ไป๋เยว่ซินปรายตามองของกำนัลมากมายที่นายอำเภอเจี่ยงนำมามอบให้ตนคราหนึ่งอย่างไม่ใคร่จะใส่ใจเท่าใดนัก ของมีค่าอย่างอื่นนางล้วนไม่ใส่ใจ มีเพียงอย่างเดียวที่นางให้ความสนใจนั่นก็คือเมล็ดผัก
หญิงสาวเดินตรงไปยังข้าวของมากมายที่วางอยู่หน้าบ้าน นายอำเภอเจี่ยงที่เห็นเช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก หากแม่นางน้อยไป๋รับของเหล่านี้ไป แน่นอนว่าวันนี้เขาคงรอดจากฝ่าเท้าของเ้านายตนไปได้
คนในตระกูลไป๋ต่างมองนายอำเภอเจี่ยงด้วยความสงสัย โดยเฉพาะบิดาและท่านลุงใหญ่ของไป๋เยว่ซิน ที่ได้ทราบเื่ราวที่นายอำเภอเจี่ยงตัดสินคดีอย่างไม่ยุติธรรมก่อนหน้านี้ก็รู้สึกไม่พอใจเท่าใดนัก แต่คนเขาเป็ถึงนายอำเภอ พวกตนคงไม่อาจกล่าววาจาให้อับอายได้กระมัง ชายวัยกลางคนทั้งสองจึงทำได้เพียงมองดูอยู่เงียบๆ
นางเกาและนางหลี่นั้นไม่เคยเห็นของมีราคาเช่นนี้มาก่อนก็ค่อนข้างใไม่น้อย ไป๋เซียงและอาหลิงเองก็เช่นเดียวกัน นางมองกำไลหยกวงหนึ่งที่วางอยู่ในหีบและผ้าแพรพรรณที่งดงามซึ่งสามารถเอาไปตัดชุดสวยๆได้ก็รู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก ไป๋ฟานเองก็เอาแต่จับจ้องตำราหลายเล่มในหีบด้วยแววตาเป็กระกาย
ไป๋เยว่ซินเห็นของมีค่าพวกนี้จนเคยชินจึงไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอันใด นางเดินเข้าไปก่อนจะมองเห็นว่าในหีบใบหนึ่งมีเมล็ดผักหลายอย่างวางอยู่ นางจึงหันไปเอ่ยถามนายอำเภอเจี่ยง
"ขอถามท่าน เมล็ดผักเหล่านี้ มีผักชนิดใดบ้างหรือ?"
นายอำเภอเจี่ยง้าประจบประแจงนางเพื่อเอาตัวรอดอยู่แล้ว จึงรีบเดินเข้ามาพลางเอ่ยกับนางเสียงอ่อนเสียงหวาน
"เรียนแม่นางไป๋ นี่คือเมล็ดพันธ์ข้าวฟ่างและข้าวสาลี เป็เมล็ดพันธ์อย่างดี ยามเก็บเกี่ยวและนำมาต้มเป็โจ๊กจะให้กลิ่นหอมไม่เหมือนกับข้าวสายพันธ์อื่น ส่วนนี่คือถั่วเหลือง ผักกาด แตงกวา กระหล่ำปลี และถั่ว"
คนตระกูลไป๋ต่างมองหน้ากันด้วยความงุนงง อยู่ๆนายอำเภอเจี่ยงก็มาพูดจาสุภาพกับบุตรสาวของเขาเช่นนี้ มันออกจะแปลกไปเสียหน่อย
ไป๋เยว่ซินเองก็คิดเช่นเดียวกับคนในบ้านวันนี้นายอำเภอเจี่ยงมาแปลก ออกจะเอาใจนางเกินไปเสียหน่อย
แต่เื่นี้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ นางรีบเรียกให้ท่านพ่อและท่านลุงใหญ่เข้ามาดูเมล็ดพืชผัก และเอ่ยถามพวกเขา
"ท่านลุงใหญ่ ท่านพ่อ เมล็ดพืชผักพวกนี้เป็ของดี เราเก็บเอาไว้เพาะปลูกเถอะเ้าค่ะ ข้าเองก็มีความคิดอยากจะปลูกผักเพื่อเอาไปขาย พวกเราปลูกเพียงข้าวอย่างเดียวคงมีเงินไม่มากนัก ควรหาอย่างอื่นทำด้วย"
ไป๋จงพยักหน้าให้บุตรสาว ด้านไป๋ชวนก็เห็นด้วยเช่นเดียวกัน เดิมทีพวกเขาก็อยากปลูกผักไปขายเช่นกันแต่จนใจด้วยเพราะไม่มีเงินไปซื้อเมล็ดพันธ์มาปลูก เมื่อได้เห็นของดีเช่นนี้ก็รู้สึกดีใจเป็ล้นพ้น
"เยว่เอ๋อร์ ลุงใหญ่ไม่เคยรู้เลยว่าเ้ามีความคิดเช่นนี้ด้วย"
ไป๋เยว่ซินยิ้มให้ไป๋ชวน ก่อนจะเอ่ยตอบ
"คนเราต้องมีความคิดที่แปลกใหม่และสร้างสรรค์ ข้าไม่มีความรู้เื่พวกนี้ แต่อยากจะให้พวกท่านได้นำมันไปต่อยอด เผื่อว่าบ้านเราจะมีเงินเพิ่มมาอีกทาง"
ไป๋จงพยักหน้า พลางเอ่ยตอบบุตรสาว"
"เช่นนั้นก็รับเอาไว้ แต่อย่างไรย่อมไม่อาจปลูกได้ทั้งหมดนี่ในเวลาเดียวกัน ผักแต่ละชนิดล้วนมีฤดูที่ต้องเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวเป็ของตน"
ไป๋เยว่ซินเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าคราหนึ่ง นางหันไปมองนายอำเภอเจี่ยงพร้อมเอ่ยกับเขาด้วยน้ำเสียงไม่เ็าและไม่ห่างเหิน
"พวกเราขอบคุณนายอำเภอเจี่ยงมาก ข้าจะเก็บเมล็ดผักเอาไว้ ส่วนของอย่างอื่นพวกท่านก็เอากลับไปเถอะ ข้าไม่้า"
เอ่ยจบนางก็หันไปเห็นสายตาของไป๋เซียงและไป๋ฟาน เดิมทีนางมองเห็นแล้วว่าสองพี่น้องหมายตาของสิ่งใดไว้ แม้แต่อาหลิงเองก็ยังมองของที่นายอำเภอเจี่ยงเอามาอย่างไม่ลดละ นางถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง พวกเขาเป็เพียงชาวบ้านธรรมดา เห็นของมีค่าแล้วจะให้ความสนใจนั่นก็ไม่ใช่เื่แปลกอันใด แต่สำหรับนางแล้ว นางมีความคิดที่ล้ำลึกยิ่งกว่านั้น
นางไม่รู้ว่าหยางซีคิดจะทำอันใด นายอำเภอเจี่ยงเป็คนของเขา นางไม่อยากรับของของพวกเขาเอาไว้ หากว่าเขาเอาเื่ในวันนี้มาทวงบุญคุณพวกนางในวันข้างหน้า ตระกูลไป๋อาจจะเดือดร้อนเอาได้
แต่นางก็อดสงสารสองพี่น้องไม่ได้จริงๆ
ด้านนายอำเภอเจี่ยงก็เริ่มลนลานเช่นเดียวกัน หากวันนี้แม่นางไป๋ไม่ยอมรับของไปทั้งหมด เขาคงไม่รอดฝ่าเท้าเ้านายเป็แน่
"แม่นางไป๋ เ้าช่วยรับไปเถอะนะ ข้าจะได้สบายใจ"
"นายอำเภอเจี่ยง ข้าไม่อยากรับของของผู้ใดส่งเดช อีกอย่างเื่ราวที่เกิดขึ้นก็ได้รับการตัดสินอย่างยุติธรรมแล้ว เอาเช่นนี้ก็แล้วกัน ข้าจะรับเครื่องประดับและผ้าแพรพรรณและตำราเอาไว้ส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลือท่านเอากลับไปเถอะ หาหท่านยังดึงดันจะบังคับให้ข้ารับของทั้งหมดอีก ข้าคงทำได้เพียงโยนของพวกนี้ออกจากบ้านข้าอย่างไม่ไยดี"
นายอำเภอเจี่ยงจนใจยิ่ง แต่ก็ยอมเลิกราแต่โดยดี อย่างน้อยแม่นางไป๋ก็รับเอาไว้ครึ่งหนึ่งแล้ว นายท่านคงไม่กล่าวว่าเขากระมัง
เมื่อตกลงกันตามนี้แล้ว นายอำเภอเจี่ยงจึงสั่งให้คนนำของเข้าไปไว้ในบ้านตระกูลไป๋ทันที บ้านของนางพื้นที่ไม่ได้กว้างนัก ของที่ขนเข้ามาจึงต้องเอาวางกองไว้ที่ลานบ้านเสียก่อน หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว นายอำเภอเจี่ยงก็ขอตัวจากไปทันที
ไป๋ฟานหันมาเอ่ยกับทุกคนด้วยน้ำเสียงที่เจือความสงสัย
"อันใดของเขากัน เหตุใดจะต้องคะยั้นคะยอให้น้องเล็กรับของเอาไว้ด้วย แปลกคนพิลึก"
ถึงแม้จะเอ่ยต่อว่าคน แต่ดวงตากลับจ้องมองตำราตรงหน้าอย่างไม่ลดละ
ไป๋เยว่ซินจัดแจงแบ่งของให้คนในบ้านครบทุกคน ส่วนตัวนางเองไม่ได้้าอันใดทั้งสิ้น
เวลาเย็นย่ำ แสงอาทิตย์อัสดงทอประกายสีส้มเป็สัญญาณบอกว่ากำลังจะล่วงเข้าสู่นิทรากาลแล้ว เหล่าชาวบ้านพากันกลับมาจากเทือกสวนไร่นาเพื่อกลับมาทำอาหารเย็นและนอนหลับพักผ่อนให้หายเหนื่อย เก็บแรงเอาไว้เพื่อสู้กับวันใหม่
ชีวิตชนบทก็เป็เช่นนี้ นานวันเข้าไป๋เยว่ซินก็รู้สึกเคยชินกับมันเสียแล้ว
ด้านหยางซีนั้น หลายวันมานี้เขากำลังยุ่งอยู่กับการตรวจดูการสร้างคลองขนส่งน้ำ อำเภอเซียงถงอยู่ติดเขตชายแดน เป็พื้นที่ลุ่มมีแม่นำล้อมเอาไว้ทั้งอำเภอ สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ใน่ฤดูฝนนั่นก็คือการเกิดน้ำท่วมใหญ่ เหล่าชาวบ้านได้รับความลำบากติดต่อกันมาหลายสิบปีแล้ว ฮ่่องเต้ิต่งเองก็้าสร้างคลองขนส่งน้ำ เพื่อช่วยให้ราษฎรมีความเป็อยู่ที่ดีขึ้น อีกทั้งยังคิดจะเปิดเส้นทางการเดินสินค้าผ่านเรือ ไปค้าขายกับแคว้นต่างๆด้วย
เื่นี้ควรให้คนที่เขาไว้ใจมาลงมือทำ และหยางซีก็เป็ตัวเลือกที่ดี
ก่อนหน้านี้ที่เจี่ยงเฉาไปส่งของให้บ้านตระกูลไป๋นั้น เป็เขาเองที่สั่งลงไป แต่ไม่คาดคิดว่าไป๋เยว่ซินกลับไม่ได้รับไปทั้งหมด
แต่ช่างเถอะ เขาเองก็ไม่คิดจะบีบคั้นนางอยู่แล้ว
"ท่านแม่ทัพ ยามนี้เป็่เวลาดีที่จะเร่งจัดการสร้างคลองขนส่งให้แล้วเสร็จ เพราะหากล่วงเข้าฤดูฝนเกรงว่าการก่อสร้างจะลำบากไม่ราบรื่นขอรับ"
หยางซีพยักหน้าเล็กน้อย การก่อสร้างครั้งนี้ไม่ได้กระทบอันใดกับเหล่าชาวบ้านเท่าใดนัก
หลายปีมานี้ ตอนที่อยู่ชายแดน เขาได้จัดการคนของหยางกั๋วกงไปไม่น้อย จากนั้นก็ใช้คนของตนแทรกเข้ามาทีละน้อยโดยที่หยางกั๋วกงไม่ทันได้พบพิรุธ
แน่นอนว่าหยางกั๋งกงย่อมต้องระแวดระวังตนเองเป็อย่างดี แต่หยางซีเองกลับไม่ได้หวาดหวั่น เขาคิดว่าอย่างไรย่อมจะต้องจัดการสืบหาความลับและเื่ชั่วที่หยางกั๋วกงเก็บซ่อนเอาไว้ได้อย่างแน่นอน
ความลับที่ทำให้ท่านแม่ต้องถูกสังหาร เขาจะต้องล่วงรู้มันให้ได้!
หลายวันก่อนท่านลุงหม่าต้วนมาพบเขา ยามนี้หม่าต้วนเป็เ้าของภัตตาคารแห่งหนึ่งในอำเภอเซียงถง เขามีความเป็อยู่ที่ด่ีมาก นับว่าเป็ความโชคดีที่คืนนั้นหยางกั๋วกงไม่ได้ล่วงรู้ว่ามีคนหนีรอดไปได้ ทำให้หม่าต้วนยังรอดชีวิตอยู่ดีมาจนถึงทุกวันนี้
หยางซีเก็บแบบการก่อสร้างคลองขนส่งเอาไว้ ก่อนจะหันไปสั่งการกับเหล่าทหาร
"ไปเกณฑ์ชาวบ้านมาช่วยทำงาน บอกพวกเขาว่าทำงานช่วยสร้างคลองขนส่งน้ำครั้งนี้มีเงินให้ และมีอาหารให้สามมื้อ ขอเพียงขยันและอดทนไม่เกี่ยงงานหนักก็สามารถมาลงชื่อได้ อย่างไรย่อมต้องเร่งมือแล้ว"
"ขอรับท่านแม่ทัพ"
หยางซีเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะะโขึ้นหลังม้าและควบม้าเดินเหยาะๆไปตามทางอย่างไม่รีบไม่ร้อน ยามเช้าอากาศที่อำเภอเซียงถงค่อนข้างดีเป็อย่างมาก ่นี้เป็่เพาะปลูกผู้คนต่างเริ่มออกมาทำนาทำสวนกันอย่างขะมักเขม้น
ในขณะที่เขากำลังมองสิ่งใดไปเรื่อยเปื่อย ดวงตาคมก็มองเห็นสตรีน้อยนางหนึ่ง กำลังเดินมาพร้อมกับครอบครัวของตน นางสะพายกระบุงเอาไว้บนหลัง นางเดินไปพลางก็ยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากตนไปพลาง
ดวงตาของชายหนุ่มพลันทอประกายวูบหนึ่ง
ิจู!
ไม่สิ ยามนี้ต้องเรียกนางว่าไป๋เยว่ซินแล้วต่างหาก
หยางซีไม่ใคร่จะคุ้นชินเท่าใดนัก แต่อย่างไรย่อมต้องพยายามปรับตนให้ชินกับชื่อและตัวตนใหม่ของนาง
ชายหนุ่มยกขาตนกระทุ้งท้องม้าให้เดินเหยาะๆตามคนตระกูลไป๋ไปช้าๆ ก่อนจะหยุดมองอยู่ในระยะห่างพอสมควร
ยามนี้ไป๋เยว่ซินกำลังช่วยคนในครอบครัวเพาะปลูกพืชผักและทำสวน ท่าทางของนางดูทุลักทุเลเล็กน้อย แต่แววตากลับมุ่งมั่น รอยยิ้มเปล่งประกายเจิดจ้า รอยยิ้มของนางงดงามนัก ยามที่นางยิ้มจะมองเห็นลักยิ้มสองข้างแก้มที่ชวนหลงใหล
ไม่รู้เพราะเหตุใดเขาจึงรู้สึกว่า ิจูที่อยู่ในร่างของไป๋เยว่ซินตอนนี้ดูสดใสและชวนมองกว่าแต่ก่อนมากนัก