แค่มองก็รู้ว่าซูเมี่ยวเออร์ตั้งใจแต่งตัวอย่างดี
นางสวมชุดยาวสีขาวคลุมพื้น ปักลายสีชมพูที่ชายกระโปรงกว้าง เอวเรียวบาง เส้นผมยาวลงราวน้ำตก จากการแต่งตัว มองแวบแรกนางดูงดงามมาก ทว่าน่าเสียดายที่นางเป็สาวหน้าบาน การรวบผมทั้งหมดไปหลังใบหูทำให้ใบหน้าดูใหญ่ขึ้น หน้าตาดูทั่วๆ ไป
มีเสียงพูดคุยกันเล็กน้อยในฝูงชน ทุกคนประพฤติตัวตามปกติ มีบางคนถึงกับขมวดคิ้วแสดงความรังเกียจ
อวิ๋นอี้มองดูการแสดงออกเ่าั้ไว้ได้หมด เอามือที่อยู่ใต้โต๊ะ จิ้มเอวของหรงซิวเล็กน้อย
เขากำลังพูดคุยกับผู้อื่นอยู่ มิได้สนใจนาง
อวิ๋นอี้มุ่ยปาก กลับไปสนใจซูเมี่ยวเออร์ต่อ
นางถือกู่เจิงยืนนิ่งและก้มช้าๆ แล้วทำความเคารพ น้ำเสียงอ่อนโยน "ขอองค์ฮ่องเต้ทรงพระเจริญเพคะ บทเพลงที่เมี่ยวเออร์จะเล่นมีชื่อว่าหม่านเฉิงฮวาไคข้าหวังว่าพระองค์จะพอประทัยเพคะ"
ฮ่องเต้อวี่ซวนที่นั่งอยู่้าพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม "เริ่มเถิด"
"เพคะ"
ซูเมี่ยวเออร์เสแสร้งพยักหน้าอย่างอ่อนน้อม นั่งลงอย่างสง่างาม หลังจากเตรียมตัวเสร็จสิ้น สายตาของนางมองไปโดยรอบ เมื่อเห็นอวิ๋นอี้ มุมปากของนางโค้งขึ้นอย่างมีความหมาย
ทั้งสองมองหน้ากันมิมีฝ่ายใดสะทกสะท้าน
ท่าทีของซูเมี่ยวเออร์ยียวนมาก อวิ๋นอี้เพียงแค่ยิ้ม สายตาแน่นิ่ง
ปฏิกิริยาของนางทำให้ซูเมี่ยวเออร์สับสนเล็กน้อย ทว่าไม่นานนางก็สงบลง คิดกับตนเองว่าอวิ๋นอี้ชอบแสร้งทำเป็เก่ง อย่ามองนางเพลานี้ว่านางสงบ ในใจมิรู้ว่าจะกังวลใจลุกเป็ไฟเพียงไรกัน!
หลังจากให้กำลังใจตนเองแล้ว ซูเมี่ยวเออร์พลันหายใจเข้าลึกๆ ตั้งสมาธิ แล้วเริ่มเล่น
ด้วยนิ้วเรียวยาวราวต้นหอมของนาง ััสายเบาๆ แล้วเสียงดนตรีก็พลันดังขึ้น
เสียงดนตรีราวกับน้ำใสและเย็นเยือกเหมือนลมในทะเลสาบในคืนคิมหันต์ ทำให้คนผ่อนคลาย
อวิ๋นอี้ประหลาดใจ มิคิดเลยจริงๆ ว่าฝีมือของซูเมี่ยวเออร์จะเก่งกาจเช่นนี้
เพลงหม่านเฉิงฮวาไคนี้ ยิ่งเล่นถึงครึ่งหลังจะยิ่งทดสอบความสามารถของผู้เล่น เห็นได้ชัดว่าไม่ว่าจะยากอย่างไร ก็มิได้เป็ปัญหาของซูเมี่ยวเออร์
วันนี้นางทำเช่นนี้เพื่ออวดทักษะการเล่นเพลงของนาง และในขณะเดียวกันก็ตบหน้าอวิ๋นอี้อย่างแรง
ซูเมี่ยวเออร์จัดหนัก ยิ่งเล่นยิ่งเร็ว จนถึงจุดเปลี่ยนผันสูงสุด ผู้คนไม่ทันตอบสนองได้ทันท่วงที พลันเห็นนางยกมือขึ้นสูง หลังจากที่กู่เจิงส่งเสียงทื่อๆ จบทุกอย่างพลันหยุดกะทันหัน
สมบูรณ์แบบ!
ซูเมี่ยวเออร์พอใจมาก ยกมือให้ตนเองในใจ
นางไม่พลาดทุกสีหน้าของผู้คน ราวกับมึนเมาและหลงไหล คิ้วราวของนางเลิกขึ้นอย่างได้ใจ อดมิได้ที่จะผยองขึ้นมา นางรู้ว่ามันจะต้องเป็เช่นนี้ ตราบใดที่ซูเมี่ยวเออร์ผู้นี้อยู่ อวิ๋นอี้จะถูกแขวนอยู่ร่ำไป
ใช่สิ อวิ๋นอี้เล่า?
ซูเมี่ยวเออร์มองไปทางหรงซิว บุรุษหนุ่มผู้หล่อเหลา สวมชุดสีดำ ทำให้คิ้วของเขาดูชัดเจนและมีเสน่ห์มากขึ้น
ถัดจากเขาคืออวิ๋นอี้ที่กำลังก้มหน้าทานของอยู่
ยังทานอยู่อีกหรือ?
ซูเมี่ยวเออร์หมดคำพูด อวิ๋นอี้เป็หมูหรือไร! ข้าขโมยเพลงของนางไป นางจะยังทานลงได้อีก?
เหอะเหอะ!
มิรู้จริงๆ ว่าสตรีผู้นี้มีดีกระไร พาออกหน้าออกตามิได้สักนิด!
ทว่าหรงซิวดันชอบนาง!
ซูเมี่ยวเออร์ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิด พอดีกับที่ฮ่องเต้อวี่ซวนได้สติกลับมาจากบทเพลง เป็ผู้นำในการปรบมือ จากนั้นจึงกล่าวชมเชยซูเมี่ยวเออร์และประทานของให้ไม่น้อย
"ขอบพระทัยเพคะฝ่าา!"
ในสถานการณ์ใหญ่ๆ เช่นนี้ ซูเมี่ยวเออร์เข้าใจขอบเขตดี
หลังจากที่นางทำความเคารพเสร็จ ก็มีคนรับใช้มาช่วยเก็บเครื่องดนตรี ซูเมี่ยวเออร์อารมณ์ดีไม่น้อย และนางตั้งหน้าตั้งตารอการแสดงของอวิ๋นอี้
หากจำไม่ผิด หลังจากอีกสามรายการจะเป็อวิ๋นอี้
ทั้งสามรายการผ่านไปในพริบตา มิได้ทิ้งความประทับใจใดให้ผู้ชมมากนัก จนกระทั่งคนรับใช้กล่าวรายงานว่ารายการต่อไปเป็พระชายาเจ็ดอวิ๋นอี้ ห้องโถงที่ส่งเสียงดังพลันเงียบลงในทันใด
พระชายาเจ็ดหรือ?
พวกเขาได้ยินไม่ผิดใช่หรือไม่?
ทุกคนรู้ดีว่าเมื่อก่อนพระชายาเจ็ด ในโอกาสเช่นนี้ จะมิมีวันมีส่วนร่วมหรอก
สายตานับไม่ถ้วน มองตรงไปยังอวิ๋นอี้เงียบๆ
“หยุดทานได้แล้ว” หรงซิวหัวเราะ ฉวยขนมออกจากมือนางต่อหน้าต่อตาทุกคน เขาจับหน้านางมาตรวจสอบดู เมื่อเห็นว่ามีคราบอยู่ที่มุมปากของนาง เขาก็เช็ดมันออกด้วยนิ้วเรียว
การเคลื่อนไหวของเขานั้นอ่อนโยน ทำให้คนพากันจั๊กจี้หัวใจ อวิ๋นอี้ขมวดคิ้ว ผลักมือออกอย่างไม่สบายใจ "ทำกระไรเพคะ?"
"ได้เวลาเ้าขึ้นเวทีแล้ว" หรงซิวยกคางขึ้นส่งสัญญาณให้นางไปเตรียมตัว
อวิ๋นอี้หันหน้าออกไปสบตาเข้ากับทุกสายตา พูดรวมๆ คือสายตาส่วนใหญ่ล้วนประหลาดใจ
แค่นี้ก็ประหลาดใจแล้วหรือ?
นางยืนขึ้นมองซูเมี่ยวเออร์ด้วยความทะนงตนเล็กน้อย เมื่อเห็นอีกฝ่ายมองกลับมา นางก็กะพริบตาอารมณ์ดี ดูซุกซนนัก
“ข้าจะไปเตรียมตัวแล้วนะ!” นางพูดกับหรงซิวแล้วรีบเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องด้านข้าง
ผ่านไปสิบห้านาที ห้องโถงพลันเงียบไปในทันใด ทว่าอวิ๋นอี้ยังไม่ออกมาจากห้องด้านข้าง
หลายคนมองหน้ากันด้วยความใ ไม่เข้าใจว่าในน้ำเต้าของพระชายาเจ็ดจะขายยาใดกันแน่ [1]
ซูเมี่ยวเออร์เยาะเย้ยเบาๆ "พระชายาเจ็ดคงมิได้กลัวจนหัวหดหรอกนะเพคะ ไม่กล้าออกมาแล้วหรือ? หรือว่านางจะหายไปแล้ว? ”
เสียงของนางมิได้ดัง ทว่ารอบข้างเงียบมาก กลายเป็ว่าทุกคนได้ยินกันหมด
คิดมิถึงว่าจู่ๆ หรงซิวที่นั่งอยู่ข้างๆ จะยืนขึ้น ซูเมี่ยวเออร์หวั่นใจขึ้นมา นึกว่าจะเขาจะเข้ามาคุยกับนาง ทว่าเขากลับไม่แม้แต่จะมองนาง เพียงเข้าไปคุยกับองค์ฮ่องเต้อวี่ซวนที่นั่งอยู่เบื้องบน “ขออนุญาตรายงานพ่ะย่ะค่ะฝ่าา”
“หือ?” ฮ่องเต้อวี่ซวนแปลกใจ “องค์ชายเจ็ดมีเื่กระไร?”
“ฝ่าาพ่ะย่ะค่ะ รายการที่จะถึงข้าต้องบรรเลงบทเพลงให้ชายาข้า โปรดพิจารณาอนุมัติด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้อวี่ซวนชะงักไปครู่หนึ่งแล้วหัวเราะ “ฮ่าๆๆๆ! ความคิดดี ความคิดดี! องค์ชายเจ็ดช่างรู้ดีจริงๆ ว่าจะมัดใจสาวงามอย่างไร! อนุมัติ!”
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะฝ่าา!”
ผู้คนที่อยู่ในงานใสุดขีด พระชายาเจ็ดร่วมการแสดงก็น่าประหลาดใจมากอยู่แล้ว เพลานี้กระทั่งองค์ชายเจ็ดยังจะบรรเลงเพลงด้วยตนเองอีก?
หนิวปี หนิวปี [2]
หลังจากที่หรงซิวทำความเคารพ เขานำขลุ่ยมาวางไว้ที่ริมฝีปาก เสียงเพลงที่ราบรื่นและรวดเร็วดังออกมาในทันใด
แววตาบางๆ ของเขามองไปตรงทางเข้าห้องโถง พอจบดนตรีเปิดสั้นๆ บทเพลงร่าเริงขึ้น และในตอนนั้นเอง อวิ๋นอี้ที่มิได้ปรากฏตัวพลันโผล่ออกมาต่อหน้าทุกคน!
นางสวมกระโปรงสีแดงสด กระโปรงไม่ยาวนัก ยาวถึงเพียงเข่าเท่านั้น ทว่าแนบร่างนางไว้แน่น ทรวดทรงโค้งที่งดงามมิมีสิ่งใดมาขวางกั้น กล้าหาญแต่เย้ายวนและร้อนแรง
อวิ๋นอี้แต่งหน้าวันนี้ ท่ามกลางแสงไฟ กระโปรงสีแดงทำให้นางดูมีเสน่ห์ยิ่งขึ้น ใบหน้าของนางน่าทึ่งยิ่งกว่าเดิม!
ทุกคนอดมิได้ที่จะตะลึง พระชายาเจ็ดที่ปกติจะอ่อนหวานนิ่งๆ งดงามได้เช่นนี้เชียวหรือ?
มีบางอย่างเปลี่ยนไป
นางเปลี่ยนไปเป็คนกระตือรือร้น มีความมั่นใจและมีรอยยิ้มมีเลศนัยบนใบหน้าที่สวยงามของนาง
นางหมุนตัว ผมยาวของนางราวกับเต้นไปด้วย นางะโขยิบตาสุดเย้ายวนดึงดูดใจผู้คน สีหน้าของนางดูเ็าเป็บางคราและอ่อนโยนบางครา บ้างดูเย้าหยอกบ้างดูเย่อหยิ่ง
ทุกคนยอมจำนนต่อการร่ายรำอันแสนวิเศษของนาง ประหลาดใจกับรูปร่างหน้าตาอันน่าทึ่งของนาง ทั้งบุรุษสตรีต่างพากันหลงใหล มิพูดกระไรเป็เวลานาน
เชิงอรรถ
[1] ขายยาใดในน้ำเต้า 葫芦里到底卖的是什么药 หมายถึง ไม่รู้ว่าคนผู้นั้นกำลังจะทำสิ่งใดกันแน่
[2] หนิวปี 牛逼 เป็คำสแลง หมายถึง สุดยอดมาก เก่งกาจ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้