ซูเซวียนมิได้สนใจความผันผวนทางอารมณ์ของเย่ชิงหยุน
สายตาของเขาจับจ้องไปยังส่วนลึกสุดของใต้พื้นดินแล้ว
ภายในนั้นผลึกสีม่วงที่โอบล้อมด้วยสายฟ้าอันไร้สิ้นสุดลอยเด่น
“ผลึกม่วงที่ก่อตัวจากพลังต้นกำเนิดสายฟ้างั้นหรือ”
ซูเซวียนมองทะลุถึงแก่นแท้ของมันในพริบตาเห็นชัดว่าเป็สิ่งที่เหลือทิ้งไว้หลังการล่มสลายของเทพสายฟ้า
และด้วยผลึกม่วงต้นกำเนิดสายฟ้านี้เองที่ความคิดหลงเหลือเพียงเสี้ยวสามารถหล่อเลี้ยงได้นานถึงเพียงนี้
“ไม่เลวของกำนัลที่ไม่คาดคิด”
ซูเซวียนย่อมไม่ปล่อยสมบัติแห่งฟ้าดินเช่นนี้ไปแม้มันจะไร้ประโยชน์สำหรับเขาแต่เขาสามารถเก็บไว้ให้สมาชิกตระกูลซู
ต้องรู้ว่าหากผลึกม่วงต้นกำเนิดสายฟ้านี้ถูกกลั่นได้ย่อมเพิ่มพร์ด้านสายฟ้าต่อบุคคลได้อย่างมหาศาลและอาจปลุกร่างพิเศษให้ตื่นขึ้น
และสำหรับผู้ที่มีร่างพิเศษด้านสายฟ้าอยู่แล้วการกลั่นมันจะทำให้ร่างพิเศษนั้นก้าวสู่ระดับที่สูงขึ้น
เพียงแค่คิดก็รู้ถึงคุณค่าอันประเมินมิได้หายากยิ่งนัก
ทันทีที่คิดซูเซวียนเคลื่อนไหว
ผลึกม่วงต้นกำเนิดสายฟ้านี้ถูกเขาส่งผ่านมิติไปยังพื้นที่ในฝ่ามือของเขาในพริบตา
จากนั้น
ซูเซวียนมองไปยังเย่ชิงหยุนที่อยู่ข้างกายและกล่าว “ข้าจะพาเ้าไปข้างนอกเ้าควรฟื้นตัวให้สมบูรณ์ก่อน”
“ตกลง” เย่ชิงหยุนพยักหน้าอย่างรวดเร็วจิตใจเต็มไปด้วยความยินดีและตื่นเต้น
หลายร้อยปี! เขารอดชีวิตมาได้และได้เห็นแสงสว่างของวันนี้อีกครั้ง!
วินาทีต่อมาซูเซวียนก้าวเท้าออกหนึ่งก้าวทั้งเขาและเย่ชิงหยุนหายไปจากจุดเดิม
เมื่อปรากฏตัวอีกครั้งพวกเขาอยู่เหนือความว่างเปล่าแล้ว
ในขณะนี้
เย่ชิงหยุนมองไปยังโลกภายนอกที่คุ้นเคยแต่แปลกตาตื่นเต้นจนแทบอยากร้องคำรามยาวสู่ท้องฟ้า
และเมื่อจิตสำนึกของเขาเคลื่อนไหวพลังปราณิญญาอันไร้ขอบเขตระหว่างฟ้าดินพุ่งเข้าสู่ร่างกายของเขาดุจมหาสมุทรอันกว้างใหญ่
ในระหว่างกระบวนการนี้พลังปราณที่เคยเลือนรางของเขาค่อยๆเพิ่มพูนร่างกายที่เหี่ยวแห้งค่อยๆฟื้นตัว
ไม่นานทุกอย่างหยุดลง
และในขณะนี้เย่ชิงหยุนแตกต่างจากก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง
พลังปราณของเขาทะยานสู่ท้องฟ้าพลังระดับนักบุญแผ่ออกไปทั่วผืนดินผมของเขาดำขลับร่างกายเพรียวบางใบหน้าหล่อเหลายืนอยู่ที่นั่นเขาดึงดูดทุกสายตาปราบปรามฟ้าดิน
ไม่ต้องสงสัยเย่ชิงหยุนกลับคืนสู่สภาพจุดสูงสุดกลายเป็นักบุญที่แท้จริง
โดยไม่ลังเลเย่ชิงหยุนที่ฟื้นตัวแล้วเดินมาข้างหน้าซูเซวียนประสานหมัดอย่างนอบน้อมและกล่าว “ขอบคุณท่านผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตชิงหยุนจะปฏิบัติตามข้อตกลงและกลายเป็ผู้พิทักษ์ของตระกูลท่าน”
“ทว่าก่อนหน้านั้นโปรดอนุญาตให้ข้ากลับไปยังตระกูลของข้าสักครั้งเพื่อแจ้งความปลอดภัยแก่ญาติของข้า”
ซูเซวียนพยักหน้า “ข้าจะพาเ้ากลับไปยังตระกูลของเ้าโดยตรงแล้วพากลับมาที่นี่เพื่อประหยัดเวลาในการเดินทาง”
เย่ชิงหยุนอยู่ในเขติญญาห่างจากเขตคุนเป็ระยะทางที่ไม่อาจรู้ได้แม้แต่สำหรับนักบุญการข้ามระยะทางอันมหาศาลนี้ต้องใช้เวลาหลายเดือน
ดังนั้นซูเซวียนจึงจะพาเขาไปจัดการทุกอย่างแล้วพากลับมาจะได้จบเื่
“ตกลง”
ทันทีที่เย่ชิงหยุนบอกทิศทางซูเซวียนก้าวออกอีกก้าวและทั้งสองหายตัวไป
...
ส่วนลึกของเขติญญาสถานที่อันกว้างใหญ่และงดงามมีตำหนักิญญาอันยิ่งใหญ่ไร้สิ้นสุด
นี่คือหนึ่งในขุมอำนาจสูงสุดของเขติญญาตระกูลเย่
ว่ากันว่าบรรพบุรุษของพวกเขาเคยให้กำเนิดจักรพรรดิแม้ว่าความรุ่งโรจน์นั้นจะเลือนหายไปแล้ว
แต่บัดนี้ตระกูลมีปราชญ์สูงสุดเป็ผู้ประจำการพร้อมด้วยอาวุธจักรพรรดิสูงสุดที่จักรพรรดิทิ้งไว้—กระบี่จักรพรรดิรุ้งเจ็ดสีและค่ายกลระดับจักรพรรดิ
เมื่อรวมกันแล้วมันทรงพลังอย่างน่าสะพรึงกลัวแม้แต่กึ่งจักรพรรดิก็อาจไม่สามารถถอยร่นได้อย่างปลอดภัยจึงยังคงมีชื่อเสียงอันเลอเลิศเป็ที่รู้จักไปทั่วโลก
ในขณะนี้
นอกประตูเขาของตระกูลเย่ร่างของซูเซวียนและเย่ชิงหยุนปรากฏขึ้น
“ไปเถิดข้าจะไม่เข้าไป”
เย่ชิงหยุนหายตัวไปนับร้อยปีการกลับไปยังตระกูลและพบญาติของเขาในครั้งนี้ย่อมเป็ละครอารมณ์อันยิ่งใหญ่
ซูเซวียนไม่อยากเห็นฉากนั้นจึงปล่อยให้เย่ชิงหยุนกลับไปและเขารออยู่ข้างนอก
“ตกลง ท่านผู้มีพระคุณโปรดรอสักครู่”
กล่าวแล้วเย่ชิงหยุนรีบเข้าไป
ตามที่ซูเซวียนคาดไว้ทั้งตระกูลเย่ตื่นตระหนกทันทีตามมาด้วยความโกลาหลและเสียงร่ำไห้
ฉากนั้นช่างะเืใจเมื่อได้เห็นน้ำตาไหลเมื่อได้เห็น
มุมปากของซูเซวียนกระตุกหากไม่ใช่เพื่อผู้พิทักษ์นี้เขาคงจะยกมือแล้วจากไป
ไม่นานนักคนรับใช้ของตระกูลเย่เดินมาข้างหน้าด้วยความนอบน้อมเชิญเขาเข้าไป
ซูเซวียนพยักหน้าแล้วหายตัวไปจากจุดเดิมในทันทีปรากฏตัวอีกครั้งในตำหนักหลักของตระกูลเย่
ตำหนักหลักที่เดิมคราคร่ำทันทีเงียบลงเมื่อเห็นการปรากฏตัวกะทันหันของซูเซวียน
ก่อนหน้านี้ผ่านการเล่าของเย่ชิงหยุนสมาชิกตระกูลเย่ยังคงไม่ค่อยเชื่อว่าซูเซวียนเป็ยอดฝีมือไร้เทียมทาน
แต่บัดนี้เมื่อเห็นด้วยตาตัวเองความสงสัยในใจของพวกเขาหายไปราวควัน
แม้ว่าซูเซวียนจะไม่ปลดปล่อยกลิ่นอายพลังออกมาแต่สมาชิกตระกูลเย่ที่อยู่ที่นี่ล้วนแข็งแกร่งเพียงการััเล็กน้อยทำให้รู้สึกถึงหายนะที่กำลังจะมาถึง
ไม่ต้องสงสัยนี่คือยอดฝีมือที่ไม่มีใครเทียบได้
ไม่มีอะไรต้องพูดมากต่อจากนี้ทั้งตระกูลเย่แสดงความขอบคุณอย่างจริงใจที่สุดต่อเขา
ท้ายที่สุดเย่ชิงหยุนคือบุคคลที่โดดเด่นและมีพร์ที่สุดของตระกูลเย่ในรุ่นนี้มีพร์การกลับมาของเขาย่อมนำความยินดีมาสู่ตระกูลทั้งหมด
ซูเซวียนตอบรับแต่ละคนด้วยรอยยิ้มที่ฝืดฝืนแต่สุภาพ
หลังจากการขอบคุณเื่ของผู้พิทักษ์ย่อมถูกหยิบยกขึ้นมา
ในตอนนี้บรรพบุรุษของตระกูลเย่ เย่จ้านเทียนผู้มีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลเย่นักบุญผู้ยิ่งใหญ่ก้าวออกมาและซักถามเกี่ยวกับขอบเขตของซูเซวียนอย่างละเอียด
เห็นได้ชัดว่าแม้พวกเขาจะรู้ว่าซูเซวียนเป็ยอดฝีมือแต่เมื่อเกี่ยวข้องกับเย่ชิงหยุนพวกเขายังคงอยากรู้ภูมิหลังของเขาอย่างถี่ถ้วนเพื่อให้มั่นใจได้อย่างสมบูรณ์
ซูเซวียนไม่ได้ตอบโดยตรงแต่มองไปยังส่วนลึกของตระกูลเย่และกล่าวเพียงสองคำ “กระบี่มา”
ในทันทีเสียงร้องของกระบี่ที่สั่นะเื์ดังก้อง
จากนั้นความว่างเปล่าแตกสลายความคมกริบที่สามารถตัดฟ้าดินพร้อมด้วยพลังระดับจักรพรรดิแผ่ออกมาหากมิใช่เพราะตระกูลเย่ได้รับการปกป้องด้วยค่ายกลระดับจักรพรรดิมันคงถูกฉีกเป็เสี่ยงๆไปนานแล้ว
ถึงกระนั้นทุกคนในตระกูลเย่ก็รู้สึกถึงแรงกดดัน
ทว่าพวกเขาไม่สนใจสายตาทั้งหมดจับจ้องไปยังส่วนลึกของความว่างเปล่าที่นั่นกระบี่โบราณที่มีความเรียบง่ายไหลลื่นด้วยพลังกระบี่อันกว้างใหญ่เผยตัวออกมา
มันคืออาวุธจักรพรรดิของตระกูลเย่ กระบี่จักรพรรดิรุ้งเจ็ดสี!
ก่อนที่พวกเขาจะทันเอ่ยชื่ออาวุธจักรพรรดิพวกเขาได้เห็นฉากที่ไม่อาจเชื่อได้
พวกเขาเห็นว่ากระบี่จักรพรรดิสูงสุดของตระกูลเย่ที่เป็สมบัติประจำตระกูลในขณะนี้ราวกับเด็กเชื่อฟังนอนนิ่งอยู่ในมือของซูเซวียนไม่ขยับเขยื้อน
เมื่อใดที่อาวุธของจักรพรรดิกระบี่จักรพรรดิรุ้งเจ็ดสีที่ขึ้นชื่อเื่การโจมตีไร้เทียมทานเคยว่านอนสอนง่ายถึงเพียงนี้!
ช่างเป็ฉากที่น่าสะพรึงกลัว!
เย่ชิงหยุนก็ตื่นตระหนกอย่างยิ่งแม้เขาจะรู้ว่าซูเซวียนแข็งแกร่งมากแต่เขาไม่เคยคาดคิดว่าจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้!
และบรรพบุรุษปราชญ์สูงสุดของตระกูลเย่ผู้ผ่านร้อนหนาวมานับไม่ถ้วนจิตใจที่เคยสงบนิ่งดุจบ่อน้ำโบราณ
ในขณะนี้ดวงตาของเขาเบิกกว้างปากกว้างพอจะยัดไข่ได้ทั้งตะกร้า!