นี่เป็ครั้งแรกที่หนิงเทียนใช้ทักษะปะาิญญาซึ่งถูกควบคุมโดยประตูิญญา มันสามารถสลายิญญา และทำให้คนเสียชีวิตทันที
ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องของหยวนหงกังก็หยุดลง ซูอวิ๋นที่หวาดกลัวคำรามอย่างเกรี้ยวกราด ทันใดนั้นนางก็เปิดใช้หยกหิมะวิจิตรร่วมกับไข่มุกหยินทมิฬะเิความโกรธแค้นอย่างนึกอาฆาต พลังเย็นกัดกร่อนแช่แข็งห้วงอากาศ มันหนาวเย็นจนจิตใจของหนิงเทียนสั่นสะท้าน
ในการต่อสู้เมื่อวานนี้ หนิงเทียนได้รับาเ็สาหัสจากการเคลื่อนไหวของซูอวิ๋น
ตอนนี้เขามีประสบการณ์แล้ว แน่นอนว่าหนิงเทียนต้องระมัดระวังเป็พิเศษ
อวี่ชิวกรีดร้องและดิ้นรน เดิมทีเขาวางแผนที่จะใช้พลังของอาวุธิญญาเพื่อทำร้ายหนิงเทียนอย่างรุนแรง แต่เขาถูกปราบปรามโดยน้ำเต้าเจ็ดสี แหวนดวงดาวแตกหักระหว่างการปะทะ ทำให้อวี่ชิวต้องรับผลของพลังจิตที่ย้อนกลับมา ซึ่งพรากพลังชีวิตของเขาจนเสียหายอย่างรุนแรง
แสงประตูแวบวับอยู่นอกกายหนิงเทียน รัศมีของรอยยิ้มโค้งเหมือนกระบี่ที่เต้นเข้าไปในดวงตาของอวี่ชิว
“ไม่!!!”
ในฐานะยอดฝีมือของสำนักดาราทมิฬ อวี่ชิวย่อมไวต่อการโจมตีทางจิติญญา ทว่าเมื่อถึงเวลาที่เขาตระหนักถึงความน่าหวาดกลัวของประตูิญญามันก็สายเกินไปแล้ว
หลังจากหยวนหงกัง อวี่ชิวก็กลายเป็ิญญาที่สองที่ถูกฆ่าโดยทักษะปะาิญญา และเป็อีกคนที่ถูกหนิงเทียนสังหารทันทีที่พบเจอ
ซูอวิ๋นคำรามอย่างดุร้าย ราวกับนางบ้าไปแล้ว ทว่าแท้ที่จริงแล้วนี่เป็เพียงการแสร้งทำ นางห่อหุ้มร่างไว้ด้วยม้วนภาพพันทิวเขาเหมันต์ ด้านหลังมีไข่มุกหยินทมิฬที่ตามติดอย่างใกล้ชิด และเมื่ออวี่ชิวถูกสังหาร หนิงเทียนก็เคลื่อนตัวไปด้านข้างเพื่อปกป้องตัวเอง ขณะเดียวกันก็รีบเร่งพุ่งไปอยู่เบื้องหน้าชิวอีเซี่ยน
“บ้าไปแล้ว เ้า...เอ่อ...”
ชิวอีเซี่ยนกรีดร้อง ความเยือกเย็นของไข่มุกหยินทมิฬนั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง พายุน้ำแข็งสีดำทะลุทางออกที่ถูกปิดกั้นโดยตรง ทำให้สหายิญญาทั้งห้ากลายเป็น้ำแข็งในทันที
ชิวอีเซี่ยนถูกคลื่นกระแทกจนกระทบเข้ากับผนังด้านข้าง และหลังศีรษะของเขามีเืออก
หนิงเทียนคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว เขาโกรธจนแทบบ้า ไม่เคยคิดเลยว่าซูอวิ๋นจะระมัดระวังอย่างมาก และมีสัญชาตญาณอันน่าอัศจรรย์เช่นนี้ ทั้งยังหลบหนีไปในพริบตา
เพื่อที่จะฆ่าหยวนหงกังและอวี่ชิว หนิงเทียนจึงโจมตีซูอวิ๋นด้วยการเคลื่อนไหวครั้งแรก จากนั้นก็ใช้น้ำเต้าเจ็ดสีและทหาริญญาเยาเยาร่วมกับทักษะปะาิญญาในการสังหารผู้ช่วยสองคนของซูอวิ๋นจนสำเร็จ
ข้าคิดว่าชัยชนะอยู่ใกล้แค่เอื้อม หาได้นึกไม่ว่าซูอวิ๋นจะเสแสร้ง แล้วคว้าโอกาสที่ดีที่สุดฝ่าด่านของชิวอีเซี่ยนออกไปได้
หนิงเทียนเร่งรีบไล่ตามไป แต่เขากลับชนเข้ากับกำแพงน้ำแข็งและถูกเด้งกลับ
“ซูอวิ๋น แม้ว่าเ้าจะหนีไปสุดขอบโลก ข้าก็จะตามจับเ้ากลับมา!”
หนิงเทียนสาปแช่งด้วยความโกรธและหงุดหงิด ในสถานการณ์เช่นนี้ เขากลับพลาดการสังหารซูอวิ๋น สิ่งนี้ทำเขาแทบคลั่ง
ชิวอีเซี่ยนร้องด้วยความเจ็บ ก่อนจะลุกขึ้นจากพื้นแล้วอุทาน “โอ้ เื ข้าจะตายแล้ว...”
“หุบปาก!”
หนิงเทียนะโออกมา ทำให้ชิวอีเซี่ยนกลัวมากจนไม่กล้าพูด
หนิงเทียนกำลังอารมณ์ไม่ดี ถ้าไม่ใช่เพราะการสกัดกั้นของชิวอีเซี่ยนไม่ดีพอ ซูอวิ๋นจะหลบหนีไปได้อย่างไร?
เมื่อเดินไปยังศพของหยวนหงกังและอวี่ชิว หนิงเทียนก็ถอดแหวนมิติออก เมื่อเปิดดูจึงพบว่ามีหินิญญามากมาย เช่นเดียวกับอุปกรณ์และอาวุธิญญา
ชิวอีเซี่ยนมองเขาด้วยสายตาละโมบและพูดว่า “ข้าทำดีที่สุดแล้ว แม้จะไม่มีผลงานแต่ก็พยายามอย่างหนัก ทั้งยังต้องเสี่ยงชีวิต และหัวของข้าก็แตกด้วย...”
หนิงเทียนจ้องมองเขา ก่อนจะหยิบผลึกิญญาออกมาห้าร้อยก้อนแล้วโยนให้เขา
สตรีสวมผ้าคลุมมองหนิงเทียนด้วยสายตาซับซ้อน ก่อนจะเคลื่อนกายเข้าหาปราการน้ำแข็งราวกับเงา ก่อนจะเดินทะลุไปด้วยวิธีที่แปลกประหลาด
หนิงเทียนและชิวอีเซี่ยนมองหน้ากัน ทั้งคู่เห็นความหวาดกลัวในดวงตาของกันและกัน สตรีสวมผ้าคลุมผู้นี้ดูน่ากลัวกว่าที่คิด
ชิวอีเซี่ยนเก็บหินิญญาไป แล้วเดินเข้าหาหนิงเทียน ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าขอถามเ้าสักหน่อย ก่อนที่เ้าจะขอให้ข้าปิดผนึกทางออก เ้าเคยพิจารณาปฏิกิริยาของสตรีสวมผ้าคลุมบ้างหรือไม่? จะเกิดอะไรขึ้นถ้านางเข้าช่วยอวี่ชิว เ้าจะไม่ตายหรือ? อย่างไรนางก็ยังเป็ซิงซิวนะ”
หนิงเทียนพิจารณาเื่นี้แล้วหรือยัง?
คำตอบคือใช่
สตรีสวมผ้าคลุมนั้นยากที่จะมองออก แม้แต่หนิงเทียนก็ไม่สามารถมองทะลุผ่านได้ แต่ดวงตาเสน่ห์และญาณทิพย์ต่างก็ััได้ว่าสตรีสวมผ้าคลุมนั้นไม่ได้เป็ศัตรูกับเขา ดังนั้นหนิงเทียนจึงกล้าเสี่ยง
หากสตรีสวมผ้าคลุมเป็ศัตรูกับเขา หนิงเทียนจะวิ่งหนีทันทีอย่างแน่นอน
“ในเมื่อมองไม่ออกก็ต้องกล้าเดิมพัน แน่นอนว่าคราวนี้ข้าชนะเดิมพัน แต่น่าเสียดายที่เ้ามีกำลังไม่มากพอที่จะปิดกั้นทางออกให้ข้า”
ชิวอีเซี่ยนประท้วง “เ้าจะตำหนิข้าได้อย่างไร แม้ว่าการโจมตีทางจิตที่เ้าใช้จะมุ่งเป้าไปที่หยวนหงกังและอวี่ชิว แต่ข้าก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน นอกจากนี้ไข่มุกที่ซูอวิ๋นใช้นั้นน่ากลัวเกินไป ไม่ว่าข้าจะพยายามอย่างไรก็ไม่อาจต้านทานไว้ได้”
ในฐานะศิษย์ของโถงร้อยทหาร ชิวอีเซี่ยนถือว่าโดดเด่นในหมู่ศิษย์ร่วมสำนักแล้ว แต่ประสิทธิภาพการต่อสู้ของเขายังไม่แข็งแกร่งเท่าหนิงเทียน
หนิงเทียนยังคงฮึมฮัมต่ออีกเล็กน้อย รู้สึกหดหู่และไม่มีความสุข จึงได้แต่สะบัดแส้ใส่ผนังทางเดินจนพังทลาย
“ดูเหมือนนางอยากจะฝังเ้าไว้ที่นี่ พวกเ้ามีความแค้นใดต่อกันหรือ?”
ชิวอีเซี่ยนเป็คนผิวหนามาก เขาแสร้งทำเป็ไม่สังเกตเห็นความไม่พอใจของหนิงเทียน
“เยาเยา!”
หนิงเทียนเรียกเบาๆ ก่อนกิ่งท้อจะปรากฏขึ้น รัศมีแห่งแสงสว่างกระจายออกมาดึงร่างของหนิงเทียนให้หายไปในทันที
“ให้ตายเถอะ นี่เป็ทักษะเคลื่อนย้ายมวลสาร มันอาจจะเป็การหลบหนีในตำนานหรือไม่?”
ดวงตาของชิวอีเซี่ยนเป็ประกาย พร้อมกับสหายิญญาที่ปรากฏขึ้นภายนอกร่างกาย มันเป็เถาวัลย์สีเทาที่เลื้อยเข้ามาพันรอบร่างกายของเขา ก่อนจะเปิดใช้ทักษะมุดดินแล้วพาร่างของเขาไปปรากฏถัดจากลานกว้างในพริบตา
ปราสาททั้งหลังได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง สองในสามของตัวปราสาทถูกทำลายโดยนกั์
รูปปั้นหินลิงั์ยังคงตั้งอยู่ ทั่วทั้งรูปปั้นเปล่งแสงจางๆ ออกมา ซึ่งสิ่งนี้ดึงดูดความสนใจของชิวอีเซี่ยนได้เป็อย่างดี
หนิงเทียนยืนอยู่ใต้รูปปั้นหิน มองขึ้นไปที่การเปลี่ยนแปลงบนแผนที่
จุดสีฟ้าบนปราสาทแห่งนี้มีสีเข้มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
นี่เป็เพราะโชคลาภที่นี่ถูกลัวจิ้งแย่งชิงไปหรือ?
ชิวอีเซี่ยนเข้ามาหาหนิงเทียน ก่อนจะมองซ้ายมองขวาแล้วถามว่า “ทหาริญญาของเ้าอยู่ที่ใด ขอข้าดูหน่อยนะ”
หนิงเทียนไม่สนใจเขา
“ข้าจะให้ทหาริญญาสองตนแก่เ้าเป็การแลกเปลี่ยน ว่าอย่างไร? เช่นนั้นสามตนได้หรือไม่?”
“ไม่แลก!”
หนิงเทียนมองต้นไม้ั์ที่อยู่ไกลๆ มันยืนต้นสูง ทั้งยังเขียวชอุ่ม พลังิญญาของมันทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า โดยมีนกั์ตัวหนึ่งเกาะอยู่บนกิ่งก้าน จับจ้องมายังปราสาทอย่างเ็า
“เ้าคิดว่า นกตัวนั้นกำลังมองอะไรอยู่? มันทำให้ที่นี่ทรุดโทรมแต่ก็ไม่ได้ทำลายทั้งหมด ไม่คิดว่ามันแปลกหรือ?”
“แปลกนะ แต่ข้าไม่ใช่นก ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่ามันคิดอะไรอยู่”
ชิวอีเซี่ยนยักไหล่ นกตัวนั้นทรงพลังมาก ใครจะกล้าคิดเื่นี้ล่ะ?
หนิงเทียนอยากจะเตะเขาจริงๆ ชายคนนี้ไม่น่าสนทนาด้วยเลยสักนิด
การกระจายตัวของจุดที่มีป้ายกำกับทั้งสิบจุดบนแผนที่มีความโดดเด่นมาก มีเจดีย์โบราณตั้งอยู่ตรงกลางโดยมีจุดสีแดงสดสะดุดตาเป็พิเศษ
เจดีย์โบราณเป็ศูนย์กลางแผ่ออกไปด้านนอก วงกลมแรกคือที่ตั้งของซากปรักหักพังสองแห่ง ซากปรักหักพังทางทิศอุดรมีสีแดงอ่อน ทว่าตอนนี้สีดูจะจางลงกว่าเดิม
นี่แสดงว่าโอกาสนั้นถูกโดยบุคคลที่ถูกกำหนดไว้แล้ว
ซากปรักหักพังทางทิศหรดีเป็จุดสีฟ้า และไม่สามารถมองเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ในขณะนี้
ขอบเขตยังคงขยายออกไป วงกลมที่สองคือปราสาทสามหลังซึ่งกระจายซิกแซกราวกับอักษร 品 ซึ่งไม่เป็เส้นตรงกับซากปรักหักพังทั้งสอง
ในบรรดาปราสาททั้งสามแห่ง ปราสาทที่หนิงเทียนและชิวอีเซี่ยนอยู่นั้นมีจุดสีฟ้าสลัว ซึ่งบ่งชี้ว่าโอกาสหมดไปแล้ว
ไกลออกไปคือวงกลมที่สาม ซึ่งมีแผ่นศิลาสี่แผ่น สีแดงหนึ่งแผ่น สีฟ้าสามแผ่น
แผ่นศิลาที่หนิงเทียนอยู่เมื่อคืนนี้อยู่ทางทิศบูรพาของแผนที่ ซึ่งมันบังเอิญอยู่ใกล้ปราสาทแห่งนี้ที่สุด ทั้งยังตั้งอยู่ในแนวเส้นตรง
“เ้ากำลังมองหาสิ่งใดหรือ?”
ชิวอีเซี่ยนััตัวหนิงเทียน แล้วมองเขาด้วยสายตาสงสัย
“กำลังดูสัญลักษณ์บนแผนที่ จากปราสาทแห่งนี้ไปยังเจดีย์โบราณที่อยู่ตรงกลางนั้นใกล้กว่าการไปยังซากปรักหักพังของวงแรก นางหญิงเลวซูอวิ๋นจะต้องตรงไปยังเจดีย์โบราณด้วยความเร็วที่เร็วที่สุดอย่างแน่นอน”
ชิวอีเซี่ยนจ้องแผนที่แล้วขมวดคิ้ว “แม้ว่าในแง่ของระยะทางจะเป็เส้นตรง ทว่าการไปยังเจดีย์โบราณโดยตรงนั้นใกล้เคียงที่สุด แต่เ้าสังเกตหรือไม่ว่ามีูเาเล็กๆ คั่นอยู่ หากเหาะตรงไปอาจถูกโจมตีโดยอสูรและิญญาอสูร ระยะทางจากปราสาทแห่งนี้ถึงเจดีย์โบราณนั้นไกลกว่าระยะทางจากปราสาทถึงแผ่นศิลาอย่างน้อยสามเท่า เราจะไปถึงเจดีย์โบราณก่อนฟ้ามืดได้สำเร็จหรือไม่? นี่ไม่ต่างจากการทดสอบเลย”
หนิงเทียนรีบวิ่งจากแผ่นศิลามายังปราสาททันทีที่รุ่งสาง การเดินทางใช้เวลาอย่างน้อยสองชั่วยาม
ไม่นับว่าระหว่างทางไม่มีอันตรายใดๆ เกิดขึ้น เขาจึงเดินทางได้อย่างรวดเร็ว
ในตอนนี้เสียเวลาไปกับปราสาทแห่งนี้ไปมาก หากรีบเร่งไปที่เจดีย์โบราณในเวลานี้ ดูเหมือนเวลาจะค่อนข้างกระชั้นชิดจนเกินไป
“พักหนึ่งคืนแล้วออกเดินทางพรุ่งนี้เช้า”
“เยี่ยมเลย!”
ชิวอีเซี่ยนถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะหันมองต้นไม้ั์ที่อยู่นอกปราสาท แล้วเอ่ยปลอบใจ “เ้าลองไปดูใต้ต้นไม้ใหญ่นั้นสิ ไม่แน่ว่าที่นั่นอาจมีความลับซ่อนอยู่ก็เป็ได้”
“เ้าไม่ไป?”
ชิวอีเซี่ยนพูดอย่างจริงใจ “ข้าจะปกป้องสถานที่แห่งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้อสูรร้ายเข้ามามัน”
“การที่เ้าสามารถอยู่รอดได้จนถึงตอนนี้ ดูเหมือนว่าความขี้ขลาดจะเป็ข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเ้าจริงๆ”
“การทำเช่นนี้เรียกว่าความระมัดระวัง”
หนิงเทียนี้เีเกินกว่าจะสนใจเขาอีก จึงผละกายออกจากปราสาทไปตามลำพัง แล้วรีบวิ่งไปที่ต้นไม้ั์
เมื่อเข้ามามองในระยะใกล้จึงพบว่าต้นไม้ั์ที่ดูเหมือนจะอยู่ใกล้กับปราสาท แท้ที่จริงแล้วทั้งสองอยู่ห่างกันมากกว่าหนึ่งร้อยลี้
หนิงเทียนเดินตามสายลม เสียงพืชพรรณต่างๆ ดังเข้ามาในใจ อีกทั้งความผันผวนขององค์ประกอบต่างๆ ก็ยังปรากฏขึ้นในใจของเขา
ประสบการณ์นี้ช่างมหัศจรรย์และกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเส้นทางแห่งจิติญญาของหนิงเทียน ประตูิญญาปรากฏขึ้นข้างกาย มันััทุกสิ่ง และประทับจิตเป็หนึ่งเดียว ความสามารถในการรับรู้แบบใหม่กำลังถือกำเนิดขึ้นแล้ว
...
ดอกไม้ หญ้า ต้นไม้ และเถาวัลย์ในป่าเขาต่างปล่อยความนัยที่ต่างกัน นอกจากนี้ยังมีอสูรบางตัวที่ปล่อยสัญญาณความผันผวนออกมาด้วย บวกกับองค์ประกอบทางธรรมชาติต่างๆ การผสมผสานเช่นนี้ได้ก่อให้เกิดความสัมพันธ์อันซับซ้อน
ความสัมพันธ์อันซับซ้อนย่อมเป็เื่ยากสำหรับผู้บำเพ็ญทั่วไป และพวกเขาจำเป็ต้องไปถึงระดับหนึ่งเพื่อให้สามารถรับรู้ได้
ความสามารถในการรับรู้สิ่งเหล่านี้ของหนิงเทียนมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับกายเต๋าิญญาศักดิ์สิทธิ์ ประตูิญญา และความสามัคคีของเส้นทางเต๋าทั้งสาม
แต่ท้ายที่สุดแล้วระดับพลังของหนิงเทียนนั้นต่ำเกินไป เขาเพิ่งแตะถึงเกณฑ์เท่านั้น จึงเป็การยากที่จะเข้าใจและใช้ความสามารถนี้ได้อย่างแท้จริง
นกตัวใหญ่บนต้นไม้ั์มองหนิงเทียนอย่างเ็า พร้อมทั้งปล่อยแรงกดดันมหาศาลออกมา
หนิงเทียนหยุดห่างออกไปไม่สองสามลี้ เขาััได้ถึงอารมณ์ของนกั์ และพบว่านกั์เพียงมองมาที่เขาอย่างเ็า โดยไม่ต้อนรับหรือปฏิเสธ นี่หมายความว่าอย่างไร?
หนิงเทียนเดินหน้าต่อไปอีกสองลี้ นกั์ยังคงเชิดหน้าอย่างเย่อหยิ่ง และหรี่ตามองอย่างเ็า จริงๆ แล้วมันไม่ได้มองหนิงเทียนอยู่ในสายตาเสียด้วยซ้ำ
“ชิ เ้าพวกเย่อหยิ่ง”
หนิงเทียนลอบบ่นและเดินต่อไปด้วยความระมัดระวัง ก่อนจะพบว่าใต้ต้นไม้ั์มีบ่อน้ำ มีรูเล็กๆ อยู่ในลำต้น และมีเสาน้ำพุ่งออกมาก่อนไหลรวมลงเป็บ่อน้ำพุ
บนผิวมีสายหมอกปกคลุม ภายในบ่อสามารถมองเห็นโครงกระดูกสมบูรณ์ในท่านั่งซึ่งเปล่งประกายแห่งความลึกลับได้อย่างชัดเจน
ดวงตาของหนิงเทียนหรี่ลง เขาใช้ทักษะภาพมิติเพื่อมองเจาะหมอกเข้าไปสำรวจโครงกระดูกด้านใน มันสมบูรณ์ไร้เนื้อและเื แต่บนหน้ามีการสวมหน้ากากสีแดงสดที่น่าหวาดกลัวเอาไว้
มีสร้อยคอห้อยอยู่ที่กระดูกคอของโครงกระดูก จี้ไพลินประดับตรงหน้าอกกำลังเปล่งแสงอันน่าหลงใหล ชี้ชวนให้คนลุ่มหลง
