ยิ่งมีวรยุทธ์ขั้นสูงมากเท่าไร พลังก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น โดยปกติแล้ววรยุทธ์ที่อยู่ในขั้นสูงจะยิ่งมีความละเอียดอ่อน และมีความเข้าใจลึกซึ้งยิ่งกว่าขั้นเริ่มต้น ความเข้าใจทางวรยุทธ์ขั้นสูงนี้ แม้แต่อัจฉริยะอย่างหลงเยียนหรันที่ฝึกฝนหมัดพญาัประจัญบาน ก็ทำได้เพียงเข้าสู่ระดับเริ่มต้นหลังจากฝึกฝนอย่างหนักถึงหนึ่งปี
แต่หลัวเลี่ยมีเพียงความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับหมัดพญาัประจัญบาน และรวมกับการได้รับแรงกดดันทางพลังของหลงนู่เท่านั้น ด้วยความรู้สึกที่เฉียบแหลม และความเข้าใจที่น่าอัศจรรย์นี้ ทำให้เขาบรรลุระดับถ่องแท้ได้ สิ่งนี้จะไม่ให้ผู้คนตกตะลึงได้อย่างไร
เมื่อมองไปที่การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ หลงเยียนหรันก็กลืนน้ำลาย
“ข้าไม่แพ้”
หลงเยียนหรันมั่นใจ อย่างน้อยในตอนนี้นางก็มั่นใจจริงๆ
ผู้ชมใมากยิ่งขึ้น พวกเขามั่นใจว่าหลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็อย่างไร ชื่อ ‘มีัอยู่ในเป้า’ จะดังก้องไปทั่วโลกภพจิตัอย่างแน่นอน และยังทำให้เกิดการสั่นคลอนในดินแดนเหยียนหวงอีกด้วย
หลงนู่ซึ่งกำลังเดินหยุดชะงักลงเล็กน้อยเช่นกัน
เขาเพียงแสดงพลังที่แท้จริงของตนเองในขณะก้าวเดินเท่านั้น ไม่คาดคิดว่าแทนที่จะเป็การกดดันหลัวเลี่ย ชายผู้นั้นจะสามารถใช้ประโยชน์จากพลังนี้ได้อย่างง่ายดาย ทำให้เขามองหลัวเลี่ยด้วยความชื่นชม
“น่าสนใจ”
หลงนู่หยุดครู่หนึ่ง แล้วเดินไปข้างหน้าอีกครั้ง
หมัดพญาัประจัญบานระดับถ่องแท้?
เขาอยากเรียนรู้จริงๆ
เมื่อมาถึงสนามประลองัแท้จริง เขาก้าวเข้าไปในนั้น และมีลำแสงส่องลงมา ลดระดับพลังของหลงนู่ลงเป็ระดับผู้ฝึกตนระดับที่ห้า ซึ่งเป็ระดับเดียวกับหลัวเลี่ย
ทั้งสองมองหน้ากัน หลัวเลี่ยยิ้มเล็กน้อย ดวงตาของเขาสดใสมาก
ในเวลานี้ หากมีคนมองดูดีๆ จะพบว่าสายตาที่หลัวเลี่ยมองหลงนู่นั้นเขาไม่ได้มองหลงนู่เป็มนุษย์ แต่มองเป็ขวดเืัระดับทลายยุทธ์ต่างหาก ช่างโลภมากเหลือเกิน
“ท่านไม่เลวเลย” หลงนู่พูดเบาๆ “สถานะการต่อสู้ที่ดีที่สุดของเผ่าัคือร่างั ไม่ใช่ร่างมนุษย์ ดังนั้นที่องค์หญิงสามพ่ายแพ้ให้แก่ท่าน ก็ไม่ใช่ว่าในความเป็จริงท่านจะสามารถเอาชนะนางได้อย่างง่ายดาย แต่ถึงอย่างไรข้าก็ต้องยอมรับว่าท่านมีความสามารถจริงๆ”
เขาพูดเช่นนี้ นับเป็การแก้ตัวให้หลงเยียนหรัน อย่างน้อยก็เพื่อไม่ให้นางรู้สึกอับอายจนเกินไป
หลัวเลี่ยกล่าวว่า “ข้าได้ยินพวกเขาพูดคุยกัน ว่าท่านฝึกฝนวิชามนุษย์ัร่วมใจ ซึ่งเป็วิชาลับเฉพาะของเผ่าั สามารถทำให้ความแตกต่างทางด้านพลังระหว่างสถานะของร่างมนุษย์กับร่างัไม่ต่างกันนัก ใช่หรือไม่”
“ใช่” หลงนู่ตอบ
“เช่นนั้นก็ดี ข้าอยากสู้กับัจริงๆ สักครั้ง เพื่อดูว่าสามารถทนทานต่อการโจมตีอย่างที่ตำนานกล่าวไว้หรือไม่” หลัวเลี่ยพูดด้วยรอยยิ้ม
สายตาของหลงนู่เ็าอยู่แล้ว ทว่าน้ำเสียงของเขาทั้งเ็าและแข็งกระด้าง “ชัยชนะเมื่อครู่ทำให้เ้าทะนงตนไปแล้วสินะ ดูเหมือนว่าข้าคงต้องเป็ตัวแทนเผ่าัสั่งสอนเ้า ให้รู้ว่าไม่ควรมาหยามเผ่าัอีก”
ตูม!
หลังจากพูดจบ หลงนู่ก็ก้าวไปข้างหน้า แล้วสนามประลองัแท้จริงก็สั่นะเื พลังงานัที่กว้างใหญ่หมุนรอบตัวเขา และดวงตาของเขาก็มองทะลุผ่านความว่างเปล่าเหมือนกระแสไฟฟ้า “อย่าคิดว่าเ้ามีความเข้าใจที่ไม่เลว เรียนรู้หมัดพญาัประจัญบานถึงระดับถ่องแท้ได้แล้วอย่างไร ลองดูทักษะนี้เสียก่อน หมัดัคลั่ง!”
ทันทีที่เขาเคลื่อนไหวก็ราวกับมีพลังกดดันของัที่พุ่งเข้ามาอย่างดุร้าย
ในขณะนั้นเขาก็แสดงกระบวนท่าหมัดัคลั่งระดับถ่องแท้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้เกิดความรู้สึกราวกับถูกัมากระแทกอย่างแรง
“ว้าว! นี่เป็การเผชิญหน้าของความแตกต่างระหว่างหมัดพญาัประจัญบานและหมัดัคลั่ง”
“คิดไม่ถึงว่าหลงนู่จะแข็งแกร่งขนาดนี้ เขายังฝึกฝนทักษะหมัดัคลั่งจนถึงระดับถ่องแท้ ผิดปกติ ผิดปกติเกินไปแล้ว”
“ผิดปกติอะไร ต่อหน้าเ้ามีัอยู่ในเป้านั่น เขาสมควรถูกเรียกว่าผิดปกติหรือ? เ้านั่นใช้เวลาไม่เท่าไร ก็สามารถทะลุทะลวงถึงระดับถ่องแท้ของทักษะที่หลงโต่วไห่คิดค้นขึ้นได้นะ”
ผู้ชมตื่นเต้นอีกครั้ง
แม้แต่ชายที่แข็งแกร่งสองคนอย่างหลงโต่วไห่และซานต้าวจง ก็ยังถูกดึงดูดให้จ้องมองพวกเขาอย่างตั้งใจ
มีเพียงหลงเยียนหรันเท่านั้นที่เหวี่ยงมือที่กำไว้ของนางอย่างตื่นเต้น และพึมพำว่า “หลงนู่ เ้าซ่อนทักษะนี้ไว้ลึกจริงๆ เ้าฝึกฝนหมัดัคลั่งถึงระดับถ่องแท้อย่างรวดเร็ว เ้าสามารถสั่งสอนคนหยิ่งยโสคนนี้ให้ได้รับบทเรียนอย่างโเี้ได้ และบวกกับวิชามนุษย์ัร่วมใจที่เ้าฝึกฝนอยู่ ส่งผลให้พลังทางร่างกายของเ้ามากขึ้น แม้ว่าเ้าจะถูกลดระดับลงให้เหลือระดับเท่ากัน แต่อย่างไรก็ตาม การที่ระดับสูงกว่าก็หมายถึงร่างกายได้รับการขัดเกลามากกว่า และทางกายภาพก็แข็งแกร่งกว่า ทั้งยังมีทักษะหมัดัคลั่ง บวกกับไพ่ลับอีก จัดการมันให้ข้าที สั่งสอนมันแรงๆ เลย”
หลงเยียนหรันรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นหลัวเลี่ยถูกโจมตีอย่างรุนแรง
ไม่ว่าจะมองมุมไหน ก็ดูเหมือนว่าหลัวเลี่ยจะเสียเปรียบ
แต่สำหรับหลัวเลี่ย มันเป็ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป
“ในที่สุดก็มีคู่ต่อสู้ที่ข้าสามารถต่อสู้ได้”
ถูกต้อง หลัวเลี่ยต่อสู้รวมสองสามครั้ง แต่นี่เป็ครั้งแรกที่ทำให้เขารู้สึกว่าถูกคุกคาม
เขาประหม่าเล็กน้อย และตื่นเต้นเล็กน้อยเช่นกัน
“ฟู่!”
หลัวเลี่ยปล่อยเสียงคำรามออกมาเพื่อคลายความตึงเครียด เหลือไว้เพียงความตื่นเต้นและความปรารถนาที่จะต่อสู้ จากนั้นเขาก็พุ่งตรงขึ้นไปราวกับัที่บ้าคลั่ง
ระดับถ่องแท้ของหมัดพญาัประจัญบาน!
ดูเหมือนว่าทั้งสองจะไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป แต่เป็ัสองตัว
หนึ่งพญาั
และหนึ่งัคลั่ง
พวกมันดุร้าย ใช้กำลังอันทรงพลังกระแทกกันอย่างดุเดือดและโหดร้าย
ตูม!
ครั้งแรกที่พวกเขาปะทะกัน ทั้งสองถอยหลังไปสองก้าวพร้อมกัน
แข็งแกร่งพอๆ กัน
ผลลัพธ์เช่นนี้ทำให้หลงนู่โมโหมาก
หลงนู่ แค่ชื่อก็สามารถบอกได้แล้วว่าเขาขี้หงุดหงิด (นู่ หรือ 怒 แปลว่า โกรธหรือโมโห) ยิ่งเขาโมโห พลังต่อสู้ของเขาก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น
สิ่งที่ทำให้เขาโกรธในครั้งนี้ คือการที่เขาถูกจำกัดจากระดับหยินหยางเหลือเพียงระดับการฝึกตนระดับที่ห้าเท่านั้น คนธรรมดาอาจไม่มีความรู้สึก แต่เขารู้ว่าในแง่ของสมรรถภาพทางกาย เช่นความต้านทานนี้ ถ้าเขาฝึกฝนในระดับฝึกตนระดับที่ห้า ลักษณะคือการกระแทกร่างกายด้วยหินหนักหนึ่งร้อยก้อนโดยไม่รู้สึกถึงมัน แต่ลักษณะทางกายภาพที่ถูกระงับไปของระดับหยินหยาง คือสามารถต้านทานน้ำหนักหกถึงเจ็ดร้อย หรือมากกว่านั้นได้โดยไม่รู้สึก และนี่คือช่องว่าง
ช่องว่างที่ไม่เห็น แต่มีอยู่จริง
ที่สำคัญเขาเป็ั
นอกจากนี้เขายังฝึกฝนวิชามนุษย์ัร่วมใจ
แต่ด้วยข้อได้เปรียบมากมายนี้ เขากลับได้รับรู้ว่าความแข็งแกร่งในตอนนี้มีพอๆ กัน แล้วจะไม่ให้โกรธได้อย่างไร
หลงนู่คำรามครั้งแล้วครั้งเล่า และพุ่งไปข้างหน้าอีกครั้ง
หลัวเลี่ยะโเสียงดังโดยไม่แสดงความอ่อนแอ และสู้ต่ออย่างดุเดือด
มันเป็เพียงการปะทะกันอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่มีวิธีการอื่น
ผู้ชมต่างตะลึง สองคนนี้ตีกันแล้ว
แต่ด้วยความหมกมุ่นในใจสั่งให้พวกเขาเลือกดูไปก่อนเพื่อตัดสินผู้ชนะ
ตูม ตูม ตูม...
ในพริบตา มีการเผชิญหน้ากันมากกว่าหนึ่งร้อยหมัด
ทั้งสองก้าวถอยหลังพร้อมกัน จ้องมองกันและกัน
ครู่ต่อมาก็มีร่องรอยของเืไหลออกมาจากมุมปากของหลัวเลี่ย
ฟู่!
หลงนู่เปิดปากของเขาและพ่นเืออกมา เขาถอยหลังไปอีกครึ่งก้าว “ร่างกายของเ้าแข็งแกร่งมาก”
“เ้าก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน นึกไม่ถึงว่าจะทำให้ข้าเืออกได้จริงๆ” หลัวเลี่ยเช็ดเืจากมุมปากของเขา นี่เป็ครั้งแรกั้แ่เขามาถึงดินแดนเหยียนหวง ที่เขาถูกโจมตีจนเืไหล “ถ้าพลังของเ้าอยู่ระดับเดียวกับข้าจริงๆ ข้าคงจะะเิเ้าให้แหลกคามือได้ในสิบหมัด”
ประกายความโกรธวาบขึ้นในดวงตาของหลงนู่ แต่เขาระงับมันไว้อีกครั้ง “เ้าพูดถูก แต่น่าเสียดายที่ท้ายที่สุดแล้วเป็ข้าที่ฝึกฝนมานานกว่า ดังนั้นข้าต้องชนะการต่อสู้ครั้งนี้เพื่อศักดิ์ศรีของตัวเอง”
หลัวเลี่ยกล่าวว่า “เ้าจะชนะได้อย่างไร”
“ไพ่ลับของข้า!” ในที่สุดหลงนู่ก็ใช้ไพ่ลับของเขา
หลงเยียนหรันโบกมือที่กำกันแน่นของนางอย่างตื่นเต้น ครั้งนี้หลงนู่จะใช้ไพ่ลับแล้ว นับว่าหลัวเลี่ยรนหาที่ตายโดยแท้
ที่แขนของหลงนู่คล้ายมีกระแสไฟฟ้า ผมของเขาปลิวไสว ดวงตาเหมือนมีสายฟ้าแลบ ลมรอบข้างรุนแรง และมีเสียงะเิดังก้องจากด้านหลัง ตามมาด้วยเมฆดำทะมึนเหนือศีรษะของเขาอย่างกะทันหัน และสายฟ้าที่หนาครึ่งเมตรก็ฟาดลงมา
พลังสายฟ้าแห่ง์และโลก
และสิ่งนี้ก็คือไพ่ลับของหลงนู่