋น เรียกข้าว่าหรูเยียนก็ได้” แก้มของเสวี่ยหรูเยียนค่อยๆ เปลี่ยนเป็สีแดง นางก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วเอ่ยเบาๆ
ฉู่อวิ๋นขนหัวลุกชัน คำพูดของเสวี่ยหรูเยียนทำให้เขานึกถึงมู่หรงซินที่ดื้อรั้น ท่าทางในยามนี้เหมือนกันทุกประการ!
ชื่อก็เป็แค่สรรพนาม มันสำคัญขนาดนั้นเลยหรือ?
“ฮ่าๆ ในคืนนี้ทุกคนมีความสุขนัก คุณชายอวิ๋นเองก็ได้รับอาวุธสมบัติไป ไม่สู้ลองใช้พลังของกระบี่ดูเล่า?” ในเวลานี้ ดวงตาของเสวี่ยหานเฟยเป็ประกาย เขาแนะนำด้วยรอยยิ้ม
“ลองอย่างไรหรือ?” ฉู่อวิ๋น
“แน่นอนว่าการประลองยุทธ์ย่อมเหมาะสมที่สุด เผอิญพอดีที่ผู้คุ้มกันของข้าเองก็เป็ผู้ใช้กระบี่ สู้กันครั้งนี้จบแล้วก็แล้วกันไป ท่านคิดว่าอย่างไร? จอมยุทธ์อวิ๋น”
แม้ว่าน้ำเสียงของเสวี่ยหานเฟยจะเป็การสนทนาทั่วไป แต่ก็มีเลศนัยอย่างเห็นได้ชัด ไม่ทันที่ฉู่อวิ๋นจะตอบตกลง เขาก็รีบชำเลืองมองไปใกล้ๆ
จากนั้น ผู้คุ้มกันที่ถือกระบี่ในชุดดำก็ะโออกมาด้วยท่าทีที่น่าประหลาดใจและสีหน้าเ็า
เสวี่ยหานเฟยโบกพัดขนนก ยกยิ้มและพูดว่า “แม้ว่าลุงซิ่งจะเป็บ่าวของข้า แต่เขาก็มีวิชากระบี่ที่ลึกล้ำ หากท่านทั้งสองแข่งขันกันเอง ย่อมน่าดูอย่างแน่นอน ไม่ทราบว่าจอมยุทธ์อวิ๋นยินยอมแลกกระบวนท่าสักหน่อยหรือไม่?”
“ท่านพี่! คุณชายอวิ๋นเป็แขกของข้า ท่านไร้มารยาทเช่นนี้ได้อย่างไร? ถึงกับให้เขาแข่งกับลุงซิ่งเช่นนี้!” เสวี่ยหรูเยียนไม่พอใจและจ้องมองเขาพลางขมวดคิ้ว
นางรู้ดีว่าแม้ว่าผู้ฝึกกระบี่คนนี้จะเป็เพียงนักรบระดับสามขั้นมหาสมุทร แต่เขาศึกษาวิชากระบี่มาหลายปีแล้ว แค่ความเข้าใจในเื่วิชากระบี่ก็ถือว่าไม่ด้อยไปกว่าผู้ใช้กระบี่ระดับกลางขั้นมหาสมุทรบางคนแน่นอน
“น้องหญิง ในเมื่อจอมยุทธ์อวิ๋นสามารถฆ่าโจรม้าในขั้นมหาสมุทรได้ด้วยการฝึกฝนขอบเขตควบแน่นพลังปราณ เช่นนั้นทักษะการใช้กระบี่ของเขาย่อมต้องสูงมาก คืนนี้จึงคิดจะใช้โอกาสนี้ชื่นชมกระบี่ของเขา ข้าอยากเห็นมันด้วยตาของตัวเองสักหน่อย”
เสวี่ยหานเฟยยิ้มเบาๆ จากนั้นมองไปที่ฉู่อวิ๋นและยกมือขึ้นประสานเล็กน้อย เขาดูสุภาพมาก ดูไม่อาจทนต่อความน่ารังเกียจได้แม้แต่น้อย
แต่หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ ฉู่อวิ๋นก็หรี่ตาลงและเยาะเย้ยในใจ เสวี่ยหานเฟยผู้นี้้าทดสอบเขาอีกครั้งเป็แน่
แต่เขาที่ได้เจอกับการยั่วยุที่เงียบงันเช่นนี้ ไหนเลยจะถอยได้?
“ย่อมได้! ในเมื่อคุณชายชุยเสวี่ยสนใจ เช่นนั้นข้าก็จะร่วมด้วยไปจนสุดทาง”
ฉู่อวิ๋นถือกระบี่ไว้แล้วก้าวตรงไปยังใจกลางของลานริมทะเลสาบเล็กๆ เขายับยั้งพลังปราณเอาไว้ ทำให้ผู้คนยากจะมองเห็น
“จอมยุทธ์อวิ๋นสมกับเป็วีรบุรุษ พูดจาฉับไวมาก คุณชายเช่นข้าชื่นชมยิ่งนัก”
ดวงตาของเสวี่ยหรูเยียนฉายแวววาววับ จากนั้นเขาก็พูดกับผู้ฝึกกระบี่ "ไปเถอะ ลุงซิ่ง แต่ต้องระวังด้วย จอมยุทธ์อวิ๋นเป็แขกผู้มีเกียรติของตระกูลเรา ท่านห้ามทำร้ายเขาเด็ดขาด แลกเปลี่ยนเพียงแค่นั้นก็พอแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น บ่าวที่เป็ผู้ฝึกกระบี่ก็หัวเราะเบาๆ พยักหน้าเล็กน้อย สบสายตากับเสวี่ยหานเฟยแล้วเดินไปที่ใจกลางลาน
ในเวลานี้ คนรับใช้และสาวใช้ที่อยู่ใกล้ๆ ต่างก็อยากรู้อยากเห็นมากและมองมาที่นี่
ด้านในของจวนตระกูลเสวี่ยยังมีความคิดหลากหลายที่พุ่งผ่านความว่างเปล่าและมุ่งความสนใจมาที่นี่ ซึ่งล้วนเป็ผู้แข็งแกร่งทางพลังิญญาที่สนใจในการต่อสู้ครั้งนี้
ชายหนุ่มในขอบเขตควบแน่นพลังปราณจะก่อพายุลูกใดได้กัน? แอบมีเสียงหัวเราะเหน็บแนมออกมา
“คุณชายอวิ๋น…” เสวี่ยหรูเยียนกระซิบ แสดงสีหน้าเป็กังวล
ที่จริงแล้ว ก่อนหน้านี้ นางได้บอกผู้าุโของตระกูลไปแล้วเกี่ยวกับร่างกายอันบอบบางของนางที่ถูกเปิดเผย
ตอนนี้หลายคนเชื่อว่าฉู่อวิ๋นก็คือสามีในอนาคตของเสวี่ยหรูเยียนและกำลังแอบสังเกตเขาอยู่
ไม่นาน การต่อสู้ก็เริ่มขึ้น!
“จอมยุทธ์อวิ๋น ดาบกระบี่ไร้ตา ระวังด้วย!”
ดวงตาของบ่าวชุดดำเปลี่ยนเป็เ็า ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลังปราณ ก้าวไปข้างหน้าและแทงกระบี่ออกไปในอากาศ แสงกระบี่สิบดวงวิบวับแกว่งไกว และโจมตีเข้าที่ฉู่อวิ๋นด้วยความเร็วอันน่าอัศจรรย์
พลังของกระบี่เล่มนี้มหาศาลและน่าสะพรึงกลัวนัก แรงกดอากาศที่ะเิออกมาทำให้น้ำในทะเลสาบบริเวณใกล้เคียงเกิดคลื่นซัดขึ้นสู่ท้องฟ้า
ทันทีที่เขาเคลื่อนไหว ชายผู้นี้ก็ใช้วิชากระบี่อันทรงพลังที่สุดของเขา กวัดแกว่งกระบี่ไปในทุกทิศทาง พลังของเขาทะลุผ่านท้องฟ้า กลายเป็กระบวนท่าสังหาร!
“ข้าจะคอยดูเ้าโผล่หางจิ้งจอกออกมา” เสวี่ยหานเฟยเยาะเย้ยอยู่ในใจจากไกลๆ
เขาไม่เชื่อว่าฉู่อวิ๋นจะไม่ใช้กระบี่มาปกป้องตนเองใน่เวลาวิกฤติแบบนี้
และทันทีที่ฉู่อวิ๋นเคลื่อนไหว เขาก็สามารถใช้เบาะแสเหล่านี้เปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของคนป่า “อวิ๋นชู” คนนี้ได้!
“ควับ!”
ในยามนี้ แสงกระบี่ก็เดือดพล่าน ส่องสว่างให้สถานที่แห่งนี้สว่างไสวราวกับกลางวัน!
แต่เมื่อกระบี่ท่าสังหารใกล้เข้ามา ฉู่อวิ๋นก็ไม่คิดกลัวและไม่คิดหลบ เขาแค่ยืนถือกระบี่รับไว้ในแนวนอน
“อยากบังคับข้า? ไม่มีทาง!”
ทันทีที่เขาเปลี่ยนความคิด ฉู่อวิ๋นก็ระดมพลังปราณไฟหยางมาเปิดใช้งานลายสลักาของหิมะย่ำรุ้ง
ทันใดนั้น ร่องรอยของผลึกน้ำแข็งและเปลวไฟก็หมุนวนออกมา กลายเป็แสงสีรุ้งสองดวง พันกันเหมือนั และส่องสว่างไปทุกทิศทาง
“ควับ!”
เมื่อตั้งใจสังเกต ฉู่อวิ๋นก็พบข้อบกพร่องของคู่ต่อสู้ ควบแน่นพลังกระบี่สีรุ้งในมือและแทงมันออกไปทันที ราวกับัที่บินไปไกลหลายร้อยลี้ ด้วยความเร็วและแม่นยำอย่างยิ่ง มันกระแทกเข้ากับปลายกระบี่ของคู่ต่อสู้อย่างแรง!
“ตูม!”
ด้วยเสียงอันดัง ใบไม้ร่วงหล่น คลื่นในทะเลสาบกระทบฝั่ง!
ทันใดนั้น ท่าทีของผู้ฝึกกระบี่อีกฝ่ายก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เขาก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็ว กระอักเืออกมาคำใหญ่และใอย่างยิ่ง!
ด้วยเสียง “แกร๊ก” เขามองไปที่มือ ก่อนจะพบว่าขอบกระบี่ในมือค่อยๆ แตกออกและร่วงหล่นเป็ชิ้นๆ
ผู้ชมทั้งหมดต่างตกตะลึง!