บทที่ 3 ศิษย์รับใช้พกกระบี่
หากจะพูดให้ถูกก็คือ ฉินชูยังไม่ทันได้เข้าไปในหอคัมภีร์ ตัวเขาที่เพิ่งมาถึงเขตด้านนอกก็ถูกศิษย์สำนักชิงหยุนสองคนที่เฝ้ายามอยู่เข้ามาขวางแล้ว
“หอคัมภีร์เป็สถานที่สำคัญ ห้ามสวะเข้าใกล้ ประโยคนี้ข้าเข้าใจดี แต่ข้าคือศิษย์รับใช้ของสำนักชิงหยุน อาศัยอยู่ที่ยอดเขาชิงจู๋ และข้าก็ไม่ใช่พวกสวะไร้ประโยชน์” ฉินชูยืดตัวตรง เมื่อได้ยินคนะโบอกเสียงดังว่าห้ามสวะไร้ประโยชน์เข้าใกล้ เขาจึงคิดว่าตัวเองจำเป็ต้องแนะนำตัวออกไป
ศิษย์สำนักชิงหยุนทั้งสองขมวดคิ้วขึ้นพร้อมกัน “เ้าเป็ศิษย์รับใช้ เป็แค่ศิษย์รับใช้ ยังไม่เข้าใจอีกหรือ”
“ศิษย์รับใช้ก็เป็ศิษย์สำนักชิงหยุนเช่นกันไม่ใช่หรือ และพวกเ้าก็ทำหน้าที่แค่เฝ้าประตู พอเข้าใจในหน้าที่ตัวเองมากรึไง อย่าพูดจาไร้สาระไปหน่อยเลย” ครั้นถูกดูถูก ฉินชูก็โมโหขึ้นมา ตัวเขาคิดว่าการเป็ศิษย์รับใช้ไม่ใช่เื่น่าอาย
“เ้าอยากตายงั้นหรือ” ศิษย์เฝ้าประตูทั้งสองชักกระบี่ออกมาจากฝัก หน้าที่สำคัญของพวกเขาคือการเฝ้าด้านนอกประตูทางเข้าลานหอคัมภีร์ อีกทั้งพวกเขายังเป็ศิษย์ของสำนักชิงหยุนตัวจริง อาศัยอยู่ที่ยอดเขาหลักของสำนัก เป็ธรรมดาที่พวกเขาจะมั่นใจในตัวเอง แล้วจะให้พวกเขาอดทนกับศิษย์รับใช้จอมอวดดีจากยอดเขาชิงจู๋ได้อย่างไร
ฉินชูถอยหลังไปหนึ่งก้าว ก่อนจะหมุนตัวหนึ่งรอบ จากนั้นก็ตั้งหมัดทั้งสองข้างขึ้นมา เขาหมุนตัวก็เพื่อมองหาไม้กระบอง แต่ก็ไม่มี จึงทำได้แค่ใช้หมัดต่อสู้
“เกิดอะไรขึ้น” ชายวัยกลางคนคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา ฉินชูเคยเจอชายคนนี้มาก่อน ชายคนนี้ก็คือท่านาุโลู่ผู้ที่พาเขาเข้าสำนัก
“เรียนท่านาุโลู่ ศิษย์รับใช้จากยอดเขาชิงจู๋ผู้นี้คิดจะบุกรุกหอคัมภีร์ ซ้ำยังพูดจาไม่เหมาะสมขอรับ” ศิษย์เฝ้ายามคนหนึ่งเอ่ยปากพูด
“ไฉนเ้าหนูอย่างเ้าไม่อยู่ทำงานที่เขตของศิษย์รับใช้ดีๆ เ้ามาก่อกวนที่นี่ทำไม” กวาดตามองฉินชูรอบหนึ่ง คิ้วของท่านาุโลู่พลันขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เขาจำฉินชูได้
“ท่านาุโลู่ ข้ามีเื่อยากถามสักสองสามเื่ขอรับ” ฉินชูสำรวมขึ้นมาทันที กับคนอื่นเขาไม่สน แต่เขาเคารพนับถือผู้ที่พาเขาเข้าสำนักอย่างท่านาุโลู่
ท่านาุโลู่มองพินิจฉินชูอีกรอบ “เ้ามีเื่อะไรอยากจะพูดก็พูดมา พูดจบก็รีบๆ กลับไปเสีย”
“ศิษย์รับใช้ไม่ใช่ศิษย์ของสำนักชิงหยุนหรือขอรับ กฎระเบียบของสำนักชิงหยุนระบุไว้ว่าหากมีแต้มคุณูปการก็สามารถแลกตำรายุทธ์ได้ ซึ่งไม่มีกฎข้อไหนระบุว่าศิษย์รับใช้ไม่มีสิทธิ์ใช่หรือไม่ขอรับ นอกจากนั้นก็ยังไม่มีการระบุว่าห้ามศิษย์รับใช้มาที่หอคัมภีร์” ฉินชูพูดขึ้น
ท่านาุโลู่พยักหน้า “ใช่แล้ว เ้าพูดถูก หาก้าเข้าไปในหอคัมภีร์ก็จำเป็ต้องใช้แต้มคุณูปการ แต่ใช่ว่าใครก็มาได้ มิเช่นนั้นมันจะวุ่นวาย”
ฉินชูควักบัตรคุณูปการของตัวเองออกมา “ข้าเป็ศิษย์รับใช้ที่มีบัตรคุณูปการ”
“เ้าเก็บบัตรคุณูปการได้หรือขโมยของใครมา...เ้ารู้หรือไม่ว่าบัตรคุณูปการผูกมัดกับเ้าของ” ศิษย์เฝ้าประตูคนหนึ่งพูดขึ้น
“ดูถูกข้านัก เชื่อหรือไม่ว่าข้าฆ่าเ้าตายได้” ฉินชูตั้งหมัดขึ้นอีกครั้ง
“เป็ของจริงหรือของปลอม ไปตรวจสอบดูก็รู้แล้ว” ท่านาุโลู่พูดจบก็พาฉินชูเข้ามาที่หอคัมภีร์ โดยมีศิษย์เฝ้าประตูทั้งสองคนเดินตามมาด้วย เพราะถ้าเป็ของปลอม พวกเขาจะได้พาตัวฉินชูออกไปทันที
ด้านหน้าประตูหอคัมภีร์มีการเฝ้าระวังอยู่อีกชั้นหนึ่ง โดยมีผู้เฒ่าสองคนนั่งสมาธิอยู่และมีศิษย์อีกสองคนเฝ้าประตู
“ขออภัยขอรับท่านาุโลู่ รบกวนแสดงบัตรคุณูปการด้วยขอรับ” ศิษย์เฝ้าประตูหอคัมภีร์ทั้งสองคนประสานมือคารวะ
ท่านผู้าุโลู่ยื่นบัตรให้พวกเขาดู จากนั้นศิษย์ทั้งสองก็มองฉินชูด้วยสายตาประหลาดใจ ฉินชูเป็แค่ศิษย์รับใช้ แต่กลับมีบัตรคุณูปการได้อย่างไร
“จงปฏิบัติตามกฎ” ท่านาุโลู่พูดออกคำสั่ง
ศิษย์เฝ้าประตูนำบัตรของท่านาุโลู่ไปวางบนหินผลึกก้อนหนึ่ง ้าหินผลึกพลันปรากฏตัวหนังสือ ‘ลู่หยวน ท่านาุโแห่งสำนักชิงหยุน แต้มคุณูปการ 120,000 แต้ม’ จากนั้นศิษย์เฝ้าประตูก็หักค่าเข้าออกไปยี่สิบแต้ม
หลังจากหักแต้มคุณูปการของท่านาุโลู่เสร็จ ก็ถึงคราวของฉินชู
‘ฉินชู ศิษย์รับใช้แห่งยอดเขาชิงจู๋ แต้มคุณูปการ 3,100 แต้ม’ บนหินผลึกได้ปรากฏแต้มคุณูปการของฉินชูอย่างชัดเจน
“ข้าคือฉินชู ศิษย์รับใช้แห่งสำนักชิงหยุน” ฉินชูกล่าวรายงานตัว
ศิษย์เฝ้าประตูคนหนึ่งคิดอยากจะพูดอะไรขึ้นมา แต่ผู้เฒ่าที่นั่งสมาธิอยู่ทางด้านขวากลับชิงพูดขึ้นก่อน “ศิษย์แห่งสำนักชิงหยุนเอ๋ย จงใช้พลังความสามารถแลกมาด้วยทรัพยากร แม้เป็ศิษย์รับใช้ก็เช่นกัน”
“พวกเราเข้าไปเถอะ” ท่านาุโลู่หันมาพูดกับฉินชู จากนั้นก็เดินนำหน้าไป
เดินได้สองก้าว ฉินชูก็หันกลับไปมองศิษย์เฝ้าประตูสองคนก่อนหน้านี้ “หลังจากนี้ก็จำข้าเอาไว้ให้ดี ข้าคือฉินชู ศิษย์รับใช้ที่มีแต้มคุณูปการ”
ท่านาุโลู่หันกลับมาดึงฉินชู “เ้าหยุดก่อกวนเสียที”
ฉินชูจึงหุบปากและเดินตามท่านาุโลู่เข้าไปในหอคัมภีร์ทันที
ชั้นวางหนังสือมีหนังสือเรียงรายอยู่เต็มไปหมด ้ามีตำราคัมภีร์หลากหลายจัดเรียง ฉินชูตาลุกวาวทันที เขาสามารถแลกตำรายุทธ์แบบไหนในนี้ก็ได้ สามารถเลือกได้ตามใจ หากแต้มไม่พอก็ค่อยออกไปหาใหม่
ฉินชูหยิบตำรายุทธ์มาหนึ่งเล่ม หลังจากพลิกดูสักพัก ดวงตาก็เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ เพราะด้านในตำรายุทธ์เล่มนี้กลับว่างเปล่า
“ตำราที่จัดวางที่นี่ล้วนเป็ตัวอย่าง มีแค่คำนำวิชายุทธ์ของแต่ละเล่มเท่านั้น มีแต่ต้องรอให้แลกแต้มเสร็จเรียบร้อย เ้าถึงจะได้รับเล่มจริง” ท่านาุโลู่มองความสงสัยของฉินชูออก จึงอธิบายให้เข้าใจ
“ช่างระมัดระวังความปลอดภัยยิ่งนัก” ฉินชูเข้าใจแล้วว่าหอคัมภีร์ที่นี่มีการดูแลที่เข้มงวด
ท่านาุโลู่พลิกอ่านตำราคัมภีร์ ฉินชูก็พลิกอ่านตำราคัมภีร์
ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ตอนที่ท่านาุโลู่กำลังจะออกไป ก็เห็นฉินชูยังคงครุ่นคิดอยู่
“เ้ามีปัญหาอะไรหรือไม่” ท่านาุโลู่ถามฉินชู
ฉินชูพยักหน้า “เมื่อครู่ ข้าได้อ่านตำราคัมภีร์ไปบ้างแล้ว ส่วนใหญ่มีแต่วิธีฝึกพลังปราณ ส่วนวิชากระบี่กับวิชาหมัดพวกนี้เป็แค่วิชาเสริมเท่านั้น หมายความว่าหาก้าพลังไว้ต่อสู้ จำเป็ต้องฝึกตนบำเพ็ญเพียรก่อนหรือขอรับ”
“ใช่แล้ว พลังปราณคือสิ่งจำเป็พื้นฐาน ซึ่งพลังจากวิชากระบี่หรือวิชาหมัดก็ขึ้นอยู่กับความสามารถพื้นฐานนี้ อันที่จริงก็มีเคล็ดลับฝึกวิชาสายเสริมพวกนี้ พลังทำลายก็รุนแรงใช้ได้ แต่ถ้าสามารถประสานใช้กับพลังปราณได้ พลังทำลายก็จะยิ่งทวีคูณความรุนแรงเข้าไปอีก” ท่านาุโลู่พูดกับฉินชู
ฉินชูมองตำรายุทธ์ในมือ “การรับมีดมิได้เป็อุปสรรคต่องานผ่าฟืน งั้นแลกเ้าไปก่อนแล้วกัน”
ในมือของฉินชูคือตำราวิชากระบี่พื้นฐาน เขานึกความคิดดีๆ ออกแล้ว เขา้าแลกเปลี่ยนตำราวิชากระบี่ที่ใช้แต้มคุณูปการน้อยที่สุดก่อน เอาไว้มีแต้มเยอะกว่านี้ค่อยมาแลกตำรายุทธ์ฝึกตน ตอนนี้เขาเล็งเคล็ดพลังปราณเอาไว้เล่มหนึ่งแล้ว แต่ต้องใช้แต้มคุณูปการถึงสามแสนแต้ม ตอนนี้เขาเหลืออยู่แค่สามพันแต้ม
ท่านาุโลู่พาฉินชูมาที่ประตูหอคัมภีร์โดยไม่พูดอะไรอีก และเมื่อแลกตำราวิชากระบี่พื้นฐานเล่มจริงเสร็จ บัตรคุณูปการของฉินชูก็โดนหักไปอีกห้าร้อยแต้ม
“เ้าเป็คนมีความทะเยอทะยานในการพัฒนาตัวเอง ถือว่าเป็คุณสมบัติที่ดี” เมื่อออกจากหอคัมภีร์ ท่านาุโลู่ก็พูดกับฉินชู
“วันนั้นข้าได้ลั่นวาจาไว้กับท่านผู้าุโลู่แล้ว ว่าข้าจะทำให้สำนักชิงหยุนภาคภูมิใจในตัวข้าขอรับ ไม่ทราบว่าท่านพอจะมีกระบี่ที่ไม่ได้ใช้ให้ข้าหรือไม่ ไม่ต้องดีมากก็ได้ ข้ายังต้องออกไปสะสมแต้มคุณูปการมาเพิ่มอีกขอรับ” ฉินชูพูดขึ้นพลางถูมือ
ท่านาุโลู่อึ้งงันไปครู่หนึ่ง เพราะก่อนหน้านี้คำพูดคำจาของฉินชูยังฟังดูแข็งกระด้าง แต่พอมาตอนนี้กลับเปลี่ยนไปแล้ว
“ก็ได้ อ่ะนี่ ข้าให้เ้า” ท่านผู้าุโลู่โยนกระบี่ให้ฉินชูเล่มหนึ่งก่อนจากไป เขานึกสงสัยว่าคนอย่างฉินชูจะไปไกลได้มากแค่ไหน และเพราะความสงสัยนี้ หากเขาจะมอบกระบี่ให้ฉินชูสักเล่มจะเป็ไรไป
เมื่อฉินชูห้อยกระบี่ไว้ข้างเอวเสร็จ ตัวเขาก็ออกจากยอดเขาชิงหยุนและกลับไปยังหอศิษย์รับใช้ที่ยอดเขาชิงจู๋ทันที ณ ตอนนี้ ฉินชูเป็ศิษย์รับใช้เพียงคนเดียวของสำนักชิงหยุนที่พกกระบี่
“เอ้อพั่ง ห้ามคนอื่นรุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ทางทิศตะวันตกของหอศิษย์รับใช้ เว้นแต่เ้าที่ต้องคอยไปส่งข้าวให้ข้า ข้าจะไปฝึกกระบี่ที่นั่น หากขัดเกลาวรยุทธ์วิชากระบี่ไม่ได้ ข้าจะไม่เลิกฝึกเด็ดขาด” เมื่อกลับมาถึงหอศิษย์รับใช้ ฉินชูก็ออกคำสั่งเอ้อพั่งทันที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้