จวนอวี้หวาง
มู่หรงอวี้สวมชุดตัวกลางสีขาวเดินออกมาจากห้องน้ำ แสงสีเหลืองอ่อนในห้องนอนส่องไปยังหยดน้ำบนหน้าผากของเขาเกิดเป็ประกายราวกับเกล็ดน้ำแข็ง
หลังจากดื่มน้ำชาไปหนึ่งถ้วย เขาก็หยิบหนังสือเล่มหนึ่งเตรียมอ่านสักครู่แล้วค่อยนอน แต่ว่าเสียงเคาะประตูก๊อกๆ พลันทำลายความเงียบในค่ำคืนแห่งฤดูร้อนไป
จังหวะการเคาะรุนแรง เป็อู๋หยิง
มู่หรงอวี้เดินไปเปิดประตู ก่อนอู๋หยิงจะโค้งตัวเข้ามารายงาน “ท่านอ๋อง สายสืบที่แคว้นซีฉินรายงานกลับมา ยังคงไม่เจอร่องรอยของแม่นางผู้นั้นพ่ะย่ะค่ะ”
มู่หรงอวี้พยักหน้าคิ้วขมวด เหมือนเคยชินกับคำตอบนี้ไปเสียแล้ว “หาต่อไป”
อู๋หยิงรับคำสั่ง ก่อนจะพูดต่อ “ท่านอ๋องสั่งให้กระหม่อมไปสืบหาที่มาของหยกโลหิต ตอนนี้ยังไม่ได้คำตอบพ่ะย่ะค่ะ”
“ที่ผลิตหยกโลหิตนั่นหาไม่เจอเลยรึ?”
“กระหม่อมไปที่แคว้นตงฉู่มารอบหนึ่ง เจอเข้ากับช่างทำหยกชราที่คลุกคลีอยู่กับหยกมาทั้งชีวิตคนหนึ่ง เขาดูหยกโลหิตนั้นแล้วบอกว่า สถานที่ผลิตหยกคงจะเป็ูเาอวี้ชิงที่แคว้นตงฉู่ แต่ว่าเขาเองก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าจริงหรือไม่”
“เพราะเหตุใด?”
“จากที่พูดต่อๆ กันมาคือเมื่อร้อยปีก่อนูเาอวี้ชิงเคยผลิตหยกโลหิต แต่ว่าไม่นานนักราชสำนักรู้เื่นี้เข้าจึงปิดผนึกูเาอวี้ชิงเอาไว้ แม้แต่ชาวบ้าน นายพรานที่อยู่ในระยะสิบลี้ก็ต้องย้ายออกไป ั้แ่นั้นมาูเาอวี้ชิงก็มีทหารฝีมือดีคอยเฝ้าอยู่ ไม่ให้ประชาชนเข้ามา”
“แคว้นตงฉู่ปิดผนึกูเาอวี้ชิงเพื่อที่จะไปขุดหยกโลหิต หลายปีมานีู้เาอวี้ชิงคงจะผลิตหยกโลหิตออกมาได้ไม่น้อย” มู่หรงอวี้หรี่ตาลงอย่างคาดเดา “บางทีหยกโลหิตที่ปรากฏที่ตำหนักเฟิ่งเทียนอาจจะเป็ของูเาอวี้ชิงจริงๆ”
อู๋หยิงไม่เข้าใจ “เื่นี้จะเริ่มพูดจากตรงไหนหรือพ่ะย่ะค่ะ? หยกโลหิตผลิตออกมาจากูเาอวี้ชิง ก็ควรจะอยู่ที่วังของแคว้นตงฉู่ เหตุใดถึงมาปรากฏอยู่ในวังของแคว้นเป่ยเยี่ยนได้กัน?”
ั์ตาของมู่หรงอวี้ฉายความเฉียบคมออกมา “หยกโลหิตเป็ของที่หาได้ยากและมีค่ามาก ถึงแม้แคว้นตงฉู่จะมีสถานที่ผลิตหยกโลหิตออกมาหนึ่งที่ ก็ไม่มีทางให้หยกโลหิตถูกปล่อยออกมาภายนอกได้ แต่ความจริงก็คือ ตำหนักเฟิ่งเทียนกลับมีหยกโลหิตโผล่ออกมามากมาย มีคำอธิบายแค่เพียงอย่างเดียวก็คือ : มีคนยอมใช้ทุกวิธีการโดยไม่สนใจว่าจะต้องจ่ายเท่าไหร่”
ในชั่วเวลาพริบตาเดียว ก็เหมือนมีอะไรแหวกหินทะลุผ่านเมฆหมอกออกมา อู๋หยิงก็เข้าใจขึ้นมานิดหน่อยทันที “ความหมายของท่านอ๋องก็คือ เื่ที่หยกโลหิตปรากฏขึ้นที่ตำหนักเฟิ่งเทียนนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ของแคว้นตงฉู่หรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เพลงพื้นบ้านนั่น คดีน่าสงสัย คดีการตายที่ถูกจัดฉากเกิดขึ้นติดต่อกัน บางทีอาจจะเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ของแคว้นตงฉู่”
“แต่ว่าคดีน่าสงสัยกับคดีฆาตกรรมพวกนั้นไม่ใช่ว่าสืบออกมาชัดเจนแล้วหรือ? คนที่วางแผนจัดฉากและฆ่าคนก็คืออนุชุ่ยหนงของรุ่ยหวางเป็คนทำไม่ใช่หรือ?” อู๋หยิงใ
“จนกระทั่งตายชุ่ยหนงก็ไม่ได้บอกออกมาว่าหยกโลหิตนั้นมาจากไหน ยิ่งไม่อธิบายว่านางมีวิชาการต่อสู้ที่แข็งแกร่งได้อย่างไร เพราะว่านี่คือความลับของนาง นางตายไปก็ไม่อาจพูดได้ บางทีชุ่ยหนงอาจจะเป็แค่หมากที่ถูกคนจัดฉากออกมา” มู่หรงอวี้พูดเสียงเข้ม
“ความหมายของท่านอ๋องก็คือ สถานการณ์ทั้งหมดไม่ใช่ชุ่ยหนงเป็คนจัดฉากขึ้นมาคนเดียว เื้ัของนางมีคนตำแหน่งสูงกว่าคอยชี้แนะ ส่วนคนผู้นั้นก็คงจะเป็คนจากราชวงศ์แคว้นตงฉู่” อู๋หยิงยิ่งฟังก็ยิ่งใ คิดไม่ถึงว่าราชวงศ์ของแคว้นตงฉู่จะยื่นมือมาได้ยาวถึงเพียงนี้
มู่หรงอวี้หัวเราะออกมาเสียงเบา “เปิ่นหวางส่งสายสืบเข้าไปที่แคว้นตงฉู่ตั้งมากมาย ฮ่องเต้ของแคว้นตงฉู่ฉลาดมากแผนการ แล้วก็ได้ส่งสายสืบไปที่แคว้นจูด้วย”
อู๋หยิงไม่เข้าใจอีกครั้ง “แต่ว่าแคว้นตงฉู่จัดฉากชวนสับสนเช่นนี้ขึ้นมา มีเจตนาอะไรกัน? จะใส่ร้ายท่านอ๋องหรือ?”
มู่หรงอวี้ยิ้มเย็น “เพลงพื้นบ้านนั้นชี้มาที่เปิ่นหวาง แคว้นตงฉู่้าให้เปิ่นหวางกลายเป็เป้าหมายของประชาชน กลายเป็ขุนนางที่ถูกขุนนางและประชาชนตำหนิ”
อู๋หยิงตื่นตระหนก “เมื่อเป็เช่นนี้ ภายในแคว้นเป่ยเยี่ยนของพวกเราก็จะวุ่นวาย ราชสำนักเกิดความระส่ำระส่าย แคว้นตงฉู่นำทัพทหารเข้าโจมตี หากแคว้นหนานเยว่กับแคว้นซีฉินร่วมมือกับแคว้นตงฉู่ เช่นนั้นแคว้นเป่ยเยี่ยนของพวกเราก็จะ...”
ดวงตาของมู่หรงอวี้เย็นเยียบขึ้นมาทันที “เปิ่นหวางจะให้พวกเขามีโอกาสนั้นได้อย่างไร?”
อู๋หยิงพยักหน้า ไม่คิดวุ่นวายอีก เขาเชื่อในความสามารถล้นฟ้าของท่านอ๋อง จะต้องสามารถทำให้แคว้นสงบสุข ไม่มีทางให้แคว้นเป่ยเยี่ยนเกิดความวุ่นวายภายใน
“ใช่แล้วท่านอ๋อง กระหม่อมได้รับข่าวมาว่ากองทัพตรวจสอบอาวุธมีความเคลื่อนไหวพ่ะย่ะค่ะ”
“กองทัพตรวจสอบอาวุธ? เกิดเื่อะไรขึ้น?”
อู๋หยิงรายงานเื่ที่ลูกน้องพบให้กับเ้านายฟังด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
กองทัพตรวจสอบอาวุธมีหน้าที่สร้างอาวุธสำหรับใช้ในสนามรบทั้งหมด เป็ดาบที่แข็งแกร่งที่สุดของทหารภายในแคว้น เป็จุดสำคัญที่ทำให้วีรบุรุษแสนนายของแคว้นเป่ยเยี่ยนไม่เคยพ่ายแพ้
หากเกิดเื่กับกองทัพตรวจสอบอาวุธขึ้นมา ผลกระทบที่ตามมาก็สุดแสนจะย่ำแย่ กองทัพก็จะเกิดการสั่นคลอน
ดวงตาของมู่หรงอวี้เ็า ดูเหมือนว่าจะต้องไปดูที่กองทัพตรวจสอบอาวุธเสียหน่อยแล้ว
...
กองทัพตรวจสอบอาวุธไม่ได้อยู่ในวังหลวง แต่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของวังตากอากาศนอกเมืองหลวง นอกจากเ้าหน้าที่กับช่างฝีมือของกองทัพตรวจสอบอาวุธแล้ว แม้แต่ขุนนางใหญ่ในราชสำนัก หากไม่มีคำสั่งก็ไม่สามารถเข้าไปได้
่สายของวันต่อมา มู่หรงฉือกับฉินรั่วนั่งรถม้ามุ่งหน้าไปทางตะวันออก ระหว่างที่รถม้าแล่นอยู่บนถนนใหญ่พวกนางก็ถูกขวางเอาไว้
ฉินรั่วเปิดผ้าม่านขึ้น ก็มีเสียงใสดังเข้ามา “เตี้ยนเซี่ยจะไปที่ใดหรือ? หม่อมฉันเองก็จะไปด้วย”
ด้านหน้ารถม้ามีหญิงสาวอ้อนแอ้นคนหนึ่ง สวมเสื้อคอจีนสีชมพูอมม่วง ด้านล่างสวมกระโปรงสีแดง ผมปักด้วยปิ่นหยกเล่มหนึ่งกำลังยืนยิ้มตาหยี
เป็องค์หญิงตวนโหรว มู่หรงสือ
หัวใจของมู่หรงฉือกระตุก ฝืนตอบออกไป “เปิ่นกงมีธุระ วันหลังค่อยเจอกับองค์หญิง”
มู่หรงสือปีนขึ้นรถม้าพลางพูดยิ้มๆ “หม่อมฉันเองก็อยากไปด้วย หม่อมฉันไม่มีทางทำให้เตี้ยนเซี่ยต้องเสียเวลา เตี้ยนเซี่ยก็คิดเสียว่าหม่อมฉันเป็เหมือนกับฉินรั่วก็พอเพคะ”
“องค์หญิงฐานะสูงส่ง จะเทียบกับหนูฉายได้อย่างไรเพคะ?” ฉินรั่วยิ้ม แล้วรีบไปนั่งข้างคนขับ ขวางทางของนางเอาไว้
“ฉินรั่ว ข้าจะขึ้นไป เ้าถอยไป” มู่หรงสือพูดด้วยความหงุดหงิด
“องค์หญิง วันนี้เตี้ยนเซี่ยมีธุระจริงๆ ไม่อาจชักช้าแล้วเพคะ” ฉินรั่วพูดอธิบายด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ข้าก็แค่จะไปกับเตี้ยนเซี่ย ไม่มีทางทำให้เตี้ยนเซี่ยรำคาญ” มู่หรงสือพูดพลางยิ้มตาหยี ใจแข็งยืนกรานหนักแน่นที่จะตามไป
“ครั้งที่แล้วเื่แยกงาดำออกจากถั่วแดงอย่างไร เ้าคิดถึงวิธีที่เร็วที่สุดได้แล้วหรือ?” มู่หรงฉือกุมขมับอย่างหมดคำพูด “หากยังคิดไม่ได้ องค์หญิงก็รีบกลับไปคิดต่อเถิด คิดได้แล้วค่อยมาหาเปิ่นกง”
“เตี้ยนเซี่ย หม่อมฉันคิดมาหลายวันมากแล้ว แต่ว่าคิดไม่ออกเลยเพคะ” มู่หรงสือพูดยิ้มๆ “ต่อมาหม่อมฉันจึงไปถามเถ้าแก่ที่ร้านขายถั่ว เถ้าแก่บอกว่า ขอแค่หาตะแกรงที่เหมาะสมมาร่อนงาออกก็ใช้ได้แล้ว เตี้ยนเซี่ย หม่อมฉันทดลองแล้ว วิธีนี้ใช้ได้จริงๆ เพคะ”
“องค์หญิงได้วิธีจากการสอบถามผู้อื่น ไม่ใช่เป็องค์หญิงคิดออกมาเอง เช่นนี้ไม่นับนะเพคะ” ฉินรั่วยิ้มกล่าว
“แต่ว่าข้าคิดไม่ออกจริงๆ นี่” มู่หรงสือยู่ปากพูดอย่างกระเง้ากระงอด ดวงตาปรายมองไปทางองค์รัชทายาทที่อยู่ในรถม้า
“องค์หญิง วันนี้เปิ่นกงมีธุระจริงๆ เอาเช่นนี้ก็แล้วกัน เ้าไปหาเสิ่นจือเหยียนก่อน อีกประเดี๋ยวพอเปิ่นกงทำธุระเสร็จแล้วก็จะไปหาเขา” มู่หรงฉือตอบ
“อย่างนั้นหรือ...” มู่หรงสือก้มหน้าอย่างลังเล
ตอนที่ไม่ทันได้สังเกต รถม้าก็พุ่งออกไปเหมือนลูกธนูผ่านหน้าของนางไปทันที
หากใกล้อีกนิดนางก็ถูกชนแล้ว
นางชะงักไป สัญชาตญาณดึงให้เท้าของนางไล่ตามไป “เตี้ยนเซี่ย รอหม่อมฉันด้วย...เตี้ยนเซี่ย...เตี้ยนเซี่ย...”
คนที่ผ่านไปผ่านมาต่างมองตาม หัวใจเต็มไปด้วยความกระหายอยากซุบซิบนินทา เตี้ยนเซี่ยอย่างนั้นหรือ?
หรือว่าจะเป็องค์รัชทายาท? แม่นางที่วิ่งตามรถม้าผู้นั้นเป็ใครกัน?
ฉินรั่วเร่งคนขับรถ “ไวขึ้นอีก อย่าให้องค์หญิงตามมาได้”
มู่หรงฉือคลี่ยิ้ม ในที่สุดก็หลุดพ้นจากกาวเหนียวนี่เสียที “ฉินรั่ว ครั้งนี้เ้าฉลาดมาก”
ฉินรั่วกลับเข้ามาในรถม้า พูดยิ้มๆ “องค์หญิงวิ่งตามมาอยู่่หนึ่ง ทั้งยังะโเสียงดัง คนมากมายก็มองอยู่ด้วยเพคะ”
มู่หรงสือตามมาอยู่ได้่หนึ่งของถนน เห็นรถม้ายิ่งวิ่งไกลออกไปก็ทำได้เพียงหอบหายใจมองรถม้าวิ่งไป
รถม้ามุ่งหน้าไปที่ประตูตะวันออกอย่างรวดเร็ว เพียงครู่เดียวก็ออกจากประตูตะวันออกแล้วมุ่งหน้าไปยังวังตากอากาศ
ระหว่างทางเป็ป่าไม้ จู่ๆ ฉินรั่วก็หัวเราะแล้วถามออกมา “หากองค์หญิงไปหาใต้เท้าเสิ่นจริงๆ เช่นนั้นใต้เท้าเสิ่นจะไม่รำคาญแย่หรือเพคะ?”
“นั่นก็ไม่เกี่ยวกับเปิ่นกงแล้ว” มู่หรงฉือหัวเราะเ้าเล่ห์ “ต่อไปหากองค์หญิงมาหาเปิ่นกงอีก เปิ่นกงจะสั่งให้นางไปทางเสิ่นจือเหยียนแทน”
“ความคิดนี้ไม่เลวเลยเพคะ” ฉินรั่วพูดพลางหัวเราะ
“เตี้ยนเซี่ย ด้านหน้ามีบุรุษผู้หนึ่งล้มอยู่ เหมือนจะมีเืไหลด้วยพ่ะย่ะค่ะ” จู่ๆ คนขับรถที่อยู่ด้านนอกก็พูดขึ้นมา
แก้มของฉินรั่วตึงขึ้นทันที เปิดหน้าต่างออกไปดู “จะหยุดดูหรือไม่เพคะ?”
ที่นี่เป็เขตนอกเมืองจะต้องระมัดระวังเอาไว้เป็ดี
มู่หรงฉือให้คนขับรถขับช้าลง แล้วมองออกไปด้านนอกหน้าต่าง บุรุษคนนั้นนอนอยู่ข้างทางมีเืไหลออกมาไม่น้อย
“หยุดรถ!”
นางรีบออกคำสั่ง แล้วะโลงจากรถม้าทันที
คนที่นอนอยู่บนพื้นอายุราวสี่สิบกว่าปี สวมชุดขุนนาง ตรงส่วนท้องโดนแทง มีเืไหลออกมาเป็สายน้ำ ย้อมจนเสื้อเป็สีแดง ที่พื้นมีเืกองใหญ่ เขาหายใจรวยริน ครั้นเห็นว่ามีคนมาก็พยายามจะเงยหน้าขึ้นมอง
“เ้าเป็คนของกองทัพตรวจอาวุธใช่หรือไม่? เหตุใดเ้าถึงได้ถูกแทงจนาเ็เช่นนี้? ใครเป็คนทำร้ายเ้า?” มู่หรงฉือถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม หากเสิ่นจือเหยียนอยู่ที่นี่ด้วยก็คงจะดี อย่างน้อยก็สามารถห้ามเืให้เขาได้ก่อน
“ข้าคือผู้จัดการโจวฮวาย...ของกองทัพตรวจสอบอาวุธ เ้าคือ...” ผู้ได้รับาเ็พูดออกมาอย่างยากลำบาก
“เปิ่นกงคือองค์รัชทายาท” คิ้วของนางขมวดแน่น “กองทัพตรวจสอบอาวุธเกิดเื่อะไรขึ้นใช่หรือไม่? เ้ารีบบอกเปิ่นกงมาเร็วเข้า”
“มีคนก่ออาชญากรรม...เฮือก...”
แสงเย็นราวกับหิมะแล่นผ่านไป!
มีดแหลมพุ่งตรงเข้าไปเสียบที่คอของเขาอย่างรวดเร็ว!
หัวของโจวฮวายก้มลง เขาหมดลมสิ้นใจไปแล้ว ดวงตาหลับไปตลอดกาล
ในขณะเดียวกัน มู่หรงฉือก็ยืนขึ้นหมุนตัวดูรอบๆ ที่ต้นไม้ไม่ไกลออกไปมีเงาสีดำแวบผ่านไป แล้วหายไปในพริบตา
ฉินรั่วขมวดคิ้วพูด “เตี้ยนเซี่ย นี่เป็อาวุธเหม่ยฮวาเปียวที่เอาไว้ลอบสังหารเพคะ หรือว่าผู้จัดการโจวพบคนกำลังก่ออาชญากรรมที่กองทัพ ดังนั้นจึงถูกฆ่าปิดปาก?”
มู่หรงฉือพยักหน้า ดวงตาฉายแววเย็นเยียบ “ดูเหมือนว่ากองทัพตรวจอาวุธจะมีอะไรซ่อนมากกว่านั้น”
“ตอนนี้จะทำอย่างไรดีเพคะ? ยังจะไปที่กองทัพตรวจอาวุธอีกหรือไม่?”
“วันนี้ไม่ไปแล้ว เอาตัวโจวฮวายขึ้นไปบนรถม้าแล้วไปที่ศาลต้าหลี่” หลังจากมู่หรงฉือสั่งเสร็จก็ไปขึ้นรถม้า
“เพคะ” ฉินรั่วออกคำสั่งกับคนขับรถแล้วพาศพไป
ด้านหลังมีเสียงรถม้าวิ่งมา มู่หรงฉือมองไปด้านหลังผ่านหน้าต่างเล็ก รถม้าคันนั้นเหมือนจะคุ้นตาอยู่บ้าง
รถม้าคันนั้นค่อยๆ ลดความเร็วลง แต่ยังขับเลยพวกเขาไปครึ่งจั้งถึงจะหยุดลง
นางเห็นคนที่คุ้นเคยจนไม่รู้จะคุ้นเคยอย่างไระโลงมาจากรถ หัวใจพลันกระตุกก่อนจะรีบหดหน้ากลับไป
มันจะบังเอิญเกินไปหรือไม่? ไปที่ไหนก็เจอเขา!
ฉินรั่วเองก็ลอบใ ทำอย่างไรดี? หากอวี้หวางเห็นศพของโจวฮวายขึ้นมาจะทำอย่างไรดี?
ดวงตาเ็าของมู่หรงอวี้กวาดมองไปที่โจวฮวาย ก่อนจะพูดเสียงทุ้ม “เตี้ยนเซี่ยจะให้เปิ่นหวางขึ้นไปหรือว่าเตี้ยนเซี่ยจะลงมาเอง?”
มู่หรงฉือถอนหายใจอย่างจนปัญญา ก่อนจะค่อยๆ ลงจากรถม้า แต่กลับเห็นเขาเดินไปขึ้นรถของตนเอง
หมายความว่าอย่างไร?
จะให้นางขึ้นรถม้าของเขาหรือ?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้