“นายท่าน นี่ท่าน? ” เมื่ออาจิ่วได้ยินสิ่งที่อวี๋เคอพูด เขาก็ััได้ทันทีเลยว่าขนนกทั่วทั้งร่างแทบจะะเิออกมาเขารู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก
อวี๋เคอสะบัดมือไปมา และเก็บหน้ากากกลับเข้าไปจากนั้นจึงถามเซียวอวิ๋นว่า “เ้าช่วยข้าเื่นี้ได้หรือไม่? ”
“ช่วยน่ะช่วยได้แต่ท่านบอกข้าหน่อยได้หรือไม่ว่าอวี๋เคอคือใคร? ” เซียวอวิ๋นลากดาบยาวอย่างเชื่องช้า พร้อมกับเกาศีรษะ แล้วทำหน้ามึนงง
“เ้า! นี่เ้าไม่รู้จักแม้กระทั่งอื้อ...” อวี๋เคอรีบเอามือปิดปากเล็กของอาจิ่วเอาไว้ด้วยความว่องไว และพูดกับเซียวอวิ๋นว่า “เ้าไม่ต้องรู้หรอก แค่นำคำไปพูดแทนข้าก็พอแล้ว”
อวี๋เคอปล่อยอาจิ่วให้เป็อิสระจากนั้นจึงโน้มตัวลงเข้าไปใกล้เซียวอวิ๋นเล็กน้อย แล้วชี้ไปที่ใบหน้าของตนเองพร้อมกับพูดว่า “อีกอย่างเ้าห้ามบอกว่าเคยเห็นหน้าข้าเด็ดขาด”
เสื้อคลุมสีแดงสดสะท้อนสีแดงอ่อนไปบนแก้มขาวสะอาดทั้งสองข้างของอวี๋เคอหางตาที่ยกขึ้นเล็กน้อยเผยให้เห็นถึงเสน่ห์ที่ยั่วยวน ั์ตาสีอ่อนฉายสะท้อนใบหน้าเล็กอันมอมแมมของเซียวอวิ๋นทำให้เซียวอวิ๋นผู้ที่ไม่เคยใส่ใจเื่รูปลักษณ์ภายนอกพลันรู้สึกละอายใจขึ้นมาในทันที
เขาถอยหลังออกห่างอวี๋เคอไปสองก้าวและพยายามปรับน้ำเสียงอยู่หลายครั้งกว่าจะทำให้เสียงกลับมาเป็ปกติได้ “ได้!นายน้อยรับปากเื่นี้! และจะนำคำพูดของท่านส่งไปให้ถึงอย่างแน่นอน! ”
อวี๋เคอเดินเข้าไปตบศีรษะของเขาเบาๆและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้ากลับชอบนิสัยตรงไปตรงมาเช่นนี้ของเ้ามากเสียอย่างนั้น หากมีโอกาสคงได้พบกันใหม่” พูดจบก็หันหลังพาอาจิ่วขึ้นรถไป
เซียวอวิ๋นขยับไปด้านข้าง และมองตามรถม้าที่มีสิงโตสองหัวลากทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าจนเปลี่ยนเป็จุดสีดำเมื่อห่างออกไปไกลลิบเขายกมือลูบท้องที่ตอนนี้อิ่มแล้วป้อยๆ แล้วหันหลังเดินไปยังเส้นทางที่มุ่งสู่สำนักฉิงชาง
อวี๋เคอไม่กังวลเลยว่าเซียวอวิ๋นจะเข้าไปยังสำนักฉิงชางได้หรือไม่เพราะเมื่อครู่ตอนที่ใช้เวลาอยู่กับเด็กคนนั้นก็รู้ว่าระดับวิชายุทธ์ของเขาอย่างน้อยก็อยู่ในขั้นจู้จีแล้ว แม้ว่าตอนนี้จะเลยระยะเวลาในการคัดเลือกศิษย์ของสำนักฉิงชางไปแล้วแต่พวกเขาคงจะไม่ปฏิเสธต้นกล้าที่ดีอย่างเซียวอวิ๋นแน่นอน
อีกอย่างนิสัยที่เป็ธรรมชาติแบบนี้ของเขา อย่างไรเสียก็ต้องทำให้ผู้คนรักใคร่เอ็นดูได้อยู่ดี ในหนังสือนั้นพูดได้เลยว่าเขาเป็คนดีที่สุดของสำนักฉิงชางที่ทุกคนต่างชื่นชอบและเหนือกว่าเฉิงเซียงที่หน้าใสใจคดเป็ไหนๆ อวี๋เคอหาวหวอดก่อนจะพิงผนังด้านในที่นุ่มลื่นของรถม้า เพราะตอนนี้เขารู้สึกง่วงนอนขึ้นมาเสียอย่างนั้นจึงหลับตาลงหวังจะงีบสักพัก
อาจิ่วที่เหมือนกำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็หยุดไปเพราะเห็นนายท่านของตนเหนื่อยถึงเพียงนี้แล้ว จึงได้แต่เก็บคำถามมากมายของเขาเอาไว้ในใจและไม่พูดออกมาเขาสงสารนายท่านมากจริงๆ และยิ่งไม่เข้าใจอีกว่านายท่านคิดอย่างไรกันแน่เขาถึงกับให้เ้าเด็กผีนั่นนำคำพูดในทำนองนี้ไปส่งสารนี่ไม่เท่ากับเป็การประเคนความเกลียดชังให้กับตนเองเลยหรือ? แล้วยังพูดว่า ‘หลังจากที่เ้าฆ่าอวี๋เคอแล้ว อาจารย์ก็จะกลับมาหาเ้า’ ? อะไรแบบนั้นอีก หากท่านตายไปแล้วท่านอาจารย์ของเ้าเด็กผีนั่นจะไม่ตายไปด้วยหรือ?
อาจิ่วไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ ตัวเองถึงได้รู้สึกเสียใจแทนอวี๋เคอมากมายนักเขาขยายตัวให้ใหญ่ขึ้นเล็กน้อย และกางปีกลงบนร่างของอวี๋เคอส่วนตนเองก็พิงไปบนไหล่ของเขาเบาๆ พร้อมกับถอนหายใจออกมา
นายท่าน ไม่ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นอาจิ่วก็จะอยู่เคียงข้างท่านตลอดไป
อวี๋เคอนอนหลับสบายมาก และไม่ได้ฝันอะไรเลยด้วยเมื่อตื่นขึ้นมาก็รู้สึกได้ถึงความสดชื่นและกระปรี้กระเปร่าและแน่นอนว่าไม่ทันสังเกตเห็นภาพของเ้าขี้เซาที่นอนน้ำลายไหลย้อยอยู่บนไหล่...อวี๋เคอยิ้มอย่างจนปัญญา เขาวางอาจิ่วที่หลับสนิทลงบนเบาะนั่งเบาๆส่วนตนเองก็เลิกม่านบนรถขึ้นเพื่อดูว่าเดินทางมาถึงที่ไหนแล้ว
พบว่าเริ่มเข้าใกล้แม่น้ำแห่ง์มากขึ้นเรื่อยๆแล้ว อวี๋เคอขมวดคิ้ว และเหวี่ยงสะบัดมือ เพื่อร่ายคาถาอำพรางปกคลุมทั่วทั้งรถม้าจากนั้นลูบท้ายทอยของสิงโตสองหัวแล้วสั่งให้เขาบินสูงขึ้นและช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหาขึ้น ตอนนี้วิสัยทัศน์ตรงหน้าของเขายอดเยี่ยมมากเขายืนอยู่หน้ารถม้าและมองลงไปยังด้านล่างก็เห็นฝั่งแดน์ทางด้านนี้มีองครักษ์เพิ่มจำนวนขึ้นมาอย่างน้อยสองเท่าจากตอนที่พวกเขาเพิ่งมาถึงอีกทั้งบรรยากาศก็ค่อนข้างเข้มงวดขึ้นพอสมควร
อวี๋เคอไม่เข้าใจว่าภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่วันทำไมแดน์ถึงได้เพิ่มกำลังองครักษ์ขึ้นมารวดเร็วถึงเพียงนี้? หรือว่ามีเื่อะไรเกิดขึ้นที่ฝั่งแดนปีศาจหรือเปล่า? แต่ไม่น่าจะใช่นะ เพราะตนเองก็ไม่ได้อยู่ที่นั่นจึงไม่มีใครคอยคุมสถานการณ์แล้วจะเกิดเื่วุ่นวายอะไรขึ้นได้อย่างไร?
สิงโตสองหัวลากรถม้าไปอย่างมั่นคง เมื่อออกห่างจากแดน์มาไกลแล้วอวี๋เคอจึงปล่อยให้มันเดินหน้าต่อไปตามเส้นทางเดียวกับตอนที่มาถึง ส่วนตนเองนั้นลงจากรถไปก่อนแล้วเร่งเหาะขึ้นฟ้าเพื่อไปยังแดนปีศาจ เพราะเขาอยากจะไปดูเสียหน่อยว่าทางฝั่งแดนปีศาจนั้นเกิดเื่อะไรขึ้นกันแน่!
แน่นอนว่าระดับความเร็วของตัวเขานั้นเร็วกว่าสิงโตสองหัวหลายเท่าท้องฟ้ายังไม่ทันมืดเขาก็มาถึงยังน่านฟ้าเหนือแดนปีศาจแล้วเมื่อมองลงไปยังด้านล่าง คิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันอย่างช่วยไม่ได้เพราะสิ่งที่เห็นคือทหารเผ่าปีศาจจำนวนมากกำลังยืนเรียงรายกันอยู่ด้านล่าง โดยทหารทั้งหมดนั้นอยู่ในท่ายืดตัวตั้งตรงดูแล้วช่างน่าเกรงขามราวกับกำลังจะไปออกรบ
อวี๋เคอร่อนลงสู่กลางอากาศเมื่อเผชิญหน้ากับทหารเหล่านี้ก็รู้สึกเพียงว่ามีเส้นสีดำ [1] อยู่ทั่วหัวไปหมด ขณะที่เขากำลังจะเปิดปากพูดอะไรบางอย่างแต่เห็นว่าทหารเ่าั้สังเกตเห็นเขาทันทีที่เงยหน้าขึ้น สายตาทุกคู่ที่มองมานั้นส่องประกายพร้อมกับใบหน้าที่แข็งทื่อจ้องจนอวี๋เคอขนลุกไปทั้งตัว และกลืนน้ำลายลงคออย่างเงียบๆ
“ท่านจอมปีศาจ!!ท่านจอมปีศาจกลับมาแล้ว!! ” เมื่อมีเสียงหนึ่งร้องะโทำลายความเงียบลงจากนั้นเสียงตอบรับก็ดังขึ้นมาตามๆ กัน ทั้งกองทัพโห่ร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นราวกับถูกฉีดด้วยเืไก่[2]
“อ๊า! ท่านจอมปีศาจจริงๆ ด้วย!ท่านจอมปีศาจกลับมาแล้วจริงๆ ! ”
“ท่านองครักษ์พูดไว้ไม่มีผิดเลย!ว่าพวกเราจะพบท่านจอมปีศาจที่นี่ได้จริงๆ ! ”
“ท่านจอมปีศาจในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว! ”
“...” แม้ว่าบนใบหน้าของอวี๋เคอจะพยายามรักษาอาการเอาไว้แต่ในใจของเขานั้นแสนจะมึนงง กู้จิ่นเฉิงรู้ได้อย่างไรว่าตนจะกลับมาจากแดน์? แล้วทำไมถึงต้องสร้างฉากแบบนี้ขึ้นมาเพื่อรอตนกลับมาด้วย? แล้วตอนนี้ตัวเขาไปอยู่ที่ไหน?
ทันใดนั้นก็มีเสียงเหินอากาศดังมาจากที่ไกลๆอวี๋เคอหรี่ตาลง จึงได้เห็นใบหน้าของผู้มาใหม่อย่างชัดเจน คิ้วคมเข้มกับดวงตารูปดาวจนไปถึงสีหน้าไร้อารมณ์ หากไม่ใช่กู้จิ่นเฉิงแล้วจะเป็ใคร?
เพียงไม่นานก็เห็นชายในชุดคลุมสีดำทมิฬยืนอยู่บนพื้นดินตรงหน้าอวี๋เคออย่างมั่นคงจากนั้นจึงคุกเข่าลงข้างหนึ่งเพื่อทำความเคารพ และกล่าวด้วยความนอบน้อมว่า “ผู้น้อยขอต้อนรับนายท่านกลับมาขอรับ”
แม้เสียงของเขาจะไม่ดังมากนักแต่ได้ใช้พลังปราณจนทำให้เสียงกระจายครอบคลุมไปทั่วทั้งบริเวณแม่น้ำแห่ง์และประโยคนี้ก็ราวกับเป็การส่งสัญญาณจากนั้นทหารเผ่าปีศาจที่ยืนอยู่ริมแม่น้ำเ่าั้ก็คุกเข่าลงข้างหนึ่งอย่างเป็ระเบียบก่อนจะวางอาวุธไว้ข้างลำตัว แล้วประสานมือคารวะขึ้นพร้อมๆ กัน “ผู้น้อยขอต้อนรับท่านจอมปีศาจกลับมาขอรับ————”
เสียงอันพร้อมเพรียงดังกึกก้องไปทั่วริมฝั่งแม่น้ำแห่ง์อารมณ์ของอวี๋เคอตอนนี้เรียกได้ว่าตกตะลึง ภาพแบบนี้ทำให้เขาตระหนักได้อย่างชัดเจนว่าตนเองยังครองตำแหน่งจอมปีศาจอยู่
เขาไม่ใช่แค่ตัวร้าย และศัตรูของซ่งฉียวนเท่านั้นแต่ยังเป็อวี๋เคอที่เป็ผู้นำแห่งแดนปีศาจทั้งหมดอีกด้วย
ความคิดก่อนหน้านี้ที่บอกว่าจะทิ้งตำแหน่งจอมปีศาจนี้แล้วไปหลบซ่อนตัวอยู่ในที่ลึกลับเพื่อใช้ชีวิตอย่างสง่าผ่าเผยจู่ๆ ก็ได้มลายหายไป อีกทั้งตราประทับหินสีดำบนฝ่ามือเริ่มจะร้อนขึ้นมาทีละนิด พร้อมกับมีภาพความทรงจำบางอย่างที่ซ่อนอยู่แวบเข้ามาในสมองฉายขึ้นมาเป็ฉากๆ เป็ภาพชายหนุ่มชุดแดงที่สังหารผู้คนอย่างเด็ดเดี่ยวและมีชีวิตชีวา เขาโบกมือตอบสนองให้กับทุกสรรพสิ่ง พร้อมรอยยิ้มบ้าคลั่งและดูชั่วร้ายแต่มันกลับทำให้ผู้คนไม่อาจละสายตาไปจากเขาได้
นี่คงเป็อวี๋เคอคนก่อนใช่ไหม? อวี๋เคอผู้นั้นที่ไม่มีใครสามารถล้มได้อวี๋เคอผู้นั้นที่แม้จะตกเป็นักโทษของซ่งฉียวนก็ไม่สูญเสียความทะนงตนไปอวี๋เคอผู้นั้นที่ทำให้ผู้คนเคารพศรัทธา...
ตอนแรกที่ตนใช้ชื่อ “อวี๋เคอ” ชื่อนี้เป็ชื่อของตัวร้าย ไม่ใช่เพราะอยากให้คนคนนี้ทำในเื่ที่ตนอยากทำแต่ไม่กล้าทำหรอกหรือ? อวี๋เคอที่มีนิสัยตรงกันข้ามกับนิสัยขี้ขลาดของตนเองอย่างสิ้นเชิง แต่กลับเป็ตัวละครที่เขาทุ่มเทแรงกายแรงใจให้มากที่สุดอาจกล่าวได้ว่าความจริงแล้วอวี๋เคอก็คือคนที่เขามุ่งหวังอยากจะเป็
จากนั้นความห้าวหาญก็บังเกิดขึ้นมาในใจเล็กน้อยอวี๋เคอก้มหน้าลงสบกับสายตาของกู้จิ่นเฉิง พร้อมกับยกมุมปากยิ้มขึ้นมาแล้วหันหน้ามองลงไปยังเหล่าทหารที่กำลังคุกเข่าอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ “ไม่ผิดหรอกข้าผู้นี้กลับมาแล้ว”
......
เชิงอรรถ
[1] เส้นสีดำ มีต้นกำเนิดมาจากตัวละครอนิเมะญี่ปุ่นที่ศิลปินวาดหยดเหงื่อหรือเส้นสีดำบนใบหน้าเป็การแสดงออกถึงความวิตกกังวล ความเศร้า และความโกรธ
[2] ถูกฉีดเืไก่ หมายถึงตื่นเต้นคึกคักมาก