เป็ไปไม่ได้ที่คนอย่างจวนป๋อเจวี๋ยจะปล่อยให้สาวใช้ห้องข้างให้กำเนิดเด็กก่อนห้องหลักหวังซื่อจึงฉวยโอกาสในตอนที่แม่เฒ่าสองสามคนมาตามจับนางวิ่งไปหาฮูหยินชราผู้มีจิตใจเมตตาจึงได้รักษาชีวิตเด็กคนนี้ไว้ได้
เมื่อภรรยาเอกอย่างเว่ยซื่อแต่งเข้าจวนมา ได้ปกครองภายในบ้านอย่างเข้มงวด แต่กลับมองไม่ออกถึงกลอุบายของหวังซื่อผู้ต่ำต้อย ที่ทำเพื่อให้ได้รับการโปรดปราน สำหรับกู้หงหย่งแม้แต่หน้าก็ยังไม่เคยจะชายตามองนาง ทั้งยังไม่คิดจะรับอนุภรรยาอื่นอีกในสายตาเขามีเพียงภรรยาและบุตรสาวสองคนกับอีกหนึ่งบุตรชายที่เกิดจากภรรยาเอกเท่านั้น
“ขนาดไม่ทำตามกฎยังไม่สามารถดึงความสนใจจากท่านพ่อของเ้าได้เช่นนั้นหากทำตามกฎไม่ใช่ว่ายิ่งหมดหวังหรือ? เจิงเอ๋อร์ นี่เ้าถูกตีตรงสะโพกนะไม่ใช่ศีรษะ”
กู้เจิงรู้สึกอึดอัดใจตรงหน้าอกอยากพรูลมหายใจออกมาก็ไม่ใช่อยากจะกลั้นไว้ก็ไม่เชิง “ถ้าซู่เหนียงทำตามกฎแล้วข้ายังจะต้องรับโทษนี้อย่างนั้นหรือเ้าคะ?”ผู้ใดกันที่เห็นนางถูกโบยในวันนั้นแล้วร่ำไห้เสียจนจะขาดใจตาย? ลืมแล้วหรือไร?
“ครั้งนี้เป็แม่คำนวณผิดพลาดเอง เอาเถิดเ้าก็อย่าได้กังวลไป รักษาาแให้ดี มีแม่อยู่ทั้งคน”
ดูจากน้ำเสียงของซู่เหนียงเกรงว่ายังคงดึงดันทำจนกว่านางจะตาย กู้เจิงรู้สึกว่าแผลตรงที่ถูกโบยเริ่มสำแดงเดชอีกแล้วจากข้อมูลในสมอง นับั้แ่น้องสามของนางหรือก็คือบุตรสาวคนโตของภรรยาเอกยินยอมแต่งแก่องค์ชายห้าเป็ต้นมาหวังซื่อก็เกิดความคิดที่จะให้นางติดตามไปแต่งเป็อนุแล้ว
“ซู่เหนียงข้าจะไม่ปรนนิบัติรับใช้สามีคนเดียวกับน้องสามเด็ดขาด ยิ่งไปกว่านั้นท่านแม่ก็ได้หาช่องทางเื่แต่งงานให้ลูกแล้วเ้าค่ะ” กู้เจิงรีบกล่าวในความทรงจำนายหญิงเว่ยซื่อได้หาผู้สอบซิ่วไฉที่มีรูปลักษณ์เหล่อเหลาคมคายผู้หนึ่งไว้ให้นางแล้วยังไม่ต้องพูดถึงวันข้างหน้า นางเองก็ยังคิดไม่ตกว่าจะไปต่ออย่างไรดีหากต้องแต่งงาน นางย่อมเลือกปัญญาชนผู้นี้อยู่แล้ว หากได้เป็ภรรยาเอกผู้ใดจะไปอยากเป็อนุภรรยากันเล่า
“เ้าเด็กคนนี้ หลังถูกโบยไปหนึ่งยก จู่ๆก็สูญเสียความทะเยอทะยานไปได้อย่างไร? เ้าเป็ถึงคุณหนูใหญ่แห่งจวนป๋อเจวี๋ยต่อให้เป็บุรุษที่ต่ำต้อยด้อยค่ายิ่งกว่านี้ก็ไม่สามารถด้อยไปกว่าธรณีประตูจวนป๋อเจวี๋ยได้เ้าดูสิว่าเ้างดงามเพียงใด”หวังซื่อนำกระจกทองเหลืองบานเล็กวางไว้ตรงหน้ากู้เจิง“ถึงจะไม่ได้แต่งตัวก็สามารถทัดเทียมกับบุตรีทั้งสองของนายหญิงได้บุตรสาวข้ารูปร่างงดงามเช่นนี้ ย่อมคู่ควรเป็สตรีของผู้มีอำนาจบรรดาศักดิ์”
แม้ว่าภาพหญิงสาวในกระจกที่สะท้อนกลับมาจะดูซีดเซียวทว่าก็ยังยากจะปกปิดความสง่างามเฉียบคมของนางได้ความงามอันแสนเปราะบางนี้กอปรกับลำคอที่ยาวระหง ผิวขาวดุจหิมะ หวังซู่เหนียงแต่เดิมก็เป็สาวงามอยู่แล้ว กู้เจิงก็ได้สืบทอดรับส่วนดีของซู่เหนียงมา เป็โฉมสะคราญที่เปรียบดั่งศิษย์ได้วิชาจากอาจารย์แต่เก่งกว่าอาจารย์ กู้เจิงในยุคสมัยใหม่เองก็งามเช่นกันแต่กู้เจิงผู้นี้งดงามกว่าเธอไม่รู้ตั้งเท่าไร จึงอดไม่ได้ที่มองดูอีกสองสามครา
“ดังนั้นเจิงเอ๋อร์เ้าต้องใช้ความงามของเ้าให้เป็ประโยชน์ เข้าใจหรือไม่? ครึ่งชีวิตที่เหลือของแม่คงต้องพึ่งเ้าแล้ว”
กู้เจิงเหนื่อยใจกับมารดาไร้ค่าผู้นี้ยิ่งนัก รู้ว่าถึงตนเองจะพูดอย่างไรก็คงไม่มีประโยชน์ทั้งไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดในเื่นี้อีก พอดีกับที่ชุนหงยกโจ๊กเดินเข้ามา
เมื่อได้กลิ่นหอมของเนื้อกู้เจิงก็จัดการรวดเดียวไปหนึ่งชาม ถึงได้รู้สึกมีเรี่ยวแรงขึ้นมาบ้าง
หวังซื่อมองบุตรสาวด้วยความรักใคร่เอ็นดูอยู่ข้างๆจากนั้นจึงรีบนำอีกชามมาให้อย่างรวดเร็ว “ให้แม่ป้อนเ้าเถิด”
กู้เจิงคิดอยากปฏิเสธจากนี้ไปหากอยู่ห่างหวังซู่เหนียงได้มากเท่าไรก็ยิ่งดี ทว่าร่างกายของนางกลับเป็ไปเอง เพราะทันทีที่หวังซื่อป้อนมา ก็อ้าปากกินโจ๊กเนื้อที่นางป้อนดูท่า แม้เ้าของร่างนี้จะตายไปแล้ว แต่อารมณ์ความรู้สึกของนางกลับยังอยู่
ทานข้าวเสร็จก็ต้องทายาและทุกครั้งที่ทายาขี้ผึ้งตรงบริเวณสะโพกมันเป็่เวลาที่น่าอายที่สุดสำหรับกู้เจิง นางทนความเ็ปไม่ไหว ทุกครั้งที่ต้องทายา นางจะร้องไห้ฟูมฟายยกใหญ่ผนวกกับความรู้สึกอับอายขายหน้าที่ผุดขึ้นในใจ ทำนบน้ำตาจึงแตกราวกับเขื่อนพังทลายจริงๆ
หวังซู่เหนียงเห็นบุตรสาวเ็ป ก็สะอื้นไห้ไปด้วยพลางกล่าวว่า “ไม่ต้องร้อง ร้องจนใจแม่เจ็บไปหมดแล้ว ตีที่กายลูกแต่เจ็บที่ใจแม่”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้กู้เจิงก็ร้องไห้เสียใจมากยิ่งขึ้นมารดาไร้ค่าผู้นี้รักบุตรีของตนเองสุดหัวใจในขณะเดียวกันก็ทำร้ายบุตรีไปด้วยช่างแปลกประหลาดเสียจริง
หลังจากผ่านไปสิบวัน กู้เจิงก็สามารถลุกจากเตียงได้ ชุนหงไม่รู้จะหาไม้เท้ามาให้นางทำเป็ที่จับไว้พยุงตัวได้จากที่ไหนถึงแม้นางจะลุกลงจากเตียงได้ แต่ยังเดินตรงๆ ไม่ได้ดังนั้นลักษณะท่าทางยามเดินในตอนนี้ เมื่อมองจากไกลๆจึงดูเหมือนฮูหยินชราอย่างยิ่ง
“เจิงเอ๋อร์ แม่ซื้อยาขี้ผึ้งจากหมอที่ดีที่สุดในเยว่ตูมาลองมาดูเร็วเข้า” หวังซู่เหนียงเดินเข้ามาประหนึ่งสายลม ไม่ยอมให้คัดค้านใดๆจับให้กู้เจิงเอนตัวนอนลงบนเตียง “ยาขี้ผึ้งนี้เรียกว่าขี้ผึ้งเนื้อหยกมิรู้จบ ข้าได้ยินชาวบ้านบอกว่าได้ผลชะงัดนักแม้แต่เหล่าองค์หญิงในวังก็ใช้”
กู้เจิงไม่ได้คัดค้านอะไร นางก็รักความสวยความงามย่อมไม่้าให้หลงเหลือรอยแผลเป็ไว้บนร่างกาย
“เจิงเอ๋อร์ของเรางามขนาดนี้เนื้อผิวดุจหิมะเนียนละเอียด จะทิ้งรอยแผลเป็บนร่างกายไม่ได้โดยเด็ดขาดมีเพียงสตรีที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติถึงจะได้รับความโปรดปรานจากขุนนางเชื้อพระวงศ์เ่าั้”
คำพูดพวกนี้กู้เจิงฟังจนชินชาแล้วและคร้านจะต่อปากต่อคำด้วย ในฐานะผู้หญิงยุคใหม่ เธอชอบที่จะพึ่งพาตนเองลงมือทำจนกระทั่งสำเร็จด้วยตนเองมากกว่า เพียงแต่จวนป๋อเจวี๋ยแห่งนี้หากเหล่าสตรี้าออกไปข้างนอกก็ต้องมีบิดาหรือพี่ชายไปด้วยถึงจะไปได้หรือมีสตรีในครอบครัวได้รับการเชื้อเชิญให้ไปทำกิจธุระข้างนอกโอกาสที่จะได้ออกไปไหนมาไหนเพียงคนเดียวจึงมีน้อยนัก
เื่พวกนี้รอให้ร่างกายดีขึ้นแล้วค่อยว่ากัน
“แม่ได้หาบ้านมีสกุลไว้ให้เ้าบ้างแล้วล้วนเป็ตระกูลที่สืบทอดบรรดาศักดิ์จากบรรพบุรุษรุ่นสู่รุ่น อย่างแย่ที่สุดก็คือจื่อเจวี๋ย[1]รอร่างกายเ้าหายดีแล้ว แม่จะหาทางพาเ้าไปแนะนำกับพวกเขา”หลายวันมานี้หวังซู่เหนียงวางแผนการในอนาคตของบุตรสาวมาโดยตลอด “ถ้าหากมีคนที่ถูกใจแม่จะคิดหาหนทางไปเป็อนุภรรยาให้เ้าเอง หากโชคดีรอถึงวันที่นายหญิงตาย ก็ยังสามารถยกเ้าขึ้นเป็ภรรยาเอกได้อีกด้วย เจิงเอ๋อร์เ้าฟังอยู่หรือไม่?”
“ฟังอยู่เ้าค่ะ”กู้เจิงนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงพลางตอบกลับเสียงเบา
“ดูท่าทางเ้าสิ ช่างไม่เหมือนข้าเลยจริงๆ”หวังซู่เหนียงมองบุตรีด้วยความเจ็บใจที่เหล็กกล้าไม่เป็เหล็กกล้า[2]
กู้เจิงคิดว่าหากนางเหมือนกับซู่เหนียง ชีวิตนี้คงจบสิ้นแล้วจริงๆ พอคิดว่าต้องใช้ชีวิตอย่างหวังซู่เหนียงถึงแม้การใช้ชีวิตโดยเปล่าประโยชน์ไปวันๆ ดีกว่าต้องตายกระนั้นนางก็ขอยอมพุ่งชนเข้าหากำแพงเสียจะดีกว่า
หลังจากนอนอยู่บนเตียงมาสองเดือนเต็มในที่สุดกู้เจิงก็หายเป็ปกติ
สิ่งแรกที่นางทำก็คือออกไปเที่ยวดูนอกจวนป๋อเจวี๋ยนางดึงชุนหงไปที่ประตูด้วยความตื่นเต้น ทว่ายังไม่ทันก้าวออกจากจวน ก็มีบ่าวรับใช้มาถามนางว่าได้แจ้งแก่นายหญิงหรือยัง หากนายหญิงอนุญาตนางถึงสามารถออกไปได้ แต่ถ้าไม่ได้รับการอนุญาตจากนายท่านหรือนายหญิงนางก็ออกไปไม่ได้กฎของบ้านช่างเข้มงวดจนนางพูดอะไรไม่ออก
เมื่อนางไม่สามารถออกทางหน้าบ้านได้ นางจึงไปที่สวนหลังบ้านเพื่อดูว่าพอจะมีโอกาสปีนกำแพงออกไปได้หรือไม่ทว่าพอเห็นความสูงของกำแพง กู้เจิงก็ล้มเลิกความคิดนี้ไป
เมื่อคิดอย่างถี่ถ้วนดูแล้วนางจะออกไปข้างนอกทำไมกัน?ทั้งไร้เงินทั้งไร้ความสามารถ กอปรกับผิวพรรณบอบบางของตนเอง และรูปลักษณ์ที่ดึงดูดผู้คนหากมีอะไรเกิดขึ้น นี่ไม่ใช่ว่าเป็การทำร้ายตนเองหรือ? เช่นนั้นก็เฝ้าสังเกตการณ์ไปก่อนแล้วกัน
---------------------------------------------------------
[1] จื่อเจวี๋ย(หมายถึงบรรดาศักดิ์ชั้นจื่อ) เป็ตำแหน่งขุนนางขั้นสูงของจีนโบราณนับเป็ลำดับที่สี่รองจาก ‘ป๋อ’ โดยบรรดาศักดิ์แบ่งเป็ ‘กง โหว ป๋อจื่อ หนาน’ ตามลำดับ
[2] เจ็บใจที่เหล็กกล้าไม่เป็เหล็กกล้า หมายถึง การเข้มงวดกับคนๆ นั้นเพื่อหวังว่าเขาจะได้ดิบได้ดี