“พวกนายจะยอมไปเอง หรือจะให้ฉันลงมือ”
คนที่เป็อดีตนายทหาร การรักษาดินแดนและรับใช้ประชาชนถือเป็สัญชาตญาณที่ฝังลึกในจิติญญา สำหรับเขาที่ผ่านการฝึกอบรม คนธรรมดาตรงหน้า อย่าบอกว่ามีกันห้าหกคน ต่อให้มาเป็ฝูงก็ไม่เกินความสามารถที่เขาจะจัดการ
ทว่าอันธพาลที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ เขาไม่จำเป็ต้องสนใจด้วยซ้ำ
ปล่อยพวกเขาไป?
ในใจซูอินอดเสียดายไม่ได้ อันที่จริงเธออยากทรมานเ้าขยะพวกนี้ เธอเงยขึ้นมองความใจกว้างบนใบหน้าของฉินหล่างแล้วก็พอจะเข้าใจ
ทว่าเข้าใจก็ส่วนเข้าใจ จะอย่างไรเธอยังคงรู้สึกเสียดาย
แต่การสอบสำคัญที่สุด เธอออกมาได้อย่างปลอดภัยก็ถือว่าโชคดีมากกว่าชาติก่อน ผลลัพธ์เช่นนี้เธอยอมรับได้
ฉินหล่างเป็คนจิตใจดี ไม่อยากรังแกเด็ก แต่ก็มีบางคนที่หันปลายกระบอกปืนเข้าหาตัวเอง
นั่นก็คือซุนเจี้ยน เขาถลึงตาเหมือนกำลังฟังคำพูดที่น่าขบขันแถมยังเอ่ยวาจาสกปรกเหมือนเคย “ฝันไปเถอะ พวกเรามีตั้งหลายคน กลัวอะไรกับแกคนเดียว”
ตอนที่ถีบออกไปรอบแรกฉินหล่างแทบไม่ได้ออกแรงด้วยซ้ำ ทำให้ต้าหู่ที่เป็ผู้นำลุกขึ้นยืนเหมือนไม่เป็อะไร
“แกถีบฉัน ขอโทษและรีบไปซะ พวกเราจะยอมคิดว่าไม่มีอะไร”
“ให้ฉันขอโทษหรือ”
ฉินหล่างขมวดคิ้ว น้ำเสียงแสดงความไม่พอใจ
ซูอินดีใจ กล้ามท้องที่เธอััเมื่อครู่ทำให้รู้สึกถึงเนื้อััที่แตกต่างไป บวกกับสิ่งที่รู้มาจากหลินเฉวียน ฉินหล่างเคยเป็ทหาร ผ่านการอบรมเฉพาะด้านมา
พวกอันธพาลมีกันหลายคน แต่หากเทียบกับคนที่ฝึกฝนมาเช่นเขา คนกลุ่มนี้ไม่คณนามือ
เธอตั้งตารอว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้
พวกอันธพาลไม่มีสมองและสายตาเฉียบแหลมแบบซูอิน คิดว่ามีพวกเยอะ อีกฝ่ายต้องกลัว แสดงท่าทีหยิ่งผยองมากขึ้น ใช้คำพูดสกปรกและด่าไปถึงบรรพบุรุษ
ฉินหล่างมาจากตระกูลผู้ดี เขาไม่ปรารถนาทำร้ายเด็ก แต่ไม่ได้หมายความว่าจะทนให้เด็กอันธพาลเหล่านี้เหยียบหัว
อย่างไรเสียตอนนี้เขาปลดประจำการแล้ว หากทะเลาะวิวาทกับใครก็คงไม่ส่งผลกระทบร้ายแรง เมื่อได้ยินคำพูดเยาะเย้ยที่เริ่มเกินขอบเขต เขาจึงถีบออกไป
ซุนเจี้ยนเยาะเย้ยเช่นกัน เขามันก็แค่ขยะ แม้แต่ซูอินก็สามารถถีบคนอย่างเขา แต่สำหรับฉินหล่างที่ได้รับการฝึกฝนมาใช้แรงเพียงเล็กน้อยก็ทำให้อีกฝ่ายกระเด็น
“กล้าทำร้ายพี่น้องของเราหรือ”
อันธพาลทั้งห้าถือไม้พุ่งเข้ามา
แววตาของซูอินฉายแววกังวล แต่ก็หลบไปด้านข้างอย่างคล่องแคล่ว ด้วยความอ่อนแอของเธอ หากเข้าช่วยมีแต่จะเกะกะ เธอจึงรีบถอยออกมาเพื่อให้พื้นที่แก่พวกเขา
ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์ว่าการตัดสินใจของซูอินถูกต้อง
ชายหนุ่มที่ผ่านการฝึกฝนเฉพาะทาง สู้กับอันธพาลวัยรุ่นที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ผลจะเป็อย่างไร
ง่ายเหมือนหั่นผัก!
ไม่สิ ง่ายกว่านั้นอีก
เตะหนึ่งครั้ง แล้วใช้ทักษะทำให้คู่ต่อสู้เสียความสามารถในการเคลื่อนไหว การต่อสู้ครั้งนี้จึงจบลงอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่าใน่เวลาสั้นๆ ซูอินไม่อยู่เฉย เธอหันไปหาซุนเจี้ยนที่ถูกถีบ ก่อนที่คู่ต่อสู้จะลุกขึ้น เธอก็เหยียบเขา
เธอรู้ว่าตัวเองร่างเล็ก ไม่มีแรงมาก จึงลงมือใน่ที่เขาอ่อนแอ
ยกตัวอย่าง ตรงเป้า
เสียงร้องเหมือนหมูโดนเชือด เมื่อนึกถึงน้ำเสียงเยาะเย้ยที่อีกฝ่ายล้อเลียนและกลั่นแกล้งเธอมาตลอดเก้าปีั้แ่ชั้นประถม ความรู้สึกอยากแก้แค้นก็สว่างสดใส เธอเลิกคิ้ว
โดยไม่คิดออมแรง เธอเหยียบลงไปทันที
จนกระทั่งมีมือใหญ่คว้ามือเธอไว้ “พอแล้ว”
“หือ?”
ซูอินเหยียบอีกฝ่ายอย่างมีความสุข เธอหันกลับมาแบบงงๆ เมื่อครู่เธอเหยียบแค่ไม่กี่ครั้ง ่เวลาสั้นๆ อันธพาลที่หยิ่งผยองเมื่อครู่ก็ล้มลง ในซอยแคบมีเสียงร้องหาพ่อแม่อย่างน่าอาย
“เธอ…ไม่เป็อะไรใช่ไหม”
น้ำเสียงห่วงใยของฉินหล่างดังขึ้น ซูอินดึงสติกลับมา
ชาติก่อนเื่ที่แย่กว่านี้เธอก็เคยเจอมาแล้ว เธอในตอนนั้นไม่ได้สติหลุดและโกรธเคือง ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีทางเผชิญหน้ากับเื่เช่นนี้อย่างแน่นอน
เธอแค่อยากแก้แค้น หลังจากได้แก้แค้นเธอก็รู้สึกดีและสบายใจขึ้นมาก
เธอยิ้มอย่างสบายใจ เธอก็แค่แก้แค้น “ไม่เป็ไรค่ะ ตอนนี้ฉันรู้สึกดีมาก แต่ว่าคนพวกนี้…”
“แจ้งความเถอะ”
ฉินหล่างพูดสามคำออกมาเบาๆ อันธพาลที่นอนอยู่บนพื้นก็แสดงท่าทีหวาดกลัว แต่ไม่รวมซุนเจี้ยน
“กลัวอะไร พวกมันตีพวกเราจนเป็แบบนี้ ถ้าเรียกตำรวจมา พวกมันก็ต้องจ่ายเงิน”
เพียงประโยคเดียวสามารถขจัดความรู้สึกสงสารของฉินหล่าง เนื้อร้ายของสังคมนี้ จะเป็ประโยชน์ต่อสังคมแม้ว่าจะพ่ายแพ้ก็ตาม
อีกทั้งเขาเคยได้รับการสั่งสอน รู้ว่าอะไรคือการป้องกันที่สมเหตุสมผล
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงและโทรแจ้งตำรวจ มีโรงพักอยู่แถวนี้ ไม่ถึงสิบนาทีก็ได้ยินเสียงไซเรน
ตำรวจหลายคนลงจากรถ เมื่อเห็นอันธพาลในที่เกิดเหตุ เ้าหน้าที่ก็จำต้าหู่ได้ เด็กพวกนี้มีชื่อเสียงกระฉ่อน สร้างเื่วุ่นวายั้แ่เล็กจนโต อายุยังไม่บรรลุนิติภาวะจึงไม่สามารถจับขังคุก ในฐานะตำรวจ หลายปีมานี้จึงคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็อย่างดี
แค่ชำเลืองดู ตำรวจหันไปมองคนสองคนที่ยืนอยู่ ดูไปแล้วไม่น่าได้รับาเ็
“คุณตำรวจ พวกเขาทำร้ายผม เจ็บจะตายอยู่แล้ว พวกผมต้องได้รับาเ็แน่ๆ ผมจะไปโรงพยาบาล…”
ซุนเจี้ยนพูดเกินจริง ไม่รอให้เขาทำให้เื่เกินจริงไปมากกว่านี้ ซูอินรีบหยุดเขาไว้ “ลุงตำรวจคะ หนูกำลังจะไปสอบเข้ามัธยมปลาย แต่ถูกพวกเขารั้งไว้ และยังปล้นเงินของหนูไป หัวหน้าของพวกเขาพูดลวนลามหนูด้วย โชคดีมีพลเมืองดีผ่านมา จึงช่วยหนูไว้ได้ทัน”
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ ซูอินอดกลัวไม่ได้จนทำให้เสียงสั่น
เด็กสาวหุ่นเพรียวผิวขาวผุดผ่อง ดูแล้วเป็เด็กว่านอนสอนง่าย พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือยิ่งทำให้คนอื่นๆ รู้สึกสงสาร ตรงข้ามกับพวกอันธพาลที่ไม่สำนึกผิด คุณตำรวจจะเชื่อใครล่ะ
“ผมก็แค่หยุดพวกเขา ไม่ได้ทำร้ายจนาเ็ เจ็บมันก็เจ็บอยู่หรอก แต่ผ่านไปไม่กี่วันก็ดีขึ้น ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลก็ได้ หากมีปัญหา ผมจะจ่ายค่ารักษาเอง”
อธิบายแล้วฉินหล่างก็แสดงบัตรประจำตัว
ทีมสำรวจที่ฉินหล่างทำงานด้วยรู้จักกันดีกับตำรวจ เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกเขาก็ไม่สงสัยอีก
ปกติเมื่อเกิดเื่เช่นนี้ ทั้งสองฝ่ายต้องไปลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจ แต่เมื่อคำนึงถึงการสอบของซูอิน และมีฉินหล่างเป็หลักประกัน ตำรวจจึงอนุญาตให้เธอไปลงบันทึกประจำวันหลังสอบเสร็จ
ซุนเจี้ยนก็้าให้เป็เช่นนั้น แต่เขายืนไม่ไหว แม้ว่าตำรวจอยากจะปล่อยไป ก็ทำได้เพียงเรียกรถพยาบาลให้มารับ
“สาวน้อยไม่ต้องกลัวนะ หากมีเื่อะไรก็แจ้งตำรวจ ตั้งใจทำให้ดี สอบให้ได้คะแนนสูงๆ”
เมื่อได้รับการปลอบใจจากเ้าหน้าที่ ซูอินก็ยิ้มหวาน “ทราบแล้วค่ะ ขอบคุณคุณตำรวจมาก”
เมื่อเห็นแววตาไม่พอใจของซุนเจี้ยน ซูอินยกมุมปากอย่างมีความสุข บอกลาเ้าหน้าที่ตำรวจด้วยความเกรงใจ เหตุการณ์เข้าใจผิดนี้ทำให้เวลายิ่งกระชั้นชิด โชคดีที่ฉินหล่างขับรถมาส่งเธอ
ก่อนเวลาสอบยี่สิบนาที ซูอินมาถึงห้องสอบอย่างใจเย็นก่อนจะนั่งลงเพื่อเตรียมตัว