เ้าม้าสีนิลตัวอ้วนเดินยืดยาด
ยิ่งเข้าใกล้กระท่อมก็ยิ่งเดินช้าลง
ระยะทางแค่สั้นๆ เ้าม้าอ้วนกลับเดินอืดอาดอยู่นานสองนานอย่างไร้สุ้มเสียง
อาลู่ไม่ได้รับรู้การมาถึงของเ้าม้าสีนิลที่มีตุ่มช้ำอยู่บนหัวตัวนี้แม้แต่น้อย เพราะตอนนี้ทารกน้อยนั้นตื่นเสียแล้ว ซ้ำเมื่อนางตื่นก็กรีดร้องเสียงดัง
เสียง “อุแว้” ของทารกน้อยดังลั่น
นับั้แ่เด็กหนุ่มเลี้ยงนางมา นางก็ว่าง่ายมาโดยตลอด ไม่เคยร้องกระจองอแงเช่นนี้
อาลู่เริ่มหวั่นใจ เพราะเมื่อตอนน้องสาวแท้ๆ ของเขายังอยู่ นางก็มักจะร้องงอแงเพราะไม่สบาย ต่อมาเมื่อเริ่มหยุดร้องไห้ ความตายก็มาเยือนเสียแล้ว
เด็กหนุ่มพลันมือเป็ระวิงรีบอุ้มทารกน้อย ทันใดก็รู้สึกถึงลมเย็นสายหนึ่งพัดมาจากด้านหลัง ต่อมาจึงเห็นศีรษะปรากฏขึ้น
อาลู่ใแทบะโ ไฟที่จุดไว้ยังคงลุกโชนจนน้ำแกงในหม้อเดือดปุดๆ อาลู่อาศัยแสงจากไฟเตาจึงมองเห็นได้ชัดเจนว่าศีรษะที่โผล่มานั้นแท้จริงแล้วคือม้าสีนิลตัวหนึ่ง ทว่าหัวของมันดูเหมือนจะาเ็ ไม่รู้ว่าไปชนอะไรมาหัวจึงได้มีตุ่มห้อเืก้อนโตอยู่
ทารกน้อยที่เดิมยังร้องงอแงอยู่นั้น เมื่อได้เห็นศีรษะม้าโผล่เข้ามาก็หยุดร้องทันที ตาคู่น้อยที่ยังนองไปด้วยหยาดน้ำตาค่อยๆ เบิกโตจ้องไปที่ม้าสีนิล
ตอนแรกอาลู่ยังกลัวว่าเ้าม้าสีนิลจะทำให้นางใ ทว่าตอนนี้ทารกน้อยถึงกลับยื่นมืออวบๆ ของตนออกไปตีตุ่มบนหัวเ้าม้าทีหนึ่ง
เมื่ออาลู่เห็นดังนั้นก็หน้าถอดสี แม้แรงของนางจะมีไม่มาก แต่ถึงอย่างไรเ้าตัวตรงหน้าก็เป็สัตว์ หากมันเกิดพยศขึ้นมาแล้วทำร้ายนางจะทำเช่นไร
ทว่าไม่คาดคิด เ้าม้านี้ไม่เพียงจะไม่พยศ ทว่ากลับยื่นหัวเข้ามาใกล้กว่าเดิม ออดอ้อนให้ทารกน้อยลูบตุ่มบนหัวของตนด้วยท่าทางราวกับพอใจเหลือเกิน
เ้าตัวเล็กหยุดร้องแล้ว อาลู่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อเห็นทารกน้อยเย้าเล่นกับเ้าม้าสีนิลอย่างสนุกสนาน เขาจึงไม่ได้ไล่มันไป จากนั้นจึงผละไปยกหม้อน้ำแกงหมั่นโถวออกมาป้อนทารกน้อย
หลังจากยกน้ำแกงออกมา ก็ทำตามกฎเดิมคือป้อนตัวเองคำหนึ่ง ป้อนให้นางอีกคำหนึ่ง ถึงกระนั้นทารกน้อยก็ยังคงออกแรงผลักช้อนมาทางเขาอยู่ตลอด
อาลู่ได้แต่ตักหมั่นโถวคำเล็กๆ เข้าปาก
เดิมทีอาลู่วางแผนว่าคืนนี้จะกินแค่ครึ่งเดียว แล้วเก็บอีกครึ่งไว้กินต่อในวันพรุ่งนี้ ถึงกระนั้นเมื่อป้อนไปๆ ทารกน้อยก็ยังกินต่อไม่หยุด แม้ว่าตัวเขาเองนั้นจะแสร้งกินเพียงคำเล็กๆ แต่ก็นึกไม่ถึงว่าน้ำแกงเต็มหม้อในทีแรก ไม่นานก็แห้งเหือดจนถึงก้นหม้อเสียแล้ว
เขาเองก็ไม่อาจโทษว่าน้องสาวกินเยอะได้ อาหารในหม้อ ความจริงก็มีแต่น้ำเป็หลัก หมั่นโถวในน้ำแกงก็มีเพียงลูกเดียว
ทว่าเมื่อมองหม้อที่ว่างเปล่านั้น เขาก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าความหิวในท้องบรรเทาลงไม่น้อย สบายไปทั้งตัว
สามารถกินอิ่มได้นั้นช่างเป็เื่ที่มีความสุขเสียจริง บัดนี้เขาพลันรู้สึกเกียจคร้านขึ้นมาเล็กน้อย หากนับกันตามวัยแล้ว จริงๆ ปีนี้เขาก็เพิ่งจะอายุเพียงสิบสองปี ยังไม่นับว่าเป็ชายหนุ่มเต็มตัวเสียด้วยซ้ำ
เด็กหนุ่มเอนกายซบโพรงหญ้าที่น้องสาวตนนอนอยู่ ร่างกายที่วิ่งวุ่นมาทั้งวันนั้น บัดนี้ความเหนื่อยล้าพลันเกาะกุมทั้งร่าง ราวกับว่ากระดูกทุกส่วนจะแยกออกจากกันเสียให้ได้ ทั้งปวดทั้งระบม เมื่อเด็กหนุ่มเอนตัวลงนอน ความรู้สึกสบายที่ไม่สามารถอธิบายได้ก็เอ่อล้น
ทารกน้อยเมื่อกินอิ่มก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่า สองมือน้อยๆ กอดศีรษะม้าสีนิลไว้ ครู่ต่อมาก็ลูบเปลือกตาและลูบจมูกของมันเบาๆ ก่อนจะเลื่อนมาลูบตุ่มโตเป็ก้อนบนหัวของมันอีกครั้งหนึ่ง
เ้าม้าเองก็โอนอ่อนผ่อนตาม ยอมให้ทารกน้อยลูบไปลูบมาโดยไม่ตอบโต้อะไร อย่างมากก็มีเพียงความรู้สึกจั๊กจี้ยามที่ทารกน้อยแตะโดนจมูก จึงหายใจแรงๆ ออกมาทีสองที
ใบหน้าของอาลู่เต็มไปด้วยรอยยิ้มยามมองทารกน้อยเล่นกับเ้าม้าสีนิล จึงตัดสินใจเอนกายลงสักครู่แล้วค่อยไปเก็บข้าวของต่อ ผลลัพธ์คือเพียงหลังถึงพื้น เขาก็เข้าสู่ห้วงนิทราทันที
เพียงครู่เดียวเสียงกรนของเด็กหนุ่มก็ดังขึ้น
เ้าม้าเชื่องที่ดูไม่มีพิษภัย เมื่อเห็นเด็กหนุ่มเข้าสู่ห้วงนิทราเป็ที่เรียบร้อยก็พลันอ้าปากกว้าง เผยให้เห็นฝันที่เรียงอย่างขรุขระไม่เท่ากัน กัดลงมาบนห่อผ้าอ้อมที่ห่อร่างทารกน้อยไว้อยู่อย่างแม่นยำ
มันค่อยๆ ผงกหัวขึ้นเบาๆ เตรียมจะคาบห่อผ้าอ้อมจากไป ทว่ามันกลับรู้ว่าตนนั้นราวกับกำลังคาบหินก้อนใหญ่อยู่ก็ไม่ปาน ยกเท่าใดก็ไม่ขึ้น
มันออกแรงสุดกำลังจนหลังเหยียดตรง หางของมันสะบัดไปมาราวกับว่าสามารถช่วยเพิ่มแรงได้ แต่เมื่อมันพบว่าไม่สามารถคาบทารกขึ้นมาได้ ก็เตรียมจะใช้ปากลากห่อผ้าอ้อมน้อยนั้นไปแทน ถึงกระนั้นมันก็รู้สึกราวกับกำลังใช้ฟันลากูเาลูกหนึ่งอยู่ ทารกน้อยแทบจะไม่ขยับเลยสักนิด ‘นี่มันไม่ถูกต้อง’ เ้าม้าคิดในใจ ทารกน้อยยังคงดิ้นขลุกขลัก มืออวบๆ นั้นหากไม่ใช่จิ้มจมูกมัน ก็จิ้มตามัน ซ้ำยังใช้แรงกดไปที่ตุ่มบวมบนศีรษะของมัน ความเจ็บแปลบแล่นจู่โจมเ้าม้า มันเจ็บเหลือเกิน เจ็บเหลือเกิน