คำพูดเพียงไม่กี่คำของซ่างกวนเหิน ก็สามารถสยบเทพอสูรอย่างโหมวเฉินได้... เหล่าผู้ฝึกตนและคนโดยรอบ ต่างมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความหวั่นเกรง
กลุ่มผู้ฝึกตนที่ยังอยู่ในห้องพัก ต่างรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องราชวงศ์ต้าฮั่นนี้ ยังมีอีกกี่อย่างที่พวกเราไม่รู้? ชีพจรัปฐีที่หมายแย่งชิง ดูเหมือนว่าจะอยู่ไกลเกินเอื้อมไปทุกที... ยังมีโอกาสอยู่อีกหรือไม่ ก็ไม่อาจรู้?
เิไท่กลับมายังห้างร้าน ก่อนจะมุ่งหน้าตรวจสอบงานด้วยความกระตือรือร้นยิ่งกว่าเดิม เขาไล่ตรวจสอบเมืองต่างๆ ตลอดทาง และทุกที่ที่เขาผ่าน ก็ชุ่มโชกไปด้วยโลหิต ไหลนองเต็มเส้นทางที่เขาจากมา
จิตใจของขุนนางในราชสำนักค่อยๆ แปรเปลี่ยน พวกเขาเริ่มตระหนักได้ว่า แคว้นที่กำลังก้าวเข้าสู่โลกแห่งการฝึกตนนั้น ย่อมเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาล
บางทีแคว้นในปัจจุบัน อาจมีโอกาสมากมาย ที่จะฝึกฝนมนุษย์ะ แต่ก็ยังถือว่าเป็เื่อันตรายยิ่ง เพราะในโลกแห่งการฝึกตน มนุษย์ะเพียงคนเดียว ก็มีความสามารถมากพอที่จะทำลายเมืองทั้งเมืองได้อย่างง่ายดาย
การเปลี่ยนวิถีชีวิตของพลเรือนและทหาร จึงได้รับความสนใจมากขึ้น
กู่ฉินกำลังศึกษามรดกเวทของท่านผู้เฒ่าอย่างต่อเนื่อง แต่กระนั้น เนื้อหาของมันก็มีมากเกินไป ทำให้ไม่อาจเข้าใจได้ทั้งหมด
ซึ่งเื่นี้ทำให้กู่ไห่รู้สึกประหลาดใจยิ่ง
...
ณ ห้องหนังสือ
กู่ไห่ค่อยๆ จรดพู่กัน เขียนคำว่า ‘เสินโจว’ ลงบนกระดาษซวนจื่อ[1]
“ดินแดนเสินโจว หนาแน่นราวกับป่าผืนใหญ่? และโหมวเฉินก็เป็เพียงผู้อาศัยคนหนึ่ง?” กู่ไห่ครุ่นคิด
ผู้คนต่างให้ความสนใจกับโหมวเฉิน ที่ซ่างกวนเหินพากลับไปยังเรือนของเขา แต่เพราะฮ่องเต้ได้รับสั่งเอาไว้ ว่าห้ามมิให้ใครไปรบกวน จึงทำให้ทุกคนรู้สึกหมดหนทาง
ทุกอย่างยังคงดำเนินไปตามปกติ แคว้นต้าฮั่นกลับคืนสู่ความสงบ เกาะจิ๋วหวู่ยังคงมีพื้นที่อีกมาก ที่ยังไม่อาจยึดมาไว้ใต้อาณัติได้ ตอนนี้ เกาเซียนจือและเฉินเทียนซาน ต่างก็นำทัพอยู่ที่แนวหน้า
ขุนนางในแต่ละเมืองทั่วแคว้น ยังคงมีความคิดที่จะทำการเลือกกลุ่มคนที่มีความสามารถ เพื่อส่งไปทำงานต่างๆ ในราชสำนัก ดังนั้นจึงเตรียมความพร้อมสำหรับการสอบคัดเลือกครั้งใหญ่ เพื่อสรรหาผู้ที่มีความรู้มาพัฒนาแคว้นต่อไป
นับจากเริ่มก่อตั้ง แคว้นต้าฮั่นยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง
...
เกือบหนึ่งเดือนให้หลัง
ที่ห้องหนังสือ
ซ่างกวนเหินเข้าพบกู่ไห่อีกครั้ง โดยมีโหมวเฉินติดตามมาด้วย
“ฮ่องเต้แห่งต้าฮั่น ครั้งที่แล้ว ข้าได้กระทำตัวไม่เหมาะสมลงไป โดยหาได้คิดไตร่ตรองให้ดี ถือตนอวดดีมาท้าประลองกับฝ่าา อีกทั้งยังปองร้ายพระองค์ โหมวเฉินผู้นี้จึงมาที่นี่ เพื่อขอประทานอภัย หวังว่าฝ่าาจะให้อภัยกับความโง่เขลาของข้าน้อย” โหมวเฉินก้มคารวะทันที
“โอ้! โหมวเฉิน ท่านอย่าได้ทำเช่นนี้เลย ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด ยิ่งไปกว่านั้น พวกเราก็ยังไม่ได้สู้กันเสียหน่อย” กู่ไห่ยกยิ้ม พลางประคองโหมวเฉินให้ลุกขึ้น
“ฝ่าา ท่านผู้นี้เป็ผู้าุโของเผ่าเสวียนอู่ มีนามว่า โหมวเฉิน ในอดีต ถือว่าเป็คนใต้อาณัติของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ!” ซ่างกวนเหินแนะนำ พร้อมยิ้มเจื่อนๆ
“หืม?” กู่ไห่นึกแปลกใจ เมื่อได้ยินประโยคที่คนสนิทเอ่ย
ฟู่!
โหมวเฉินโบกมือสร้างม่านพลัง ปกคลุมบริเวณด้านในของห้องหนังสือ
“ฝ่าา เื่นี้เป็ความลับยิ่ง เมื่อพระองค์ทรงทราบแล้ว โปรดเก็บเป็ความลับด้วยพ่ะย่ะค่ะ!” ซ่างกวนเหินพูดเสียงต่ำ
“อืม!” กู่ไห่พยักหน้าตอบกลับ
“เมื่อแปดร้อยปีก่อน ท่านผู้เฒ่าและ์ทำากัน ในตอนนั้น ราชันเสวียนอู่นำคนในเผ่าทั้งหมด ไปท้าทาย์พร้อมเขา แต่น่าเสียดายที่ท้ายที่สุดก็พ่ายแพ้ ราชันเสวียนอู่จึงถูก์ลงโทษ โดยการทำลายและถูกแยกร่างเป็ชิ้นๆ เกราะทองเสวียนอู่ก่อนหน้านี้ ก็คือเศษกระดองของเขา” ซ่างกวนเหินเล่า น้ำเสียงจริงจัง
“เ้าคือาาเสวียนอู่กลับชาติมาเกิดอย่างนั้นหรือ?” กู่ไห่ถามพลางขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ!” ซ่างกวนเหินส่ายหน้าปฏิเสธ
“เอ๋?” กู่ไห่แสดงความกังขามากกว่าเดิม เมื่อทุกอย่างผิดไปจากที่ตนคาดเดา
“กระหม่อมคือเทพแห่งเผ่าเสวียนอู่ พ่ะย่ะค่ะ!” ซ่างกวนเหินสูดหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนเอ่ย
“เทพ?”
“พ่ะย่ะค่ะ! นี่คือการดำรงอยู่ของเผ่าพันธุ์สัตว์อสูร ฝ่าาคงจะจำได้ว่า มีคนผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นในดินแดนแรกสาบสูญ จักรพรรดิเซียนต้าิ” ซ่างกวนเหินพูดเสียงเรียบ
“เขา? ก็ไม่เลวนี่!” กู่ไห่ยังจำได้ดี ว่าผู้ที่อีกฝ่ายเอ่ยถึง ก็คือผู้แข็งแกร่งที่ใช้ขนนกยูงเป็อาวุธประจำกาย
“เขาคือเทพประจำเผ่านกยูง เพียงแต่ว่าในกลุ่มขุมกำลังของเขานั้น ได้ยกย่องให้เขาเป็จักรพรรดิ จึงถูกขนานนามว่า ‘จักรพรรดิเซียนต้าิ’ ทว่าแท้จริงแล้ว เขาก็คือเทพเช่นกัน” ซ่างกวนเหินกล่าว
“เทพ? เทพคืออะไรหรือ?” กู่ไห่ถามกลับอย่างไม่เข้าใจ
“สัตว์อสูรทุกเผ่าพันธุ์ จะมีเทพตนหนึ่ง ซึ่งหาใช่สัตว์อสูรธรรมดา แต่เป็เทพที่ก่อตัวขึ้นจากความเชื่อ เป็สิ่งที่ผ่านมาหลายชั่วอายุคนจึงจะผสานจนเกิดพลังได้ เป็ภาพลวงตา เป็เทพเ้าแห่งความศรัทธา
โดยที่เทพเ้าแห่งศรัทธาผู้นี้จะคอยคุ้มครองเผ่าพันธุ์ และจะอาศัยอยู่ในหว่างคิ้วของผู้นำสูงสุดของตระกูล พูดอีกอย่างก็คือ หากเทพแห่งศรัทธาอาศัยอยู่ในหว่างคิ้วของใคร เขาผู้นั้นคือผู้นำสูงสุดในเผ่า เป็เทพของเผ่า!” ซ่างกวนเหินตอบ
“หว่างคิ้ว? และเ้าก็เป็เทพแห่งเผ่าเสวียนอู่?” กู่ไห่เอ่ย พลางเลิกคิ้วเล็กน้อย
“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ! ตอนที่ราชันเสวียนอู่ถูก์ลงโทษ เดิมทีเขาก็ถูกทำลายไปพร้อมกับเทพแห่งเผ่าเสวียนอู่ โชคดีที่สุดท้ายแล้ว ก่อนที่ท่านผู้เฒ่าจะตาย เขาได้ช่วยเทพเผ่าเสวียนอู่เอาไว้ได้ ราชันเสวียนอู่ถูกทำลาย แต่เทพแห่งเผ่าเสวียนอู่กลับหลบหนีไปได้ แล้วมาอาศัยอยู่กับกระหม่อม ตอนนั้นกระหม่อมยังเยาว์วัยนัก จึงต้องรอจนกว่าจะเติบใหญ่ ด้วยเหตุนี้ กระหม่อมก็จะคือราชันองค์ใหม่ของเผ่าเสวียนอู่” ซ่างกวนเหินพูดเสียงเรียบ
“าาเสวียนอู่องค์ใหม่และเทพแห่งเผ่าเสวียนอู่? เทพ? เทพเช่นเ้า สามารถทำอะไรได้บ้าง?” กู่ไห่ถามขึ้นด้วยความสนใจใครรู้
“ฝ่าาอาจจะยังไม่ทรงทราบ ว่าใต้หล้านี้ มีผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วน วิธีการฝึกจึงมีหลากหลาย ทว่าวิถีแห่งการฝึกตนที่แท้จริง ซึ่งเป็ที่ยอมรับ มีเพียงห้าวิธีเท่านั้น” ซ่างกวนเหินอธิบาย
“เอ๋?”
“โซ่ว อวิ๋น เสิน เหวิน หลิง!” ซ่างกวนเหินกล่าวเสียงต่ำ
“โซ่ว อวิ๋น เสิน เหวิน หลิง?”
“พ่ะย่ะค่ะ! ‘หลิง’ หรือ ‘จิติญญา’ เป็วิถีแห่งการฝึกตนที่ทุกคนรู้อยู่แล้ว ว่าต้องดูดซับพลังปราณ และทะลวงผ่านข้อจำกัดของตนขึ้นไปเป็ระดับก่อกำเนิด ก่อ์ แก่นทองคำ หยวนอิง และอื่นๆ
ส่วน ‘เหวิน’ หรือ ‘การศึกษา’ คือการเรียนรู้ศิลปะสี่แขนงแห่งปัญญาชน อันได้แก่ ‘พิณ หมากล้อม เขียนอักษร และภาพวาด’ ในส่วนของฝ่าาเอง ตอนนี้ก็มี ‘วิถีแห่งหมากล้อม’ เหมือนกับของท่านผู้เฒ่า
สำหรับ ‘เสิน’ หรือ ‘เทพ’ ก็คือการฝึกตนแบบพิเศษของเผ่าพันธุ์สัตว์อสูร อย่างที่กระหม่อมได้เอ่ยไป... เทพแห่งความศรัทธา! ดังนั้น กระหม่อมก็คือ ‘เทพ’ พ่ะย่ะค่ะ!
สำหรับ ‘อวิ๋น’ หรือ ‘โชค’ นั้น การที่ฝ่าาทรงสร้างแคว้นขึ้น เพื่อเก็บพลังปราณและกุมโชคชะตา นั่นก็เพื่อการฟื้นฟูและฝึกตนเช่นกัน” ซ่างกวนเหินอธิบาย
สิ่งเหล่านี้เป็เื่พื้นๆ ที่เข้าใจได้ง่าย… เทพอย่างนั้นหรือ? ซ่างกวนเหินอธิบายถึงมันเป็ครั้งแรก แต่เขาก็สามารถเข้าใจมันได้ทั้งหมด
“แล้ว ‘โซ่ว’ ล่ะ?” กู่ไห่ถามด้วยความอยากรู้
“การฝึกตนเช่นนี้เป็เพียงตำนาน กล่าวกันว่า ‘โซ่ว’ หรือ ‘ะ’ เป็การฝึกพลังชีวิต เพื่อฝืนลิขิต์และวิถีมนุษย์ แต่กระหม่อมไม่เคยเห็นมาก่อนเช่นกัน แม้แต่ความทรงจำของเทพในหว่างคิ้วกระหม่อม ก็มีเื่เกี่ยวกับมันไม่มากนัก นี่เป็การฝึกตนที่ค่อนข้างซับซ้อนพ่ะย่ะค่ะ” ซ่างกวนเหินอธิบาย
กู่ไห่พยักหน้า แม้จะไม่เข้าใจอะไรมากนัก แต่ก็พอที่จะเข้าใจถึงวิธีการฝึกตนในใต้หล้าแล้ว
“โซ่ว อวิ๋น เสิน เหวิน หลิง?” กู่ไห่ขมวดคิ้วแน่นพลางครุ่นคิดอยู่หลายนาที
“เ้าบอกข้าถึงเื่พวกนี้ แต่...” กู่ไห่เหลือบมองซ่างกวนเหินด้วยความสงสัย
“จะว่าไป ตอนนี้คงมีผู้คนมากมาย คาดเดาถึงตัวตนของกระหม่อม อย่างไรเสีย ในตอนนั้นโหมวเฉินที่น่าเกรงขามถึงเพียงนั้น ก็ถูกกระหม่ะคอกไปหลายประโยค จนถึงกับนิ่งอึ้ง!” ซ่างกวนเหินเอ่ย พลางยกยิ้มเจื่อนๆ
“ท่านผู้นำ ข้าผู้น้อยยังคงรู้สึกผิดอย่างหาที่สุดมิได้ ที่ทำให้ท่านตกอยู่ในอันตราย โปรดลงโทษผู้น้อยด้วย!” โหมวเฉินกล่าวอย่างขมขื่น
“การเปิดเผยตัวตน จะทำให้เ้าตกอยู่ในอันตรายหรือ?” กู่ไห่มองซ่างกวนเหินเงียบๆ
“ใช่แล้ว! หากไร้ซึ่งเทพประจำเผ่าพันธุ์ ไม่ช้าก็คงไม่พ้นที่จะโดนฆ่าล้างบางเป็แน่ ฝ่าาคงจำเหยาเจิ้งเทียนและฟู่เสวี่ยได้ เดิมที พวกเขาก็คือเสวียนอู่ เต่าและอสรพิษผสานรวมกัน แต่พวกเขากลับละทิ้งเผ่าเสวียนอู่ แล้วคิดที่จะวิวัฒนาการไปเป็ั เพื่อครองตำแหน่งเทพั... อา! เทพมีความสำคัญต่อทุกเผ่าพันธุ์ และในขณะเดียวกันเทพก็สามารถกลืนกินจิตใจได้เช่นกัน!” ซ่างกวนเหินเลิกคิ้ว
“เอ๋?”
“เทพของสัตว์อสูรทุกเผ่าพันธุ์ ต่างก็้ากลืนกินเทพอื่น หากเปิดเผยตัวตน เทพหมาป่า เทพพยัคฆ์ เทพั คงจะรู้เป็แน่ ว่ายามนี้ข้ากำลังอ่อนแอ ดังนั้น จะต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อกลืนกินข้า เพราะเมื่อได้กลืนกินเทพของเผ่าอื่นแล้ว เทพของพวกเขาก็จะยิ่งแข็งแกร่ง ส่งผลให้เผ่าพันธุ์กล้าแกร่งขึ้นด้วยเช่นกัน” ซ่างกวนเหินพูดเสียงต่ำอย่างกังวล
กู่ไห่รับฟังอย่างสงบ
“ขณะเดียวกัน ในเผ่าเสวียนอู่ของพวกเรา ใช่ว่าทุกคนจะภักดีต่อเทพประจำเผ่าเช่นเดียวกับโหมวเฉิน บางคนอาจจะเป็เช่นเหยาเจิ้งเทียนและฟู่เสวี่ย ตอนนั้น หากรู้ว่าข้าเป็เทพ พวกเขาย่อมเลือกที่จะกลืนกินข้า และหล่อหลอมให้กลายเป็พลังแห่งการต่อสู้” ซ่างกวนเหินกล่าว พลางขมวดคิ้วแน่น
“เช่นนั้นตัวตนของเ้าก็คงจะไม่อาจเปิดเผยได้สินะ?” กู่ไห่ถาม พร้อมนิ่วหน้า
ซ่างกวนเหินพยักหน้าตอบรับ
“แล้วเหตุใดเ้าจึงยอมบอกเื่นี้กับข้า?” กู่ไห่ถามด้วยความสงสัย
“เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการรุกรานของโหมวเฉิน ตอนนั้นฝ่าาทรงเต็มใจที่จะปกป้องกระหม่อม กระหม่อมรู้สึกซาบซึ้งนัก
กระหม่อมท่องไปทั่วทะเลพันเกาะ ทั้งยังถูกพาตัวไปยังพรรคต้าเฟิง แต่ก็ไม่เคยเชื่อใจใคร การเป็เชลยในหุบเขาคนโฉดมาเป็เวลาสามสิบปี ยิ่งทำให้กระหม่อมไม่กล้าที่จะเปิดเผยตัวตน
จนกระทั่งได้พบกับฝ่าา กระหม่อมได้เห็นถึงพละกำลัง และความสามารถในการวางแผนอันยอดเยี่ยมของพระองค์ ทั้งๆ ที่ตกทุกข์ได้ยาก แต่ก็สามารถหาทางออกได้
่นี้ กระหม่อมกำลังครุ่นคิด ว่าเผ่าเสวียนอู่จะมุ่งไปในทิศทางใดต่อจากนี้? แล้วตัวกระหม่อมเองจะไปไหนดี? แม้ว่าเทพจะเยียวยาตัวเองได้ แต่ก็ยังอ่อนแรงนัก ยิ่งเผ่าเสวียนอู่ล่มสลาย ก็ยิ่งอ่อนแอกว่าเดิม
หากไปยังดินแดนเสินโจว เพื่ออาศัยบารมีของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แล้วค่อยๆ สะสมพลัง เพื่อฟื้นฟูเผ่าเสวียนอู่ไปเรื่อยๆ แต่ก็ยังนึกกังวลอยู่ดี ว่าอาจจะถูกกลืนกินเข้าสักวัน
กระหม่อมนึกไตร่ตรองอยู่นาน ในที่สุด จึงตัดสินใจว่าจะขอติดตามฝ่าา และเป็พันธมิตรกับแคว้นต้าฮั่น ขอฝ่าาทรงช่วยฟื้นฟูเผ่าพันธุ์เสวียนอู่ด้วย!” ซ่างกวนเหินกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“พันธมิตร?” สีหน้าของกู่ไห่เปลี่ยนไปทันที เมื่อได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูด
“พ่ะย่ะค่ะ! เผ่าเสวียนอู่ของกระหม่อม จะเป็สัตว์อสูรของแคว้นต้าฮั่น ซึ่งมีทั้งเกียรติยศและศักดิ์ศรี อีกทั้งเพราะได้ต้าฮั่นช่วยเอาไว้ เผ่าเสวียนอู่จึงแข็งแกร่งขึ้น เพื่อเป็การตอบแทน เผ่าเสวียนอู่ก็จะช่วยต้าฮั่นครองใต้หล้าเช่นกัน” ซ่างกวนเหินพูดอย่างเคร่งขรึม
“โอ้?” ดวงตาของกู่ไห่เป็ประกาย
“แท้จริงแล้ว มันเป็เื่ปกติของแผ่นดินเสินโจว พระราชวัง์ต้าเฉียนที่ท่านหลงหว่านชิงอาศัยอยู่ ก็มีเผ่าพันธุ์ัเช่นกัน
เผ่าเสวียนอู่ของข้า เคยเป็อสูรพิทักษ์ของอี้เทียนเก๋อ เป็ดั่งสัตว์อสูรแห่งแผ่นดิน พันธมิตรที่แข็งแกร่ง จะมีการแบ่งงานกันอย่างชัดเจน และในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ก็มีอสูรพิทักษ์อยู่ทุกหนทุกแห่ง
เพียงแต่ว่า เผ่าเสวียนอู่ในตอนนี้อ่อนแอยิ่ง ทั้งยังวุ่นวายถึงที่สุด ส่วนข้าก็ยังอ่อนแอนัก หากฝ่าาไม่ทรงถือสา...” ซ่างกวนเหินขมวดคิ้วแน่น
“อย่าดูถูกตนเอง! มีเหตุผลอะไรที่ข้าจะไม่เห็นด้วย เ้าอ่อนแอ แล้วราชวงศ์ต้าฮั่นของข้าแข็งแกร่งหรือ? เหตุใดจึงได้ใช้ชะตากรรมของแคว้นเข้าปกป้องเ้า เป็เพราะยามนั้น ข้าเห็นความพิเศษของเ้า ในความคิดของข้า เ้ามีความสำคัญมากกว่าแคว้นต้าฮั่น
หากแคว้นถูกทำลาย ข้าก็ยังมีชีพจรัปฐีอยู่ จึงสามารถสร้างแคว้นขึ้นมาใหม่ได้ แต่ถ้าหากเ้าถูกโหมวเฉินทำร้าย แล้วข้าจะไปหาซ่างกวนเหินได้จากที่ไหน?” กู่ไห่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ฝ่าา ท่านหมายความว่าอย่างไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?” ดวงตาของซ่างกวนเหินเป็ประกาย
“นับจากวันนี้เป็ต้นไป แคว้นต้าฮั่นและเผ่าเสวียนอู่ จะเป็พันธมิตรกัน เพื่อปกป้องเผ่าพันธุ์เสวียนอู่ เ้าควรปกปิดตัวตนต่อไปชั่วคราว
ข้าจะประกาศให้ผู้คนรู้ ในนามของคุณชายแปดแห่งอี้เทียนเอ๋อ ว่าเ้าเป็ศิษย์ของอี้เทียนเก๋อ
ด้วยความสัมพันธ์ในอดีต ระหว่างเผ่าเสวียนอู่กับอี้เทียนเก๋อ และสถานะของคุณชายแปด ก็เพียงพอที่จะปิดปากของทุกคนได้” สีหน้าของกู่ไห่เปลี่ยนเป็เคร่งขรึม
"พ่ะย่ะค่ะ! ขอบพระทัยฝ่าา!" ซ่างกวนเหินโค้งคำนับทันทีที่ได้ยินคำตอบ
กู่ไห่รีบประคองอีกฝ่ายทันที ก่อนพูดยิ้มๆ "ไม่จำเป็ต้องทำเช่นนี้! ซ่างกวนเหิน แค่ข้ามีเ้าก็นับว่าโชคดียิ่งแล้ว!”
------------------------------------------
[1] กระดาษซวนจื่อ เรียกอีกอย่างว่ากระดาษข้าว เป็กระดาษชนิดหนึ่งที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน ใช้ในการเขียนตัวอักษร หรือวาดภาพมาั้แ่สมัยโบราณ
ศิลปะการทำ ‘ซวนจื่อ’ ได้รับการบันทึกเป็สมบัติทางวัฒนธรรมอันดับต้นๆ ของจีน
แหล่งกำเนิดของการทำซวนจื่อแบบดั้งเดิม อยู่ที่มณฑลอันฮุย ทางภาคตะวันออกของจีน ปัจจุบันกรรมวิธีการผลิตกระดาษดังกล่าวได้รับการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งทางการยังได้หันมาส่งเสริมขั้นตอนการผลิตให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้กระดาษซวนจื่อ เป็ 1 ใน 4 สุดยอดสมบัติที่อยู่ในชุดเครื่องเขียนจีนที่เรียกว่า ‘เหวิน ฝัง ซื่อ เป่า’ อันประกอบไปด้วย พู่กัน จานหมึก แท่งหมึก และกระดาษ
กระดาษซวนจื่อมีคุณสมบัติที่นุ่มเหนียว สามารถเก็บไว้ได้นานไม่เหลืองซีด โดยในสมัยโบราณ กระดาษซวนจื่อ ได้ถูกขนานนามว่าเป็ ‘กระดาษพันปี’ ซึ่งเหมาะสำหรับนำมาใช้ในการวาดภาพมากที่สุด