เล่มที่ 2 บทที่ 60
ภายนอกจวนเฉิน เงาดำสองเงาผสานเข้ากับกลางคืนโดยใช้กลีบเมฆสีดำทมิฬบดบังจันทราช่วยปกคลุมเงาของคนทั้งสอง
เมื่อกลีบเมฆสีดำทมิฬเคลื่อนตัวผ่าน เงาร่างประดุจภูตผีก็มองไม่เห็นอีกต่อไป ทว่าภายในเรือนแห่งหนึ่ง ได้ปรากฏเงาสองเงาะโข้ามกำแพง เวลาผ่านไปอีกครู่จึงได้ยินเสียงเอี๊ยด พร้อมกับเงาสีดำลับหายเข้าไปในห้อง
แสงเทียนจางๆ ถูกจุดขึ้น ก่อนจะมองเห็นได้อย่างกระจ่างว่า เป็สองคนเสียที่ไหน? เห็นชัดเจนว่าเป็สามคน เพียงแต่หญิงร่างเล็กถูกชายร่างสูงใหญ่โอบไว้ในอ้อมแขนอย่างแน่นจนขยับเขยื้อนไม่ได้
พิสูจน์ให้เห็นว่า ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้ถูกผู้ชายจับตัวและบังคับให้หลบหนี หลังจากมองเห็นเปลวไฟขนาดมหึมาซึ่งแผ่ซ่านออกมาจากั์ตาลุกลามไปถึงผ้าคลุมหน้าของผู้หญิง นั่นทำให้รู้แล้วว่าคนคนนี้คือมู่หรงฉิง
ทันทีที่เข้ามาในห้อง ปี้เอ๋อร์ก็จุดเทียนและก่อนจะได้อ้าปากพูด กลับได้ยินเสียงประตูถูกคนเปิดอีกหน จากนั้นชิงยวี่ในชุดดำจึงเดินโซซัดโซเซพลางกุมแขนของเขาเข้ามา เมื่อเห็นคนทั้งสามยืนอยู่ในห้อง มิหนำซ้ำบรรยากาศยังผิดปกติ ชิงยวี่จึงนิ่งงันไปชั่วครู่หนึ่งก่อนจะพูดกับจ้าวจื่อซินว่า "โชคดีที่ผู้น้อยสามารถรั้งคนนั้นไว้ได้ชั่วพักหนึ่ง"
จ้าวจื่อซินพยักหน้าโดยปราศจากอารมณ์ กวาดสายตามองแขนของชิงยวี่ที่เปียกโชกไปด้วยเื "ปี้เอ๋อร์น่าจะรักษาอาการาเ็ได้ใช่หรือไม่? ถ้าเช่นนั้นเ้าช่วยรักษาอาการาเ็ของชิงยวี่ก่อนเถอะ"
หลังจากถูกถามก็ตามมาด้วยการสั่งโดยไม่ปล่อยให้เอ่ยปฏิเสธ ปี้เอ๋อร์หันมองชิงยวี่ผู้ซึ่งได้รับาเ็ จากนั้นมองไปทางมู่หรงฉิงผู้ซึ่งถูกจ้าวจื่อซินกดจุดเซวียและอยู่ในอ้อมแขนของจ้าวจื่อซินโดยไม่อาจขยับเขยื้อน นางส่ายศีรษะโดยไม่หยุดคิดแม้แต่น้อย
ความหมายกระจ่างแจ้งเป็อย่างมาก นางเป็คนของมู่หรงฉิง เป็ไปไม่ได้ที่นางจะดูแลรับใช้ผู้อื่น และสิ่งที่สำคัญไปกว่านั้น นางต้องไม่ปล่อยให้มู่หรงฉิงอยู่กับบุคคลอันตราย
“ชิงยวี่” ปี้เอ๋อร์ไม่ให้ความร่วมมือ จ้าวจื่อซินจึงเปล่งเสียงเ็า
แม้จ้าวจื่อซินจะยังสวมผ้าคลุมหน้าทำให้ไม่อาจมองเห็นสีหน้าของเขาได้ แต่ด้วยสายตาอันเ็าและคำพูดปราศจากอารมณ์ ชิงยวี่ย่อมเข้าใจว่า เ้านายมีเื่ที่จะพูดคุยกับฮูหยินน้อย และทางที่ดีบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องควรออกไปให้ไกลที่สุด
ไม่จำเป็ต้องพูดอะไรมาก ชิงยวี่ที่าเ็ก็ก้าวเท้าไปข้างหน้า จัดการปี้เอ๋อร์ด้วยการเคลื่อนไหวอันว่องไว และนำตัวปี้เอ๋อร์ออกจากห้องอย่างสะอาดหมดจด
จนกระทั่งปี้เอ๋อร์ถูกชิงยวี่นำตัวออกไป จ้าวจื่อซินถึงวางมู่หรงฉิงลงบนพื้น แต่แค่คลายจุดหย่าเซวีย[1]ของนางเท่านั้น จากนั้นค่อยๆ ดึงผ้าคลุมหน้าออกอย่างช้าๆ
พร้อมด้วยการเคลื่อนไหวช้าๆ ของนาง คำพูดของเขาเ็าราวกับเสียงเรียกร้องจะเอาชีวิตจากใต้ดินชั้นที่เก้าก็มิปาน
“มู่หรงฉิง เ้าเป็คนที่สองที่กล้าหลอกข้า”
“คนแรก ตายแล้วหรือไม่?” มู่หรงฉิงเข้าใจในสิ่งที่จ้าวจื่อซินพูดแล้ว เขาเข้าใจทุกอย่างกระจ่างชัดแล้ว
นางเย้ยหยันในใจ เฮอะ! เ้าก็ฉลาดนี่ ก็ไม่ได้ทระนงและโง่เขลาอย่างที่เคยคิดมาก่อนนี่
“เขายังไม่ตายแต่สำหรับเ้า เป็เื่ยากที่จะบอก” ครั้นพูดจบ เขาก็กระชากถอดผ้าคลุมหน้าของตนเองออกและโยนผ้าคลุมหน้าสีดำลงกับพื้น
ภายใต้แสงเทียนส่องประกาย ใบหน้าของนางซีดเซียวอย่างผิดปกติ แต่ดวงตาของนางเต็มไปด้วยเปลวเพลิง พิสูจน์ให้เห็นว่าความขุ่นเคืองของนางมากเพียงพอที่จะเผาท้องฟ้า
มือของเขาเคลื่อนไปตามสายตา พริบตาต่อมาเขาก็บีบลำคอของนาง “เหตุใดข้าถึงอยากบีบลำคอของเ้าให้หักทุกครั้งที่เห็น?”
ก็เพราะว่าเ้าจิตวิปริตอย่างไรล่ะ
ก่นด่าในใจอย่างเ็าขณะมองจ้าวจื่อซินโดยที่ใบหน้าไม่แปรเปลี่ยนแต่อย่างใด และรอให้เขาตัดสินลงโทษ
“แต่เดิมในวันนี้ข้าคิดว่าเ้าแสดงละครได้แย่เกินไป และข้ายังปวดศีรษะอยู่โดยคิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะปิดละครโดยไม่ให้คนอื่นพบข้อบกพร่อง แต่ข้าไม่คาดคิดเลยว่า ข้อบกพร่องทั้งหมดที่เ้าเปิดเผยจะเป็จุดเริ่มต้นของแผนการ"
จ้าวจื่อซินไม่นึกไม่ฝันเลยว่า ผิวของผู้หญิงจะมีมนต์ขลังได้มากมายนัก คิดไม่ถึงว่าจะสามารถทำให้คนรู้สึกเหมือนถูกไฟแผดเผา รู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด แต่สิ่งที่มากไปกว่านั้น มันเป็ความสุขที่สามารถพูดได้ชัดเจนและอธิบายเป็คำพูดได้อย่างกระจ่าง
“เ้าใช้ยวี้เอ๋อร์เพื่อเข้าหาแม่รองเฉิน ใช้เฉินเทียนหยูเพื่อปัดเป่าความวิตกกังวลของแม่รองเฉิน และใช้ปี้เอ๋อร์ในการล่อให้แม่รองเฉินติดเบ็ด ท้ายที่สุดเ้าใช้ข้าเพื่อให้บรรลุเป้าหมายสูงสุดของเ้า
“ในตอนบ่าย ข้ายังคงคิดว่า เ้าสับสนและ้าเดิมพันกับข้า อะไรที่ทำให้เ้าถึงกับต้องเข้าไปเสี่ยงอันตราย? แต่สิ่งที่ไม่นึกไม่ฝันก็คือ นี่เป็การหลอกให้ตายใจก่อนแล้วจัดการของเ้า รู้ทั้งรู้ว่าข้าจะต้องแพ้อย่างแน่นอน แต่เ้ากลับทำเป็ลังเลตัดสินใจไม่ถูก
“ข้าเคยคิดว่าข้าเป็ผู้ชมละคร แต่ไม่เคยคิดเลยว่าข้าจะได้มาเป็ตัวละครตัวหนึ่งในบทละคร ส่วนเ้าก็แค่พยักหน้าและให้ตัวละครแสดงตามการจัดแจงของเ้า ถัดจากนั้นเ้าก็คงจะรอดูการแสดงใช่หรือไม่? โอ้! ไม่สิ บางทีเ้าอาจจะขึ้นมาแสดงละครบนเวทีเป็ครั้งคราว โดยทำให้น้ำขุ่นจากนั้นเ้าก็ดูการแสดงอีกหน"
จ้าวจื่อซินชื่นชมมู่หรงฉิงอยู่หลายส่วน แต่สิ่งที่มากไปกว่านั้นคือความขุ่นเคือง
ผู้หญิงตัวเล็กที่น่ากลัวคนนี้กลับเล่นงานเขาจนต้องอยู่ในกำมือของนาง ตลอดเวลาที่ผ่านมา มีเขาคนเดียวที่คอยเล่นงานคนอื่น และแน่นอนว่า ยกเว้นผู้ชายที่เคยวางกับดักเขาคนนั้น
คนที่กล้าหลอกเขาไม่เคยปรากฏตัวมาก่อนเลยจริงๆ แต่กลับไม่เคยนึกถึงมาก่อนเลยว่า หลังจากก่อเื่ปั่นป่วนในยุทธภพเป็เวลาหลายปี โอ้อวดแสนยานุภาพเป็เวลาหลายปี สุดท้ายกลับพ่ายแพ้เด็กสาวตัวเล็กๆ ผู้ซึ่งไม่เป็ที่รู้จักของผู้คนมากนัก
ถ้าเกิดเื่หนนี้แพร่สะพัดออกไป เขาจะต้องถูกผู้คนหัวเราะเยาะเป็แน่ ถ้าท่านแม่ของเขารู้เื่เข้า เขาอาจจะถูกตบศีรษะ และบอกว่าเขาเป็คนไม่มีอนาคต
จ้าวจื่อซินพูดมากมาย แต่มู่หรงฉิงเพียงแค่มองเขาอย่างเ็า โดยไม่ได้กะพริบตาแต่อย่างใด
มู่หรงฉิงไม่กะพริบตา ไม่ใช่เพราะจ้าวจื่อซินหน้าตาดีมาก แต่เป็เพราะนางเหม่อลอยไปแล้ว นางแค่เพิกเฉยต่อคำพูดของจ้าวจื่อซินไปแล้ว
มู่หรงฉิงรู้สึกรำคาญอย่างอธิบายเป็คำพูดไม่ถูกเช่นเดียวกัน แต่เดิมนางคิดว่าแม่นมทั้งสองคงถูกเปลี่ยนความทรงจำเท่านั้น ขอแค่หายาแก้ตัวนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะสามารถเปลี่ยนกลับมาเป็ลักษณะเดิมได้
ทว่าคำพูดของแม่รองเฉินเมื่อครู่ก่อนทำให้นางต้องใ ‘พวกนางเชื่อฟังยวี้เอ๋อร์ โดยไม่กล้าต่อต้านแม้แต่น้อย’ หมายความว่าอย่างไรหรือ? เป็ไปได้หรือไม่ว่า แม่นมทั้งสองคนถูกยวี้เอ๋อร์ข่มขู่ทำอันตราย? หรือว่าแม่นมทั้งสองคนเปลี่ยนใจหลังจากถูกยวี้เอ๋อร์ล่อใจ?
ไหนจะเป็หนิงไฉ่เยว่ผู้นั้นอีกล่ะ นางไม่ใช่จานไฉ่เยว่หรือ? เหตุใดแม่รองเฉินถึงบอกว่าเป็หนิงไฉ่เยว่? พูดได้หรือว่า ผู้หญิงที่ทำร้ายเฉินเทียนหยูคนนั้นเป็คนในครอบครัวหนิง? แล้วความสัมพันธ์ระหว่างหญิงผู้นั้นกับอนุหนิงล่ะ เป็อะไรกัน?
คำพูดของหลิงเอ๋อร์ทำให้มู่หรงฉิงประหลาดใจเช่นเดียวกัน ถ้านางเดาไม่ผิด คุณชายใหญ่ที่ออกมาจากปากของหลิงเอ๋อร์คงจะเป็คนในตระกูลของอนุหนิง ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา สมบัติที่อนุหนิงนำออกมาเอาใจฮูหยินผู้เฒ่าทั้งหมด ก็ล้วนมาจากครอบครัวของอนุหนิงทั้งนั้น กล่าวอีกนัยหนึ่ง เื่ราวของการวางกับดักเฉินเทียนหยู ครอบครัวของอนุหนิงก็มีส่วนร่วมด้วยกระนั้นหรือ?
แล้วยังมีเ้านายน้อยอะไรนั้นอีก? มู่หรงยวี่หมายจะเป็ชายาขององค์ชายรัชทายาท และเ้านายน้อยคนนั้นก็หมายจะเป็ชายาขององค์ชายรัชทายาทเช่นเดียวกัน ทว่าใครคือเ้านายน้อยคนนั้น?
นอกจากนั้นแท้ที่จริงแล้ว แม่รองเฉินคือใครกัน? นางเข้ามาจวนเฉินด้วยเหตุผลใด? สันนิษฐานว่าภรรยาเอกของนายท่านรองเฉินคงจะถูกแม่รองเฉินฆ่าตายโดยไม่ต้องสงสัย และนายท่านรองเฉินก็ถูกแม่รองเฉินฆ่าตายด้วยหรือไม่? นางทำเช่นนั้นเพราะจุดประสงค์ใดกัน?
มิหนำซ้ำยังมีอาจารย์ขององค์ชายรัชทายาทอะไรนั่นอีก แม่รองเฉิน้าดึงนางไปพบกับอาจารย์ขององค์ชายรัชทายาท ด้วยจุดประสงค์ใดหรือ? เป็ไปได้หรือไม่ว่า จุดประสงค์ของอนุหนิงที่ปล่อยให้นางแต่งงานเข้ามาอยู่ในจวนเฉินคือสิ่งนี้? ขอแค่ดึงอาจารย์ขององค์ชายรัชทายาทออกมาก็สามารถทำให้เป้าหมายของพวกนางสำเร็จลุล่วง ถัดจากนั้นนางก็หมดประโยชน์แล้ว และจะต้องตายตามท่านแม่ของนางไปใช่หรือไม่?
ประการสำคัญที่สุดคือ ด้วยสาเหตุใดพวกเขาถึงทำทุกอย่างเพื่อฆ่าพี่ชายใหญ่? พี่ชายใหญ่อยู่ด้านนอกกำแพงเมืองเป็เวลาหลายปีแล้ว หากบอกว่าอนุหนิงกลัวสถานะของบุตรชายคนโตจะเป็อุปสรรคต่ออนาคตของมู่หรงฮ่าว นั่นอาจเป็คำอธิบายได้ แต่อย่างไรก็ดีแม่รองเฉินมีจิตมุ่งหมายที่แตกต่างจากอนุหนิงอย่างเห็นได้ชัด ทำไมคนเ่าั้ถึง้าฆ่าพี่ชายใหญ่ของนาง? จะพูดได้หรือไม่ว่า การที่พี่ชายใหญ่ของนางมีชีวิตอยู่จะเป็ภัยคุกคามต่อพวกเขา?
ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสนวุ่นวายเข้าไปใหญ่ เดิมนางคิดว่านางจะได้ผลลัพธ์และได้คำตอบในคืนนี้ แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็การเพิ่มพูนความสงสัยให้มากขึ้น
ปัญหาในปัจจุบันยังไม่ได้รับการแก้ไขเลย และปัญหาใหม่ก็ตามมาอีกมากมาย มู่หรงฉิงรู้สึกจริงๆ ว่า ์กำลังสร้างเื่ตลกขนาดมหึมาสำหรับนาง?
นางเป็แค่เด็กสาวที่อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนธรรมดาทั่วไปคนหนึ่งเท่านั้น ทำไมนางจะต้องเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่อธิบายไม่ได้เ่าั้ด้วย?
มู่หรงฉิงตกอยู่ในความสับสน นางจึงเพิกเฉยต่อจ้าวจื่อซิน นั่นทำให้จ้าวจื่อซินผู้ซึ่งมีผู้คนให้ความสำคัญมาโดยตลอด ไม่พอใจยิ่งนัก
ถึงเขาจะเ็าดุจน้ำแข็ง ถึงกระนั้นเขาก็ชอบความรู้สึกที่ทำให้คนหวั่นกลัวต่อเขา เขาชอบความรู้สึกที่ทำให้คนหวาดกลัวที่จะเข้าใกล้ และเขาก็ชอบความรู้สึกที่ทำให้ผู้คนตัวหนาวสั่น
โดยไม่คาดคิด มือของเขาจึงออกแรงบีบลำคอของนาง แต่เด็กสาวตรงหน้ากลับเหม่อลอยและเพิกเฉยต่อเขา
จ้าวจื่อซินรู้สึกว่าอำนาจและความน่าเกรงขามของความเป็ผู้ชายของตนถูกนางยั่วยุ เมื่อถูกมู่หรงฉิงเพิกเฉยซ้ำๆ หลายหน ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้ท้าทายขอบเขตของเขาซ้ำไปซ้ำมา ทำให้เขาไม่สบอารมณ์อย่างมาก
เขารู้สึกอึดอัด ไม่สบอารมณ์ แน่นอนว่าเขา้ากระชับมือให้แน่นขึ้น จังหวะนั้นมู่หรงฉิงผู้ซึ่งกำลังเหม่อลอยกลับรู้สึกตัวอีกหนเนื่องจากอากาศที่หายใจเข้าบางเบาลง
เมื่อหันมองสบกับดวงตาเ็าของจ้าวจื่อซิน นางถึงตระหนักได้ว่า ข้อสำคัญที่สุดในการแก้ปัญหาคือต้องจัดการชายผู้หยิ่งผยองที่เป็โรคประสาทคนนี้เสียก่อน
“มู่หรงฉิง เ้ากำลังแกล้งทำเป็สงบนิ่งใช่หรือไม่? เ้ามั่นใจว่าข้าฆ่าเ้าไม่ได้จริงๆ ใช่หรือไม่?”
ครั้นเห็นมู่หรงฉิงรู้สึกตัวอีกหน มือของจ้าวจื่อซินที่กุมลำคอของนางจึงบีบแน่นขึ้น "เ้าคิดว่าด้วยสถานะการเป็ฮูหยินน้อยตระกูลเฉินของเ้า ข้าจะไม่กล้าทำอะไรกับเ้าจริงๆ ใช่หรือไม่?"
"จะฆ่าหรือไม่ นั่นมันก็เื่ของเ้า ข้ารู้แค่ว่า ‘ในเมื่อเต็มใจที่จะเดิมพัน ดังนั้นจะแพ้หรือชนะ ย่อมต้องสามารถรับผลของการเดิมพันได้’ คนที่สามารถเล่นเดิมพันได้ ย่อมต้องทำตามที่พูดไว้ หากรับปากอะไรแล้ว ย่อมต้องรักษาสัญญา แต่ถ้าไม่สามารถเล่นได้ และมาเสียใจในภายหลังก็ไม่มีอะไรน่าแปลก”
มู่หรงฉิงกลัวหรือไม่? ตลก! ถูกมือเย็นเยียบข้างหนึ่งบีบลำคอ ใครๆ ก็กลัวทั้งนั้น
ทว่ากลัวแล้วมีประโยชน์หรือ? พูดได้หรือไม่ว่า ถ้านางจะบอกว่านางกลัว จ้าวจื่อซินคนนี้ก็จะสามารถแย้มยิ้มและพูดกับนางว่า ‘เด็กดี กลัวก็ดีแล้ว’ จากนั้นก็ปล่อยนางหรือ?
ถึงแม้นางจะเป็คนวางแผนการในวันนี้ขึ้นมา ทว่าก็ไม่ได้เป็แผนการที่เกิดจากการไตร่ตรองไว้ล่วงหน้าแต่มันเป็วิธีการรับมือที่เกิดขึ้นภายในระยะเวลาอันสั้นเท่านั้น
หลังจากนางรู้ว่ายวี้เอ๋อร์วางยาพิษ นางก็คิดวิธีการตอบโต้คร่าวๆ ขึ้นมา กระทั่งปี้เอ๋อร์กลับมา กลยุทธ์ต่างๆ ถึงได้ก่อเกิดเป็รูปเป็ร่าง
ปี้เอ๋อร์เป็คนฉลาดเฉลียวและมีไหวพริบ นางทำให้ยวี้เอ๋อร์ได้รับความเ็ปซ้ำๆ หลายหน และความรักทะนุถนอมของเฉินเทียนหยูที่มีต่อนางก็เป็ส่วนสำคัญอย่างยิ่งในแผนการของนาง
การทรยศของยวี้เอ๋อร์ ความภักดีของปี้เอ๋อร์ ในสายตาของแม่รองเฉิน แน่นอนว่าสิ่งเ่าั้ล้วนสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ อย่างไรก็ดีแม่รองเฉินกลับไม่ทันคาดคิดว่า ความไม่พอใจของปี้เอ๋อร์เป็กับดักที่นางวางไว้
นี่เป็ครั้งแรกที่นางได้ทำงานร่วมกับปี้เอ๋อร์ แต่ไม่นึกไม่ฝันว่าจะสามารถร่วมมือกันได้ถูกจังหวะ นางถึงกับอยากปรบมือให้และร้องบอกว่าดีมาก ละครในวันนี้บทบาทของปี้เอ๋อร์นั้นเพียงพอจริงๆ และปี้เอ๋อร์ก็แสดงได้ดีมากพออีกด้วย
บอกให้ปี้เอ๋อร์ไปหาหมอประจำจวนก็เพื่อสร้างโอกาสให้แม่รองเฉิน ไม่เช่นนั้นจะเป็งานหนักสำหรับหลิงเอ๋อร์ที่จะต้องเทียวไปเทียวมาเพื่อลอบฟัง?
สำหรับจ้าวจื่อซินคนนี้ มู่หรงฉิงคิดตรึกตรองเป็ร้อยตลบ กว่าจะตัดสินใจวางกับดักเขา ทว่าเนื่องจากนางอ่อนแอและ้าผู้ช่วยที่ทรงพลัง
แม้ว่าการใช้จ้าวจื่อซินก็เหมือนกับการปรึกษาหารือกับเสือด้วยกัน เพื่ออยากได้เนื้อหนังของมัน[2] ถึงกระนั้นถ้านางไม่ลงมือทำ มันก็เทียบเท่ากับว่านางกำลังรอความตาย ไม่เพียงนางเท่านั้นที่รอแต่ความตาย แต่นางยังต้องเฝ้าดูพี่ชายใหญ่ของนางถูกคนวางกับดักโดยไม่สามารถทำอะไรได้เลย
ด้วยสาเหตุข้างต้น นางจึงใช้ประโยชน์จากจ้าวจื่อซิน หรือมากไปกว่าคือนางขุดหลุมพรางเพื่อให้จ้าวจื่อซินตกลงไปในกับดักของนาง
คำพูดของมู่หรงฉิงสั่นเทาเล็กน้อย เนื่องจากมือของชายตรงหน้ากำลังบีบลำคอของนางอยู่ ใบหน้าที่ซีดขาวอย่างเห็นได้ชัด กอปรกับริมฝีปากซึ่งเม้มเล็กน้อย เนื่องจากความดื้อรั้นทำให้จ้าวจื่อซินรู้สึกอยากจะโน้มลงไปข้างหน้าและกัดเต็มแรง
---------------------
[1] จุดหย่าเซวีย คือ จุดที่ถ้าถูกกดจุดแล้ว จะสูญเสียความสามารถในการพูด หลังจากคลายจุดนี้ ก็จะสามารถพูดได้ตามปกติ
[2] การปรึกษาหารือกับเสือด้วยกัน เพื่ออยากได้เนื้อหนังของมัน หมายถึง ้าอยากได้ในสิ่งที่ขัดกับผลประโยชน์ของเขา ซึ่งเขามีกำลังเหนือกว่า ย่อมไม่อาจสมหวัง