เฉียวเยว่เองก็รู้ว่าหากครั้งนี้ตนเองไม่เห็นชิงเยว่ดีใจที่พี่สาวของนางได้รับาเ็ และไม่ไปพูดยั่วยุอีกฝ่าย เื่ราวต่างๆ หลังจากนั้นก็จะไม่เกิดขึ้น
นางไม่นึกเสียใจภายหลัง
แต่ท่านย่าอายุมากแล้ว นางอดรู้สึกปวดใจไม่ได้
"ท่านย่าลงโทษข้าเถอะ ลงโทษข้าเถิดนะเ้าคะ ข้าไม่กตัญญู ให้กลับไปคัดคัมภีร์กตัญญุตาธรรมดีหรือไม่?"
ฮูหยินผู้เฒ่าชำเลืองมองนาง "ใครบ้างไม่รู้ ปรกติเ้าชอบคัดอักษรวาดภาพ นี่เป็การลงโทษเ้าเสียที่ไหน?"
เฉียวเยว่แสดงสีหน้า "ถูกท่านมองออกจนได้"
นางกุมใบหน้าดวงน้อยพลางละล่ำละลัก แต่เห็นได้ชัดว่ามีไหวพริบ "ย่อมเป็การลงโทษสิเ้าคะ ผู้อื่น... ผู้อื่นล้วนลงโทษเด็กเช่นนี้ทั้งนั้น"
"ฮึ มารยาเสแสร้ง" ชิงเยว่ไม่เข้าใจว่านางเสแสร้งเก่งเยี่ยงนั้นได้อย่างไร มีเด็กที่ไหนบ้างยินดีคัดอักษร ทำราวกับว่าคนเรือนสามของพวกนางเก่งกล้าเสียเหลือเกิน
ฮูหยินผู้เฒ่าจดจ้องชิงเยว่ แม้นางจะดูกลัวเกรงอยู่บ้าง แต่กลับไม่มีท่าทีสำนึกมากนัก ราวกับไม่รู้สึกว่าการกระทำของตนเองเป็ความผิด นางนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนเอ่ยว่า "เห็นทีข้าคงจะควบคุมเ้าไม่อยู่แล้ว"
สิ้นคำกล่าว ก็มีเสียงร้องห่มร้องไห้ดังมาจากข้างนอก ฮูหยินผู้เฒ่าขมวดคิ้วเล็กน้อย ทันใดนั้นก็มีหญิงรับใช้วิ่งเข้ามากระซิบ "เรียนฮูหยินผู้เฒ่า เถียนอี๋เหนียงจากเรือนสองมาเ้าค่ะ ร้องไห้โวยวายอยู่ข้างนอก ขอให้ท่านช่วยจัดการให้คุณหนูหกเ้าค่ะ"
เื่นี้ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธจนหัวเราะออกมา "หลายปีมานี้นางถูกเ้ารองพะเน้าพะนอจนกลายนางฟ้านาง์ไปแล้วใช่หรือไม่?"
ชิงเยว่คิดจะเถียง แต่ด้วยความที่ยังอายุน้อยและยังมีความกลัวเกรงอยู่บ้าง จึงกัดฟันอดทน แต่สีหน้ากลับยังเต็มไปด้วยความดื้อดึง
"ข้าจำได้ ข้าเคยพูดว่าเื่นี้จะจัดการเอง ไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาแทรกแซง" และด้วยเหตุนี้ แม้ไท่ไท่ทั้งสามจะเดือดเนื้อร้อนใจก็ไม่มาที่นี่
ทุกอย่างจึงเงียบสงบ
"ในเมื่อไม่รู้จักกาลเทศะ ไม่รู้ถูกผิดดีชั่ว เช่นนั้นก็ตบปากจนกว่านางจะเข้าใจค่อยหยุด คิดว่าตนเองเป็เด็กหรืออย่างไร จะพูดเหลวไหลส่งเดชอย่างไรก็ได้โดยไม่ต้องถามถึงดีชั่ว?" จากนั้นก็เสริมอีกว่า "เด็กดีๆ ถูกนางสอนจนกลายเป็อะไรไปแล้ว"
ไม่นานเสียงร้องไห้จากข้างนอกก็รุนแรงยิ่งกว่าเดิม ชิงเยว่ตัวสั่น ไม่กล้าแม้แต่จะเปล่งเสียง
เด็กสาวอีกสองสามคนที่ยืนอยู่ล้วนไม่กล้าพูดสักคำ
"ิเยว่ เ้าเป็พี่ เกิดเื่เช่นนี้ เ้าเป็พี่สาวที่โตกว่าทุกคนควรดูแลน้องๆ ให้ดี เมื่อเกิดเื่ก็ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ทันท่วงที ครั้งนี้เ้ายังทำได้ไม่ดี อายุของเ้าก็ไม่น้อยแล้ว ไม่ช้าก็ต้องหมั้นหมาย เอาไว้เ้าออกเรือนเป็ภรรยาของผู้อื่นก็จะรู้ ทุกอย่างตอนนี้ล้วนแต่เป็บทเรียนให้เ้าฝึกฝน อย่าให้ต้องเจอกับเื่จริงถึงจะได้รับบทเรียนเลย"
"หลานทราบแล้วเ้าค่ะ" ิเยว่ตอบอย่างสัตย์ซื่อ
ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้า "เ้าเข้าใจก็ดี ย่ารู้ บรรดาหลานสาวในบ้าน เ้าเป็คนรู้ความและมีความสามารถที่สุด"
หลังจากนั้นก็หันไปมองเฉียวเยว่ "เมื่อเ้ายินดีรับโทษด้วยการคัดอักษร ก็ให้คัดคัมภีร์กตัญญุตาธรรมที่เ้าพูดเองหนึ่งร้อยจบ กลับไปได้แล้ว"
ในหนึ่งวันเฉียวเยว่คัดได้ไม่ถึงหนึ่งจบ ร้อยจบนี้ ไม่รู้ต้องคัดอีกนานแค่ไหน แต่ฮูหยินผู้เฒ่าก็ไม่ได้จำกัดเวลา
เฉียวเยว่ยอบกายคำนับอย่างมีมารยาท ตอบเสียงดังฟังชัด "เ้าค่ะ"
หันไปมองชิงเยว่ เห็นนางเอาแต่ก้มหน้าเงียบ แต่มือกำไว้แน่นจนซีด ดูก็รู้ว่าใจไม่ยินยอม แต่เพราะความกลัวถึงเป็เช่นนี้
ฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายใจ ก่อนเอ่ยว่า "หากให้เ้าอยู่เรือนสองต่อไป ก็ไม่รู้ว่าจะถูกเลี้ยงให้กลายเป็คนอย่างไร หากปล่อยไว้จนโตก็จะยิ่งแก้ไขได้ยาก เ้าย้ายมาอยู่ที่นี่เถอะ ชุยหมัวมัว แจ้งนายท่านรองกับไท่ไท่รอง บอกว่าคุณหนูหกจะย้ายมาอยู่ที่นี่ นอกจากนี้ให้เ้าเฝ้าจับตาดูนางทุกวัน ให้อ่านเขียนเรียนหนังสือ นิสัยเสียเ่าั้ของนางต้องขัดเกลาเสียให้หมด"
ถึงแม้ว่าจะไม่อยากสนใจเื่เหล่านี้เพราะอายุมากแล้ว แต่อย่างไรเสียก็เป็หลานสาวของตนเอง จะปล่อยให้เดินทางผิดเช่นนี้ต่อไปไม่ได้ หากโตขึ้นกลายเป็คนต่อหน้าอย่างลับหลังอย่างเหมือนเฉี่ยวเยว่ ก็คงจะดัดนิสัยยากแล้ว
"ย้ายมาเรือนหลักหรือเ้าคะ?" ชิงเยว่หน้าซีด เงยหน้าขึ้นมองอย่างไม่อยากเชื่อ
อันที่จริงบุตรของอนุคนหนึ่งสามารถได้รับการอบรมสั่งสอนจากฮูหยินผู้เฒ่าได้ จะช่วยส่งเสริมให้นางมีอนาคต แต่ถึงแม้ว่าสถานะจะสูงขึ้น กลับไม่สามารถอยู่กับมารดาผู้ให้กำเนิดของตนเองได้ ก็อาจจะทำให้ทุกคนเข้าใจว่าต้องมีเื่ใหญ่อันใดเกิดขึ้น
ชิงเยว่ก็เช่นเดียวกัน นางไม่ยินดีมาอยู่ที่นี่
"แต่ข้าอยากอยู่กับแม่ของข้า ข้า..."
นางยังคิดจะเถียงอีกสองสามประโยค แต่พอััได้ถึงสายตาอิจฉาริษยาของเฉิงเยว่กับเฉี่ยวเยว่ ก็ไม่อยากพูดอะไรอีกต่อไป
ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยเสียงเรียบ "เื่ให้ยุติแค่นี้"
คุณหนูอีกสองสามคนต่างมีสีหน้าแตกต่างกันไป ฮูหยินผู้เฒ่าย่อมมองเห็น จึงกล่าวอีกว่า "เฉียวเยว่กับฉีอันอยู่ก่อน ที่เหลือกลับไปได้"
"เ้าค่ะ" คุณหนูคนอื่นๆ ต่างรีบออกไปทันที
เฉียวเยว่ปีนขึ้นไปบนเตียงเตาทันควัน แต่กว่าจะปีนได้ไม่ง่ายนัก ก่อนหันมาหมายจะดึงฉีอัน แต่ผู้อื่นขึ้นมานั่งยิ้มมองนางแล้ว
"เฉียวเฉียว เ้านี่งี่เง่าจัง"
เฉียวเยว่ "..."
ดวงหน้าเล็กจ้อยค่อยๆ ป่องออกมา
"เฉียวเฉียว ข้าเข้าใจความหมายของเ้า ก็เลยไม่พูดอะไรเลย" ฉีอันทวงความดีความชอบ
เขารู้ั้แ่ตอนที่มาถึง เฉียวเยว่เขียนอักษรบอกไว้ขณะที่จูงมือเขา
เฉียวเยว่ชำเลืองมองฮูหยินผู้เฒ่าปราดหนึ่ง ก่อนหันไปถอนหายใจใส่ฉีอันแล้วเอ่ยว่า "ไม่สามารถฝากความลับอันใดกับเ้าได้เลย"
ฮูหยินผู้เฒ่าทำสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม "เฉียวเฉียวนับวันยิ่งร้ายกาจ ชักเหตุผลมาเป็คุ้งเป็แคว ขนาดหน้าตาของจวนซู่เฉิงโหวยังถูกลากออกมาพูด แต่กลัวฉีอันจะทำเสียเื่ใช่หรือไม่? เ้านี่มันฉลาดแกมโกงจริงๆ ขนาดจะพูดคุยก็ยังต้องวางอุบาย ต้องเรียนรู้มาจากท่านลุงผู้นั้นของเ้าเป็แน่"
เฉียวเยว่หัวเราะพรืด "ข้ามิได้วางอุบายเสียหน่อย อีกอย่าง ท่านย่า ท่านเข้าใจท่านลุงของข้าผิดไปหรือไม่ ท่านลุงของข้าเป็คนนิ่งขรึมพูดน้อยมากเลยนะเ้าคะ"
"ั้แ่เ้าไปจวนของท่านลุงก็สนุกสนานจนลืมบ้านช่อง ไม่รู้ว่าเด็กแสบอย่างเ้าจะรู้หรือเปล่าว่าย่าคิดถึง"
นางลูบหัวของเฉียวเยว่ แต่ฉีอันก็รีบพูดแทรกขึ้นทันควัน "ข้าทราบดีที่สุด เพราะข้าคิดถึงท่านย่าก็เลยกลับมาเร็ว"
เสียงตบสะโพกม้าดังเพียะๆ แต่ฮูหยินผู้เฒ่าก็ยังหัวเราะ พูดคล้อยตาม "จริงด้วย ฉีอันดีที่สุด"
เฉียวเยว่รีบเข้ามากอดคอของฮูหยินผู้เฒ่า ไม่ยอมน้อยหน้า "ข้าพิเศษกว่า ไม่สนล่ะ ข้าพิเศษกว่า ข้าพิเศษกว่า"
ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะอย่างอดไม่ได้ "ได้ เ้าพิเศษกว่า"
เฉียวเยว่ทำสีหน้าพึงพอใจ นั่งขัดสมาธิลงแล้วเอ่ยอย่างจริงจัง "ท่านย่า ข้าผิดไปแล้ว"
ฮูหยินผู้เฒ่าเลิกคิ้ว "หืม? เ้าผิดอันใด?"
"ข้ากลับมาั้แ่เมื่อคืนแต่ไม่มาคารวะท่านย่า เมื่อเช้านี้ก็ไม่มา"
นางเอานิ้วชนกัน "ท่านแม่กำชับว่าหลังจากเยี่ยมพี่หญิงอิ้งเยว่แล้วให้รีบมาคารวะ อย่าทำตัวเป็หมาป่าตาขาว แต่ว่า... แต่ว่าพอดีพบกับพวกพี่หญิงิเยว่ก่อน ก็เลยเละตุ้มเป๊ะ"
ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะขบขัน "เละตุ้มเป๊ะ?"
เฉียวเยว่พยักหน้า ทำปากยื่น "ใช่เ้าค่ะ ท่านย่ารักข้าถึงเพียงนี้ ข้านี่มันไม่รู้ความจริงๆ "
เห็นเด็กตัวเล็กๆ กลับพูดจารู้ความ มุมปากของฮูหยินผู้เฒ่าก็โค้งขึ้นเป็รอยยิ้ม หยิกพวงแก้มน้อยของนาง "ถึงแม้เฉียวเยว่จะไม่รู้ความอย่างไร ย่าก็รักเ้า"
เฉียวเยว่เงยหน้าขึ้นทันที "จริงหรือเ้าคะ?"
จากนั้นก็ทำท่ายินดีปรีดา
"เฉียวเยว่เป็เด็กนิสัยอย่างไร ย่าไหนเลยจะไม่รู้" ฮูหยินผู้เฒ่าตอบ
แม้ว่าจะคิดถึงหลาน แต่ฮูหยินผู้เฒ่าก็กระจ่างใจดีว่า ถ้าหากให้เฉียวเยว่ได้ร่ำเรียนกับท่านตาของนาง ก็เป็โชคดีอย่างยิ่งใหญ่สำหรับตัวนางเอง ครอบครัวของพวกนางไม่เหมือนครอบครัวอื่น ที่มักคิดว่าบุตรสาวไม่จำเป็ต้องเรียนหนังสือ
แต่ครอบครัวชนชั้นสูงส่วนใหญ่ล้วนปรารถนาให้บุตรสาวได้เรียนหนังสือ
ดังนั้นสำนักศึกษาสำหรับสตรีถึงได้เฟื่องฟู จนกระทั่งก่อกำเนิดอัครเสนาบดีหญิงคนแรกของต้าฉีเมื่อครั้งก่อตั้งแคว้น
แม้ว่าต่อมาภายหลังจะไม่มีสตรีรับราชการเป็ขุนนางอีก แต่ราชสำนักก็ยังยกย่องสตรีที่มีวิชาความรู้ ดังนั้นสตรีที่มีความรู้ย่อมมีแต่คนอยากมาสู่ขอแต่งงาน
ใครเล่าจะไม่ปรารถนาให้บุตรหลานของตนเองได้ดี ฮูหยินผู้เฒ่าก็เช่นเดียวกัน
"เรียนฮูหยินผู้เฒ่า นายท่านสามมาเ้าค่ะ"
ฮูหยินผู้เฒ่าเลิกคิ้ว "ทำไม กลัวว่าข้าจะจับฝาแฝดของเขากลืนลงท้องหรือไร?"
"ท่านพ่อรักข้าที่สุด ต้องกลัวว่าข้าจะถูกท่านย่าหวดก้นลายเป็แน่ ดังนั้นจึงรีบมาช่วย" เฉียวเยว่แสร้งทำกระมิดกระเมี้ยน
"เช่นนั้นรึ?" ฮูหยินผู้เฒ่าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
เฉียวเยว่พยักหน้า "แน่นอนเ้าค่ะ ข้าเฉลียวฉลาดน่ารักเช่นนี้ ท่านพ่อรักข้า รักจนไม่รู้จะรักอย่างไร"
หลังจากนั้นก็มองไปโดยรอบ แล้วหยิบกรรไกรไปตัดดอกไม้ในกระถางมาหนึ่งดอก เอามาคาบไว้ในปาก หลังจากนั้นก็ยักคิ้วหลิ่วตาทำท่าทางประหม่าเขินอายต่อไป
นึกถึงหนังเื่เจาะเวลาหาจิ๋นซี
จินตนาการว่าตนเองเป็อูถิงฟางนางเอกของเื่ที่คาบดอกกุหลาบไว้ในปาก ขณะร่ายรำไปบนกลองใบใหญ่
หันมาชม้ายชายตายิ้ม
ฉีอันปิดหน้า "ไอ้หยา อุจาดตายิ่ง"
เฉียวเยว่ "..."
ให้ตายเถอะ เผลอใช้คำสมัยใหม่ต่อหน้าเ้าเต่าน้อยตัวนี้ไม่ได้เลย เพียงแวบเดียวเขาก็ใช้เป็แล้ว
ฮึ!
"ซูเฉียวเยว่ ข้าว่าเ้าคงจะครั่นเนื้อครั่นตัวใช่หรือไม่ ยื่นก้นน้อยๆ ของเ้ามาให้ตีเดี๋ยวนี้ ตอนนี้ปีกกล้าขาแข็งแล้วรึ ถึงกับกล้าทะเลาะวิวาทในจวน" ซูซานหลางเข้ามาถึงก็ทำตาขึงใส่บุตรสาว
เฉียวเยว่เพิ่งคุยโม้ไปตั้งมากมายก่ายกอง ชั่วพริบตาเดียวก็กลายเป็ฝุ่นผง
ไหนเล่าที่บอกว่ามาช่วยนาง?
ไหนเล่าที่บอกว่าชอบนาง?
"พรืด ฮ่าๆๆๆๆ" ฉีอันหัวเราะลงไปนอนกลิ้ง ฮูหยินผู้เฒ่าก็อดกลั้นไม่อยู่แล้ว
เฉียวเยว่ร้องหวา วิ่งเข้าไปซุกในอ้อมแขนของฮูหยินผู้เฒ่า ดั่งได้รับความไม่เป็ธรรมอย่างยิ่ง
"ท่านพ่อแย่มาก ไม่มาช่วยข้าก็ช่างเถอะ ยังจะมาเพื่อตีเด็กโดยเฉพาะอีก โอ้์ ข้าเป็เด็กน่าเอ็นดูถึงเพียงนี้ เขายังตีได้ลงคอได้อย่างไร"
"ไม่ตีเ้า เ้าก็ยิ่งกำเริบเสิบสานน่ะสิ" ซูซานหลางเอ่ย
เฉียวเยว่ปิดก้นน้อยๆ ของตนเอง พลางซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนฮูหยินผู้เฒ่า "ท่านย่า ท่านดูบิดาข้าสิ เห็นหรือไม่ น่าเห็นใจท่านเหลือเกินที่มีบุตรชายเช่นนี้"
ซูซานหลางขบกรามกรอดๆ
เขาซูซานหลางสง่าผ่าเผยดุจดวงจันทร์สุกสกาว เป็คุณชายที่ผู้คนในเมืองหลวงล้วนนิยมชมชอบ แต่นั่นมิได้สำคัญ ที่สำคัญก็คือตอนนี้เขาถูกบุตรสาวของตนเองยั่วโทสะจนจะกลายเป็ตาแก่เลอะเลือนอยู่รอมร่อ
"ยายหนูตัวแสบ ข้า..."
"พอได้แล้ว หากผู้อื่นมาเห็นเข้า ไหนเลยจะจดจำสมญานามคุณชายอันดับหนึ่งของเ้าได้อีก" ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกว่าบุตรชายมักสูญเสียสัมปชัญญะเมื่ออยู่กับฝาแฝดสองคนนี้
"เด็กยังเล็ก ควรสอนแบบค่อยเป็ค่อยไป อีกอย่างเื่มันผ่านไปแล้ว เ้าจะมาฟื้นฝอยหาตะเข็บอันใด" นางกลอกตาใส่บุตรชาย
บัดนี้ซูซานหลางรู้สึกสับสนอย่างบอกไม่ถูก
เขากลัวว่ามารดาจะโกรธ จึงคิดว่าหากตนเองเป็ฝ่ายลงมือก่อน มารดาจะต้องเป็ห่วงยายหนูน้อยอย่างแน่นอน และจะไม่จดจำความไม่เหมาะสมที่นางทำเ่าั้ แต่แม้ว่าผลลัพธ์จะเป็ไปอย่างที่เขาคิด แต่ความรู้สึกที่ถูกทั้งมารดาทั้งบุตรชังน้ำหน้าพร้อมกันช่างยากจะบรรยายให้จบในประโยคเดียวโดยแท้
ใช่ ซับซ้อนเหนือคำบรรยายจริงๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้