"นี่ฟ้าร้องหรือ?" อวี๋ฝูหลิงกล่าวอย่างไม่แน่ใจ
อวี๋เจียวเงยหน้ามองท้องฟ้าคิ้วเรียวงามของนางขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เอ่ยเสียงเบาว่า "ฝนกำลังจะตกพวกเรารีบไปหาท่านอาโจวและคนอื่นๆ ลงเขาตอนนี้ยังทันการ"
อวี๋จือหางเห็นอวี๋เจียวกังวลเพียงนี้จึงกล่าวทั้งรอยยิ้มว่า“สภาพอากาศบนูเาเปลี่ยนแปลงบ่อย หลายวันมานี้แดดจ้า ฝนนี้อาจจะไม่ตก ถึงฝนจะตกแต่ฤดูร้อนก็มีฝนตกอยู่หลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่นานมากนัก แถวนี้มีถ้ำอยู่พวกเราเข้าไปหลบในนั้นเป็พอ”
ครั้นได้ยินอวี๋จือหางเอ่ยเช่นนี้ อวี๋เจียวรู้สึกวางใจอยู่บ้างโชคดีที่พวกอวี๋เฉียวซานมีประสบการณ์ขึ้นเขาบ่อยครั้งต่อให้มีพายุฝนก็ยังมีประสบการณ์ในการรับมือ
ในเมื่อมาแล้ว นางก็จะได้หาสมุนไพรที่มีชีวิตตามสายฝนเมื่อสายฝนหยุดลงก็จะแห้งเหี่ยวเช่นต้นเหยาเฉ่า [1] หากสามารถหาต้นเหยาเฉ่าพบนางมีความมั่นใจหกส่วนว่าจะสามารถรักษาร่างกายของอวี๋ฉี่เจ๋อให้หายดีได้
คนทั้งสามรีบเดินกลับไปยังสถานที่ล้อมล่าหมูป่าอวี๋เฉียวซานและสองพ่อลูกสกุลโจวกำลังใช้ดินกลบเืหมูป่าที่ถูกฆ่าตายบนพื้นดินเพราะเกรงว่ากลิ่นเืจะชักนำสัตว์ป่าดุร้ายเข้ามานอกจากนั้นยังเอาดินโรยลงบนตัวหมูป่าจำนวนไม่น้อย
อวี๋เจียวหยิบห่อกระดาษในห่อผ้าที่นำติดตัวมาด้วยเอ่ยพลางส่งให้อวี๋เฉียวซาน “ท่านลุงใหญ่ นี่คือยาที่ข้าบดเอาไว้เมื่อคืนโรยลงบนตัวหมูป่าแล้วจะช่วยกลบกลิ่นเืเ้าค่ะ”
อวี๋เฉียวซานรับมาอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง“โรยยานี้ลงบนเนื้อหมูแล้วยังกินได้หรือไม่?”
อวี๋เจียวอธิบายอย่างมีน้ำอดน้ำทน“นี่คือยาที่ปรุงด้วยสมุนไพรจำนวนหนึ่ง ไม่มีพิษเ้าค่ะ ใช้สำหรับกลบกลิ่น”
ล่าสัตว์ย่อมต้องมีกลิ่นคาวเืนอกจากนั้นสัตว์กินเนื้อที่ดุร้ายในป่ามักจะตามมาจากกลิ่นคาวเืในสายลมเมื่อคืนตอนอวี๋เจียวทำผงยาไล่แมลง นางนึกได้ถึงข้อนี้ดังนั้นถึงได้ทำยาห่อนี้ขึ้นมาด้วย
ไม่เพียงเท่านี้เช้าวันนี้นางยังเอายาแก้ไข้เพราะอากาศเย็นใส่ลงในห่อผ้าด้วยป้องกันเอาไว้จะได้ไร้กังวล เตรียมตัวเผื่อใช้ในยามจำเป็
อวี๋เฉียวซานได้ยินอวี๋เจียวกล่าวเช่นนี้จึงโรยผงยาลงบนหมูป่าอย่างวางใจหลายวันมานี้เขาเห็นอวี๋เจียวเขียนเทียบยารักษาอาการป่วยอวี๋เฉียวซานยังเชื่อมั่นในวิชาหมอของนางอยู่หลายส่วน
หลังจากจัดการเืบนพื้นเรียบร้อยอวี๋เฉียวซานเอ่ยอย่างร่าเริงว่า"วันนี้ขึ้นเขามาก็เปิดฉากล่าสัตว์ด้วยหมูป่า ถือเป็ลางดี"
แต่กล่าวยังไม่ทันจบ ฝนเม็ดใหญ่พลันหยดลงบนศีรษะอวี๋เฉียวซานแตะหน้าผากของตน “เฮ้ย ฝนนี้ตกลงมาจริงๆ เสียด้วย”
โจวเสียงรีบเอ่ย "หามหมูป่าขึ้นมาพวกเรารีบไปหลบในถ้ำทางทิศตะวันออก ฝนฤดูร้อนตกไม่นานนัก"
หมูป่าที่ตายแล้วบนพื้นหนักกว่าหนึ่งร้อยจิน [2] บุตรชายโจวเสียงและอวี๋จือหางที่อายุยังน้อยและแข็งแรงทั้งสองคนช่วยกันหามหมูป่าคนกลุ่มหนึ่งรีบมุ่งหน้าไปทางยังป่าฝั่งทิศตะวันออกโดยเร็ว
ฝนยิ่งตกยิ่งแรงขึ้นเรื่อยๆ พระอาทิตย์ที่ตื่นแต่เช้าตรู่หลบเร้นไปในเมฆาเสียแล้วท้องฟ้าในป่าเขาอึมครึม ราวกับม่านเมฆถูกลากเข้ามารวมตัวกัน
หลังจากพบถ้ำรกร้างอวี๋เฉียวซานกับโจวเสียงใช้มีดล่าสัตว์ฟันเครือเถาวัลย์หน้าปากถ้ำพวกเขาไม่กี่คนเข้าไปข้างใน เสื้อผ้าอาภรณ์เปียกชื้นเล็กน้อยโชคดีที่แม้จะเป็เสื้อผ้าในฤดูร้อน แต่เนื้อผ้าของสตรียังคงมิดชิดอย่างมากอวี๋เจียวกับอวี๋ฝูหลิงต่างตั้งใจปกปิดหน้าอกพวกนางสองคนจึงหยิบเอาเสื้อคลุมในห่อผ้าออกมาสวม
คนที่ขึ้นเขามาล่าสัตว์ในหมู่บ้านล้วนรู้จักถ้ำแห่งนี้หากเป็เพียงการค้างแรมชั่วคราวบนเขา พวกเขาล้วนแต่มาพักแรมในถ้ำแห่งนี้ดังนั้นภายในถ้ำจึงมีฟืนแห้งจำนวนไม่น้อย อวี๋เฉียวซานหยิบหญ้าแห้งมาหนึ่งกำจากนั้นใช้ตะบันไฟก่อกองไฟเพื่อ ‘อุ่นอาภรณ์บนกาย’
เดิมทีก็คือฤดูร้อน เมื่อก่อกองไฟไม่นานนักเสื้อผ้าบนกายของพวกเขาไม่กี่คนล้วนแห้งสนิท โจวเสียงยืนอยู่หน้าปากถ้ำมองไปยังม่านสายฝนที่ตกลงมาไม่ขาดสาย “ฝนนี้ยิ่งตกยิ่งแรงเสียแล้ว”
อวี๋เฉียวซานปรายตามองอวี๋เจียว “เ้าพูดถูกจริงๆ ด้วย”
โจวเสียงหันไปมองอวี๋เฉียวซานด้วยความสงสัยเขาอธิบายพลางแย้มยิ้มว่า “เมื่อวานแม่หนูเมิ่งบอกข้าว่าฝนจะตกให้ข้าขึ้นเขาวันหลัง คิดไม่ถึงว่าจะตกจริงๆ!”
……….
เชิงอรรถ
[1] เหยาเฉ่า 瑶草 คือสมุนไพรเซียนในตำนาน เช่นเดียวกับเห็ดหลินจือ เป็ยาอายุวัฒนะสามารถรักษาโรคภัยนับร้อย
[2] จินคือหน่วยมาตราชั่งของจีน โดยสองจินเท่ากับหนึ่งกิโลกรัม