กลัวหรือ?
นาง กูเฟยเยี่ยน นอกเหนือจากการกลัวท่านอาจารย์จะโกรธแล้ว เื่อย่างอื่นไม่ว่าจะเป็เื่ใด นางไม่เคยเกรงกลัว
นางเพียงตื่นตระหนกใที่เขาซึ่งเป็ถึงท่านแม่ทัพใหญ่กลับไม่รักในชื่อเสียงของตน เขาไม่หลีกเลี่ยงก็ดี นางจะได้ไม่จำเป็ต้องพะว้าพะวังและไม่จำเป็ต้องรู้สึกผิด!
กูเฟยเยี่ยนไม่ดิ้นรนแล้วเอ่ยออกมาสองแง่สองง่ามแทน “ท่านพี่อี้เฟยมีอารมณ์สนุกสนานเช่นนี้ น้องสาวย่อมต้องคอยอยู่ด้วยจนถึงที่สุดแน่เ้าค่ะ! ”
เฉิงอี้เฟยเริ่มจากการตกตะลึง หลังจากนั้นก็พลันหัวเราะอย่างเบิกบาน ไม่ต้องพูดถึงผู้คนรอบข้าง แม้แต่ตัวกูเฟยเยี่ยนเองเมื่อได้ยินก็รู้สึกได้ว่าเขาอารมณ์ดีเป็อย่างยิ่ง
เดิมทีเฉิงอี้เฟยเพียงแค่้าจะข่มขู่นาง แต่เมื่อเห็นนางมีความกล้าหาญถึงเพียงนี้ แน่นอนว่าเขาจะต้องคอยอยู่ด้วยจนถึงที่สุดแน่ ชื่อเสียงอะไรั้แ่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยถือสาอยู่แล้ว อีกอย่างแทนที่จะให้ผู้คนบนโลกมาตำหนิเขาว่าไร้ความสามารถจนต้องให้คู่หมั้นของฉีอวี้มาช่วยชีวิต มันจะดีกว่าถ้าให้ผู้คนบนโลกตำหนิว่าเขาสวมหมวกสีเขียวให้กับฉีอวี้แทน!
เฉิงอี้เฟยไม่ทราบเื่ราวที่กลางดึกกลางดื่นฉีอวี้บุกไปยังจวนตระกูลกูเพื่อถอนหมั้น เขาเพียงอยากรู้อยากเห็นปฏิกิริยาของฉีอวี้ยามที่ได้ทราบเื่ ทั้งอยากรู้อยากเห็นว่าแพทย์หญิงตัวน้อยผู้นี้ไม่เกรงกลัวว่าจะสร้างปัญหาหาให้ตระกูลฉี แล้วยังไม่เกรงกลัวสูญเสียการหมั้นหมายด้วยหรือ?
เพราะเป็เช่นนี้กูเฟยเยี่ยนและเฉิงอี้เฟยจึงโอบไหล่กันภายใต้การถูกจ้องมองจากผู้คน เดินไปยังห้องที่นั่งชั้นพิเศษชั้นสองของหอฝูหม่าน เมื่อมาถึงห้องที่นั่งชั้นพิเศษแล้ว กูเฟยเยี่ยนพลันฉวยโอกาสยามที่เฉิงอี้เฟยไม่ได้ตั้งตัวรีบร้อนสลัดตัวออกจากมือของเขา พร้อมทั้งถอยห่างออกไปเพื่อรักษาระยะห่างกับเขา
ไม่ถือสาในข่าวลือไม่ได้แปลว่านางจะเป็ผู้หญิงใจง่าย!
เฉิงอี้เฟยขมวดคิ้วหันมองนาง ทว่าก็ไม่ได้กลั่นแกล้งอะไรอีก ก่อนจะะโเรียกเด็กในร้านด้วยความสบายอกสบายใจ เขาสั่งอาหารและสุรามากมาย เมื่อสั่งเสร็จแล้วก็กำชับเจาะจงเป็พิเศษว่า “รีบนำอาหารมา”
กูเฟยเยี่ยนนั่งลงบนที่ที่ห่างจากเขามากที่สุด แอบลูบท้อง เขาหิวจนหน้าอกกดทับแผ่นหลัง ปวดกระเพาะไปหมดแล้ว
เฉิงอี้เฟยหันมามองนางอีกครั้ง สายตาเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ทว่าไม่ได้พูดอันใดเพิ่มเติม กูเฟยเยี่ยนก้มหน้าลง ยกมือปิดหน้าผากเพื่อบดบังสายตาของเขา
“ฮ่าๆ! ”
เฉิงอี้เฟยหัวเราะออกมาอีกครั้ง ดูเหมือนว่าจะอารมณ์ดีจริงๆ ผ่านไปไม่นานเขาก็เอ่ยถาม “แพทย์หญิงตัวน้อย เ้าไม่เกรงกลัวว่าฉีอวี้จะถอนหมั้นเ้าหรือ? ”
กูเฟยเยี่ยนเอ่ยตอบ “แล้วข้าจะทำอะไรได้? ”
เพียงประโยคเดียวก็ทำให้เฉิงอี้เฟยไร้คำที่จะพูดต่อ ชายหนุ่มไอค่อกแค่กสองทีแล้วเลือกที่จะเงียบ ห้องที่นั่งชั้นพิเศษอยู่ติดถนน เสียงอึกทึกครึกโครมด้านนอกหน้าต่างยังคงดังไม่หยุดหย่อน ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีคนจำนวนไม่น้อยรอคอยพวกเขาลงไปใหม่อีกหน เฉิงอี้เฟยรำคาญเสียงรบกวนจึงหันไปปิดหน้าต่างเงียบๆ กูเฟยเยี่ยนเหลือบมองเขาแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก
ผ่านไปไม่นานสุราและอาหารก็ถูกยกมา โต๊ะขนาดใหญ่เต็มไปด้วยสุราและอาหารชั้นยอดนึ่งร้อนๆ หอมกรุ่นจรุงใจ
กูเฟยเยี่ยนสูดดมอย่างหักใจ รู้สึกว่ารูขุมขนทั่วทั้งร่างกายล้วนเปิดออกด้วยความอยากอาหาร นางแทบอยากจะพุ่งเข้าไปสวาปามอาหารมื้อนี้ ทว่าท้ายที่สุดก็ยอมอดทนเอาไว้ นางให้เด็กในร้านนำข้าวต้มขาวมาหนึ่งหม้อและผักมาสองจาน
เมื่อเห็นว่านางไม่ได้คิดที่จะดื่มสุราและทานอาหาร เฉิงเฟยอี้ก็ไม่พอใจ “ไม่ใช่คุยกันเสียดิบดีว่าจะคอยอยู่ด้วยจนถึงที่สุด ไม่เมาไม่กลับไม่ใช่หรือ? เหตุใดเมื่อปิดประตูแล้วก็คิดจะทำลายอารมณ์สนุกสนานของเปิ่นเจียงจวินแล้วเล่า? ”
กูเฟยเยี่ยนไม่ได้สนใจไยดี เฉิงอี้เฟยรินสุราร้อนในแก้วขนาดใหญ่ด้วยตนเอง ก่อนจะโยนด้วยความรุนแรงมาลงตรงหน้านางจนเสียงดัง “เพล้ง” มุมปากของเขาปรากฏรอยยิ้มชั่วร้ายถากถางแล้วพูดอย่างเชื่องช้าว่า “แพทย์หญิงตัวน้อย พวกเราผู้เป็ทหารเกลียดคนที่กล้าพูดไม่กล้าทำเป็ที่สุด! เปิ่นเจียงจวินจะให้โอกาสเ้าเป็ครั้งสุดท้าย หากเ้าไม่ดื่มสุราบนโต๊ะนี้ให้หมด ก็บอกเปิ่นเจียงจวินมาว่าใบสั่งยาแผ่นนั้นใช่เ้าหรือไม่ที่เป็ผู้แอบ…”
อีกแล้ว!
เฉิงอี้เฟยพูดยังไม่ทันจบ จู่ๆ กูเฟยเยี่ยนก็ลุกขึ้นมายื่นข้าวต้มขาวถ้วยหนึ่งวางไว้ตรงหน้าเขา นางมองไปยังดวงตาแสนพาลดื้นรั้นและไม่ยอมคนง่ายๆ คู่นั้นของเขา ก่อนจะสั่งสอนอย่างเอาจริงเอาจัง อย่างหาที่เปรียบมิได้ “ท่านแม่ทัพเฉิงเ้าคะ พวกเราแพทย์หญิงเกลียดผู้ป่วยที่ไม่ฟังคำสั่งของแพทย์เป็ที่สุด โรคกระเพาะอาหารของท่านเพียงแค่เพิ่งจะดีขึ้น ยังเรียกว่าฟื้นตัวไม่ได้ด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดเลยว่าหายเป็ปกติแล้ว! ภายใต้สถานการณ์นี้ซูไท่อีจะต้องกำชับท่านอย่างแน่นอนว่า ให้ทานอาหารรสอ่อนทั้งสามมื้อ เพื่อง่ายต่อการย่อย ต้องตรงเวลาตรงตามปริมาณที่กำหนด อีกทั้งยังต้องจดจำไว้ให้แม่นยำว่า ไม่สามารถดื่มสุรา ดื่มชา ทานเปรี้ยว ทานเผ็ด ทานเหนียว ทานแข็ง!
นางพูดไปพลางยกจานผักอีกจานมาด้วย ก่อนจะโยนลงมาตรงหน้าของเขาด้วยความรุนแรงดังเพล้ง น้ำเสียงยังคงเอาจริงเอาจังเด็ดขาดดั่งคำสั่ง “ทานผักจานนี้ก็พอ ที่เหลือท่านไม่สามารถทานได้ สุรายิ่งไม่ต้องคิดเลย! ”
เฉิงเฟยอี้ผู้มีนิสัยดื้อเพ่งทั้งพาลทั้งรั้น ไม่ยอมคนง่ายๆ มีอย่างที่ไหนที่จะยอมถูกคนสั่งสอนอย่างง่ายดายเช่นนี้ เพียงแต่ว่าเมื่อเขาได้สบกับดวงตาที่สดใสของกูเฟยเยี่ยนแล้ว กลับคล้ายว่าถูกมนต์สะกดบางอย่าง ทำให้ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ สุดท้ายจึงไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก แววตาปรากฏความงงงันเล็กน้อย
กูเฟยเยี่ยนไม่ได้สังเกตเห็นถึงความแตกต่างในดวงตาของเขา นางสั่งสอนบทเรียนเรียบร้อยก็กลับไปยังที่นั่ง ก้มหน้าก้มตาทานอาหารต่อไปโดยไม่รีบไม่ช้า ค่อยๆ เคี้ยว ค่อยๆ กลืน นางหิวมาหลายมื้อ หากว่าทานปลาทานเนื้อเข้าไปทันทีและกินเข้าไปอย่างตะกละตะกลาม หากปวดกระเพาะอาหารขึ้นมา ย่อมทรมานเป็อย่างยิ่งแน่
เฉิงอี้เฟยได้สติขึ้นมา น้ำเสียงอ่อนโยนลงไม่น้อย “แพทย์หญิงตัวน้อย เ้า…กระเพาะของเ้าก็ไม่ดีหรือ? ”
กูเฟยเยี่ยนส่งเสียง “อืม” แล้วไม่พูดอะไรอีก
เฉิงอี้เฟยจ้องมองไปยังโต๊ะขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยสุราและอาหารชั้นยอด จากนั้นมองไปยังข้าวต้มขาวและผักที่อยู่ตรงหน้า ในท้ายที่สุดก็ฟังคำพูดของกูเฟยเยี่ยนโดยการเป็เด็กดีทานข้าวต้มและผัก
แน่นอนว่าเฉิงอี้เฟยนั้น ส่วนเชื่อฟังก็อยู่เชื่อฟัง แต่เขาก็ยังคงไม่ลืมเื่ใหญ่ ทันทีที่ทานข้าวต้มเรียบร้อยเขาก็เดินข้างๆ กูเฟยเยี่ยน ก่อนจะเอ่ยถามด้วยอารมณ์สนุกสนาน “แพทย์หญิงตัวน้อย กินจนท้องเต็มอิ่มแล้ว มีเรี่ยวแรงในการพูดความจริงหรือยัง? ”
“ท่านแม่ทัพเฉิงเ้าคะ ที่ข้าพูดมาล้วนเป็ความจริงทั้งสิ้น หากท่านไม่เชื่อ ข้าเองก็ไม่มีวิธีการใดแล้ว”
กูเฟยเยี่ยนตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว ตีให้ตายอย่างไรนางก็ไม่มีทางยอมรับ นางไม่เชื่อว่านางนำชื่อเสียงมาชดเชยให้จนถึงขนาดนี้แล้ว ชายผู้นี้ยังจะทำอันใดนางได้อีก
อย่างไรก็ตามความจริงกลับปรากฏออกมาแล้วว่า เฉิงอี้เฟยคือผู้ที่ไม่มีเส้นสิ้นสุด เขาไม่พูดอะไรทิ้งสิ้นแต่กลับจับนางอุ้มพาดไว้บนไหล่โดยที่นางไม่คาดคิดมาก่อน!
ทุกอย่างเกิดอย่างฉับพลันกูเฟยเยี่ยนไม่ทันได้ตั้งตัว หัวนางหกคะเมนเอนลงไปทางพื้นด้วยความงงงวย! ทว่านางก็ได้สติกลับมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน นางใช้กำปั้นทุบตีเตะต่อยอย่างสุดแรงเกิด “ปล่อยข้านะ! ปล่อย! เฉิงอี้เฟย เ้าเป็ถึงท่านแม่ทัพใหญ่ใช้ลูกไม้ต่ำช้าเลวทรามอันธพาลรังแกคน เ้าไม่ต้องรักษาเกียรติหรือ? ”
“เป็เ้าใช่หรือไม่ที่แอบใส่ใบสั่งยาลงไป?” เฉิงอี้เฟยหัวแข็งเป็อย่างยิ่ง
กูเฟยเยี่ยนโกรธมากแต่นางกลับไม่ดิ้นรนและไม่พูดอันใดไร้สาระ นางก้มตัวลงไปทางแผ่นหลังของเฉิงอี้เฟย ก่อนจะกัดลงไปด้วยความรุนแรง เฉิงอี้เฟยไม่เพียงแต่ไม่ร้องด้วยความเ็ป แต่กลับหัวเราะเสียงดังออกมา แล้วเปิดประตูก้าวเท้าเดินออกไปด้านนอกทันที
กูเฟยเยี่ยนคิดไม่ถึงว่าเขาจะกล้าถึงเพียงนี้ นางตกตะลึงจึงปล่อยปากที่กัดเอาไว้โดยไม่รู้ตัว นาง้าที่จะห้ามปรามทว่าไม่ทันแล้ว บริเวณรอบข้างเกิดเสียงร้องใ ไม่ต้องสงสัยเลยมันคือเสียงจากผู้ที่เฝ้าอยู่หน้าประตูและหญิงสาวผู้ที่ชื่นชอบคลั่งไคล้ในเฉิงอี้เฟย นอกจากเสียงร้องใแล้วยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานาอีกด้วย
กูเฟยเยี่ยนไม่รู้ว่าเป็เพราะคว่ำตัวหรือเป็เพราะโกรธและอับอาย ไม่ว่าจะเป็ใบหูหรือพวงแก้มล้วนแดงไปหมด ร้อนราวกับว่าจะไหม้
ต่อให้นางสงบนิ่งเพียงใด ถึงอย่างไรนางก็เป็ผู้หญิงนะ! อากัปกิริยาของเฉิงอี้เฟยนั้นเหมือนกับอันธพาลจริงๆ ! ยามนั้นนางจะยังมีกะจิตกะใจที่จะกัดเฉิงอี้เฟยได้อย่างไร? นางซบหน้าลงบนแผ่นหลังอันตั้งตรงตระหง่านแข็งแรงของเขา ไม่กล้ามองผู้คนรอบข้าง
เฉิงอี้เฟยแบกนางเช่นนี้เดินลงบันไดอย่างไม่สนใจไยดีไปทางประตูใหญ่ ทว่าเขายังไปไม่ถึงหน้าประตูก็เห็นถึงบุรุษรูปงาม รูปร่างสูงใหญ่ กำลังเดินตรงมาทางด้านของพวกเขา
เฉิงอี้เฟยหยุดอย่างกะทันหัน ดวงตาดื้อรั้นคู่นั้นสว่างขึ้นอย่างทันที ใอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ผู้ที่มุ่งตรงมาไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็ผู้ที่เขาชื่นชอบที่สุดและเป็กษัตริย์ที่เขาเลื่อมใสศรัทธาที่สุด จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย
จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย…นึกไม่ถึงเลยว่าจะมา! ?