ผลิญญาสีแดงถือเป็สมุนไพรระดับสูง ดังนั้นมู่เฟิงจึงไม่แน่ใจว่าเขาจะสามารถทำการหลอมมันให้กลายเป็โอสถได้โดยไม่เสียคุณประโยชน์บางส่วนของมันไปได้หรือไม่
ด้วยเหตุนี้เขาจึงเลือกกินมันเข้าไปโดยตรง
หลังจากผลิญญาสีแดงถูกกลืนลงท้อง ความรู้สึกเ็ปก็พลันปะทุขึ้นมาในทันที มู่เฟิงกัดฟันแน่นเพื่ออดทนอดกลั้นต่อเ็ป เขาพยายามกลั่นพลังปราณเพลิงที่บรรจุอยู่ในนั้นออกมา
พลังปราณเพลิงที่บรรจุอยู่ในผลิญญาสีแดงนี้มีปริมาณมากกว่าหญ้าเพลิงอัคนีมาก ดังนั้นเมื่อกระแสพลังปราณเพลิงถูกกลั่นออกมาแล้ว ร่างกายของมู่เฟิงก็ร้อนจัดราวกับกำลังถูกแผดเผา ผิวของเขาแดงเถือก หยาดเหงื่อไหลซึมออกมาเป็จำนวนมาก
มู่เฟิงรู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังถูกแผดเผาอยู่ในกองเพลิง
“อึก…”
มู่เฟิงกัดฟันแน่น ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความเ็ป แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกตื่นตระหนก เขายังคงตั้งสติเอาไว้ได้อย่างมั่นคง ในขณะที่ทุ่มเทสมาธิทั้งหมดไปกับการฝึกฝนวิชาะเิหมัดเก้าเพลิงสุริยา
พลังปราณเพลิงอันแข็งแกร่งกำลังถูกบีบอัดให้มีขนาดเล็กลงและถูกควบแน่นขึ้นเป็รูปทรงทีละน้อย หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งวัน พลังปราณเพลิงเหล่านี้ก็ถูกบีบอัดจนมีขนาดเล็กที่สุดเท่าที่มันจะเล็กได้ และถูกควบแน่นขึ้นเป็ลูกพลังปราณเพลิงสีแดงเข้มลอยอยู่ในจุดตันเถียนจื่อฝู่
เมื่อเห็นว่าพลังปราณเพลิงถูกควบแน่นขึ้นมาสำเร็จแล้ว มู่เฟิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและเผยรอยยิ้มออกมา
หากเขาสามารถควบแน่นลูกพลังปราณเพลิงออกมาได้แล้ว วิชาะเิหมัดเก้าเพลิงสุริยาของเขาก็จะถือว่าได้ก้าวมาถึงขั้นแรกเริ่มของระดับสัมฤทธิ์แล้ว
ในอนาคตพลังนี้จะสามารถดูดซับพลังฟ้าดินธาตุไฟเพื่อเติมเต็มพลังงานด้วยตัวเองได้ เมื่อใดที่มู่เฟิง้ารวบรวมพลังปราณเพลิง พลังปราณที่โคจรไปตามเส้นลมปราณก็จะทำการเผาไหม้ตัวของมันเอง จากนั้นเขาก็จะสามารถแสดงวิชาะเิหมัดเก้าเพลิงสุริยาออกมาได้
พลังปราณเพลิงถือเป็พื้นฐานของการใช้ทักษะวิชานี้ ขอเพียงมู่เฟิงฝึกฝนเส้นทางการโคจรพลังให้มาก ต่อไปเขาก็จะสามารถใช้ทักษะพลังปราณนี้ออกมาได้อย่างอิสระ
เมื่อมองไปยังท้องฟ้าด้านนอกก็พบว่าถึงเวลาพลบค่ำแล้ว หลิ่วอีเสวี่ยยังคงรักษาอาการาเ็ของตัวเองอยู่ ตอนนี้ความรู้สึกหิวได้เข้ามาปั่นป่วนในท้องของเขา มู่เฟิงหยิบชิ้นเนื้องูเจียวไฟออกมา ก่อนจะจุดไฟขึ้นเพื่ออย่างมัน
กลิ่นหอมของเนื้อย่างสีเหลืองทองลอยอบอวลอยู่ภายในถ้ำ ส่งผลให้หลิ่วอีเสวี่ยที่กำลังฟื้นฟูอาการาเ็ต้องลืมตาขึ้นมา นางหันมองไปทางมู่เฟิงที่กำลังย่างเนื้อ ความหิวโหยกำลังประท้วงจนทำให้นางถึงกับต้องกลืนน้ำลาย
“ผู้าุโ ท่านตื่นแล้วรึ เอานี่ นี่คือเนื้องูเจียวที่ท่านตัดมันออกมา รสชาติไม่เลวเลยทีเดียว”
เดิมทีมู่เฟิงย่างเนื้อเอาไว้สองชิ้น เขาส่งให้หลิ่วอีเสวี่ยหนึ่งชิ้น
หลิ่วอีเสวี่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นนางก็ยื่นมือออกไปรับ มู่เฟิงสูดกลิ่มหอมเข้าไปเต็มปอด ก่อนที่เด็กหนุ่มจะเริ่มกินมันเข้าไปทันที
เมื่อหลิ่วอีเสวี่ยเห็นทางท่ามูมมามของเด็กหนุ่ม ั์ตาของนางก็ปรากฏรอยยิ้มบางเบา จากนั้นปากเล็กดุจผลอิงเถา*ของนางก็เผยอออกมาเล็กน้อย นางงับกินเนื้อเข้าไปคำเล็กๆ ด้วยท่าทางสุภาพเรียบร้อย
(*ปากเล็กราวกับผลเชอร์รี่ คำเปรียบเปรยถึงความงามของสตรี)
ไม่รู้ว่าเพราะทักษะการย่างของมู่เฟิงนั้นล้ำเลิศหรือเพราะรสชาติของเนื้องูเจียวที่เป็เลิศกันแน่ ดวงตาของหลิ่วอีเสวี่ยถึงเป็ประกายขึ้นมา จากนั้นนางก็เริ่มกินเนื้อเข้าไปเร็วขึ้น
ผู้ฝึกยุทธ์นั้นกินเก่งมาก เพราะสิ่งที่พวกเขากินเข้าไปจะถูกกลั่นให้กลายเป็พลังงานในร่างกาย โดยเนื้อที่พวกเขาสองคนกินเข้าไปนั้นมีปริมาณมากกว่าสิบจิน
หลังจากกินเสร็จเรียบร้อยแล้วมู่เฟิงก็เช็ดปากตัวเอง จากนั้นเขาก็นำกล่องสมุนไพรออกมาและส่งให้กับหลิ่วอีเสวี่ย
“ข้างในกล่องนี้มีเม็ดบัวอัคนีตามที่ผู้าุโ้าอยู่”
“เม็ดบัวอัคนี!”
ดวงตาของหลิ่วอีเสวี่ยเปล่งประกาย สิ่งนี้ทำให้นางรู้สึกทั้งยินดีทั้งคาดไม่ถึง นางไม่รอช้าที่จะรีบรับมันมาและเปิดกล่องออกทันที นางพบว่าภายในกล่องได้บรรจุเม็ดบัวอัคนีจำนวนมากกว่าสิบเม็ดเอาไว้
หลิ่วอีเสวี่ยปิดกล่องลง นางมองมู่เฟิงด้วยความประหลาดใจ แต่หลังจากเงียบไปสักพัก ในที่สุดนางก็กล่าวขึ้นว่า “เหตุใดเ้าจึงช่วยข้า แถมยังมอบเม็ดบัวอัคนีเหล่านี้ให้ข้าอีก”
ก่อนหน้านี้นางได้ข่มขู่มู่เฟิง ในสถานการณ์แบบนี้ หากเปลี่ยนเป็คนอื่นเกรงว่าพวกเขาคงรีบหนีไปพร้อมกับเม็ดบัวอัคนีแล้ว เพราะถึงอย่างไรของสิ่งนี้ก็เป็สมุนไพรขั้นหก เป็ของที่ล้ำค่าและหาได้ยากเป็อย่างยิ่ง บางทีหากว่าเป็บุคคลที่ชั่วร้ายเสียหน่อยเขาอาจจะลงมือสังหารนางที่กำลังาเ็สาหัสและหมดสติ จากนั้นก็ขโมยสมบัติที่นางพกติดตัวไปด้วย
ในโลกของผู้ฝึกยุทธ์ พฤติกรรมนี้ของมู่เฟิงอาจกล่าวได้ว่าเป็การกระทำของคนโง่
เมื่อได้ยินดังนั้นมู่เฟิงก็ชะงักไปทันที เขาเผยรอยยิ้มบางออกมาก่อนจะกล่าวว่า “ในเมื่อรับปากผู้อื่นแล้ว ข้าย่อมทำตามสัญญาอย่างแน่นอน อีกอย่างเม็ดบัวอัคนีเหล่านี้คงจะมีความสำคัญต่อท่าน ไม่อย่างนั้นท่านคงไม่พยายามต่อสู้กับงูเจียวไฟตัวนั้นอย่างสุดกำลังเช่นนี้ และหากข้าผิดสัญญา ทั้งยังเอาเปรียบสตรี บิดาข้าคงไม่อาจสงบใจลงได้”
มู่เทียนนั้นเป็สุภาพบุรุษและวีรบุรุษที่แสดงออกอย่างตรงไปตรงมา ส่วนมู่เฟิงก็ได้รับอิทธิพลจากนิสัยของบิดามาั้แ่เด็ก
แต่มู่เฟิงยังคงมีข้อแตกต่างจากบิดาของเขา เขาไม่ได้หัวโบราณคร่ำครึและภักดีจนเหมือนกับคนเขลา เหตุผลหลักเป็เพราะก่อนหน้านี้หญิงสาวตรงหน้าสามารถลงมือสังหารเขาได้ ถึงอย่างไรเด็กหนุ่มก็ได้เห็นเรือนร่างของนางไปแล้ว ดังนั้นนางก็มีเหตุผลมากพอที่จะลงมือสังหารเขา แต่อีกฝ่ายก็ยังไว้ชีวิตเขา ดังนั้นการกระทำนี้ของมู่เฟิงก็ถือเป็การตอบแทนน้ำใจของอีกฝ่าย
หลังได้ยินดังนั้นหลิ่วอีเสวี่ยก็มองมู่เฟิงด้วยแววตาที่อ่อนลง นางเก็บกล่องสมุนไพรก่อนจะเอ่ยปากบอกความจริงกับอีกฝ่าย “น้องชายของข้าถูกพิษเย็น จำเป็ต้องใช้เม็ดบัวอัคนีเพื่อรักษา”
เมื่อได้ยินดังนั้นมู่เฟิงก็พลันเข้าใจอีกฝ่ายในทันที หากเกิดอะไรขึ้นกับเขา เกรงว่ามู่หลิงเอ๋อร์ก็คงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อหายามารักษาเขาเช่นกัน
“ตอนนี้ถือว่าข้าติดหนี้บุญเ้าแล้ว นี่คือหยกิญญาส่งสารของข้า หากในอนาคตเ้าประสบเหตุใดเข้า เ้าสามารถใช้สิ่งนี้สื่อสารหาข้าได้ ถึงเวลานั้นข้าจะรีบมาช่วยเ้าในทันที”
หลิ่วอีเสวี่ยนำจี้หยกสีทองออกมาและมอบให้มู่เฟิง เด็กหนุ่มรับมันมาด้วยความยินดี
หยกิญญาส่งสารนั้นจำเป็ต้องสลักลายเส้นิญญาขั้นสี่ลงไปและยังต้องใส่พลังิญญาของตัวเองเข้าไปด้วยจึงจะสมบูรณ์ สามารถใช้ติดต่อสื่อสารกับเ้าของพลังิญญาได้โดยตรง
สิ่งของระดับนี้ เกรงว่าคงมีเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงเท่านั้นที่จะมีใน
การที่หลิ่วอีเสวี่ยมอบมันให้เขา นั่นหมายความว่าตอนนี้เขามีพันธมิตรเป็ผู้แข็งแกร่งระดับหยวนตานเพิ่มขึ้นมาหนึ่งคนแล้ว
แน่นอนว่าความสัมพันธ์นี้อาจจะสามารถช่วยชีวิตเขาได้ในอนาคต
หลังจากมู่เฟิงรับหยกมาแล้ว เขาก็เอ่ยถามอีกฝ่ายว่า “ผู้าุโ ท่านไม่ใช่คนของอาณาจักรหนานหลิงใช่หรือไม่?”
ภายในอาณาจักรหนานหลิงมีผู้แข็งแกร่งระดับหยวนตานดำรงอยู่ไม่มากและด้วยภูมิหลังตระกูลของเขา ทำให้มู่เฟิงมีโอกาสรู้จักกับบุคคลเ่าั้ แต่เขากลับไม่เคยพบหรือได้ยินเื่เกี่ยวกับสตรีผู้นี้มาก่อน
หลิ่วอีเสวี่ยส่ายหน้า ก่อนจะตอบว่า “ข้ามาจากที่อื่น รอให้ถึงวันที่วรยุทธ์ของเ้าแข็งแกร่งมากพอ เ้าก็จะสามารถออกจากที่เล็กๆ เช่นนี้และไปยังที่แห่งนั้นได้”
เมื่อได้ยินดังนั้นมู่เฟิงก็พูดอะไรไม่ออก เขาทราบเพียงว่าอาณาจักรหนานหลิงเป็อาณาจักรที่ตั้งในมุมหนึ่งของแผ่นดินเป๋ยอู่ แค่อาณาจักรขนาดเล็กที่ไม่มีอะไรสะดุดตาเท่านั้น
ผู้แข็งแกร่งก็มีอาณาเขตของผู้แข็งแกร่ง ส่วนผู้อ่อนแอก็มีอาณาเขตของตัวเอง ดังนั้นมู่เฟิงจึงไม่ได้เอ่ยถามอะไรมาก
เมื่อคนทั้งสองเงียบเสียงลง บรรยากาศภายในถ้ำก็ดูอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อย
“จริงสิ ความจริงแล้วข้าไม่ได้้าเม็ดบัวอัคนีมากขนาดนี้ ฉะนั้นเม็ดบัวอัคนีสองเม็ดนี้ข้ามอบให้เ้า ด้วยวรยุทธ์ของเ้าในตอนนี้ เพียงเท่านี้ก็ถือว่ามากพอแล้ว”
หลิ่วอีเสวี่ยนำเม็ดบัวอัคนีสองเม็ดออกมาจากกล่องสมุนไพรและมอบมันให้กับมู่เฟิง
“ไม่จำเป็ ก่อนหน้านี้ข้านำมันออกมาสองเม็ดแล้ว”
มู่เฟิงส่ายหน้า
“เ้าเป็คนซื่อสัตย์ แต่สิ่งที่ข้ามอบให้ผู้อื่น ข้าก็จะไม่รับคืนเช่นกัน”
หลิ่วอีเสวี่ยโยนเม็ดบัวอัคนีทั้งสองเม็ดไปทางมู่เฟิง เด็กหนุ่มรีบรับมันเอาไว้และกล่าวขอบคุณในทันที
วันนี้คนทั้งได้สองค้างคืนภายในถ้ำ ก่อนจะจากไปพร้อมกันในวันรุ่งขึ้น เนื่องจากอาการาเ็ของหลิ่วอีเสวี่ยยังไม่หายดี ดังนั้นนางจึง้าไปพักฟื้นร่างกายที่เมืองหุบเขาอัคคีก่อน
ส่วนมู่เฟิงก็้ากลับไปยังเมืองหุบเขาอัคคีเพื่อไปหามู่ขวงและไป๋จื่อเยว่เช่นกัน ดังนั้นทั้งสองคนจึงเดินทางไปยังเมืองหุบเขาอัคคีด้วยกัน
แม้ว่าหลิ่วอีเสวี่ยจะยังาเ็ แต่นางก็ยังสามารถบินบนน่านฟ้าได้โดยไม่มีปัญหา ดังนั้นนางจึงพามู่เฟิงบินไปยังเมืองหุบเขาอัคคีโดยตรง
หลังบินออกจากหุบเขาอัคคีได้ไม่นาน ร่างของคนทั้งสองก็ร่อนลงสู่พื้นดินก่อนจะเดินเข้าไปยังเมืองขนาดเล็กตรงหน้า
เวลานี้มีทหารรับจ้างจำนวนมากกำลังเฝ้าเส้นทางอยู่นอกเมือง คนเหล่านี้จะคอยมองเข้าไปในฝูงชนที่สัญจรไปมา ราวกับว่ากำลังตามหาใครบางคนอยู่