“เ้าหมอนี่...” กงซุนหลิงเอ๋อร์ได้ยินคำพูดของเย่เฟิงก็ทำตากะพริบปริบ ๆ และรู้สึกได้ถึงความทะเยอทะยานของเย่เฟิง
เมื่อกล่าวจบ พวกเย่เฟิงก็ทะยานร่างขึ้นไปบนเรือรบอินทนิลทองคำทันที ซึ่งเรือรบอินทนิลทองคำนั้นเป็อาวุธขนาดใหญ่ที่มีประสิทธิภาพอย่างมาก ดังนั้นเย่เฟิงจึงใช้โอกาสนี้เก็บเป็ของตัวเอง
เมื่อทั้งสองสำรวจเรือรบอินทนิลทองคำก็อดใไม่ได้ เพราะเรือรบอินทนิลทองคำลำนี้กว้างขวางเป็อย่างมาก ทั้งยังตกแต่งอย่างหรูหราประหนึ่งสำนักเคลื่อนที่ได้ แม้บรรจุพันกว่าคนก็ไม่มีปัญหา
“หากเราอยากเก็บเรือรบอินทนิลทองคำก็ต้องหาห้องควบคุมเรือก่อน” กงซุนหลิงเอ๋อร์กล่าว จากนั้นพวกเขาค้นหาทั่วเรือ ก่อนจะเจอห้องควบคุมในไม่นาน
เมื่อผลักประตูเข้าไปก็มีแสงสว่างจ้า ภายในห้องควบคุมเรือมีอักขระโคจร พร้อมปลดปล่อยพลังประหลาดออกมา
“วูบ ๆ!” ทว่าพวกเย่เฟิงเพิ่งก้าวเท้าเข้ามาก็มีแสงเยือกเย็นหลายสายพุ่งมาหาจากรอบทิศทาง เป้าหมายก็คือพวกเขาสองคน จากนั้นเย่เฟิงแทงหอกัเงินประกาย พลันรังสีหอกทำลายทุกสิ่งที่คิดจะทำร้ายพวกเขาจนหมดสิ้น
ต่อจากนั้นเย่เฟิงสำรวจห้องควบคุมเรือ ก่อนหน้านี้เย่เฟิงมีประสบการณ์จากการควบคุมลวดลายเทวะ เขาจึงััได้ถึงค่ายกลลวดลายเทวะบนเรือรบอินทนิลทองคำ ค่ายกลลวดลายเทวะนี้ซับซ้อนเป็อย่างมาก ผู้สร้างจะต้องเป็ผู้มีฝีมือเก่งกาจและมีความรู้เกี่ยวกับมันในระดับลึกซึ้งจึงจะสร้างออกมาได้ ทำให้เป็เื่ยากสำหรับเย่เฟิงที่จะเก็บอาวุธชิ้นใหญ่ที่มีความซับซ้อนเช่นนี้ ดังนั้นเย่เฟิงจึงขอความช่วยเหลือจากราชันมารชื่อเทียน “ตาเฒ่า ข้าอยากเก็บเรือรบลำนี้ ต้องทำยังไง?”
“เรือรบลำนี้น่ามหัศจรรย์มาก ไม่คิดว่าจะมีเรือรบลำใหญ่ปรากฏในที่ห่างไกลเช่นนี้” ราชันมารชื่อเทียนอดใกับเรือรบอินทนิลทองคำไม่ได้
“เอาเถอะ อย่าเพิ่งพูดไร้สาระ บอกข้ามาก่อนว่าจะเก็บเรือรบลำนี้ยังไง” เย่เฟิงกล่าวอย่างไร้ซึ่งความอดทน
“อยากจะเก็บเรือรบลำนี้ เ้าก็ต้องปรับเปลี่ยนลวดลายเทวะบนเรือรบ”
ราชันมารชื่อเทียนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อไปว่า “ข้าจะสอนเ้า แต่คงยากหน่อย หากการปรับเปลี่ยนล้มเหลว เรือรบจะพังทลายทันทีที่ลวดลายเทวะผิดพลาด”
“แล้วจะรู้ได้อย่างไร” เย่เฟิงกล่าว ในใจเขาไม่มีคำว่ายอมแพ้มาแต่ไหนแต่ไร
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ ข้าจะถ่ายทอดวิธีให้เ้า” ราชันมารชื่อเทียนกล่าว ในความเป็จริง ความสำเร็จในลวดลายเทวะของราชันมารชื่อเทียนมีผลต่อเย่เฟิงเป็อย่างมาก ถึงอย่างไรเมื่อครู่นี้เย่เฟิงก็สร้างลวดลายเทวะสำเร็จมาแล้วครั้งหนึ่งในถ้ำนั้น
จากนั้นเย่เฟิงรู้สึกได้ถึงความทรงจำใหม่เข้ามาในหัวที่เกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนลวดลายเทวะบนเรือรบ ซึ่งเย่เฟิงใช้เวลาทำความเข้าใจไปครึ่งก้านธูป ถึงจะดำเนินการปรับเปลี่ยนลวดลายเทวะบนเรือรบ
เย่เฟิงทำการเชื่อมต่อกับลวดลายเทวะของเรือรบที่อยู่ภายในห้องควบคุมเรือ เขา้าปรับเปลี่ยนที่นี่ จากนั้นเย่เฟิงปลดปล่อยพลังจิต โคจรเก้าวัชรหุนหยวน พลังหุนหยวนไหลไปทั่วเส้นลมปราณ ก่อนจะมีแสงสว่างจ้าที่ปลายนิ้ว
“วูบ ๆ!” เย่เฟิงเริ่มวาดลวดลายอย่างไม่ลังเล ทว่ามิอาจลบล้างลวดลายเทวะบนเรือรบที่สร้างขึ้นก่อนหน้านี้ได้ การปรับเปลี่ยนจึงเป็ไปตามพื้นฐานเดิมของมัน ทำให้ลักษณะของแผนภาพลวดลายเทวะเปลี่ยนไป
“ไม่นึกว่าหมอนี่จะปรับแก้ลวดลายเทวะ ช่างใจกล้ายิ่งนัก!”
กงซุนหลิงเอ๋อร์มองดูเย่เฟิงอยู่ข้าง ๆ ด้วยความตกตะลึง แม้นางไม่มีความรู้เกี่ยวกับลวดลายเทวะมากเท่าไร แต่ก็เคยได้ยินความเสี่ยงอันตรายในการปรับเปลี่ยนลวดลายเทวะมาบ้าง
เช่นเดียวกับบางคนที่ไม่พอใจในพลังของอาวุธ จึงได้ทำการปรับเปลี่ยนลวดลายเทวะบนอาวุธชิ้นนั้น เพื่อทำให้ประสิทธิภาพของมันเพิ่มพูนขึ้นกว่าเดิม แต่หากการปรับเปลี่ยนล้มเหลว อาวุธก็จะพังทลายทันที ซึ่งการพังทลายเช่นนี้ถือเป็เป็เื่เล็กน้อย กลับกันหากเรือรบพังทลายจะส่งผลต่อความปลอดภัยของผู้คนที่อยู่บนเรือ
แต่เย่เฟิงกลับไม่สนใจเื่เหล่านี้ เขายังคงมุ่งมั่นที่จะปรับเปลี่ยนลวดลายเทวะ ไม่นานก็เข้าสู่สภาวะลืมเลือนเวลา ส่วนลวดลายที่เย่เฟิงวาดก็เริ่มถักทอกันทีละนิด ๆ
ภายในถ้ำ ณ เทือกเขาลอยฟ้า แสงของกรงลวดลายเทวะเริ่มจางลง พลังก็อ่อนตัวลงเช่นกัน ไม่นานมันก็จางหายไปอย่างสมบูรณ์
“ในที่สุดก็หลุดพ้นจากที่นี่!” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าวขึ้น
“ไป พวกเรากลับไป ถ้าคนผู้นั้นกล้าปรากฏตัวที่เมืองลอยฟ้า ตระกูลอู๋ข้าจะทำทุกวิถีทางเพื่อกำจัดเขา!” ผู้าุโตระกูลอู๋อีกคนกล่าว จากนั้นพวกเขารีบรุดออกจากถ้ำไป
บนเรือรบอินทนิลทองคำ เย่เฟิงใกล้ปรับเปลี่ยนลวดลายเทวะถึงขั้นสุดท้ายแล้ว แม้จะมีความทรงจำเกี่ยวกับลวดลายเทวะที่ราชันมารชื่อเทียนให้เขามา แต่การปรับเปลี่ยนครั้งนี้ก็ได้ทำให้เย่เฟิงรับรู้ถึงความลึกซึ้งของลวดลายเทวะ
อย่างไรก็ตามการสร้างในหนึ่งครั้งจะผลาญเวลาของผู้สร้างไปเป็วัน กระทั่งเป็เดือน ๆ หากเกิดข้อผิดพลาดแม้แต่นิดเดียวในตอนสร้างก็จะสูญเสียความพยายามทั้งหมดที่ทำมาเลยทีเดียว ดังนั้นผู้สร้างลวดลายเทวะไม่เพียงแต่ต้องมีความชำนาญด้านนี้ แต่ยังเป็การทดสอบจิตใจของผู้สร้างอีกด้วย
เมื่อเย่เฟิงวาดลวดลายเส้นสุดท้ายเสร็จสิ้น ลวดลายเทวะบนเรือรบทั้งลำก็เปล่งแสงจ้า พร้อมพลังประหลาดโคจร ลวดลายเทวะถักทอเป็ตำแหน่งใหม่ทั้งหมด จนกระทั่งสงบลง
ขณะเดียวกันเย่เฟิงรับรู้ได้ว่าพลังจิตของตนเชื่อมโยงกับเรือรบอินทนิลทองคำ ตราบใดที่เขายินดีก็สามารถเคลื่อนย้ายเรือรบได้ทุกเวลา นั่นหมายความว่าบัดนี้เย่เฟิงไม่เพียงแต่ชิงเรือรบอินทนิลทองคำมาได้สำเร็จ แต่ยังใช้พลังจิตในการควบคุมเรือรบได้อีกด้วย กล่าวได้ว่าเขาก็คือเ้าของเรือรบอินทนิลทองคำคนใหม่
วินาทีที่เย่เฟิงชิงเรือรบอินทนิลทองคำมาได้สำเร็จ ชายวัยกลางคนที่นั่งฌานอยู่ในลานบ้านของตระกูลอู๋ก็ลืมตาขึ้นอย่างฉับพลัน พร้อมใบหน้าขาวซีดราวกับประสบเื่ที่น่าเ็ป
“บัดซบ! เหตุใดการเชื่อมต่อระหว่างข้ากับเรือรบอินทนิลทองคำจึงถูกตัดขาด มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ชายวัยกลางคนลุกพรวดจากที่นั่ง พร้อมแสงเยือกเย็นปะทุออกจากดวงตา
“หรือจะมีคนปรับเปลี่ยนลวดลายเทวะบนเรือรบ แล้วชิงเรือรบไป?” ชายวัยกลางคนพึมพำกับตัวเอง
“ไม่ เป็ไปไม่ได้! ท่านพ่อเป็คนสร้างลวดลายเทวะบนเรือรบเองกับมือ ผู้ที่แก้ลวดลายเทวะเช่นนี้ในเมืองลอยฟ้าก็มีไม่เกินสามคน แล้วทุกคนก็ล้วนเป็ยอดฝีมือ แต่ก็ไม่มีทางชิงเรือรบอินทนิลทองคำของตระกูลอู๋ข้าได้ เรือรบจะต้องมีบางอย่างที่ผิดปกติแน่ ๆ ไว้ผู้าุโหลี่กลับมาก็ค่อยตรวจสอบแล้วกัน”
เมื่อฉุกคิดถึงความซับซ้อนระดับสูงของลวดลายเทวะบนเรือรบอินทนิลทองคำ ชายวัยกลางคนค่อย ๆ สงบจิตสงบใจลง ในความคิดเขานั้นไม่มีทางที่จะมีผู้ใดปรับเปลี่ยนลวดลายเทวะนั้นได้ แต่เขาหารู้ไม่ว่า เขาไม่เพียงแต่สูญเสียเรือรบอินทนิลทองคำ แต่ผู้าุโหลี่และอู๋เจ๋อยังถูกฆ่าตายไปแล้ว ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะชายหนุ่มขั้นยุทธ์แท้ที่ 2 เพียงคนเดียว
“เ้าชิงเรือรบได้แล้วหรือ?”
บนเรือรบอินทนิลทองคำ กงซุนหลิงเอ๋อร์เอ่ยถามขณะมองเย่เฟิงด้วยสีหน้าสงสัย
“อืม พวกเราลองใช้พลังของเรือรบลำนี้กันเถอะว่าจะเป็ยังไงบ้าง” เย่เฟิงกล่าวกับกงซุนหลิงเอ๋อร์
เมื่อกล่าวจบ เย่เฟิงได้ทำการปลดปล่อยพลังจิต ก่อนจะเชื่อมต่อกับเรือรบ ทันใดนั้นเรือรบเริ่มเคลื่อนที่อย่างช้า ๆ จนเปลี่ยนไปเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ไม่นานความเร็วก็เพิ่มขึ้นถึงระดับที่น่าใ เรือลำใหญ่แล่นทะยานบนฟากฟ้าด้วยความเร็วสูง แต่ภายใต้การควบคุมของเย่เฟิงก็มีบางเวลาที่ควบคุมได้ยากลำบากเช่นกัน
ด้านกงซุนหลิงเอ๋อร์ นางกรีดร้องเบา ๆ อยู่ในใจ ทั้งยังมองเย่เฟิงด้วยสีหน้าหวาดผวา
“ฟิ้ว!”
เสียงทะลวงอากาศดังก้อง จู่ ๆ มีลำแสงทำลายล้างพุ่งออกจากเรือรบ ทำห้วงอากาศบิดเบี้ยว ก่อนจะตามมาด้วยเสียงะเิดังสนั่นหวั่นไหว ลำแสงทำลายล้างนั่นปะทะเข้ากับหินก้อนใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลออกไป ทำให้หินก้อนนั้นแตกะเิจนสลายเป็ผุยผงแล้วหายวับไปกับตา
“ทรงพลังมาก!” เมื่อเย่เฟิงเห็นเรือรบอินทนิลทองคำสำแดงพลังโจมตีก็ต้องใเป็อย่างมาก
ลวดลายเทวะบนเรือรบอินทนิลทองคำมีความเป็เอกลักษณ์อย่างมาก สามารถดูดซับพลังฟ้าดินให้กลายเป็พลังงานขับเคลื่อน แน่นอนว่าพลังก็ย่อมทรงอานุภาพ
เรือรบอินทนิลทองคำสามารถปลดปล่อยการโจมตีได้ทุกเมื่อ แม้จะเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะก็ไม่กล้าเผชิญหน้าตรง ๆ สมบัติของตระกูลอู๋ช่างสมคำร่ำลือเสียจริง ๆ
เย่เฟิงขับเคลื่อนเรือรบอินทนิลทองคำกลับไปที่เดิม แต่จากนั้นเห็นคนกลุ่มหนึ่งออกมาจากเทือกเขาลอยฟ้า ซึ่งก็คือผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลอู๋ เมื่อพวกเขาเห็นเย่เฟิงและกงซุนหลิงเอ๋อร์ยืนตระหง่านอยู่บนเรือรบอินทนิลทองคำต่างก็เผยสีหน้าไม่สู้ดี จากนั้นเห็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 7 คนหนึ่งพูดกับเย่เฟิงด้วยเสียงดังว่า “สารเลว เรือรบอินทนิลทองคำของตระกูลอู๋ข้าก็กล้าแตะต้องหรือ? ยังไม่รีบไสหัวลงมาอีก!”
“วูบ!” ยังไม่ทันสิ้นเสียงของผู้ฝึกยุทธ์คนนั้น จู่ ๆ มีลำแสงทำลายล้างพุ่งออกมาจากเรือรบอินทนิลทองคำ ตรงเข้าหาคนนั้นด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
“ตูม!!!” เสียงะเิดังกึกก้องทั่วฟ้าดิน ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นหลบหนีไม่ทัน จึงถูกลำแสงทำลายล้างนั่นกลืนกิน ก่อนจะสลายหายไปท่ามกลางอากาศ
ผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลอู๋คนอื่น ๆ เห็นฉากนี้ต่างก็ตกตะลึง ทั้งยังตัวสั่นสะท้านและอดถอยหลังไปเองไม่ได้
“เรือรบอินทนิลทองคำไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลอู๋เ้าแล้ว!” เย่เฟิงกล่าวเสียงกร้าวพร้อมสองมือไพล่หลัง เขาชิงสมบัติของตระกูลอู๋อย่างโจ่งแจ้ง ซึ่งไม่เคยมีใครหน้าไหนในเมืองลอยฟ้าที่ทำเื่เช่นนี้ ทว่าบัดนี้เย่เฟิงกลับทำในสิ่งที่หลาย ๆ คนไม่กล้าทำ
“ข้าขอแนะนำให้เ้ารีบส่งเรือรบอินทนิลทองคำคืนซะ หาไม่แล้วต่อให้เ้ามีมัน ตระกูลอู๋ก็ต้องฆ่าเ้าให้ได้!” ชายชราคนหนึ่งกล่าวด้วยเสียงข่มขู่ เรือรบอินทนิลทองคำถูกเย่เฟิงชิงไปเช่นนี้ ถือว่าเป็เื่ที่น่าเ็ปสำหรับตระกูลอู๋
“เ้ามีสิทธิ์อะไรมาพูดกับข้า ไสหัวไปซะ!” เย่เฟิงปรายตามองชายชราคนนั้นแวบหนึ่ง จากนั้นควบคุมเรือรบอินทนิลทองคำเพื่อปลดปล่อยพลังเข้าโจมตีอีกฝ่าย ทำให้ชายชราคนนั้นหน้าถอดสี คล้ายไม่นึกว่าเย่เฟิงจะลงมือโจมตีเขาตรง ๆ อย่างไม่พูดพร่ำทำเพลงเช่นนี้ ช่างกำเริบเสิบสานยิ่งนัก
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของเรือรบอินทนิลทองคำ ชายชราต้องร่นถอยหลังและเกือบถูกลำแสงทำลายล้างนั้นกลืนกิน นี่ทำให้เขาต้องเหงื่อแตกพลั่ก
“เด็กคนนี้โอหังมาก ทุกคนบุกพร้อมกัน หากกำจัดเขาก็จะชิงเรือรบอินทนิลทองคำกลับคืนมาได้!”
ผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลอู๋คนหนึ่งกล่าวด้วยโทสะ ตระกูลอู๋เขาเป็ถึงหนึ่งในไม่กี่กองกำลังที่ทรงอิทธิพลสุดในเมืองลอยฟ้า แต่กลับมาถึงจุดนี้เพื่อที่จะไล่ล่าผู้เยาว์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 2 เพียงคนเดียว ไม่เพียงแต่ถูกคร่าชีวิตในที่แห่งนี้ไปหลายคน แต่คนที่เหลืออยู่ก็ตกอยู่ในวิกฤต ช่างน่าอนาถยิ่งนัก
“วูบ!” เย่เฟิงไม่คิดพล่ามไร้สาระกับอีกฝ่าย ตอนที่คนเหล่านี้รวมกำลังไล่ล่าเขา ทั้งสองฝ่ายก็ถึงจุดที่ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง นาทีต่อมา เรือรบอินทนิลทองคำปล่อยลำแสงทำลายล้างออกมาอีกครั้ง ทำให้ผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลอู๋ถูกฆ่าตายไปอีกคน
ผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลอู๋ที่เหลือต่างะเิโทสะ จากนั้นสำแดงเคล็ดวิชาท่าร่างของตน เพื่อที่จะพยายามขึ้นไปยังเรือรบอินทนิลทองคำ หมายสังหารเย่เฟิง แต่ภายใต้การโจมตีของเรือรบอินทนิลทองคำ พวกเขาจึงทำได้เพียงป้องกันการโจมตีเท่านั้น
“ครืน!”
ลำแสงทำลายล้างกระหน่ำโจมตีมาไม่ยั้ง ทำให้ผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลอู๋เผยสีหน้าดูไม่ได้ ก่อนจะหลบหนีลำแสงทำลายล้างพวกนั้นอย่างบ้าคลั่ง
เมื่อฉู่มู่ที่ดูอยู่ข้าง ๆ เห็นผู้ฝึกยุทธ์ถูกลำแสงทำลายล้างนั้นกลืนกินไปหลายคนก็ต้องเผยสีหน้าบูดเบี้ยวอย่างน่าเกลียด เขาจึงหนีออกจากที่นี่ไปอย่างเงียบ ๆ
“อ้าก!” เสียงกรีดร้องดังโหยหวนไม่หยุด แม้อีกฝ่ายจะมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้สูงสุดสามคน แต่ก็ยังคงรับมือกับเรือรบอินทนิลทองคำไม่ได้ นี่ทำให้เย่เฟิงยิ่งชอบเรือรบอินทนิลทองคำมากกว่าเดิม
