ในค่ำคืนหนึ่งอันเหน็บหนาว ที่แม้จะเป็ยามดึกของฤดูร้อนก็ตาม โชคดีที่เยวี่ยเจาหรานนั้นเป็บุรุษผู้มีร่างกายนับได้ว่าแข็งแรง ยิ่งกว่านั้นยังมีพื้นฐานวรยุทธ์อยู่บ้างอีกด้วย หลังจากที่เป็ไข้ได้สองวัน ทำให้เขาเปลี่ยนนิสัยเสียที่ไม่ชอบดื่มน้ำไป หากจะว่าตามคำเยาะของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว นี่ก็พอจะนับว่าเป็โชคดีในโชคร้ายได้อยู่
วันหวนคืนสู่ความสงบตามสภาพร่างกายที่ดีขึ้นของเยวี่ยเจาหราน ชีวิตเองก็ดำเนินต่อไปอย่างช้าๆ เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วท่องหนังสือที่ไม่เข้าใจต่อไปเพื่อแข็งขันกันตนเองและอาจารย์อวี้ ส่วนเยวี่ยเจาหรานเองก็จำต้องดำเนินละครตลกร้ายในศึกของ ‘สตรี’ ทั้งสามต่อไป
ตามคำแนะนำของ ‘ลูกกตัญญู’ เยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว หลังเยวี่ยเจาหรานร่างกายหายดีแล้วก็รีบตรงไปที่เรือนฮูหยินเยี่ยนทันทีอย่างเชื่อฟัง เขายังตั้งใจสั่งให้ห้องครัวทำของว่างใหม่ล่าสุดสองสามอย่าง ทั้งยังเตรียมชาดอกไม้ที่ตนชงเองเอาไว้อีกด้วย ฤกษ์งามยามดีจึงไปเยี่ยมเยียน ซึ่งความจริงแล้วก็มีเจตนาที่จะขอขมาด้วยเช่นกัน
รอจนกระทั่งเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ววิ่งต้อยๆ ไปที่ห้องเรียนของอาจารย์อวี้ เยวี่ยเจาหรานก็รีบเตรียมตัวออกจากเรือน ก่อนอื่นคือแต่งเนื้อแต่งตัวให้สะอาดสะอ้านเรียบร้อย พยายามทำให้ตัวเองไม่ดูป่วยขนาดนั้น แน่นอนว่าจะดูแข็งแกร่งมากไปไม่ได้เช่นกัน เพราะหากแข็งแกร่งมากไป ละครเื่นี้ก็คงจะบรรเลงต่อไปไม่ได้
ผ่านจากห้องครัวไป เยวี่ยเจาหรานก็ลากสาวใช้มาด้วยสองคน ให้พวกนางถือของว่างและน้ำชา ห้องของฮูหยินเยี่ยนอยู่กลางเรือนใหญ่ เยวี่ยเจาหรานตัวคนเดียวถือของมากมายขนาดนั้นไม่ไหว
ว่ากันว่าในทุกๆ งาน ตัวเอกมักจะปรากฏตัวตอนสุดท้ายเสมอ เพื่อการเอาอกเอาใจฮูหยินเยี่ยนและทำให้ชีวิตในจวนของตนสบายขึ้นสักหน่อย คราวนี้เยวี่ยเจาหรานจึงพยายามทุ่มเทไปไม่น้อยเลยทีเดียว
ยกตัวอย่างเช่น ของรายการสุดท้ายในการ ‘ขอขมา’ ครั้งนี้ ซึ่งคือชากานั้นที่เป็เพียงสิ่งเดียวที่เยวี่ยเจาหรานทำมาเองกับมือ ก็ต้องคิดหาวิธีใหม่ๆ ในการส่งมอบไปยังเบื้องหน้าของฮูหยินเยี่ยน
ฝีเท้าของเยวี่ยเจาหรานนั้นเยื้องย่างไปด้วยใจที่เต้นตุ้มๆ ต่อมๆ ค่อยเดินทีละก้าวไปจนถึงข้างกายของฮูหยินเยี่ยน ในมือถือจานของว่างใบเล็ก ฮูหยินเยี่ยนมอง ‘ลูกสะใภ้’ ที่ทำให้ตนท้องเสียจนต้องนอนอยู่บนเตียงไปสามสี่วันผู้นั้นด้วยสายตาเ็า ในใจพลันเกิดความโกรธที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน จนแทบอยากจะปล่อยออกมาให้เยวี่ยเจาหรานได้เห็นดีกันเดี๋ยวนั้นเลยทีเดียว!
“ท่านแม่ ร่างกายของข้าดีขึ้นมากแล้ว ่นี้ไม่ได้มาดูแลอยู่ข้างกายท่าน ก็เพราะกลัวจะนำโรคภัยไข้เจ็บมาให้ท่าน วันนี้หายดีแล้ว จึงรีบมาทันทีเลยเ้าค่ะ”
เยวี่ยเจาหรานยามเอ่ยมักจีบคอดัดเสียง ยามนี้คุ้นชินกับเสียงอ่อนหวานละมุนละไมของตนขึ้นบ้างแล้ว แม้จะพูดไม่ได้ไพเราะน่าฟังดังนกขมิ้น แต่อย่างไรก็ไม่ถึงกับไม่ได้ความเหมือนอย่างเมื่อก่อนแล้ว
หนึ่งประโยคแรกยังไม่อาจได้รับการให้อภัยและการตอบรับจากฮูหยินเยี่ยน เยวี่ยเจาหรานเองก็ยังคงไม่กล้าเร่งร้อน เขานำของว่างในมือวางลงบนโต๊ะข้างๆ ฮูหยินเยี่ยนอย่างสุภาพนอบน้อม พลางเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “นี่เป็ของว่างที่ครัวเล็กทำมาใหม่เ้าค่ะ ว่ากันว่าเป็ของที่เป็ที่นิยมกันในท้องตลาด่นี้ ในนี้ยังใช้พืชสมุนไพรไม่น้อย แต่เมื่อผสมลงในของว่างแล้วกลับไม่มีรสชาติเฝื่อนเลยเ้าค่ะ”
เยวี่ยเจาหรานแนะนำไปพลาง โบกมือส่งสัญญาณให้สาวใช้ข้างนอกรีบเอาของว่างเข้ามาวาง ให้ฮูหยินเยี่ยนได้ลิ้มลอง กระทั่งของว่างทั้งหมดได้ถูกวางไว้ในที่อันสมควรแล้ว ฮูหยินเยี่ยนถึงปรายตามองไปยังของว่างอย่างเ็า แล้วเอ่ยเสียงทุ้มหนัก “อือ ขอบใจเ้าที่มีน้ำใจ วางไว้เถอะ”
คำพูดนั้นฟังดูแล้วเหมือนจะมีอะไรไม่ถูกต้องนัก เยวี่ยเจาหรานไม่ใช่คนโง่ ความสามารถในการพินิจพิเคราะห์คำพูดนั้นก็ไม่ใช่ของปลอม แผนการในวันนี้ น่ากลัวว่าขโมยไก่ก็ไม่ได้ แถมยังเสียข้าวสารอีกกำมือ [1] กลับไปต้องคุยกับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเสียหน่อยแล้ว ว่ามารดาของนางผู้นี้ เอาใจยากชะมัดเลยนี่นา?
ทว่าเยวี่ยเจาหรานมิกล้าเร่งร้อน เขายังคงไม่กล้าเอ่ยอะไรแม้แต่คำเดียว เมื่อได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังมาจากข้างนอก ทั้งสองก็หันไปมองพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
ที่แท้ก็เป็สวี่ชิวเยวี่ย เยวี่ยเจาหรานในวันนี้นั้นเต็มไปด้วยความคับแค้นต่อสวี่ชิวเยวี่ยอย่างยิ่งยวด หากไม่ใช่เพราะสวี่ชิวเยวี่ยแอบเล่นลูกไม้ละก็ ตนจะถูกฮูหยินเยี่ยนปฏิบัติด้วยความห่างเหินเ็าเช่นนี้ได้อย่างไร? ถึงแม้ตนจะเคยปั่นหัวสวี่ชิวเยวี่ยมาก่อนเช่นกัน แต่สุดท้ายการจองเวรจองกรรมกันไปมาเช่นนี้ ทุกคนก็ไม่อาจอยู่อย่างสงบสุขได้ไม่ใช่หรือ?
เมื่อคิดเช่นนั้น เยวี่ยเจาหรานก็เก็บความไม่พอใจนั้นของตนเอาไว้ และปิดปากเงียบไม่เอ่ยอะไร
“ท่านป้า~ นี่คือซุปอบอุ่นร่างกายที่ตั้งใจเคี่ยวมาให้ท่านวันนี้ ท่านหมอบอกว่ายาสมุนไพรเหล่านี้ดีต่อร่างกายที่สุด ช่วยทำให้หัวใจและปอดอบอุ่น ให้ความชุ่มชื้นหล่อลื่นลำไส้ แต่ว่าหาได้ไม่มากนัก ท่านรีบลองชิมตอนร้อนๆ เถิดเ้าค่ะ”
สวี่ชิวเยวี่ยสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม บีบเสียงจนแหลมเล็ก หากละทิ้งความรังเกียจที่มีต่อนางไป เยวี่ยเจาหรานก็รู้สึกว่าน้ำเสียงนั้นช่างราวกับนกขมิ้นเลยจริงๆ ...
ยามเมื่อเห็นเยวี่ยเจาหรานยืนอยู่อีกด้าน สวี่ชิวเยวี่ยก็เก็บรอยยิ้มในแววตาไปชั่วขณะ และเผยสีหน้าที่เดาความคิดไม่ออกชั่วครู่ ทั้งสองเฉียดไหล่ผ่านกันไป สุดท้ายก็ไม่ได้เกิดการกระทบกระทั่งต่อหน้าฮูหยินเยี่ยน
“เฮ้อ คุณหนูใหญ่ก็คือคุณหนูใหญ่ จะเอาอกเอาใจคนก็ยังไม่รู้เลยว่าต้องทำอย่างไร... มีของว่างแต่ไร้น้ำชา นี่คิดจะให้ข้าสำลักตายเพื่อแก้แค้นหรือ?”
สวี่ชิวเยวี่ยถือยาต้มถ้วยหนึ่งมาให้ฮูหยินเยี่ยน ฮูหยินเยี่ยนรับไป แล้วจึงเอ่ยอย่างแฝงความนัยเช่นนั้น เยวี่ยเจาหรานพลันถอยหลังสองก้าวทันทีอย่างรู้ตัวว่าต้องทำอะไร แล้วเอ่ยอีกครั้ง “มีชาเ้าค่ะ มีชาเ้าค่ะ เป็ชาเหล่าจวินเหมย [2] ได้ยินมาว่าท่านชอบดื่ม อีกทั้งชานั้นดื่มตอนร้อนจึงจะดี ข้าเกรงว่าท่านต้องใช้เวลากินของว่างสักหน่อย หากนำลงจากเตาจะเสียรสชาติ จึงไม่กล้ามอบให้ตามอำเภอใจ”
คำตอบนั้นไร้ซึ่งช่องโหว่แม้แต่น้อย เยวี่ยเจาหรานยุ่งอยู่กับการรับมือฮูหยินเยี่ยน จนไม่ทันเห็นสายตาดูิ่ของสวี่ชิวเยวี่ยที่อยู่ด้านข้าง ฮูหยินเยี่ยนเหลือบตาขึ้นมาจากถ้วยยาต้ม แล้วจึงส่งเสียงอืมในฉับพลัน เยวี่ยเจาหรานจึงได้รับสัญญาณ เร่งไปนำชามามอบให้ทันใด
เห็นได้ชัดว่าฮูหยินเยี่ยนไม่มีท่าทีอะไรเป็อื่น แต่ในใจของสวี่ชิวเยวี่ยกลับเกิดความอิจฉาที่อธิบายไม่ได้ขึ้นมาอย่างน่าประหลาด สวี่ชิวเยวี่ยมองเงาหลังที่ไกลออกไปของเยวี่ยเจาหราน ก่อนย่อตัวลงเล็กน้อยเอ่ยกับฮูหยินเยี่ยน “ข้าเห็นขนมดอกท้อ [3] บนโต๊ะทางโน้นทำสดใหม่ ให้ท่านชิมสักหน่อย จะได้ขจัดความขมในปากนะเ้าคะ”
ฮูหยินเยี่ยนพยักหน้ารับ สวี่ชิวเยวี่ยจึงเลิกคิ้ว แล้วเดินไปข้างโต๊ะสองสามก้าว ทั้งยังจงใจชะลอฝีเท้าเชื่องช้า ราวกับกำลังรออะไรบางอย่าง
ขณะที่กำลังพูดคุยเยวี่ยเจาหรานก็ยกชาเข้ามาในห้องพอดี สีหน้าของสวี่ชิวเยวี่ยนั้นพลันเปลี่ยนไปชั่วขณะ บังเอิญว่าขนมดอกท้อนั้นถูกนำไปยังเบื้องหน้าฮูหยินเยี่ยนพร้อมกับชาเหล่าจวินเหมยในมือของเยวี่ยเจาหรานอย่างพอเหมาะพอเจาะ เยวี่ยเจาหรานนั้นในใจคิดเพียงว่าวันนี้ต้องพิชิตศึกนี้ต่อหน้าฮูหยินเยี่ยนให้จงได้ จนเผลอลืมป้องกันะเิเวลาที่อยู่ข้างๆ ผู้นี้ไป
เหมือนจะช้าแต่ก็กลับเร็วเหลือเชื่อ ในขณะที่เยวี่ยเจาหรานและสวี่ชิวเยวี่ยทั้งสองกำลังจะเดินไปถึงเบื้องหน้าฮูหยินเยี่ยน สวี่ชิวเยวี่ยก็แอบยื่นขาไปทางเยวี่ยเจาหรานอย่างกะทันหัน...
“ไอ้หยา——” เยวี่ยเจาหรานที่กำลังตั้งใจวิ่งไปหาฮูหยินเยี่ยนนั้น ถูกขัดขาอย่างไม่ทันตั้งตัวจนตอบสนองไม่ทัน ถาดในมือพลันเอียงคว่ำ ดวงตามองเห็นกาชาที่ลอยออกไป มุ่งตรงไปยังฮูหยินเยี่ยนที่กำลังนั่งอยู่...
“ท่านป้าระวัง!”
มุมปากของสวี่ชิวเยวี่ยเผยรอยยิ้มจาง ก่อนจะโยนขนมดอกท้อทิ้งไปด้านข้าง แล้วกระโจนเข้าหาฮูหยินเยี่ยน แสดงละครเสียสละตัวเองเพื่อช่วยท่านป้าของนาง
เชิงอรรถ
[1] ขโมยไก่ไม่ได้ ยังเสียข้าวสารอีกกำมือ (偷鸡不成反蚀一把米) หมายถึงฉวยโอกาสไม่สำเร็จ ยังขาดทุนอีกต่างหาก
[2] ชาเหล่าจวินเหมย (老君眉) ชื่อนี้แปลว่าขนคิ้วของเทพเหล่าจวิน เป็หนึ่งในชามีชื่อในสมัยโบราณ รสชาติขมอมหวาน น้ำชาเป็มันลื่นดื่มง่ายสีทองแดง รสฝาดชัดเจนดื่มแล้วรู้สึกเย็นสดชื่น ชุ่มคอ
[3] ขนมดอกท้อ (桃花酥) เป็ขนมอบชนิดหนึ่งของจีน มีลักษณะเป็รูปดอกท้อสีชมพูอ่อน มีไส้หลากหลาย เช่นถั่วกวนหรือหัวมันต่างๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้