ตอนที่ม่อหลิงหานคิดจะลงมืออีกครั้ง เยว่เฟิงเกอก็ยืนขึ้นแล้วใช้ตัวเข้าบังถานอี้ไว้
“ม่อหลิงหาน อย่าให้มันเกินไปนัก” เยว่เฟิงเกอทนดูต่อไปไม่ได้อีก เขาปฏิบัติกับลูกน้องเช่นนี้ใช้ได้ที่ไหน
“เดิมอาการาเ็ของถานอี้ก็ยังไม่หายดี แล้วท่านยังมาต่อยเขาเช่นนี้อีก รังแกกันเกินไปแล้ว”
ม่อหลิงหานเห็นว่าเยว่เฟิงเกอเข้าขวางอยู่ตรงหน้าถานอี้ ก็ยิ่งโกรธจนตาแดง “เป็เปิ่นหวางที่ทำเกินไป หรือพวกเ้าที่ทำเกินไป? เปิ่นหวางเดินเข้ามาก็เห็นพวกเ้าสี่ตาสอดประสาน นี่พวกเ้าคิดจะลอบมีสัมพันธ์กันต่อหน้าต่อตาเปิ่นหวางเลยหรืออย่างไร? ”
เมื่อม่อหลิงหานพูดจบ ท่ามกลางบรรยากาศรอบด้านที่เงียบสงบพลันมีเสียงดัง “เพี๊ยะ”
เยว่เฟิงเกอมองฝ่ามือที่ค่อยๆ แดงขึ้นของนาง ก่อนจะตามมาด้วยมองใบหน้าของม่อหลิงหานที่ยามนี้เผยให้เห็นรอยนิ้วมือน้อยๆ ทั้งห้าอย่างชัดเจน
ม่อหลิงหานคิดไม่ถึงว่าสตรีน่าตายผู้นี้จะกล้าตบเขา
ขณะเดียวกันเยว่เฟิงเกอเองก็อึ้งไปเช่นกันด้วยไม่รู้ว่าเมื่อครู่ตนทำอันใดลงไป
นางทนฟังคำดูถูกตัวนางและถานอี้จากปากของม่อหลิงต่อไปไม่ได้จริงๆ ถึงได้รีบร้อนตบม่อหลิงหานไปทีหนึ่ง
เพียงแต่เมื่อพลั้งมือไปแล้ว นางก็เกิดกลัวขึ้นมา
ชายคนนี้เป็คนที่แม้แต่ลูกน้องของตนเองก็ยังต่อยตีจนบอบช้ำเช่นนี้ได้ แล้วจะนับประสาอะไรกับสตรีอ่อนแอเช่นนาง
“เยว่เฟิงเกอ! ” ม่อหลิงหานขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพ่นออกมาสามคำ
เยว่เฟิงเกออดไม่ได้ให้รู้สึกหนังศีรษะชา
นางเห็นว่ายามนี้สีหน้าของม่อหลิงหานเ็าราวธารน้ำแข็งขั้วโลกเหนือ ใจนางก็ยิ่งเต้นตึกตัก
“คืออย่างนี้ ม่อหลิงหาน เมื่อครู่มียุงเกาะหน้าท่าน ข้าแค่ช่วยท่านตบยุงก็เท่านั้น” เยว่เฟิงเกอพูดพลางหัวเราะแหะๆ ก่อนจะหมุนกายเตรียมวิ่งหนี
ทว่า นางไม่ทันได้วิ่งหนี ข้อมือบางก็ถูกมือใหญ่ฉุดรั้งไว้
“ตบเปิ่นหวางแล้วยังคิดจะหนีอีก” ม่อหลิงหานออกแรงเพียงเล็กน้อยก็สามารถดึงเยว่เฟิงเกอเข้ามาในอ้อมอกได้
ท่ามกลางสายตาหวาดกลัวของถานอี้และชิงจื่อ เยว่เฟิงเกอถูกม่อหลิงหานลากตัวเข้าไปในห้องก่อนจะตามมาด้วยเสียงปิดประตูดังที่ะเืก้องไปถึงใจของบ่าวทั้งสอง ทั้งคู่ได้แต่ยืนรอด้วยใจที่เต้นตึกตัก
“พระชายา ขออย่าได้เกิดเื่ใดขึ้นกับพระองค์เลย” ชิงจื่อประสานมือไว้ด้านหน้าในท่าอธิษฐาน
“เป็ความผิดของข้าเอง” ถานอี้กำหมัดแน่น เขาเสียใจมากที่มาให้พระชายาเปลี่ยนยาให้ในวันนี้
หากไม่ใช่พราะเขา พระชายาก็คงไม่ถึงขั้นพลั้งมือตบหน้าท่านอ๋อง และท่านอ๋องเองก็คงไม่พิโรธถึงเพียงนี้
อีกทั้งตัวเขายังไม่อาจทำอะไรได้เลย ไม่อาจช่วยเหลืออะไรพระชายาได้เลย เขาทำได้แค่มองท่านอ๋องลากพระชายาเข้าไปด้านในต่อหน้าต่อตา
หากว่าพระชายาเป็อะไรขึ้นมา เขาจะต้องเสียใจไปทั้งชีวิตแน่
อย่างไรก็ตาม คนทั้งสองไม่ทันสังเกตเลยว่า ท่านอ๋องที่ปกติไม่เคยเข้าใกล้สตรีใด สองสามวันมานี้กลับใกล้ชิดสนิทสนมกับพระชายาอย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน
จนกระทั่งเฉียวเฟยรู้สึกทนมองต่อไปไม่ได้ เขาปรากฏตัวขึ้นกลางสวน ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความสงสัย “พวกเ้ารู้สึกหรือไม่ว่า ท่านอ๋องของเราต่างไปจากเมื่อก่อน? ”
เมื่อได้ยินเฉียวเฟยกล่าวเช่นนี้ ถานอี้และชิงจื่อก็เริ่มรับรู้ได้ถึงความผิดปกติบางอย่างเช่นกัน เพียงแต่หากจะให้บอกว่าต่างที่ตรงไหน พวกเขาเองก็บอกไม่ถูก
เฉียวเฟยเห็นว่าคนทั้งสองยังคงอ้ำอึ้งไม่เอ่ยวาจา เขาก็พูดคนเดียวต่อไป “ปกติท่านอ๋องของเราไม่ใกล้ชิดอิสตรี แต่สองสามวันมานี้ท่านอ๋องกลับอยู่ใกล้ชิดพระชายามากเลยนะ”
เมื่อเขาพูดเช่นนี้ ถานอี้และชิงจื่อก็สบตากันไปทีหนึ่ง คนทั้งสองต่างเห็นแววตกตะลึงในดวงตาของอีกฝ่าย
ที่แท้ความผิดปกติที่พวกเขารู้สึกถึงเมื่อครู่ก็คือความใกล้ชิดระหว่างท่านอ๋องและพระชายา สองสามวันมานี้เหมือนนายทั้งสองจะใกล้ชิดกันบ่อยครั้งขึ้น
ไหนจะเมื่อคืนนี้ที่จู่ๆ ท่านอ๋องก็บอกว่าจะมาค้างแรมที่เรือนเยว่เหยาอีก
หากเป็ก่อนหน้านี้ นี่เป็เื่ที่ไม่มีทางจะเกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด
คนทั้งสามตกตะลึงไประหว่างที่ค้นพบว่า ั้แ่ที่พระชายาตกน้ำแล้วถูกช่วยขึ้นมาก็เปลี่ยนไปไม่เหมือนก่อน ทำให้ท่าทีที่ท่านอ๋องมีต่อพระนางเองก็เปลี่ยนไป ไม่เ็าเหมือนเมื่อก่อน
ดังนั้น ท่าทางราวกับอยากจะฆ่าคนของท่านอ๋องเมื่อครู่นี้ ชัดเจนว่ากำลังกินน้ำส้มสายชู [1] อยู่
หากเป็เมื่อก่อน เื่เช่นนี้ไม่มีทางจะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน
อย่าว่าแต่กินน้ำส้มสายชูเลย ท่านอ๋องไม่แม้แต่จะชายตามองพระชายาด้วยซ้ำ
หรือว่าท่านอ๋องของพวกเขาจะค่อยๆ หลงรักพระชายาเข้าให้แล้ว เพียงแต่คนยังไม่รู้ตัว?
คนทั้งสามยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่ามีความเป็ไปได้มาก
ส่วนเยว่เฟิงเกอในยามนี้ถูกม่อหลิงหานโยนลงไปบนเตียงในเรือนเยว่เหยาแล้ว
เพียงแต่ครั้งนี้เยว่เฟิงเกอไม่ต้องเจ็บก้นเพราะเตียงแข็งๆ อีก นางมองม่อหลิงหานที่ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ ใบหน้าเย็นเยียบที่ชวนให้รู้สึกราวกับได้ไปเยือนธารน้ำแข็งขั้วโลกเหนือ
นี่เป็ครั้งแรกที่นางรู้สึกหวาดกลัวจับใจ
เยว่เฟิงเกอยังไม่เคยเห็นม่อหลิงหานโกรธเพียงนี้มาก่อน นางมองม่อหลิงหานด้วยท่าทางเหมือนกระต่ายน้อยที่กำลังหวาดกลัว
นางกลัวจริงๆ ว่าวินาทีถัดไปม่อหลิงหานจะตวัดฝ่ามือตีนางจนตายอยู่ที่นี่
เมื่อรับรู้ได้ถึงแรงกดดันที่แผ่ออกมาจากร่างของม่อหลิงหาน เยว่เฟิงเกออดขยับกายถอยเข้าไปในเตียงทรงกลมไม่ได้
“ท่านอ๋อง พวกเรามีอะไรก็ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันเถิดเพคะ”
ม่อหลิงหานเห็นว่าเยว่เฟิงเกอมีท่าทีห่างเหินกับเขาอีกแล้ว เขาก็ยิ่งโกรธจัด ขึ้นหน้าไปคว้าตัวนางมา
“เ้ากับถานอี้ยังใกล้ชิดกันถึงเพียงนั้นได้ แล้วเหตุใดจึงต้องรักษาระยะห่างกับเปิ่นหวาง” ในที่สุดม่อหลิงหานก็พูดความคับข้องที่อยู่ในใจของเขาออกมา
ยามที่เขาพูดประโยคนี้ออกมา มือที่จับเยว่เฟิงเกอไว้ก็เผลอออกแรงมากขึ้นตามโดยไม่รู้ตัว
“อ๊า เจ็บๆๆ ” เยว่เฟิงเกอรู้สึกเจ็บเหลือรับราวกับว่าข้อมือถูกบีบจนหักแล้วก็ไม่ปาน
นางไม่มีกะจิตกะใจจะไปตอบคำถามม่อหลิงหาน ตอนนี้นางเพียง้าให้เขาปล่อยมือนาง
ม่อหลิงหานใด้วยเพิ่งรู้สึกได้ว่าตนออกแรงบีบข้อมือของเยว่เฟิงเกอมากเกินไป
จะอย่างไรตัวเขาก็เป็บุรุษ ทั้งยังเป็ผู้ฝึกยุทธ์ แน่นอนว่าแรงที่มือมีย่อมมากกว่าคนทั่วไป บวกกับเมื่อครู่เขาโกรธจัด ดังนั้น ตอนที่จับข้อมือของเยว่เฟิงเกอไว้จึงไม่ได้ควบคุมกำลังของตนให้ดี
ม่อหลิงหานรีบร้อนปล่อยมือ จากนั้นก็เห็นว่าข้อมือขาวผ่องของเยว่เฟิงเกอมีรอยม่วงปื้นใหญ่
เดิมทีเยว่เฟิงเกอไม่ใช่คนขี้แย ถึงแม้ข้อมือจะถูกบีบจนช้ำม่วง นางก็ไม่คิดเผยน้ำตาให้ใครเห็น นางทำเพียงกัดฟันฝืนทนต่อความเจ็บที่ข้อมือ โดยใช้มืออีกข้างจับประคองไว้แล้วเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ไม่ยอมมองม่อหลิงหานอีก
ม่อหลิงหานมองใบหน้าน้อยๆ ที่กำลังฝืนทนของเยว่เฟิงเกอ ก็ให้รู้สึกยอมรับนางจากใจ
หากเปลี่ยนเป็หญิงอื่นที่ต้องประสบพบเจอกับเื่เช่นนี้ เกรงว่าคงร้องห่มร้องไห้ไปนานแล้ว
กระนั้นม่อหลิงหานก็ไม่ยินดีจะเห็นน้ำตาของสตรีเป็ที่สุด ดังนั้น เมื่อเขาเห็นว่าเยว่เฟิงเกอไม่มีน้ำตาให้เห็น ซ้ำยังพยายามอดทนต่อความเ็ปอย่างเข้มแข็ง ใจของเขาก็ให้บีบรัดจนพลอยรู้สึกเจ็บไปด้วย
ในตอนนี้เองเขาค่อยๆ หย่อนตัวนั่งลงข้างเตียง ก่อนจะจับมือเยว่เฟิงเกอมาแล้วใช้มือใหญ่ทาบทับลงไปประคองเบาๆ
“เจ็บมาก ใช่หรือไม่? ” ตัวม่อหลิงหานเองยังไม่รู้ตัวว่ายามที่ตนพูดประโยคนี้ออกมา น้ำเสียงเขาอ่อนโยนแค่ไหน
เยว่เฟิงเกอไม่เอ่ยวาจา นางคิดจะดึงมือตนกลับ แต่กลับถูกม่อหลิงหานจับไว้แน่นกว่าเดิม
ม่อหลิงหานก้มหน้าลงไปเป่าเบาๆ ที่ข้อมือของเยว่เฟิงเกอ น้ำเสียงยังคงอ่อนโยนนุ่มนวลหาใดเปรียบ “เป่าเบาๆ ก็ไม่เจ็บแล้ว”
ลมเย็นสายหนึ่งถูกพ่นรดข้อมือของเยว่เฟิงเกอจนนางอดหันศีรษะกลับมามองไม่ได้ และได้เห็นว่าม่อหลิงหานกำลังตั้งอกตั้งใจเป่าให้นาง
นางไม่เคยเห็นด้านที่อ่อนโยนถึงเพียงนี้ของม่อหลิงหานมาก่อน
————————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] กินน้ำส้มสายชู (吃醋)หมายถึง การหึงหวง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้