วันรุ่งขึ้น เมื่อกู้เจิงเดินออกมาจากห้องของนาง ก็เห็นซู่เหนียงกับชุนหงกำลังพูดคุยกันถึงเื่เสื้อผ้าที่แขวนอยู่ตรงฉากกั้นห้อง
“เสื้อผ้าพวกนี้สวยจริงๆ ดูความละเอียดงดงามของลายปักบงกชบนอ่าว[1] ตัวนี้สิ เจิงเอ๋อร์ของเราใส่แล้วจะต้องงดงามดั่งบุปผาเป็แน่แท้”
“ซู่เหนียง อ่าวฉวิน[2] นี้ยังเป็แบบใหม่ล่าสุดใน ‘หลัวฉี่เก๋อ’ ด้วยนะเ้าคะ”
“โอ้ แม้แต่ชุนหงของเราก็ยังรู้ว่าชุดแบบไหนเป็ที่นิยมอย่างยิ่งในตอนนี้กระนั้นหรือ”
“พวกสาวรับใช้ในจวนต่างก็พูดถึงเสื้อผ้าของหลัวฉี่เก๋อกันทั้งนั้นเ้าค่ะ บ่าวย่อมได้ยินมาบ้าง” เมื่อเห็นกู้เจิงออกมาจากห้องด้านในทางหางตา ชุนหงก็เดินไปทำความเคารพอย่างมีความสุข “คุณหนูใหญ่ตื่นแล้ว เนื่องจากเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว นายหญิงจึงส่งเสื้อผ้าสารทฤดูชุดใหม่ในปีนี้มาให้พวกเราเ้าค่ะ สองชุดนี้สำหรับคุณหนูใหญ่ สวยยิ่งนัก คุณหนูใหญ่อยากลองสวมก่อนหรือไม่เ้าคะ?”
เมื่อกู้เจิงเห็นเสื้อผ้าชุดใหม่ก็รู้สึกว่าตนเองสวมแล้วน่าจะงดงามแน่ ร่างนี้มีความประทับใจที่ค่อนข้างดีต่อนายหญิงเว่ยซื่อ ่สองเดือนมานี้ ท่านพ่อผู้ไร้ค่าไม่เคยมาเยี่ยมเยียนบุตรสาวเช่นนางเลยสักครั้ง แต่นายหญิงมักจะส่งยาขี้ผึ้งมาให้บ่อยๆ “ในเมื่อท่านแม่ส่งเสื้อผ้าสารทฤดูมาให้ข้า ชุนหง ไปเข้าพบท่านแม่เพื่อแสดงความขอบคุณที่เรือนหลักกับข้า” อีกประการหนึ่งก็คือถือโอกาสเดินดูสถานที่ในความทรงจำสักรอบ
“เ้าค่ะ”
“มีอะไรให้ต้องขอบคุณกัน ในฐานะนายหญิง หากปฏิบัติต่ออนุภรรยาไม่ดีแล้วเล่าลือกันไปผู้ที่เสียหน้าก็คือนาง นางคงยังรักชื่อเสียงเกียรติยศนี้อยู่กระมัง” หวังซู่เหนียงหยิบประโปรงหนึ่งในนั้นมาลองเทียบบนตัวบุตรสาวพลางเอ่ยว่า “ถ้าเ้าไปเรือนหลัก ไม่แน่ว่าเว่ยซื่ออาจจะกลั่นแกล้งเ้า”
“ถ้าท่านแม่ตั้งใจกลั่นแกล้งพวกเรา จะให้คนนำเสื้อผ้าสารทฤดูชุดใหม่ส่งมาให้เราโดยเฉพาะได้อย่างไรเ้าคะ ซู่เหนียง การไปแสดงความขอบคุณท่านแม่เป็หน้าที่ของข้า อีกอย่าง การโขกศีรษะกล่าวขอบคุณก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร” เ้าของร่างเดิมอยู่กับหวังซู่เหนียงมานาน มักจะโดนปลูกฝังคำพูดดังเช่นจะต้องแต่งเข้าจวนเหล่าขุนนางผู้สูงศักดิ์ไปเป็อนุ ภายในใจจึงรู้สึกว่าตนเองต่ำต้อยเสมอมา ดังนั้นถึงได้มีบุคลิกชอบก้มหน้าอย่างขลาดกลัวอยู่เสมอ ซึ่งกู้เจิงทำไม่ได้ แต่ถ้าเป็ภาพลักษณ์สุภาพเรียบร้อยน้ำเสียงอบอุ่นนุ่มนวลแล้วล่ะก็ไม่มีปัญหา
หวังซู่เหนียงเกิดสะอึกสะอื้นขึ้นมา
“ซู่เหนียง เป็อะไรไปเ้าคะ?” อยู่ดีๆ ก็เศร้าสลดไปเกิดอะไรขึ้น
“เมื่อก่อนแม่พูดอะไรเ้าก็ฟัง ไม่คิดว่าการถูกโบยยี่สิบไม้จะทำให้เ้าเปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้” หวังซู่เหนียงกล่าวขณะเช็ดน้ำตาไปด้วย
กู้เจิง “...” พวกนางล้วนอาศัยนายหญิงเว่ยซื่อในเื่อาหารการกิน แม้จะไม่เคารพอย่างไรก็ต้องรู้จักเกรงใจ นอกจากนี้ คนธรรมดาทั่วไปเมื่อมีคนส่งของมาให้ก็ควรจะแสดงมารยาทกลับไป นายหญิงตระกูลกู้เป็คนเ้าแผนการ แผนการที่ว่านี้ถ้ากล่าวให้ชัดก็คือดูแลคำนึงทั่วถึงทุกด้าน ทุกอย่างที่นางควรใส่ใจก็ทำหมดแล้ว ให้คนตระกูลกู้และคนภายนอกล้วนเข้าใจถึงการปกครองภายในบ้านของนายหญิงผู้นี้ว่าปฏิบัติต่ออนุภรรยาอย่างดี
เมื่อมองดูมารดาผู้ไร้ค่าผู้นี้อีกครา กู้เจิงรู้สึกว่ากลอุบายอันชาญฉลาดที่ซู่เหนียงให้กำเนิดนางในตอนนั้น เหตุใดบัดนี้แก่นความเฉลียวฉลาดถึงหายไปแล้ว ไม่ใช่ล้วนกล่าวว่ายิ่งแกยิ่งเผ็ดหรือ? ดูหวังซู่เหนียงผู้นี้สิ ในสถานการณ์ที่ถูกนายท่านเมินเฉย คาดไม่ถึงว่ายังจะดูแคลนนายหญิงที่จัดการดูแลทุกอย่างภายในบ้านอย่างดี ช่างเลอะเลือนจริงๆ
ขณะที่กำลังเดินไปเรือนหลักกู้เจิงก็ยังครุ่นคิดถึงปัญหานี้ จากความทรงจำเดิม นางได้ข้อสรุปออกมาว่า การอบรมเลี้ยงดูของหวังซู่เหนียง นั้นไม่ถูกต้อง นายหญิงเว่ยซื่อก็ปกครองหวังซู่เหนียงอย่างไม่เป็ธรรม ดังนั้นไม่ว่าหวังซู่เหนียงจะทำอะไร นางก็คงแอบหัวเราะลับหลัง ปล่อยให้หวังซู่เหนียงนับวันยิ่งกำเริบเสิบสานไม่ยำเกรงต่อสิ่งใด ไม่เพียงแต่ไม่เห็นนางผู้เป็นายหญิงอยู่ในสายตา แม้แต่นายท่านเองก็เช่นกัน ถึงได้ทำเื่วางยาองค์ชายห้าออกมาได้
กล่าวตรงๆ ก็คือ จากการอบรมสั่งสอนสตรีสูงศักดิ์แต่วัยเยาว์ของเว่ยซื่อ ขอแค่อนุรับใช้สงบเสงี่ยมเจียมตัว นางก็จะอดทนด้วยความใจกว้าง แต่ถ้าอนุรับใช้หาเหาใส่หัวก็ไม่แปลกที่ผู้เป็ภรรยาเอกจะไม่พอใจ
“คุณหนูใหญ่ ท่านเป็อะไรไปเ้าคะ? สีหน้าไม่ค่อยดีเลยเ้าค่ะ” ชุนหงที่เดินอยู่ด้านข้างเห็นสีหน้าของคุณหนูใหญ่เปลี่ยนไปกะทันหัน
“เ้าคิดว่าจะสายไปหรือไม่ที่เราจะแก้ไขมันในตอนนี้?” กู้เจิงถอนหายใจ
“แก้ไข? แก้ไขอะไรหรือเ้าคะ?” ชุนหงฟังไม่เข้าใจ
ไม่แปลกที่ชุนหงจะฟังไม่เข้าใจ ใน่ที่กู้เจิงยังไม่มา เ้าของร่างเดิมก็ไม่ใช่คนที่จะมาพูดอะไรแบบนี้ อย่าว่าแต่พูดอะไรแบบนี้เลย แม้แต่ความคิดเห็นก็ไม่เคยมี
“ไม่มีอะไร” เื่ที่วางยาเิฮั่นแก่องค์ชายห้า หากองค์ชายห้ารายงานต่อฮ่องเต้ กระนั้นก็นับว่าเป็เื่ใหญ่แล้ว แต่ถ้าเปิดเผยเื่โบยแค่ยี่สิบไม้ ก็ยังนับว่าเป็เื่เล็ก ยามนี้ผ่านไปสองเดือนกว่าแต่นางยังคงสบายดีไม่เป็อะไร น่าจะเพราะเื่ใหญ่ได้กลายเป็เื่เล็กเสียแล้ว
กู้เจิงถอนหายใจอีกครั้ง คิดว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี
“คุณหนูใหญ่ ซู่เหนียงพูดถูกเ้าค่ะ การโบยยี่สิบไม้นั่นทำให้ท่านหวาดกลัวไปหมด ท่านดูร้อนรุ่มกลุ้มใจมาตลอดทาง ซ้ำยังถอนหายใจอีก คุณหนูไม่เคยเป็แบบนี้มาก่อนเลยเ้าค่ะ”
กู้เจิง “...” นางถูกตีไปยี่สิบไม้ พักฟื้นเกือบสามเดือน จะกลัวก็เป็เื่ปกติมิใช่หรือ? นางไม่เพียงแต่กลัว ทั้งยังกลัวว่าจะต้องตายอีกด้วย “หรือว่าข้าในกาลก่อนถูกโบยแล้ว ยังจะพุ่งเข้าโต้เถียงอย่างนั้นหรือ?”
“จะเป็ไปได้อย่างไรเ้าคะ ท่านเป็ถึงคุณหนูใหญ่ของจวนป๋อเจวี๋ย”
“เช่นนั้นเมื่อก่อนข้าทำยังไง?”
ชุนหงคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้คุณหนูไม่ต้องทำอะไร หวังซู่เหนียงก็จะจัดการปัญหาแทนคุณหนูใหญ่...” เสียงนั้นหายไป
“ครานี้จัดการแล้วหรือยัง?”
ชุนหงรีบส่ายศีรษะ
“แต่ก่อนไม่ว่าเื่อะไร ซู่เหนียงก็จะออกตัวแทนข้า ทว่าก็มี่ที่นางช่วยอะไรไม่ได้ ในเวลานี้ ถ้าหากข้ายังเป็เช่นกาลก่อน เอาแต่หลบอยู่ด้านหลังซู่เหนียงไม่ทำอะไรเลย ปล่อยให้ซู่เหนียงทำเื่ยุ่งเหยิงเช่นนี้ ผลสุดท้ายจะเป็อย่างไรเล่า?”
“ย่อมต้องแย่ขึ้นเรื่อยๆ เ้าค่ะ” ชุนหงกล่าวอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
กู้เจิงรู้สึกว่าชุนหงยังไม่ถูกซู่เหนียงล้างสมองมากจนเกินไป ก็ทำให้นางเบาใจขึ้นบ้าง
“นี่ไม่ใช่พี่ใหญ่หรอกหรือ?” น้ำเสียงสดใสไพเราะดังมาจากทางถนนหินกรวด ดรุณีน้อยในวัยสิบสามสิบสี่ปีสวมกระโปรงสีเขียวปนเหลืองผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาหานาง
เป็ ‘กู้เหยา’ น้องสี่ของกู้เจิงคนก่อนนี่เอง หรือก็คือบุตรีคนที่สองของนายหญิงเว่ยซื่อ ปีนี้อายุสิบสามปี เป็ดรุณีน้อยที่สดใสร่าเริงมีชีวิตชีวา มีความสัมพันธ์กับกู้เจิงไม่ค่อยดีนัก แต่ปกติความสัมพันธ์ระหว่างสองแม่ลูกกู้เจิงกับคนภายในจวนก็ไม่ได้ดีอะไรนักหนาอยู่แล้ว
ชุนหงที่อยู่ด้านข้างรีบทำความเคารพตามมารยาท
“พี่ใหญ่ าแของท่านดีขึ้นแล้วหรือเ้าคะ?” กู้เหยาโค้งศีรษะก่อนจะยิ้มตาหยีให้กู้เจิง ดูน่ารักไร้เดียงสา ทว่ารอยยิ้มกลับเป็ที่ติดตราตรึงใจ
กู้เจิงไม่ชอบสายตาของเด็กสาวที่มองนางนัก รูปลักษณ์ที่ดูบริสุทธิ์ไร้เดียงสาย่อมต้องไม่ได้มีความหวังดีอะไรอย่างแน่แท้ จึงยิ้มและตอบกลับไปว่า “ขอบคุณน้องสี่มากที่เป็ห่วง าแของข้าไม่เป็อะไรมากแล้ว”
“เช่นนั้นก็ดีแล้วเ้าค่ะ พี่ใหญ่จะไปพบท่านแม่ที่เรือนหลักหรือเ้าคะ?”
“ท่านแม่ให้คนส่งเสื้อผ้าชุดใหม่สำหรับฤดูใบไม้ผลิมาให้ ข้าต้องไปแสดงความขอบคุณเสียหน่อย”
“ท่านอย่าไปเลยเ้าค่ะ ท่านแม่กับท่านพ่อกำลังพูดคุยกับแขกที่ห้องโถง ไม่ได้อยู่ที่เรือนหลักเ้าค่ะ”
“แขก ใครกัน”
กู้เหยากรอกตาไปที “ก่อนหน้านี้พี่ใหญ่โดนโบยด้วยเหตุใดเล่า?”
กู้เจิงรู้สึกตื่นใ บริเวณสะโพกแข็งตึง เอ่ยเสียงเบาว่า “องค์ชายห้ามาแล้วอย่างนั้นหรือ?”
‘ฟู่’ กู้เหยาเห็นท่าทางตึงเครียดของกู้เจิง ก็กุมท้องหัวเราะออกมาดังลั่นโดยไร้ซึ่งมารยาทใดๆ น้ำเสียงไพเราะน่าฟังดั่งกระดิ่งเงินนั้นฟังดูแล้วทำให้คนสบายหูยิ่งนัก แต่กลับช่างไม่รื่นหูกู้เจิงเอาเสียเลย
“พี่ใหญ่ ข้าหยอกท่านเล่นเ้าค่ะ”
กู้เจิง “...” นางไม่ชอบน้องสาวคนนี้เสียแล้ว
--------------------------------------------------------
[1] อ่าว เป็เสื้อตัวนอกที่ตัดเย็บแบบสองชั้นสำหรับสวมกันหนาว มีทั้งแบบยัดฝ้ายระหว่างเนื้อผ้าสองชั้นและแบบไม่ยัดฝ้าย ลักษณะแขนเสื้อกว้างแล้วสอบเข้าตรงข้อมือ สวมด้วยวิธีใช้สาบเสื้อทับกันหรือผ่าหน้ากลัดกระดุม
[2] อ่าวฉวิน (ฉวิน แปลว่า กระโปรง) เป็กระโปรงที่ใช้สวมใส่กับอ่าว ลักษณะกระโปรงจับจีบ ตัดเย็บด้วยผ้ามันวาว สวมโดยการพันรอบเอว